อุบาสกรักษาศีลห้า กับหลวงปู่มั่นฯ ตายไปเกิดเป็นเทวดา

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย wmt, 11 กรกฎาคม 2012.

  1. wmt

    wmt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +1,432
    เรื่อง อุบาสกรักษาศีลห้า กับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ตายไปเกิดเป็นเทวดา

    เรื่องนี้ wmt ได้ถอดบทความตัดตอนมาจากเทปบันทึกเสียง เทศนาธรรมะของ พระเดชพระคุณพระวิสุทธิญาณเถร (หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย) วัดเขาสุกิม ซึ่งท่านเล่าให้ พระ เณร แม่ชี ผู้ปฏิบัติธรรม ได้ฟังสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่

    ......แต่อาตมานี่เคยเห็น แต่ว่าเห็นมันเห็นด้วยตัวเองด้วยตาเนื้อ เห็น ลักษณะเห็นๆเป็นแบบไหน ยุคสมัยนั้น หลวงปู่มั่น ภูริทัตเถระมีชีวิตอยู่ มีแสงสว่างอันหนึ่ง เราก็ไม่ทราบว่าเป็นแสงอะไร ออกมาจากภูเขาลูกหนึ่งเป็นหัวโหนก

    ถ้าไปอยู่บ้านหนองผือชี้ให้ดูได้เลย แสงอันนั้นเหมือนฟุตบอล กลมๆอย่างนั้น เป็นแสงเหมือนแสงไฟนีออน ลอย (ลากเสียงยาว)ไปอย่างนุ่มนวลช้าๆ แล้วก็ไปเวียนที่บ้านแม่ชี แล้วก็เวียนมาถึงของหลวงปู่มั่น ทีแรกก็เวียนไกลนะ และก็เวียนใกล้เข้ามา รอบสุดท้ายก็มาตรงพอดีมาดับพรึบ หอมจนขาอ่อน ไม่ใช่หอมและขาแข็งนะ หอมเหมือนๆมันบอกไม่ถูก คือเราจะเอามาเป็นคำพูดว่าหอมแบบไหน สมมุติเอามาเป็นคำพูดไม่ได้ เพราะว่าหอม ถ้าผู้ใดไปหอมด้วยกันน่ะ บอกว่าหอมนะ อันเนี้ยะพูดคำเดียวก็รู้เรื่อง เพราะว่าหอมด้วยกันมา น่ะดับลงไป


    เสร็จแล้วพอถึงวันหลัง เป็นธรรมเนียมของพระกรรมฐาน ต้องเข้าไปหาครูบาอาจารย์เวลาพระเณร (เสียงไม่ชัด) ขึ้นไปก็ไปนวดขานวดแข้ง พอขึ้นไปเสร็จเรียบร้อย ท่านต้องคุยธรรมะก่อน เสร็จแล้วท่านก็เอนนอน พระผู้ใหญ่ก็ถอยหนี พวกเราพระผู้น้อยก็นวดขา


    พอขึ้นไปท่านตั้งปัญหาถามก่อนว่า “เฮ้ย เมื่อคืนใครเห็นอะไรวะ”

    หันไปถาม หลวงปู่ฝั้นฯ เห็นเทวดา หลวงปู่ฝั้นนตอบว่าเห็นเทวดา

    หลวงปู่มั่นก็ อื้อ อื้อ แต่ก็ไม่ได้ขยายความอะไร

    องค์ไหนเห็นบ้าง องค์ไหนเห็นอะไรบ้าง ถามกันไปอย่างนั้น

    มีอาจารย์สิงห์ทอง เพื่อนกันเองอายุรุ่นเดียวกัน ที่ตกเครื่องบินตายเนี่ย อาจารย์สิงห์ทองนั่งอยู่ อาตมาเองภาวนายังไม่เป็นเลย จะไปเห็นอะไร แล้วเค้าก็ถามปัญหากัน แล้วก็หันมาถาม ว่าไงเฮ้ย สมชาย อาจารย์สิงห์ทองหันมาถาม เห็นอะไรบ้างเมื่อคืน


    ก็ผมภาวนายังไม่เป็น ผมพึ่งเริ่มบุก ผมจะไปเห็นอะไร ผมไม่เห็นหรอก แต่ว่าไอ้ที่เห็นภายนอกน่ะมันเห็นอยู่ เห็นภายนอกน่ะเห็นอะไร มันมีแสงอันหนึ่งออกมาจากเขาลูกนี้ กลมๆเหมือนฟุตบอล ลอย(ลากเสียงยาว) มาอย่างนิ่มนวล เหมือนแสงนีออนเนี่ย สว่างมา แล้วก็มาบ้านแม่ชี มาลอยอยู่ที่บ้านแม่ชีนั่นแน่ะ พักนึง แล้วก็ดิ่งเข้ามานี่ ดิ่งทีแรกก็ไปเวียนรอบไกล รอบไกลแล้วก็รอบใกล้เข้ามาๆ พอมาถึงตรงกลางเนี่ยก็ดับพรึบ หอมอย่างที่สุด


    เอ่อ หลวงปู่มั่นบอก เอ่อ อื้อ โยมแต้วๆ โยมแต้ว ท่านบอกโยมแต้ว คำว่าโยมแต้วคือคุณนายแต้ว สามีของคุณนายแต้วคือพันเอกสมาน ตอนนั้นยังได้พันเอกพิเศษอยู่ ยังไม่ได้พลตรี พันเอกพิเศษสมาน คือเป็นตำรวจที่โรงเรียนพล คนนี้ชอบเล่นกันพนัน มีงานมีการนี่เค้าชอบแต่ต้องมีรำวงนะ แล้วก็ต้องเล่นไพ่ ชอบกินเหล้าด้วย หลวงปู่ก็ทรมานจนเขาเลิกๆจากการดื่มสุรา มา กราบจนรักษาศีล ๕ ตลอดชีวิต ไม่เล่นการพนันทุกชนิดตลอดชีวิต ไม่ทานหมากไม่สูบบุหรี่ตลอดชีวิต อะไรๆของแก อธิษฐานหมด แล้วแกประพฤติดีปฏิบัติชอบ ต่อมาก็เป็นวัณโรค แกก็เสียชีวิตลง


    ท่านบอกอันเนี้ยเค้าระลึกถึงพระคุณของเรา และท่านฝั้นอยู่ที่นี้ ซึ่งเป็นอาจารย์เขา อาจารย์ทั้งสองได้อยู่ที่นี้ เขาละรึกถึงพระคุณ เวลานี้เขาอยู่สวรรค์ชั้นนั้น เขาก็เลยลงมาแล้วเขาก็มาพักกับแม่ชีกั้ง ๆ เป็นพระอรหันต์ด้วย เขาก็เลยไปคารวะแม่ชีกั้ง เสร็จแล้วก็เวียนเข้ามาคารวะเรา เสร็จแล้วเราก็ให้พรเค้าเสร็จ เค้าก็ไปเลย อันเนี้ยเราได้เห็นกับตา แต่ไม่รู้ว่าแสงหรือเทวดาอะไร ไม่รู้ เพราะสมัยนั้นมันยังไม่รู้ อันนี้เรียกว่าเห็น อันเนี้ยะเล่าสู่กันฟัง
     
  2. datchanee

    datchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,947
    ค่าพลัง:
    +1,276
    โมทนาสาธุในเรื่องนี้ข้าพเจ้าขอดำเนินตามเพื่อศีลบริสุทธิต่อไป
     
  3. 2499

    2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    450
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,033
    [​IMG]

    สาธุอนุโมทนามิ






    ตรวจศีล (ศีลขาด ศีลทะลุ ศีลด่าง ศีลพร้อย)


    ตรวจศีลข้อ1

    ศีลข้อ 1 ปาณาติปาตา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ

    ศึกษาสมาทานเพื่อการลด งด เว้นขาดจากโทสะ
    เจตนารมณ์ศีลข้อ 1 เพื่อล้างโทสะ ละเบียดเบียน

    ศีลขาด
    คือ เจตนาทำชีวิตสัตว์ให้ตกร่วง และแสดงออกซึ่งอาการโทสะทางกาย เช่น เตะหมา ตีแมว ต่อยคน ประทุษร้ายใครด้วยความโกรธ ฯลฯ (อริยกันตศีลเป็นศีลละเอียดกว่าศีลสามัญญตา)

    ศีลทะลุ
    คือ เจตนากล่าววาจาด้วยโทสะ หรือโกรธ เช่น สั่งฆ่า สั่งทำร้าย หรือพูดกระแทกแดกดัน ยั่วกันด้วยโทสะ ด้วยความไม่ชอบใจ หมั่นไส้ และวาจาใดอันอดมิได้ต่อโทสะภายใน

    ศีลด่าง
    คือ มีใจโกรธ อึดอัด ขัดเคือง อาฆาต พยาบาท ถือสาชิงชัง รังเกียจ ไม่ชอบใจหรือปรุงใจเป็นไปด้วยโทสะ (ยังครุ่นคิดแค้น คิดทำร้าย คิดทำไม่ดีไม่งามกับผู้อื่นอยู่)

    ศีลพร้อย
    คือ มีใจเบื่อ ซึม เซ็ง ซังกะตาย ถดถอย ท้อแท้ ไม่ยินดี โลกนี้เป็นสีเทา (อรติ)

    เป็นไทโดยศีล
    คือ ขัดเกลาตนจนอิสระเสรี ไม่มีความพร้อย ความด่าง ความทะลุ หรือขาดทางศีลธรรม โดยเฉพาะสายโทสะละเบียดเบียนนี้ ซึ่งจะรู้ชัดได้ดี เมื่อมีเมตตาสมาทานอย่างต่อเนื่อง



    ตรวจศีลข้อ2

    ศีลข้อ 2 อทินฺนาทานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
    ศึกษาสมาทานเพื่อการลด งด เว้นขาด จากโลภะ
    เจตนารมณ์ศีลข้อ 2 เพื่อลดโลภะ ละตระหนี่ แม้ตน

    ศีลขาด
    คือ เจตนาขโมย โกง ปล้นจี้ ตีชิง ฉกฉวย แม้ที่สุดหยิบของผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาต

    ศีลทะลุ
    คือ เจตนากล่าววาจา เลียบเคียง ลวงเล็ม หลอกล่อ หรือพูดเพื่อให้ได้มาสมโลภ

    ศีลด่าง
    คือ มีใจเอาเปรียบ เห็นแก่ได้ คิดอยากใคร่ของคนอื่น หรืออาศัยนิมิตสมมุติ เพื่อให้ได้มาเพื่อให้ได้อยู่โดยไม่สมคุณค่าฐานะแห่งนิมิตสมมุติ (รูปแบบ, ตำแหน่งแต่งตั้ง) นั้นๆ

    ศีลพร้อย
    คือ มีใจยินดีทรัพย์สินของโลก ของคนอื่น หรือมอบตนอยู่บนทางแห่งการได้มาสมโลภ

    เป็นไทโดยศีล
    คือ ขัดเกลาตนจนอิสระเสรี ไม่หลงใหลยินดีทรัพย์สินของโลก และสิ้นความผลักใส ชิงชังทั้งไร้ตระหนี่ตน เป็นคนขวนขวายใฝ่สร้างสรร ขยันชนิดทำงานฟรี ไม่มีเรียกร้องสนองตอบ หรือไม่มีความพร้อย ความด่าง ความทะลุ หรือขาดทางศีลธรรม โดยเฉพาะสายโลภะละตระหนี่นี้ +++ (ฆราวาสครองเรือนจะพ้นศีลพร้อยได้ยากมาก แต่สามารถตรวจจับดับความยินดีในการได้มาได้...เมื่อต้องอยู่กับทรัพย์สินก็ควรอยู่เหนือทรัพย์สิน)




    ตรวจศีลข้อ3

    ศีลข้อ 3 กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
    ศึกษาสมาทานเพื่อการลด งด เว้นขาด จากราคะ
    เจตนารมณ์ศีลข้อ 3 เพื่อลดราคะ ละกามารมณ์

    ศีลขาด
    คือ เจตนามีสัมพันธ์ทางเพศ หรือโลมเล้าจับต้อง เสพสุขสัมผัสกับผู้มิใช่คู่ครองของตน แม้ในคนที่ไม่ได้แต่งงานกัน (การบริโภคกามตามสถานค้าประเวณีจัดเป็นความผิดขั้นนี้)

    ศีลทะลุ
    คือ เจตนากล่าววาจาจีบเกี้ยว พูดแซวเชิงราคะ กระซิกกระซี้ สัพยอก หยอกเย้า เร้าให้รักใคร่ พูดไปเพื่อผูกพัน หรือบำบัดบำเรออารมณ์ โดยกามราคะขับดัน ทั้งที่ผู้นั้นมิใช่คู่ครองของตน

    ศีลด่าง
    คือ มีใจคิดปรุงไปในสัมพันธ์ทางเพศ หรือมีอารมณ์แปรปรวนป่วนฝันฟุ้งบำรุงกาม และเรื่องราวคาวกามลามไหล อยู่ในใจกับใครอื่นซึ่งไม่ใช่คู่ครองของตน (นัยละเอียดต้องจบจิตคิดใคร่)

    ศีลพร้อย
    คือ มีใจยินดีในกาม ความเป็นคู่กับผู้อื่น หรือยินดีพึงใจในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อันชวนกำหนัดรัดรึงจากเพศตรงข้ามที่ไม่ใช่คู่ครองของตน (นัยละเอียดจบสนิทจิตยินดีในกาม)

    เป็นไทโดยศีล
    คือ ขัดเกลาตนจนอิสระเสรี ไร้ความยินดีในกาม ไม่มีความพร้อย ความด่าง ความทะลุ หรือขาดทางศีลธรรม โดยเฉพาะสายราคะ ละกามารมณ์นี้ (ต้องศีล 8 จึงมีสิทธิเป็นไท)



    ตรวจศีลข้อ4

    ศีลข้อ 4 มุสาวาท เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
    ศึกษาสมาทานเพื่อการลด งด เว้นขาด จากความเท็จ ความไม่แท้
    เจตนารมณ์ศีลข้อ 4 เพื่อลดมุสา พัฒนาสัจจวาจา

    ศีลขาด
    คือ เจตนากล่าวคำเท็จ โกหก หลอกลวง บิดเบือนไปจากความจริง หรือสัจจะ

    ศีลทะลุ
    คือ เจตนากล่าววาจา ระบายโทสะ บำเรอโลภะ บำรุงราคะ เป็นคำหยาบ

    ศีลด่าง
    คือ มีวาจาส่อไปในทางเสียด เสียดสีเชิงโทสะบ้าง เสียดสีเชิงโลภะบ้าง เสียดสีเชิงราคะบ้าง เสียดสีเชิงมานะทิฏฐิบ้าง เสียดสีเชิงมานะอัตตาบ้าง แม้จางบางเบา หรือพูดกบคนโน้นทีคนนี้ที เพื่อให้เกิดวิวาทบาดหมาง แยกก๊ก แบ่งเหล่า ก็จัดเข้าอยู่นัยนี้ เป็นวาจาส่อเสียด

    ศีลพร้อย
    คือ มีวาจาเรื่อยเปื่อยเฉื่อยฉ่ำไป เพ้อไป พล่อยไป พล่ามไป จะโดยแรงเร้าจากโทสะที่จากบางเบา โลภะที่จางบางเบา ราคะที่จางบางเบา หรือมานะทิฏฐิที่จางบางเบา มานะอัตตาที่จางบางเบา ก็จัดเข้าอยู่นัยนี้ เป็นวาจาเพ้อเจ้อ

    เป็นไทโดยศีล
    ขัดเกลาตนจนอิสระเสรี มีวาจาประชาสัมพันธ์ เป็นไปโดยสามารถของตนไร้อิทธิพลจากโทสะ โลภะ ราคะ มานะทิฏฐิ มานะอัตตามาครอบงำ หรือไม่มีความพร้อย ความด่าง ความทะลุ หรือขาดทางศีลธรรม โดยเฉพาะเรื่องราว ลดมิจฉาสู่สัมมา หรือลดมุสา (วาจาอันเป็นเท็จจากสัจจะ) พัฒนาสัจจวาจา




    ตรวจศีลข้อ5

    ศีลข้อ 5 สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
    ศึกษาสมาทานเพื่อการลด งด เว้นขาด จากเสพติด ชีวิตมืดบอด
    เจตนารมณ์ศีลข้อ 5 เพื่อลดโมหะ ละประมาท เพิ่มธาตุรู้หรือสติ

    ศีลขาด
    คือ เจตนาเสพสิ่งเสพติดมัวเมา เที่ยวกลางคืน เที่ยวดูการละเล่น เล่นการพนัน สังสรรกับคนชั่ว ปล่อยตัวเกียจคร้านอย่างตั้งใจ

    ศีลทะลุ
    คือ เจตนากล่าววาจาชักชวน โน้มเหนี่ยวนำพาตน คนอื่น สู่อบายมุขหรือโน้มน้าวอบายมุขมาสู่ตน คนอื่น และกล่าววาจาพร่ำพิไรใฝ่ถึงซึ่งอบายมุข (ทั้ง6)

    ศีลด่าง
    คือ มีใจทะยานอยากในอบายมุข ปรุงใจถวิลไปในอบายมุข หรือเรื่องราวคราวก่อนตอนเสพอบายมุขลามไหลอยู่ในใจ เก็บสัญญาเก่าก่อนตอนเสพอบายมุขมาย้อนเสพ

    ศีลพร้อย
    คือ ยังมีใจยินดีในอบายมุข เห็นคนเสพอบายมุขยังยินดี มีใจริษยา มิได้เกิดปัญญา เห็นภัยในอบายมุขและการเสพอบายมุข

    เป็นไทโดยศีล
    คือ ขัดเกลาตนจนอิสระเสรี หมดความยินดี และสิ้นอารมณ์ชิงชังในอบายมุข หรือไม่มีความพร้อย ความด่าง ความทะลุ หรือขาดทางศีลธรรม โดยเฉพาะสายมัวเมามือบอดนี้
     
  4. aiiiim

    aiiiim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +197
    โมทนาสาธุค่ะ เป็นประโยชน์มากๆเลยค่ะ และเพิ่งรู้ว่า ศีลตัวเอง ไม่ได้ครบตลอดค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 กรกฎาคม 2012
  5. วีระชัยมณี

    วีระชัยมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,128
    ค่าพลัง:
    +2,548
    กราบ บาท หลวงปู่ ทุกๆองค์.....
     

แชร์หน้านี้

Loading...