บันทึกปรากฏการณ์พิเศษตลอดการปฎิบัติธรรมมา๔๐ปี !!

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย ปาริสัชชา, 14 มิถุนายน 2012.

  1. ปาริสัชชา

    ปาริสัชชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +2,691
    เทพคงดลใจช่วยให้ไปถึงวัด

    เป็นครั้งแรกของผมที่ต้องขึ้นรถเมล์(บ.ข.ส.)ไปต่างจังหวัด ซึ่งจากพัทยาไปจ.อุทัยธานี สมัยนั้นไกลมาก ต้องนั่งรถเมล์จากพัทยามาลงหมอชิต แล้วต่อรถเมล์จากหมอชิตเพื่อขึ้นสายเหนือ

    แต่ที่แปลกมากก็คือ เมื่อผมมีความสงสัยว่าจะไปวัดท่าซุงอย่างไร? ต้องลงรถที่ไหน? ก็จะได้ยินเสียงคนคุยกันทางด้านเบาะท้ายๆ ในเรื่องที่ผมสงสัยให้ได้ยินตลอดทาง ซึ่งนับว่าแปลกมากครับ
     
  2. ปาริสัชชา

    ปาริสัชชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +2,691
    พบหลวงตา ๒ รูปมายืนรอ

    ขึ้นจากแพขนานยนต์แล้วก็มาต่อรถสองแถว ขณะนั่งรถสองแถวผ่านกำแพงวัดท่าซุงรู้สึกว่าวัดใหญ่มากกว่าที่คิดเยอะมาก ตลอด ๒ ข้างทางมีแต่กำแพงวัด คำถามจึงผุดขึ้นในหัวอีกว่า "แล้วเราจะลงตรงไหน?"

    ทันใดก็เห็นพระสงฆ์อาวุโส ๒ รูปยืนคอยใครอยู่ ผมจึงลงตรงที่ท่านหลวงตาทั้ง ๒ ยืน ผมประนมไหว้ท่านแต่ยังไม่ทันจะถามอะไร ท่านก็พูดขึ้นพร้อมกับชี้มือว่า "มาฝึกมโนมยิทธิให้ไปติดต่อเพื่อขอห้องพักกับหลวงพี่วิรัชห้องโน้นนะ ... อาบน้ำแล้วไปที่ตึก

    (จำชื่อตึกไม่ได้ซะแล้ว)ก่อน ๖ โมงเย็นเพื่อเตรียมตัวฝึกนะ"
    ตอนนั้น เกือบ ๕ โมงเย็นแล้ว ผมกับเพื่อนก็ต้องรีบ (ออกจากบ้านตีห้า มาถึงวัดเกือบห้าโมงเย็น) หลังจากหลวงตาทั้งสองแนะนำเราจบ

    ท่านทั้งสองก็เดินกลับเข้ามาเช่นกัน (รู้สึกแปลกใจเหมือนกันว่า ที่แท้แล้วท่านมารอเรา!!)
     
  3. ปาริสัชชา

    ปาริสัชชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +2,691
    หลวงตา ๒ ท่านนี้เป็นครูสอนเอง

    เราไปถึงที่ตึกกรรมฐานทันเวลาก่อน ๖ โมงเย็นพอดี ซึ่งมีฆราวาสและพระสงฆ์ร่วมร้อยเศษๆที่มานั่งรอฝึกมโนมยิทธิในที่นี้ด้วย และขณะนั่งรอสวดมนต์ผมเหลือบไปเห็นท่านหลวงตา ๒ ท่านนี้ด้วย

    ซึ่งท่านนั่งอยู่เป็นองค์ต้นๆในกลุ่มครูฝึกร่วมร้อยเช่นกัน บรรยากาศอบอุ่นศรัทธาอย่างนี้ผมเพิ่งจะประสบเป็นครั้งแรกในชีวิต เมื่อถึงเวลาพระสงฆ์ก็เริ่มสวดมนต์เย็นจากนั้นก็เปิดเทปเสียงหลวงพ่อฤาษีเพื่อนำสมาทานศีล

    สมาทานพระกรรมฐาน และคำสอนก่อนฝึกอันมีใจความว่าท่านให้นั่งภาวนาว่า "นะมะ-พะทะ" ไปเรื่อยๆจนกว่าครูจะเข้าไปแนะการวางอารมณ์ใจ

    เมื่อผมนั่งภาวนาไปครู่หนึ่ง ก็มีพระท่านนำเอาคทาที่ด้านปลายเป็นลูกแก้วมาแตะบนศีรษะ ทำให้รู้สึกว่าจิตเบาเป็นพิเศษและคล้ายมีแสงสว่างปรากฎอยู่เบื้องหน้า ก็เป็นเวลาที่ครูฝึกท่านเข้ามานั่งด้านหน้าผมพอดี

    ซึ่งครูท่านนั้นก็คือ ท่านหลวงตาเกษม ซึ่งเป็นองค์ที่มายืนรอผมหน้าวัดท่าซุงพอดี (ส่วนครูฝึกของเพื่อนผม ก็เป็นหลวงตาอีกรูปหนึ่งที่ยืนคอยเราที่หน้าวัดด้วยเช่นกัน)
     
  4. ปาริสัชชา

    ปาริสัชชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +2,691
    ฝึกครั้งแรกไปแค่พระจุฬามณี

    ในการฝึกมโนมยิทธินี้ ขั้นตอนในการฝึกผมคงไม่อธิบายมากนะครับ เพราะหลายๆท่านคงมีประสบการณ์แล้ว ครั้งแรกนี้ผมค่อนข้างกระท่อนกระแท่น เพราะยังไม่เข้าใจว่าการใช้จิตแรกในการสัมผัสเป็นอย่างไร

    คือเข้าใจว่าจะเห็นด้วยตาเนื้อ เลยต้องทุลักทุเลอยู่นาน จึงไปได้แค่ประตูพระจุฬามณี จากนั้นท่านหลวงตาจึงสั่งให้ผมหยุดพักได้ คงเห็นผมเหนื่อยมาจากการเดินทางด้วยกระมัง คืนนั้นพอกลับไปห้องพัก

    ผมก็สอบถามเพื่อนผมที่หลวงตาอีกท่านหนึ่งเป็นผู้สอน ก็ไปได้แค่ประตูพระจุฬามณีเช่นกัน ก็เลยเป็นอันว่าเจ๊ากันไป
     
  5. ปาริสัชชา

    ปาริสัชชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +2,691
    หลวงตาเกษมท่านช่วยมาแก้ราคะจริตให้ผมในฝัน

    ก่อนนอนก็มีเสียงตามสายของหลวงพ่อฤาษี ดังให้เราได้ยินเป็นกำลังใจ กระทั่งคืนนั้นผมพยายามนอนทรงอารมณ์สบายหลับไป เพื่อสู้ต่อไปในวันรุ่งขึ้น

    ตกดึกผมฝันไปว่า ผมกำลังหยิบเสื้อกันหนาวมาใส่ (เป็นเสื้อกันหนาวที่ผมเอาติดไปด้วย เพราะเป็นฤดูหนาว) ก็เห็นจิ้งจกเน่าตัวหนึ่ง เน่าตายอยู่ในเสื้อกันหนาว ทำให้ผมตกใจขนลุก รู้สึกแขยงมาก

    ก็ปรากฎเห็นหลวงตาเกษม ผู้สอนมโนมยิทธิให้กับผมเมื่อตอนหัวค่ำ ปรากฎกายขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบจิ้งจกเน่าตัวนั้นขึ้นมาวางบนแขนของท่าน แล้วถามผมว่า "ดูซิ..อะไรมันเน่ากว่ากัน?"

    สิ่งนี้เป็นการจี้จุดติดขัดให้กับผมที่มีราคะจริตทันที นึกตอบในใจได้ว่า "ที่แท้ร่างกายคนก็เน่ามากกว่าจิ้งจกนี่เอง" ผมคิดได้พร้อมกับตื่นขึ้นอย่างดีใจที่ท่านหลวงตามาโปรด

    เช้าวันนั้นผมตื่นขึ้นด้วยจิตใจเอิบอิ่ม เชื่อมั่นในคุณพระรัตนตรัย และบารมีขององค์หลวงพ่อฤาษีฯและคณะครูผู้สอนทุกท่านว่า "ครูทุกท่านในที่นี้เป็นผู้ที่เราจะฝากเป็นฝากตายกับท่านได้แน่"

    ผมลุกขึ้นสวดมนต์แล้วออกมาลุยกวาดพื้นวัดที่มีอึสุนัขเกลื่อนไปหมด โดยรู้สึกว่า "อึสุนัขก็ยังสกปรกน้อยกว่าตัวเรานี้เอง"
     
  6. ปาริสัชชา

    ปาริสัชชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +2,691
    ฝึกครั้งที่สองไปถึงพระนิพพาน

    ขณะกวาดพื้นวัดอยู่ หลวงตาเกษมท่านกลับจากบิณฑบาตรและท่านเดินผ่านเข้ามาแล้วบอกผมว่า "วันนี้เธอไปมองดูพระวิสุทธิเทพแล้วจำให้ติดตานะ ช่วงบ่ายโมงครึ่งจะมีการฝึกอีก" ผมก็ทำตามท่านแนะนำ

    คือ ไปที่มณฑปพระวิสุทธิเทพแล้วก็ขอบารมีพระพุทธองค์ท่าน จากนั้นก็นั่งมองภาพแล้วก็จำให้เป็นภาพติดตาจนกระทั่งใกล้ถึงเวลา ผมก็ไปที่ตึกฝึกกรรมฐานเพื่อฝึกในช่วงบ่าย

    ผลคือ คราวนี้จิตมีความแจ่มใสมากขึ้นแตกต่างจากครั้งแรกที่เห็นมัวๆ แต่คราวนี้จิตเห็นชัดขึ้น และไปถึงพระนิพพานอันมีสภาวะโปร่งเบาสบาย ผมได้นั่งและนอนในวิมาณอย่างสบายใจมาก
     
  7. ปาริสัชชา

    ปาริสัชชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +2,691
    ครั้งต่อมาฝึกแบบใช้กระดาษปิดหน้า

    หลังจากฝึกครั้งที่สองไปพระนิพพานได้แล้ว ครั้งต่อๆไปนี้ท่านก็ให้ฝึกเอง (ไม่มีครูนำแล้ว) โดยจะใช้กระดาษปิดหน้าทรงสามเหลี่ยมที่ด้านในเขียนอักษรห้าคำคือ "นะโมพุทธายะ" อันเป็นพระนามของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าห้าพระองค์

    นำกระดาษนี้มาปิดหน้า ขณะบริกรรม "นะมะ-พะทะ" ไปได้ครู่เดียวก็รู้สึกว่า กระดาษที่ปิดหน้านี้หายไป มีแสงสว่างผ่านเข้ามาสว่างจ้าไปหมด รู้สึกว่าไปไหนได้คล่องตัวขึ้น และการเห็นก็ชัดมากขึ้นไปตามลำดับ
     
  8. ปาริสัชชา

    ปาริสัชชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +2,691
    ฝึกญาณแปดในวันที่เจ็ด และกราบสมเด็จองค์ปฐม

    ตลอดทุกๆวันก็ฝึกแบบใช้กระดาษปิดหน้ามาตลอดทุกครั้ง วันนี้เป็นวันที่เจ็ดของการมาอยู่วัดท่าซุงแล้ว มีโอกาสฝึกได้อีกเพียง ๒ ครั้ง คือรอบบ่ายโมงแล้วก็ตอนเย็น ซึ่งบ่ายวันนี้มีความพิเศษกว่าทุกทีก็คือ

    หลังจากฝึกในรอบบ่ายตามปรกติแล้ว ก็มีหลวงพี่ท่านหนึ่ง (จำไม่ได้ว่าเป็น หลวงพี่เล็ก หรือ หลวงพี่สมปอง) ท่านมาชวนว่า ใครอยากฝึกญาณแปดก็ให้ตามท่านไป ซึ่งก็ปรากฎว่ามีผู้สนใจฝึกญาณแปด

    ประมาณสัก ๕๐ คนเห็นจะได้ ซึ่งผมและเพื่อนก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ซึ่งการฝึกญาณแปดนี้ ก็ทำตามแบบปรกติอย่างที่เคยทำ แต่หลวงพี่ท่านพาทัวร์ตั้งแต่ นรกอเวจี ไล่ไปเรื่อยๆ ซึ่งผมก็เห็นตัวเองเคยตกนรกขุมนี้เช่นกัน

    จากนั้นก็ไล่ดูนรกทุกขุม ดูสวรรค์ตั้งแต่จาตุมฯขึ้นไปถึงปรนิมฯ จากนั้นก็ไปพรหมโลกทุกชั้น แวะไปดูวิมาณของท่านท้าวสหัมบดีพรหม ซึ่งพอไปดูวิมาณท่านก็รู้สึกปราณีตมาก จากนั้นก็ขึ้นไปพระนิพพาน

    กราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน และไปกราบสมเด็จองค์ปฐม (ผมเพิ่งจะรู้จักครั้งแรก) สิ่งที่แปลกมากก็คือ เมื่อถึงวิมาณสมเด็จองค์ปฐมแล้ว แสงสว่างเจิดจ้ามากจนผมต้องผงะเล็กน้อย

    (ซึ่งตรงจุดนี้เพื่อนผมก็เป็นเหมือนกัน) วันนี้ฝึกยังไม่ครบเพราะหลวงพี่ท่านบอกพอแค่นี้ก่อนซึ่งก็ยังขาด อตีตังสญาณ อนาคตังสญาณ เจโตปริยญาณ ฯลฯ แต่ถือว่าหลวงพี่ท่านฝึกแถมให้เราก็พอใจกัน
     
  9. ปาริสัชชา

    ปาริสัชชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +2,691
    หลวงตาท่านทราบวาระจิต

    ตอนเย็นวันนี้เป็นการฝึกครั้งสุดท้าย เพราะครบเจ็ดวันแล้ว แต่ผมยังเสียดายเมื่อตอนบ่ายที่ท่านหลวงพี่มาสอนเรื่องญาณแปดแต่ยังไม่ครบ เย็นวันนี้ผมฝึกตามปรกติก็คือ ขึ้นไปพักที่พระนิพพานแล้วก็ถอยกลับลงมา

    ดูเหมือนจะเป็นเรื่องแปลกอยู่สักหน่อยคือว่า แทบทุกครั้งจะลงมาก่อนหมดเวลานิดหนึ่งพอดี ซึ่งจังหวะเวลานี้เองผมก็อธิษฐาน ต่อองค์หลวงตาเกษมว่า "วันนี้เป็นครั้งสุดท้ายของการฝึกแล้ว กระผมอยากกราบขอโอกาส

    ท่านหลวงตาช่วยสงเคราะห์สอนกระผมต่อเป็นกรณีพิเศษด้วยเถิด เพราะกระผมอยากศึกษามากครับ"


    หลังจากนั้นสิ่งที่อัศจรรย์ก็ปรากฎขึ้นคือว่า ท่านหลวงตามายืนดักผมทางประตูแล้วเรียกให้เดินตามไปที่กุฎิท่าน
     
  10. ปาริสัชชา

    ปาริสัชชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +2,691
    หลวงตาสอนญาณแปดให้ และเปิดให้ผมเห็นกระแสจิตท่าน

    ผมและเพื่อนดีใจมากรีบเดินตามท่านไปที่กุฎิ (เห็นชื่อบนหลังคากุฎิว่า "สร้างถวายโดย คุณเกษม..." ก็เลยคิดว่าเป็นชื่อท่าน) พอไปถึงท่านก็ให้ช่วยประเคนของในตู้เย็น แล้วท่านก็เข้าที่นั่งบนตั่งไม้ ส่วนผมกับเพื่อนก็นั่งกับพื้น

    ท่านมองหน้าผมแล้วถามว่า "สงสัยอะไรอีกหรือ" ผมกราบเรียนท่านไปว่า "กระผมอยากฝึกญาณแปดครับ" พอสิ้นคำผม หลวงตาเหมือนทราบอยู่แล้วท่านก็บอกว่า "เอ้า..ตั้งภาพพระ" พวกเราก็ตั้งภาพพระตามที่ทำมา

    จากนั้นท่านก็สอนการใช้ญาณต่างๆ ถอยหลัง-เดินหน้า ก็ว่ากันไปตามเรื่อง จนกระทั่งมาถึงญาณอันหนึ่งคือ "เจโตปริยญาณ" ท่านให้เราดูกระแสจิตตัวเอง และแลกดูจิตกัน จากนั้นจิตแว่บหนึ่งของผม(ที่ซุกซน)มันดันสงสัย

    อยากเห็นกระแสจิตท่านหลวงตา หลวงตาท่านก็ทราบความคิดของผมนั้นทันทีแล้วท่านก็พูดขึ้นว่า "เอ้า...ปรกติเธอจะมองไม่เห็นกระแสจิตอาตมาได้นะ และอาตมาก็ไม่เคยเปิดให้ใครเห็น...วันนี้อาตมาจะเปิดให้เธอเห็นนะ"

    พวกเราก็กำหนดดูเพียงแว็บเดียว ก็เห็นคล้ายแก้วประกายพฤกษ์สวยเต็มเกือบทั้งดวง เหลือเพียงจุดนิดเดียวเท่าปลายเข็มที่ยังเป็นแก้วธรรมดาไม่มีประกาย ผมและเพื่อนก็รายงานท่านไปตามที่เห็นนั้น ซึ่งตรงกัน ท่านก็พยักหน้าน้อยๆ

    แล้วพูดสำทับว่า "พวกเธอจะต้องพยายามรักษาจิตให้เป็นแก้วใสมีประกายทั้งดวงให้ได้ในชาตินี้นะ" ผมกับเพื่อนจึงก้มลงกราบท่านด้วยความเลื่อมใสอย่างสุดซึ้ง และการสอนญาณแปดทั้งหลายของท่านหลวงตาก็มาสรุปลงตรงนี้
     
  11. ปาริสัชชา

    ปาริสัชชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +2,691
    หลวงพ่อฤาษีท่านดักใจผ่านเสียงตามสาย

    จบเรื่องของท่านหลวงตาเกษมแล้ว ก็มาเริ่มกล่าวถึงองค์หลวงพ่อฤาษีนะครับ


    ผมพยายามรักษาใจและทรงอารมณ์กรรมฐานไว้เสมอขณะอยู่วัด แต่ก็เป็นธรรมดาของปุถุชนคนหนุ่มก็ย่อมมีพลั้งเผลอ ซึ่งวันไหนวางกำลังใจไม่ดี ตกกลางคืนหลวงพ่อท่านจะพูดผ่านเสียงตามสาย

    ร่ายปราบกิเลสชั่วในใจผมให้สะดุ้งทุกครั้ง จึงต้องระวังสำรวมกาย วาจา ใจมากคล้ายๆกับอยู่ต่อหน้าท่านเลย
     
  12. ปาริสัชชา

    ปาริสัชชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +2,691
    พบเปรตมาร้องขอส่วนบุญหน้าห้องพัก

    ขอกระโดดมาเรื่องเปรตนิดนึงนะครับ (อ่านแล้วอย่ากลัวหรือกำลังใจตกนะครับ...ท่านใดจริตไม่ชอบก็ข้ามไปนะครับ)

    เรื่องนี้เกิดขึ้นช่วงคืนที่ ๒ หรือ ๓ คือตอนนั้นผมและเพื่อนก็รักษาอารมณ์ใจเป็นปรกติ แต่คืนนี้เราได้ยินคล้ายเสียงสุนัขร้อง แต่ร้องแปลกๆคือ "คล้ายๆสุนัขเป็นหืด" ซึ่งครั้งแรกผมก็ลุกไปเปิดประตูดู ก็เห็นสุนัขสีดำเมื่อมตัวหนึ่ง

    นอนอยู่ ผมก็ไม่สงสัยอะไร เดินกลับมาบอกเพื่อนว่าเป็นสุนัข แต่คงจะไม่สบายจึงร้องเสียงแบบนั้น อีกครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงร้องหนักกว่าเดิม และเสียงแปลกกว่าเดิม จึงกำหนดจิตดู ตอนนั้นภาพที่ปรากฎในจิตผมเห็นเป็นเปรตตนหนึ่ง

    อยู่แทนที่สุนัข จึงแผ่บุญกุศลที่ได้มาบำเพ็ญกรรมฐานนี้ออกไป (ใช้จิตแผ่แบบเร็วๆ) ปรากฏว่าเสียงก็เงียบลงในทันที



    อ้อ...อีกเรื่องก็คือ สุนัขจะหอนทั้งวัดทุกครั้งเวลาพระท่านประกาศว่า "วันนี้จะมีการถวายสังฆทาน" ซึ่งเรื่องนี้ไม่เชื่อก็คงต้องเชื่อ เพราะทุกทีพระท่านก็พูดออกลำโพงดังๆ เรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่ถ้าพูดว่า

    จะมีการถวายสังฆทานเมื่อไหร่ สุนัขจะหอนรับกันทั้งวัดเลยทีเดียว .....อืม บุญสังฆทานคงแรงมากจริงๆ
     
  13. ปาริสัชชา

    ปาริสัชชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +2,691
    หลวงพ่อมีเจโตปริยญาณไวมาก และท่านเมตตาย้ำเตือน

    เมื่อครบเจ็ดวันในการมาฝึกอยู่ที่วัดท่าซุงแล้ว ผมและเพื่อนตั้งใจจะไปกราบลาหลวงพ่อก่อนกลับ ช่วงสายๆวันนั้นมีรถทัวร์คณะศิษย์มากราบท่านหลายคันรถ ผมก็เดินเข้าไปในศาลารับแขกของท่าน

    ก็เห็นลูกศิษย์หลายร้อยกำลังนั่งฟังหลวงพ่อคุยผ่านเครื่องขยายเสียง ผมดีใจที่จะได้ยินท่านเล่าเรื่องราวต่างๆจากปากท่านเองก็เลยถือโอกาสนั่งฟังไปด้วย จำได้ว่าหลวงพ่อท่านเล่าเรื่องทองคำเคลื่อนเข้ามาอยู่ใต้พระอุโบสถ

    เรื่องดาบฟ้าฟื้น เรื่องตำราพระร่วง ฯลฯ ผมฟังท่านจนเพลินก็นึกถึงว่า คงต้องกลับแล้วเดี๋ยวจะไปถึงบ้านดึก...แต่จะเข้าไปหาท่านอย่างไรเพราะคนนั่งอยู่หลายร้อย ทันใดนั้นหลวงพ่อท่านหยุด แล้วหันมาทางผมและเพื่อน

    ชี้นิ้วมาแล้วพูดขึ้นว่า "เอ้อ...สองหนุ่มนั่นเข้ามาตรงนี้" สายตาหลายร้อยคู่มองตามมาที่ผมทั้งสอง แล้วแยกทางออกเพื่อเปิดทางให้ผมคลานเข้าไป ผมมีความรู้สึกเหมือนได้ขึ้นทางด่วนเลยทีเดียว


    เมื่อก้มกราบหลวงพ่อแล้ว ท่านทักออกมาคำหนึ่งว่า "เอ้อ...จิตใสนะลูก" เสียงคนข้างหลังก็สาธุกันลั่น แต่ผมคงกลัวๆท่าน จึงไม่กล้าเหิมเกริมกับคำชมจากท่าน (เพราะเมื่อกี้ท่านเอ็ดพระไปองค์หนึ่งแล้ว)

    รอรับฟังคำสอนจากท่านต่ออีก ท่านก็พูดว่า "อย่าสงสัยในสิ่งที่ฝึกได้นะ เพราะความสงสัยเป็นนิวรณ์ หากลูกฝึกไปเรื่อยๆจิตจะแจ่มใสยิ่งขึ้นและคลายสิ่งที่สงสัยได้" ผมก็ยกมือประนมรับคำท่าน และถือโอกาสกราบลาท่าน

    หลวงพ่อท่านก็บอกให้ผมอยู่ต่ออีก แต่ตอนนั้นผมมันกลัวๆรนๆเลยตอบท่านไปว่า "กระผมอยู่มาครบเจ็ดวันแล้วครับ" (คือไม่มีเจตนาจะไม่อยู่ แต่เกรงหลวงพ่อไม่ทราบว่าผมอยู่มาครบกำหนดตามกฎของวัดแล้ว...ดูความโง่ของผมก็แล้วกัน)

    หลวงพ่อท่านจึงนิ่งนิดหนึ่งแล้วตอบว่า "รักษาสิ่งที่ได้นี้ไว้ให้ดีๆ อย่าทำให้เสื่อมนะลูก" เมื่อท่านพูดจบผมก็ตอบท่านไปว่า "ครับหลวงพ่อ...ลูกจะรักษาไว้ตลอดชีวิตและจะมากราบหลวงพ่อทุกๆเดือนครับ"

    ซึ่งขณะที่ผมพูดนี้ หลวงพ่อท่านหันไปหยิบอะไรบางอย่าง คล้ายไม่รับฟังสิ่งที่ผมพูดเลย.....


    ซึ่งต่อๆมาจึงทราบว่า หลวงพ่อท่านทราบล่วงหน้าว่า ถ้าผมกลับไปตอนนี้ผมจะรักษามโนมยิทธิไว้ไม่ได้ จึงชวนผมให้อยู่ต่อ และการที่ท่านหันหน้าไปทางอื่นตอนผมพูดนั้น เพราะท่านไม่อยากให้ผมมีกรรมที่ไม่สามารถรักษาคำพูดกับท่านไว้ได้
     
  14. ปาริสัชชา

    ปาริสัชชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +2,691
    ทรงอารมณ์ไว้...เวลาผ่านไปเร็วมาก

    ขณะนั่งรถเมล์กลับบ้าน ผมทรงอารมณ์ตลอดเวลา เห็นภาพพระตั้งอยู่ในหัวชัดมากมีอาการใจสบาย เลยนั่งพิงเบาะรถรักษาอารมณ์ใจสบายไปเรื่อยๆ ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงกระเป๋ารถบอกว่า "ถึงหมอชิตแล้ว"

    รู้สึกเหมือนเพิ่งจะผ่านไปสัก ๕ นาที แต่เวลาจริงๆจากตัวเมืองอุทัยธานีมาถึงหมอชิตนั้นไม่ต่ำกว่า ๔ ชั่วโมง
     
  15. ปาริสัชชา

    ปาริสัชชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +2,691
    ปลีกตัวไปฝึกบนห้องใต้แทงค์น้ำที่ลือว่าผีดุ

    ผมกลับมาบ้านก็ขอปลีกตัวไปอยู่ห้องใต้แทงค์น้ำ ซึ่งห้องนี้แม่บ้านและคนงานหลายคนต่างก็บ่นๆกันว่า "เจอผีหลอก" แต่ผมกลับรู้สึกว่าสงบดี และเราก็มาทำความดี ขออุทิศบุญให้ท่านเหล่านั้น เหตุการณ์ก็ไม่มีอะไรครับ
     
  16. ปาริสัชชา

    ปาริสัชชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +2,691
    รู้ความฝันของแม่บ้าน

    ผมถือศีลแปดและก็รักษาใจแบบอยู่ที่วัด รู้สึกว่าอาการเห็นทางจิตเริ่มชัดเจนขึ้นมาก ก็มีอยู่วันหนึ่งแม่บ้านขึ้นมาส่งอาหารบนห้องนี้ (ซึ่งต้องปีนบันไดขึ้นมา) เธอชื่อ "พี่นีย์" พี่นีย์เป็นแม่บ้านและคล้ายๆจะเป็นพี่เลี้ยงหรือแม่นมผมมาตั้งแต่เด็กๆ

    พี่นีย์ส่งอาหารให้พร้อมกับเล่าความฝันแปลกๆให้ผมฟัง ขณะที่พี่นีย์เกริ่นเรื่องที่กำลังจะเล่า จิตผมก็เห็นเรื่องราวต่างๆไปจนหมดแล้ว และทราบรายละเอียดมากไปกว่านั้นด้วย....เรื่องนี้ก็แปลกมากครับ
     
  17. ปาริสัชชา

    ปาริสัชชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +2,691
    เห็นอาการเกิด-ดับของเสียงดนตรี

    บ้านผมอยู่ใกล้ๆกับดิสโก้เทคชื่อดังแห่งหนึ่ง และแห่งเดียวของพัทยาในสมัยนั้น พอเวลาประมาณ ๓ ทุ่มเสียงดนตรีก็เริ่มบรรเลง พอ ๔ทุ่มเริ่มดังกระหึ่ม เที่ยงคืนเป็นเวลาได้ที่ของคนกลางคืนมาก ปรกติที่ผมนอนอยู่ในห้องนอนภายในบ้าน

    จะไม่ค่อยได้ยิน แต่พอมาอยู่ห้องใต้แทงค์น้ำ ซึ่งทำด้วยไม้และแยกออกมาต่างหากจากตัวบ้านผมจึงได้ยินเสียง พอผมได้ยินเสียงดนตรีกระหึ่มขึ้น อาการจิตมันเก็บตัวเข้าภายใน คือไม่รับรู้อาการเสียง แต่บางขณะจิตมันถอยออกมา

    รับรู้เสียง ผมก็ฟังไปเรื่อยๆสักพักหนึ่ง จิตเริ่มเห็นเสียงนั้นทีละเมโลดี้ คือเริ่มแยกเสียงดนตรีหลายๆชิ้นนั้นได้ เห็นอาการของเสียงเกิดทีละเมโลดี้แล้วหายไป ทีละเมโลดี้แล้วหายไปอยู่อย่างนี้เรื่อยๆ


    รวมความว่า ฟังไม่เป็นเพลงอะไรเลย เห็นแต่อาการเกิดขึ้นแล้วดับลงของแต่ละเสียง (แต่ปรกติคนเราจะเห็นตรงนี้ไม่ทัน จึงกลายเป็นเสียงที่ต่อเนื่อง )

    อาการจิตผมไม่หยุดอยู่แค่นี้ ดันส่งเข้าไปเห็นกระแสใจของผู้ที่มาเที่ยวในดิสโก้เทค แต่ละคนนั้นเมื่อได้ยินเสียงดนตรีดังขึ้นทางหู เสียงก็ไปกระตุ้นความรู้สึกพอใจ ทำให้เกิดแรงขับเคลื่อนออกมาทางร่างกาย

    ชูมือ ขยับกาย ไปตามกระแสขับเคลื่อนอย่างนี้เป็นลูกโซ่

    ขณะนั้นผมมีแต่ความเข้าใจ รู้สึกเข้าใจกระแสขับเคลื่อนเหล่านี้ ว่าเป็นเครื่องล่อหลอกให้เราหลงติด ตอนนั้นจิตก็อบรมจิตตัวเองอีกทีว่า "เราจะต้องไม่หลงแบบนี้นะ" คือตอนนั้นกลัวตัวเองหลงติดกระแสหลอกลวงเหล่านี้
     
  18. ปาริสัชชา

    ปาริสัชชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +2,691
    มโนมยิทธิกลายเป็นสติปัฎฐานอย่างละเอียด

    คงจะเป็นความโง่ของผมเองก็ได้ ที่เมื่อตอนที่ท่านหลวงตาบอกให้ผม "ตั้งภาพพระ" ผมก็ตั้งจริงๆ คือตั้งไว้เหนือศีรษะบนกระหม่อมเลย (จริงๆท่านคงให้ทรงภาพเอาไว้ที่ไหนก็ได้) แต่ผมเข้าใจว่า ตั้งภาพพระไว้บนศีรษะ

    ก็เลยกำหนดตั้งไว้บนกระหม่อม และก็ทำเรื่อยๆมา จนเกิดเห็นอาการเกิด-ดับ แต่ก่อนจะเห็นอาการเกิด-ดับนั้น ผมเห็นการเคลื่อนไหวของร่างกายทั้งหมดก่อน คือคล้ายๆกับว่า จิตอยู่บนศีรษะ ก็เลยเห็น

    จากศีรษะลงมาตลอดถึงปลายเท้า มีอาการเคลื่อนไหวอย่างไร แกว่งแขนแบบไหน ก็เห็นอาการนั้นหมด จนกระทั่งผมเคี้ยวอาหาร ผมยังเห็นอาการขยับปากบดอาหาร ด้วยฟันซี่ไหนบดอาหารชิ้นไหน


    นี่ผมว่าผมเองไปไกลนอกลู่นอกทางเลยครูสอนเสียแล้ว ตอนนั้นก็ไม่ได้ศึกษาแนวทางสติปัฎฐาน แต่มันเกิดอาการอย่างนี้ขึ้นและละเอียดมากซึ่งผมก็ไม่เข้าใจ (แถมแอบคิดว่าตัวเองจะบ้าด้วย)

     
  19. ปาริสัชชา

    ปาริสัชชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +2,691
    เห็นชีวิตแต่ละชีวิตถูกขับเคลื่อนไปตามกระแส

    ผมชักมีอาการแปลกๆคือเห็นคนแต่ละคนถูกขับเคลื่อนไปข้างหน้าตลอดเวลา ไม่มีใครหยุดนิ่งอยู่กับที่เลย คล้ายๆกับว่า คนจะทำอะไรก็ตาม จะทำไปตามกระแสความอยากนั้นผลักออกไปก่อน แล้วก็ตามมันไปทุกๆขณะเลยไม่มีวันหยุด (นี่ผมก็คิดว่าตัวเองใกล้บ้ามากขึ้นแล้ว)
     
  20. ปาริสัชชา

    ปาริสัชชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +2,691
    จิตละเอียด คล้ายๆจะนับเม็ดฝนได้

    อาการนี้เกิดขึ้นตอนฝนตก ผมเห็นฝนที่ตกเป็นสายลงมา พอกำหนดจิตเข้าไปเรื่อยๆ ผมเห็นอาการของฝนนั้นไม่ได้ตกพร้อมๆกัน แต่เม็ดฝนแต่ละเม็ดตกไล่กันเป็นลำดับเรียงกันไป ๑-๒-๓...เป็นแสนๆเม็ดในเสี้ยววินาที
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...