เราชาวพุทธ ต้องมีเหตุและผล จงอย่าเชื่ออะไรง่าย ๆ เช่น วันล้างโลก ภัยพิบัติต่าง ๆ

ถ้าเขื่อนศรีฯแตก น้ำมาถึงกรุงเทพครับ จากการทำโมเดลของหน่วยงานทางราชการโดยกฟผ.

ลองดูครับ

 

เรื่องเกี่ยวกับแผนภาพจำลองน้ำในเขื่อนศรีฯแตก

เมื่อคืนผมนอนคุยกับแฟน แฟนผมทำงานเกี่ยวกับน้ำในเขื่อน ผมลองถามเขาว่า แผนภาพน้ำท่วมในกรณีเขื่อนศรีฯแตกนี้มันมองเห็นแค่มิติเดียว เห็นแต่ทางยาวของน้ำที่จะไหลมาถึง แต่ทางกว้างว่ามันจะกินขอบเขตว่ากว้างแค่ไหนยังไม่เคยเห็น

แฟนเขาบอกว่า ทาง จ.กาญจนบุรีมีการซ้อมมีจุดนัดพบกันว่าจุดไหนจะปลอดภัย ผมเลยถามต่อว่าแล้ว ถัดมาจากกาญจน์ล่ะ เช่นราชบุรี ประชาชนแถวนั้นรู้หรือเปล่าว่าแนวน้ำมันกินขอบเขตถึงไหน ถ้าน้ำมันมาจริง แฟนก็ตอบว่า เออ! ก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้ว่ามีซ้อมเหมือนกาญจน์หรือเปล่า..แป่วซะไม่มีเลย

 

ทุกอย่างมันเคยเกิดมาแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่รู้กี่พันกี่หมื่นปี
ซึ่งมันก็ไม่แปลก ถ้ามันจะมาเกิดอีกในยุคสมัยเรา
แต่ที่เราไม่เชื่อ เพราะประวัติศาสตร์มันไม่มีใครเขียนย้อนหลังไปถึงขนาดนั้น

เลยคิดว่าสิ่งที่ออกมาเตือนกันนั้น ไม่ควรเชื่อ มันจะเกิดได้อย่างไร มันเป็นไปได้หรือ..

ตอนนี้จริงๆแล้วจากใคร ผมไม่สนใจเท่าไหร่ ก็เตรียมตัวเตรียมความพร้อมไป
แต่ที่ติดตามอยู่คือจากพระมหาชนก..ของจริงแน่ๆ

 

แด่ว กินเยอะ ฝันเป็นตุ๊เป็นตะ อ่านข่าวพวกนี้เยอะๆ แล้วก็มาทำรีวิว

 

อย่าประมาท ลูกกลมๆอะไรๆก็เกิดขึ้นได้
ถ้ารู้ถึงสาเหตุที่แท้จริง ก็จะเชื่อเองว่า
ผลนั้นจะขึ้นหรือไม่เกิดขึ้น

 

แต่ละคนก็เข้าใจไม่เหมือนกับ รู้ไม่เท่ากัน ก็ต้องเมตตาและให้อภัยกันให้มากๆ

 

อย่าเชื่อง่ายๆ รอให้ตายก่อน ก็ได้ครับ

 

ไม่แน่นะครับ ตายไปแล้วก็อาจยังไม่นำพา ยังคิดว่าตัวเองยังไม่ตายเหมือนในหนังในละครน่ะครับ ที่ตายแล้วแต่ยังไม่รู้ตัว

 

- สันเขื่อน...มีกล้องวงจรปิดของ 2-3 หน่วยงาน..คอยดูอยู่

- หากมีเขื่อนแตก...ระดับน้ำสูงขึ้นผิดปกติ...จะมี SMS ตรงไปยัง...ผู้ว่าเมืองกาญจน์ และ กฟผ.

- ราชบุรี นครปฐม ...อยู่ปลายน้ำระดับน้ำจะไม่สูงเหมือน อ.เมืองกาญจน์...ซึ่งเป็นแอ่งกระทะ...และอยู่ติดแม่น้ำแคว


.

 

สาธุครับ

ตอนบ่ายผมให้แฟนโทรไปขอข้อมูลจากหน่วนงานเกี่ยวกับการดูแลเขื่อน เกี่ยวกับภาพจำลองความกว้างของน้ำท่วมจากลำน้ำ เห็นแฟนบอกว่าเขาทำจำลองถึงแค่เขื่อนแม่กลอง ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะได้รับหรือเปล่า ถ้าได้แล้วกะว่าจะเอามาลงไว้เป็นข้อมูลเก็บไว้ดูกัน

ถ้าเกิดเหตุจริงในตอนกลางวันพอยังมีแสงคงไม่ร้ายแรงเท่าเกิดในเวลากลางคืน ขนาดสึนามิเล็ก ๆ กว่ารัฐบาลจะประกาศเป็นทางการได้เล่นเอาสึนามิหงอไปเลย เป็นการประกาศที่งงมากที่สุดในชีวิต เพราะพอประกาศเตือนภัยสึนามิเสร็จปั้บ พี่เล่นประกาศว่าปลอดภัยตามมา ชั่วประเดี๋ยวเดียว งงกะพี่เขาจริงๆเลย...เฮ่ย เวียนเฮด

 

ผมไม่เชื่ออะไรสักอย่าง แค่เขามาอ่านเอาสนุกแค่นั้นเอง แต่ก็ได้ความรู้ด้วยว่าหากเกิดภัยพิบัติขึ้นตามคำทำนายจะต้องเตรียมตัวอย่างไร จะได้ไม่ต้องมาตายฟรีๆด้วยที่ไม่รู้จะทำอะไร "เชื่อก็โง่ไม่เชื่อก็โง่ ยังงันแล!!!"

 

เข้ามาอ่านสนุกยังได้ความรู้..นั่นถูกต้องนะครับ
แต่อย่าเข้ามาอ่านแบบซีเรียสเพราะจะได้ความเครียด
หากไม่รู้จักปล่อยวาง ^^"

 

วันล้างโลกน่ะเคยเชื่อ แต่สมัยเด็กอ่านนอตสตาดามุสเยอะ
ตอนนี้ไม่เชื่อเรื่องโลกแตก แต่เชื่อเรื่องภัยธรรมชาติ
โลกนี้เต็มไปด้วยภัยพิบัติ ไม่ว่าจากธรรมชาติเอง หรือจากมนุษย์ มีเกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัย นี่คือภัยในวัฏฏะ
เรื่องคำทำนายยอมรับว่าเชื่อเรื่องของปลาบู่ เพราะดันไปคล้ายกับครูบาอาจารย์ที่ผมเคารพท่านเคยกล่าวไว้ เชื่อเรื่องของปลาบู่ เฉพาะเรื่องเสริมเขื่อนให้แข็งแรง และเรื่อง อุโมงค์ Flood Way อยากให้รัฐบาลทำ เกษตรกรจะได้ไม่เดือดร้อนเวลาน้ำท่วม และหน้าแล้งจะได้มีน้ำไว้ใช้มากขึ้น ดีกว่าทำเขื่อนเพิ่ม เพราะเสียพื้นที่ป่า

 

ผมว่าในจำนวนคนไทยหลายสิบล้านคน ย่อยลงมาที่มีอินเตอร์เน็ตใช้ ย่อยลงมาสนใจเรื่องภัยภิบัติ ย่อยลงมาอีกที ที่เชื่อและเตรียมการ คงมีจำนวนน้อยมากๆ เพราะฉนั้นอย่ากังวลเลยครับ

 

เพราะเชื่อเรื่องกรรม ดังนั้นมนุษย์ทำอะไรกับโลกและสัตว์ไว้ ย่อมรับกรรมดุจกัน อย่าคิดว่าธรรมชาติไม่มีสิทธิ์ต่อสู้

 

ช่วงนี้ NECTEC เข้าไปปรับปรุงระบบวามปลอดภัยของเขื่อน...ครับ

รวมถึงการซื้ออุปกรณ์วัดแผ่นดินไหวใหม่...โครงการนี้เป็นโครงใหญ่และปรับปรุงทุกเขื่อนใหญ่

ดังนั้น...เรื่องการ monitor ตัวเขื่อน...ไม่ใช่ปัญหาครับ (หากเครื่องมือเกิดปัญหา...อย่างน้อยก็มีคนเฝ้าเขื่อน)

แต่เมื่อรู้ว่าสภาพเขื่อนเป็นเช่นไรแล้ว...หน่วยงานที่รับช่วงต่อ...เช่น ฝ่ายรัฐ ฝ่ายปกครอง ฝ่านบรรเทาสาธารณะภัย

จะเตือนภัยกันได้ทันหรือไม่...มีประสิทธิภาพหรือไม่...ยังเป็นปัญหา...ครับ


<object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/jZ-3l7PJ5Es?version=3&feature=player_detailpage"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/jZ-3l7PJ5Es?version=3&feature=player_detailpage" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="360"></object>


อัปโหลดโดย PrNECTEC เมื่อ 5 ส.ค. 2010

เนื่องด้วย เขื่อนรัชชประภา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มีความต้องการที่จะติดตั้งระบบเพื่อช่วยดูแลความปลอดภัยและความมั่นคงเขื่อน โดยอาศัยการวัดค่าต่างๆ ในบริเวณเขื่อน เช่น การวัดระดับน้ำใต้ดิน (Underground Water) ในหลุมวัดน้ำ (Observation Well) การวัดแรงดันของหัววัดที่ติดตั้งที่ตัวเขื่อน การวัดความเร่งของแผ่นดินไหว (Accelerometer) การคาดเดาปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำ เพื่อการเก็บกักน้ำ เป็นต้น ในปัจจุบัน กฟผ.ใช้บุคลากรทำการวัดค่าต่างๆ ด้วยมือ ซึ่งใช้เวลามาก ข้อมูลที่ได้ไม่ใช่ข้อมูล ณ เวลาเดียวกัน และเสียเวลาในการป้อนข้อมูลเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อทำการวิเคราะห์ ทำให้มีข้อจำกัดในการประเมินถึงความปลอดภัยและความมั่นคงของเขื่อน

โดยที่ หน่วยปฏิบัติการวิจัยพัฒนาระบบควบคุมและระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรม (ICA) เนคเทค มีองค์ความรู้และทำการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านการสื่อสารที่เรียกว่า SCADA : Supervisory Control And Data Acquisition ซึ่งสามารถนำไปพัฒนาเป็นระบบช่วยดูแลความปลอดภัยและความมั่นคงเขื่อนดัง กล่าว จึงได้เสนอเพื่อดำเนินโครงการนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีที่มีอยู่ และผลักดันสู่การนำไปใช้งานจริงในอุตสาหกรรม รวมทั้งเพื่อลดการนำเข้าและการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ

โดยพื้นฐานของระบบที่ พัฒนาขึ้น จะประกอบไปด้วย หน่วยวัดคุมระยะไกล (Remote Terminal Unit, RTU) ที่จะทำการรวบรวมข้อมูลจากแต่ละหัววัด (Sensor) ต่างๆ และทำการส่งข้อมูลผ่านระบบสื่อสาร ทั้งแบบมีสาย (Copper wire or Optical fiber) หรือแบบไม่มีสาย (Radio Frequency, RF) ผ่านไปยังระบบคอมพิวเตอร์ฐานข้อมูล เพื่อทำการเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมด ข้อมูลที่ได้จะนำส่งไปยังระบบวิเคราะห์ความปลอดภัยและความมั่นคงเขื่อนต่อไป รวมทั้งส่วนของการติดต่อกับผู้ใช้งานเพื่อการดูข้อมูลแบบปัจจุบัน (Real time) การทำงานรายงานสรุป เป็นต้น โดยระบบที่พัฒนาขึ้นเองนี้ นอกจากจะมีความสอดคล้องกับความต้องการแล้ว ยังสามารถดูแลรักษาและปรับปรุงระบบให้มีความเหมาะสมกับการใช้งานได้อย่างต่อ เนื่อง



.

 

ข้อมูลอ้างอิง

ระบบสื่อสารและจัดเก็บข้อมูลชุดตรวจวัดแรงดันน้ำของเขื่อน (DAM)

ความเป็นมา

ตามที่เขื่อนรัชชประภา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มีความต้องการที่จะติดตั้งระบบ เพื่อช่วยดูแลความปลอดภัยและความมั่นคงเขื่อน การดูแลความปลอดภัยและความมั่นคงเขื่อน อาศัยการวัดค่าต่างๆ ในบริเวณเขื่อน เช่นการวัดระดับน้ำใต้ดิน (Underground Water) ในหลุมวัดน้ำ (Observation Well) การวัดแรงดันของหัววัดที่ติดตั้งที่ตัวเขื่อน การวัดความเร่งของแผ่นดินไหว (Accelerometer) การคาดเดาปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำ เพื่อการเก็บกักน้ำ เป็นต้น ในปัจจุบันกฟผ.ใช้บุคคลากรทำการวัดค่าต่างๆ ด้วยมือ ซึ่งใช้เวลามาก ข้อมูลที่ได้ไม่ใช่ข้อมูล ณ เวลาเดียวกัน และเสียเวลาในการป้อนข้อมูลเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อทำการวิเคราะห์ ทำให้มีข้อจำกัดในการประเมินถึงความปลอดภัยและความมั่นคงของเขื่อน

แนวทางการแก้ปัญหา

จากปัญหาที่คณะวิจัยระบุข้างต้น ให้คณะวิจัยอธิบาย พร้อมเสนอแนวทางว่า ความรู้ด้าน Science & Technology ที่มีอยู่ หรือความรู้และผลงานที่จะได้รับจากโครงการที่เสนอขอรับทุนนี้ จะช่วยจะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างไร

ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) โดยหน่วยปฏิบัติการวิจัยพัฒนาระบบควบคุมและระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรม (ICA) ซึ่งมีองค์ความรู้และทำการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านการสื่อสารที่เรียกว่า SCADA : Supervisory Control And Data Acquisition ซึ่งสามารถนำไปพัฒนาเป็นระบบช่วยดูแลความปลอดภัยและความมั่นคงเขื่อนได้ โดยพื้นฐาน ตัวระบบฯ จะประกอบไปด้วยส่วนของ หน่วยวัดคุมระยะไกล (Remote Terminal Unit, RTU) ที่จะทำการรวบรวมข้อมูลจากแต่ละหัววัด (Sensor) ต่างๆ และทำการส่งข้อมูลผ่านระบบสื่อสาร ทั้งแบบมีสาย (Copper wire or Optical fiber) หรือแบบไม่มีสาย (Radio Frequency, RF) ผ่านไปยังระบบคอมพิวเตอร์ฐานข้อมูล เพื่อทำการเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมด ข้อมูลที่ได้จะนำส่งไปยังระบบวิเคราะห์ความปลอดภัยและความมั่นคงเขื่อนต่อไป รวมทั้งส่วนของการติดต่อกับผู้ใช้งานเพื่อการดูข้อมูลแบบปัจจุบัน (Real time) การทำงานรายงานสรุป เป็นต้น

วัตถุประสงค์ของโครงการ

- เพื่อออกแบบและพัฒนา ระบบการวัดค่า ระบบสื่อสารและการจัดเก็บข้อมูล ซึ่งจะเป็นระบบพื้นฐานสำหรับการประยุกต์ใช้กับชุดตรวจวัดอื่นๆ รอบเขื่อน หรือการติดตั้งเพิ่มเติมได้ในอนาคต รวมทั้งการนำไปประยุกต์ใช้งานกับเขื่อนอื่นๆ ต่อไป ทั้งในประเทศและกับประเทศเพื่อนบ้าน
- เพื่อติดตั้งและทดสอบระบบฯ ที่ได้ออกแบบร่วมกันกับทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิต
- เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่วัดได้ ซึ่งจะเป็นข้อมูลแบบ Real time ณ เวลาหรือคาบเวลาที่กำหนด
- เพื่อลดระยะเวลาในการตรวจวัดให้สั้นลง ทำให้สามารถเพิ่มความถี่ในการวัดและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเขื่อน ซึ่งมีความจำเป็นในกรณีที่อาจจะเกิดวิกฤตกับตัวเขื่อน ได้อย่างรวดเร็ว
- เพื่อความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนตัวแปรต่างๆ ในการตรวจวัด เช่น คาบเวลาที่สุ่มวัด การเปลี่ยนแปลงชนิดและจำนวนของตัวตรวจวัด เป็นต้น
- เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาและประยุกต์ ใช้ได้เองในประเทศ โดยหน่วยงานวิจัยภายในประเทศ ทำให้สามารถที่จะดูแลรักษาและปรับปรุงระบบให้มีความเหมาะสมได้อย่างต่อเนื่อง ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ และลดการเสียเงินตราต่างประเทศ
- หากมีการพัฒนาต่อยอดเพิ่มเติม เช่น มีการรวมระบบการวัดปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ หรือปริมาณน้ำฝน ก็จะสามารถนำมาใช้ประโยชน์กับงานด้านเกษตรกรรมได้

บทคัดย่อ

ตามที่เขื่อนรัชชประภา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มีความต้องการที่จะติดตั้งระบบ เพื่อช่วยดูแลความปลอดภัยและความมั่นคงเขื่อน การดูแลความปลอดภัยและความมั่นคงเขื่อน อาศัยการวัดค่าต่างๆ ในบริเวณเขื่อน เช่นการวัดระดับน้ำใต้ดิน (Underground Water) ในหลุมวัดน้ำ (Observation Well) การวัดแรงดันของหัววัดที่ติดตั้งที่ตัวเขื่อน การวัดความเร่งของแผ่นดินไหว (Accelerometer) การคาดเดาปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำ เพื่อการเก็บกักน้ำ เป็นต้น ในปัจจุบันกฟผ.ใช้บุคคลากรทำการวัดค่าต่างๆ ด้วยมือ ซึ่งใช้เวลามาก ข้อมูลที่ได้ไม่ใช่ข้อมูล ณ เวลาเดียวกัน และเสียเวลาในการป้อนข้อมูลเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อทำการวิเคราะห์ ทำให้มีข้อจำกัดในการประเมินถึงความปลอดภัยและความมั่นคงของเขื่อน

ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (Nectec) โดยหน่วยปฏิบัติการวิจัยพัฒนาระบบควบคุมและระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรม (ICA) ซึ่งมีองค์ความรู้และทำการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านการสื่อสารที่เรียกว่า SCADA : Supervisory Control And Data Acquisition ซึ่งสามารถนำไปพัฒนาเป็นระบบช่วยดูแลความปลอดภัยและความมั่นคงเขื่อนได้ โดยพื้นฐาน ตัวระบบฯ จะประกอบไปด้วยส่วนของ หน่วยวัดคุมระยะไกล (Remote Terminal Unit, RTU) ที่จะทำการรวบรวมข้อมูลจากแต่ละหัววัด (Sensor) ต่างๆ และทำการส่งข้อมูลผ่านระบบสื่อสาร ทั้งแบบมีสาย (Copper wire or Optical fiber) หรือแบบไม่มีสาย (Radio Frequency, RF) ผ่านไปยังระบบคอมพิวเตอร์ฐานข้อมูล เพื่อทำการเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมด ข้อมูลที่ได้จะนำส่งไปยังระบบวิเคราะห์ความปลอดภัยและความมั่นคงเขื่อนต่อไป รวมทั้งส่วนของการติดต่อกับผู้ใช้งานเพื่อการดูข้อมูลแบบปัจจุบัน (Real time) การทำงานรายงานสรุป เป็นต้น

ระยะเวลาดำเนินโครงการ : 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2551 ถึง 31 สิงหาคม พ.ศ.2553

คณะผู้วิจัย

หัวหน้าโครงการ : นายกนกเวทย์ ตั้งพิมลรัตน์
ผู้ร่วมวิจัย : นายอุดม ลิ่วลมไพศาล, นายสันติพงศ์ ครุกานันต์, นางวัลยา เหลืองนฤทัย, นายกิตติพงศ์ เอกไชย, นายเจษฎา ขัดทองงาม, นายคัมภีร์ สุขสมบูรณ์, นายอุ่นพงศ์ สุภัคชูกุล, นายประกอบ โกเมศวรากุล, นายทรงกรด ธิราชัย, นายณัฐวุฒิ กิจบุตราวัฒน์, นายปกรณ์ โล่ห์พัฒนะกิจ


http://service.nectec.or.th/project0/pgShowPrj.php?chrFlg01=1&chvCodPrj=IC5103&color=brown


.

 

ช่วงนี้ NECTEC เข้าไปปรับปรุงระบบวามปลอดภัยของเขื่อน...ครับ

รวมถึงการซื้ออุปกรณ์วัดแผ่นดินไหวใหม่...โครงการนี้เป็นโครงใหญ่และปรับปรุงทุกเขื่อนใหญ่

ดังนั้น...เรื่องการ monitor ตัวเขื่อน...ไม่ใช่ปัญหาครับ (หากเครื่องมือเกิดปัญหา...อย่างน้อยก็มีคนเฝ้าเขื่อน)

แต่เมื่อรู้ว่าสภาพเขื่อนเป็นเช่นไรแล้ว...หน่วยงานที่รับช่วงต่อ...เช่น ฝ่ายรัฐ ฝ่ายปกครอง ฝ่านบรรเทาสาธารณะภัย

จะเตือนภัยกันได้ทันหรือไม่...มีประสิทธิภาพหรือไม่...ยังเป็นปัญหา...ครับ...


เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะเจอมากับตัวเองเมื่อน้ำท่วมปีที่แล้ว
จนท.รัฐแห่งหนึ่ง รู้อยู่เต็มอกว่าแนวคันดินกั้นน้ำจะต้องพังลงในเร็ววัน เพราะว่าน้ำมีมากเหลือเกิน แต่ไม่ได้แจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นเลย อาจเป็นเพราะเขาไม่ได้มีหน้าที่ประกาศเตือนให้ชาวบ้ายเตรียมการ ผลก็คือน้ำแตกทะลักเข้าท่วมพื้นที่แบบไม่ทันตั้งตัว จมหมดทั้งรถทั้งข้าวของเครื่องใช้ จนป่านนี้เงิน 20,000 บาทยังไม่ได้เลย แต่ได้ข่าวแว่วๆว่าจะแจกกันแล้ว 7 ล้านกว่าบาทต่อ 1 หัว

 

แผนภาพที่ผมว่านั้น เขาบอกว่าไม่มีครับ เขาทำเฉพาะแผนภาพจำลองตอนปล่อยน้ำจากเขื่อนในกรณีที่เปิดสปิลเวย์เท่านั้น จากแผนภาพที่ผมดูจะเห็นว่าตอนช่วงน้ำที่ปล่อยมามากนั้น กินขอบเขตกว้างกว่าแนวลำน้ำเดิมหลายเท่าตัวทีเดียว

 

ถ้าเราตรวจสอบพิกัดจากดาวเทียมด้วยระบบGPSได้มั้ยครับ แต่ตามลักษณะทางภูมิศาสตร์มันต้องไหลตามแนวร่องน้ำก่อนหากมันมากจึงจะล้นและจะล้นออกทางด้านไหนมากกว่าเท่านั้น