ผมอยากรู้ว่าที่ท่านทั้งหมดนี้กล่าวมานั้นจริงเท็จเพียงใดเรื่องนิพพานครับ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Tan emotion, 20 มิถุนายน 2012.

  1. Tan emotion

    Tan emotion สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +2
    พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ สันติอโสก.... จิตของพระพุทธเจ้า ของพระอรหันต์ นั้นจะสูญสลายเมื่อนิพพานแล้ว ใครเข้าใจว่าจิตแม้จะถึงนิพพานแล้วก็ยังคงมีจิต ยังไม่สูญ ถือว่าเข้าใจเพี้ยน ใครเข้าพระพุทธเจ้าหลังปรินิพพานมีจิตมีวิญญาณมีอำนาจบันดลบันดาล ถือว่าไม่เป็นสัมมาทิฏฐิ.......:'(

    พระธรรมปิฎก (ป. อ. ปยุตโต) ......ในพระไตรปิฎกมีแต่ระบุลงไปว่านิพพานเป็นอนัตตา นิพพานไม่ใช่อัตตา......:'(

    หลวงปู่พุทธะอิสระ แห่งวัดอ้อน้อย นครปฐม .......นิพพานไม่ใช่เป็นบ้านเป็นเมือง นิพพานไม่มีอัตตา ไม่มีตัวตน นิพพานของพระพุทธเจ้าไม่มีตัวตน เพราะฉะนั้นคำว่ามีแก้วใสผลึกมันก็ยังเป็นอัตตามีตัวตน เป็นเพียงแค่สภาวะชั้นพรหมเท่านั้นไม่ใช่นิพพาน ........:'(

    ท่านพุทธทาสภิกขุ ..... การเชื่อว่า วิญญาญหรือจิตของพระพุทธองค์เป็นอมตะ คอยเฝ้าดูพวกเราหรือโลกอยู่มาจนบัดนี้นั้นเป็นของขบขันเหลือเกิน ความเชื่อว่าจิตหรือวิญญาณของพระพุทธองค์ยังเหลืออยู่เป็นความเชื่อที่ขวางกับหลักธรรมะและเหตุผลทั่วไปอย่างรุนแรง..... :'(
     
  2. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    3 พระ+ 1 อลัชชี ที่ว่ามาเข้าใจว่ายังไม่มีใครถึงนิพพานเลยซักคน ตราบใดที่ัยังไม่เข้าพระินิพพานด้วยตัวเอง ผมคิดว่าไม่มีใครรู้จักพระนิพพานมากไปกว่าฟังเค้าเล่าๆมา ก่อนที่จะถึงวันนั้น ผมว่าเชื่อคนที่ท่านถึงพระนิพพานแล้ว(หลวงพ่อฤาษี ฯลฯ)ไม่ดีกว่าหรือ ????
     
  3. คนชอบอ่าน

    คนชอบอ่าน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +65
    อีกหนึ่งในศิษย์สายหลวงปู่มั่น ที่น่าจะอธิบายเรื่องราวเหล่านี้ ให้คนอย่างเราได้ฟังอย่างละเอียดได้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • pic23.jpg
      pic23.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74.4 KB
      เปิดดู:
      41
  4. ใส้เดือน

    ใส้เดือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +2,085
    จะอธิบายไปใย
    ไม่ลองอธิบาย ความเผ็ดของพริกดูก่อน
    ตนเองเท่านั้นที่รู้ว่า พริกเผ็ดเป็นเช่นไร
    นิพพานก็เป็นเช่นนั้นแลฯ
     
  5. Inwpower

    Inwpower เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +105
    แล้วคุณไปรู้ได้ไงอ่ะฮะ ว่าคนไหนนิพพานหรือยัง
     
  6. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    กระทู้เรื่องนี้ คุณ Websnow เจ้าของเวปพลังจิต
    ได้เคยตั้งเอาไว้นานแล้วครับ..เดี๋ยวผมจะขุดขึ้นมาให้นะครับ

    "พระนิพพาน-จากคำครูอาจารย์"

    http://palungjit.org/threads/พระนิพพาน-จากคำครูอาจารย์.12108/

    .....................................................
     
  7. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    หลักแห่งไตรลักษณ์ เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงสรรพสิ่งในโลก ต้องเป็นดังนี้
    1.ไม่เที่ยงแท้แน่นอน
    2.มีสภาพที่ต้องทนทุกข์
    3.ไม่มีสภาพที่ถาวร ยั่งยืน ตลอดไป ต้องเสื่อมสลายในที่สุด

    แล้วเรื่องนิพพาน เป็นเรื่องที่พ้นไปจากสภาวะเหล่านี้ ท่านเอามาเปรียบว่า
    เป็นอัตตา หรือ อนัตตา .......ไม่น่าจะใช่
     
  8. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    ผมได้อ่านและศึกษามาพอสมควร เรื่องนี้มีโต้แย้งกันมานานแล้ว สุดท้าย อยากให้พิจารณาให้ดีว่า " นิพพานัง สูญญัง' และ"นิพพานัง ปรมังสุขขัง"
    เหมือนหรือต่างกันอย่างไร แต่ทั้ง2ข้อความต่างก็อธิบายลักษณะของการนิพพาน พระพุทธวัจจนะ มีมากมาย พระพุทธองค์เป็นผู้แตกฉาน สามารถอธิบายเรื่องๆหนึ่งได้ หลากหลายแง่มุม การศึกษาและปฏิบัติธรรมนั้น ผู้มีปัญญาไม่พึงด่วนสรุปหรือตีความ ก็ด้วยธรรมของพระพุทธองค์ มีความละเอียดอ่อนลึกซึ่งมากนัก
    ผู้มีปัญญาควรหมั่นศึกษาและปฏิบัติธรรมโดยมีความเพียร วันหนึ่งเมื่อเราทำความเข้าใจในสภาวะแห่งจิต หรือธรรมชาติแห่งจิตได้โดยแท้จริง คำว่านิพพานคำตอบอาจไม่ยากเกินที่คิด แต่การไปถึงนิพานอาจเป็นเรื่องไม่ง่าย ขอท่านทั้งหลายโปรดพิจารณาอย่างแยบคายด้วยครับ
     
  9. Tan emotion

    Tan emotion สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +2
    คือว่าที่ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อ อยากจะถามทุกท่านว่าจริงหรือไม่ครับที่พระท่านกล่าวไว้เช่นนี้ เพราะทุกวันนี้ผมเชื่อมากว่า ผู้ที่เข้าสู่นิพพานแล้วจะไม่มีตัวตนอีก จะไม่รับรู้อีก จะไม่รู้จักใครอีก ผมกลัวมากครับ ท่านจะว่าผมว่าวิตกจริตก็ไม่เป็นไรครับ เพราะผมเป็นคนคิดมากสุดๆ ดังนั้นจึงตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อจะถามผู้รู้จริงว่า เมื่อเราเข้าสู้นิพพานแล้วเราจะไม่มีตัวตนแล้ว ไม่รับรู้อะไรแล้ว ไม่สุขไม่ทุกข์แล้ว ไม่อยากอะไรอีกแล้ว ใช่หรือไม่ครับ
    ขอถามอย่างนี้คงไม่ว่ากันนะครับ เพราะทุกวันนี้กลัวมากตื่นมาก็คิด ไปไหนก็คิด ไม่มีอารมณ์ทำอะไรในชีวิตประจำวันเลย
     
  10. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    นิพพาน คือ ความดับไม่เหลือของกิเลส .....
    กิเลสมันดับไปจากจิตของสัตว์ สภาวะแห่งนิพพานจึงเกิดมีขึ้นที่จิตใจของสัตว์
    ยังไม่เห็นก็กลัวซะแล้ว...จะไหวเรอะ.
     
  11. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    เมื่อ มี ความ ดับ ของ กิเลส

    กรรม ยัง จะ มี อยู่ หรือ ดับ ไป ด้วย
     
  12. จันทร์เจ้า

    จันทร์เจ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +1,948
    ผมขอแสดงความคิดเห็นว่า เราไม่ควรสนใจความหมายของคำให้มากนัก
    ว่าใครจะนิยามไว้ถูกผิดหรือไม่อย่างไร แค่รู้เอาไว้ใช้สื่อสารพอเข้าใจได้ก็พอ
    สิ่งที่ควรถูกให้ความสำคัญมากกว่าคือ การที่ตัวของเรานั้นถึงระดับที่สามารถ
    หลุดพ้นจากความทุกข์ได้แล้วหรือยัง ถ้ายัง ก็ให้สำรวจตัวเองว่ายังมีสิ่งใด
    ทำให้ทุกข์อยู่ได้อีก หากพิจารณาเองแล้วไม่รู้ ก็ให้ลองพิจารณาตามหลักธรรม
    ที่พระพุทธเจ้าท่านสอนดู ให้ใช้ใจสัมผัสพิจารณาดูว่าอะไรดีหรือไม่ดี ความกลัว
    ก็เป็นหนึ่งในสัญญาณที่บอกว่า คุณกำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่ ให้ค้นหาสิ่งที่ทำให้
    ตัวเราไม่ทุกข์และไม่กลัวให้เจอ ขอให้โชคดี
     
  13. ทะเลลึก

    ทะเลลึก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +80
    ไม่มีมนุษย์ผู้ใดอธิบายภาวะนิพพานได้อย่างหมดจดหรอก ทำได้อย่างมากก็เพียง บอกวิธีการที่จะเข้าถึง ตามที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้

    มันเป็นของรู้ได้เฉพาะตัว บอกใครไม่ได้ เพราะไม่รู้จะบอกยังไงดี
     
  14. WELL COME

    WELL COME สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +1
    เธอหยุด จบ ดับ ในการกระทำใดได้
    เธอ หยุด จบ ดับ ในกรรมใดได้แล้ว
    เธอก็นิพพานในการกระทำนั้น เธอ
    ก็นิพพานในกรรมนั้น.

    นิพพาน สิ่งนั้นมีอยู่ แต่สิ่งนั้นไม่มีอะไร.
    มีสภาพเป็นได้ทั้ง อัตตา และ อนัตตา
    เป็นอัตตา ได้ยังไง ก็ อนัตตานั้น ไม่มีที่สุด
    ไม่มีประมาณ มีอยู่ แต่ ไม่มีอะไรเลย นั่น
    ก็เรียกได้ว่า อนัตตา หรือ อัตตา ที่ใหญ่มาก
    ก็ได้นิ่.

    แต่ส่วนมากจะไม่ให้คำจำกัดความอธิบายไว้
    เพราะว่า มันไม่มีภาษาใดในโลก ให้ความหมาย
    หรืออธิบายได้ถูกต้อง ตรงเป๊ะๆ เพราะมันเลย
    มันพ้นไปจาก ซึ่งสภาวะที่จะอธิบายได้ ด้วยถ้อยคำใดๆ
    งงไหม.
     
  15. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ผม เห็น มี บอก ไว้ อยู่

    เช่น ภาวะ ใจ ที่ ว่างๆ นิ่งๆ ไม่ หวั่น ไหว กับ สิ่ง ที่ ปรากฎ ใด ๆ

    กิริยา แสดง โกรธ แต่ ใจ ยัง ปกติ นิ่ง เหมือน เดิม

    ไม่ สั่น สะ ท้าน ไม่ ตื่น ผิด จังหวะ ไม่ มี การ ควบคุม

    ให้ นิ่ง ไม่ เกิด อะไร ขึ้น ให้ ผิด ปกติ ใน ใจ

    และ ไม่ ต้อง ระลึก ให้ ปล่อย วาง อะไร .... เพราะ มัน นิ่ง สงบ ของ มัน เอง

    เคย เห็น มี บอก ไว้ อย่าง นี้ อ่าน ผ่าน มา นาน มา แล้ว

    จึง ไร้ การ อ้าง อิง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2012
  16. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479
    อย่ากังวลครับ เมื่อคุณอยู่เชิงเขา มันจะเห็นไม่เหมือนคนบนยอดเขา ไม่มีตัวตน ไม่รับรู้อะไร นี่ผิดครับ ไม่ต้องกลัวเพราะคุณยังไม่ถึง ไม่ต้องเที่ยวค้นหาคำตอบว่าเกิดมาทำไม เพราะถ้าคำตอบที่คุณทราบคือ สัตว์โลกทุกตัวตนต้องเข้านิพพานหมดไม่ช้า ก็เร็ว ถ้าไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป อยู่ที่นี่ อยู่ผจญกับความทุกข์ในการเวียนว่ายตายเกิดต่อไป ถ้าคิดว่าปิดอบายได้ วนอยู่แค่มนุษย์ เทวดา พรหม ถ้าแน่ใจแบบนั้น ก็แล้วแต่ชอบ โอกาสที่จะได้เกิดมาช่วงเวลาแบบนี้ขอยกตัวเลขว่า 1 ในพันล้านเท่านั้น ขนาดยุคพระศรีอาริยเมตตไตรย ยังตั้ง แปดหมื่นปีกว่าจะตาย ยุคนี้เป็นยุคทอง ธรรมะที่หลวงพ่อท่านสังคายนามาอีกรอบ ชัดเจนให้คนเข้านิพพานได้เหมือนยุคสมเด็จฯ ท่านตรัสรู้ แถมอายุคนก็สั้นกว่ายุคพุทธองค์อีก กินอยู่ไม่ดี ไม่เกินหกเจ็ดสิบก็ม่องแล้ว เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก เทียบเวลาบนพรหมโลกนับเป็นเสี้ยววินาที คนจะเข้านิพพานเขาเห็นทุกข์ในการเวียนว่ายตายเกิด มีปัญญาจึงหาทางออกมีให้ไปแปดทาง พระโสดาปฏิมรรค พระโสดาปฏิผล... จนถึงพระอรหันตผล ธรรมะ ที่สมเด็จฯท่านทรงสอน ชี้ทางให้ไปได้ในที่ทุกสถาน ตั้งแต่นิพพาน ยันโลกันตนรก เลือกได้ครับ ยังไม่อยากละ ก็ไม่ต้อง ทำตามสบาย ตามกำลังของตนเอง อย่าเครียดจะพาลด่าครูพาลงนรกเปล่าๆ หลวงพ่อท่านเคยสอนไว้ว่า "ถ้าบารมีเป็นบารมีต้น ถ้าให้ทำทาน แกทำ แกรับไหว พอจะให้เจริญสมาธิ ให้รักษาศีล แกก็บ่นเหนื่อย บ่นเมื่อย ไม่ยอมเอา พอบารมีเป็นอุปบารมี ทาน กับ ศีล แกรับไหว แต่พอให้เจริญสมาธิ วิปัสสนา ก็ได้ไม่นาน เหลวไม่เป็นเรื่อง แต่พวกปรมัตถบารมีนี่ แกเอาหมด ทานก็ทำ ศีลรักษา ภาวนาก็เจริญ เอาจริงเอาจัง จะไปนิพพานท่าเดียว ไม่ต้องไปชักไปชวนแกๆ ทำของแกเอง" โชคดีครับ
     
  17. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    เนาะ เนาะ คุณ พูน พูดเห็นภาพเลย

    นี่ขนาดเรา อายุเฉลี่ยตอนนี้ 80 ปี ให้ ลงมือปฏิบัติธรรมเต็มที่ 3 เดือน ก็
    กระปอดกระแปด หากไปเกิดในสมัยพระสรีอารย์ โอยยยยยยย ให้ปฏิบัตธรรม
    เนี่ยะเบื้อต้นเนี่ยะ ต้อง 3000 เดือน เลยหน่า ลาภเลือด !!

    แล้ว หากสำเร็จ เอ้า โชคดีปฏิบัติแค่ 7วัน 7เดือน 7ปี หรือเท่ากับ

    7000วัน 7000เดือน 7000ปี แล้ว โชคดีสำเร็จเร็ว เก่งมั๊กๆ แต่
    ทว่า เอ้ากว่าจะถูกหวย(สิ้นบุญวาสนาที่ทำให้ได้อายุมาอันเกิดจากคุณของศีล
    ที่ไม่ฆ่าตัดรอนชีวิตใคร) ต้องนั่นแหง่ว อีกตั้ง 73000 ปี โอยยยยยย....
    ( แต่หากบรรลุจริง ไม่ได้ โอยยยนะ ใส่ให้ตื่นเต้นไปอย่างนั้น )

    ดังนั้น หากมีปฏิภาณเนี่ยะ มีไหวพริบเต็มเปี่ยม อันชื่อว่า มีบารมีสุดยอดเนี่ยะ

    คนๆนั้น เขาควรจะคิดอย่างไร สำเร็จในสมัยอายุเฉลี่ย 80 ปี หรือว่า จะเอา
    แบบอายุเฉลี่ย 80000 ปี คนฉลาดเขาจะเห็นอย่างไร

    ก็ว่ากันไปเนาะ

    ***************

    ปล. ใครจะไปรู้ ที่พระศรีฯ ที่เขาลือกัน ที่ยังไปออกมาให้พบเนี่ยะ ก็เพื่อให้
    พวกคุณๆทั้งหลาย ไม่คลาดจากประโยชน์ที่จะได้อย่างรวดเร็วภายในอายุเฉลี่ย 80 ปีนี้ๆ
    ก็ได้

    *****************

    ปล.x 2

    การพนัน นี่ผิดศีล5 นะคร้าบ แล้ว เกิดดำริว่า "ขอแทงหวยรวยธรรมในสมัยพระศรีอารย์นู้นนนน.."

    เห้ย!! การพนัน นะนั่น แค่นี้ ศีล5 ที่บอกว่าให้สมาทาน ก็พาแห้ว แล้วหละ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...