เจตสิก ๕๒ เกิดพร้อมกับจิต ดับพร้อมกับจิต รู้อารมณ์เดียวกับจิต อาศัยวัตถุเดียวกับจิต

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Samarnl, 14 กรกฎาคม 2012.

  1. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    [​IMG]
    หทยรูป
    หทยรูป เป็นรูปธรรมชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดจากกรรมเป็นสมุฏฐาน ตั้งอยู่ภายในช่องเนื้อหัวใจ ซึ่งมีลักษณะเหมือนบ่อ
    มีโลหิตอันเป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจ อยู่ประมาน ๑ ซองมือ มีสัณฐานโตประมาณเท่าเมล็ดในดอกบุนนาค
    เป็นที่อาศัยเกิดของมโนธาตุ และมโนวิญญานธาตุ มีวจัตถะว่า หทนฺติ สตฺตา ตํตํ อตฺถํ วา ปูเรนฺติ เอเตนาติ = หทยํ
    แปลความว่า สัตว์ทั้งหลายย่อมทำสิ่งที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ให้เกิดขึ้น โดยอาศัยรูปนั้น
    ฉะนั้น รูปที่เป็นเหตุให้สัตว์ทั้งหลายทำที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์นั้น จึงชื่อว่าหทยรูป หมายความว่า
    บรรดาการงานของสัตว์ทั้งหลายที่กระทำกันอยู่ทุกวันนี้ ถ้าทำในสิ่งที่ดีมีประโยชน์ เรียกว่ากุศลกรรม ถ้าทำสิ่งที่ไม่ดีไม่มีประโยชน์
    เรียกว่าอกุศลกรรม ทั้งกุศลกรรม และอกุศลกรรม เหล่านี้ จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องอาศัยหทยรูป สำหรับสัตว์ที่เกิดในปัญจโวการภูมินั้น
    ถ้าไม่มีหทยรูปแล้ว ย่อมทำการงานต่างๆ หรือคิดเรื่องราวต่างๆ ไม่ได้ คล้ายกับหุ่น ฉะนั้น รูปที่เป็นเหตุให้สำเร็จการงานต่างๆ
    ดังกล่าวนั้น จึงชื่อว่า หทยรูป
    หทยรูป มี ๒ อย่างคือ :-
    ๑. มังสหทยรูป ได้แก่ รูปหัวใจ ที่มีลักษณะคล้ายดอกบัวตูม
    ๒. วัตถุหทยรูป ได้แก่ กัมมชรูปชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดอยู่ในมังสหทยรูป
    คำว่า หทยรูป ในที่นี้ จึงมุ่งหมายเอาหทยรูปที่เรียกว่า หทยวัตถุรูป ซึ่ง หมายถึงรูปอันเป็นที่ตั้งที่อาศัยของ มโนธาตุ
    และมโนวิญญาณธาตุ นั่นเอง
    หทยวัตถุรูปนี้ มีคุณลักษณะพิเศษเฉพาะตัว คือ :-
    มโนธาตุมโนวิญญาณธาตูนํ นิสฺสย ลกฺขณํ........ มีการให้มโนธาตุ และมโนวิญญาณธาตุได้อาศัย.........เป็นลักษณะ
    ตาสญฺเญว ธาตูนํ อธารน รสํ....................... มีการทรงไว้ซึ่งมโนธาตุ และมโนวิญญาณธาตุ...........เป็นกิจ
    ตทุพฺพหน ปจฺจุปฏฺฐานํ..............................มีการักษาไว้ซึ่งธาตุดังกล่าว......................... ....เป็นผล
    จตุมหาภูต ปทฏฐานํ................................มีมหาภูตรูปทั้ง ๔.............................. ..........เป็นเหตุใกล้​
     
  2. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,342
    ค่าพลัง:
    +6,849

    ขอเสือก ตอบแทนลุงขันธ์ก็แล้วกันนะ

    สะบายใจจัง สีแชมพู แพนทีนทรีดเม้นไปหมดเล๊ยย^^:cool:

    แบบว่า แชมพูมั้นล้นออกมาจากใจ
     
  3. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    น้าปราบว่า ทุกวันนี้ที่คุยกันนั้น

    ใช่คุยกับนายหลงจริงๆรึเปล่า ^^
     
  4. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ชีวิตรูป
    ชีวิตรูป เป็นรูปอย่งหนึ่ง ซึ่งเกิดจากกรรมเป็นสมุฏฐาน มีหน้าที่รักษารูปที่เกิดพร้อมกันกับตนให้คงอยู่ และเป็นไปได้ตลอดอายุของรูปนั้นๆ
    มีวจนัตถะว่า ชีวนฺติ สหชาตธมฺมา เอเตนาติ = ชีวิตํ แปลความว่า สหชาตรูปทั้งหลาย ย่อมคงอยู่และเป็นไปได้ ด้วยการอาศัยรูปนั้น
    ฉะนั้น รูปที่เป็นเหตุให้สหชาตรูปทั้งหลายคงอยู่และเป็นไปได้นั้น ชื่อว่า รูปชีวิต
    สหชาตรูป หมายถึง รูปที่เกิดพร้อมกันและดับพร้อมกัน คำว่า สหชาตรูปทั้งหลายในที่นี้ ก็ได้แก่ กัมมชรูปทั้งหลายที่เกิดขึ้นพร้อมกัน
    และตั้งอยู่ได้นั้นก็เพราะอาศัยชีวิตรูปเป็นผู้รักษาไว้ กัมมชรูปนี้ แม้แต่จะเป็นรูปที่เกิดจากกรรมก็จริง แต่กรรมมิใช่เป็นผู้รักษา
    กรรมเป็นเพียงสมุฏฐานที่ทำให้รูปเหล่านี้เกิด ซึ่งกรรมนั้นเป็นอดีตที่ล่วงไปแล้ว จึงไม่มีโอกาสที่จะรักษารูปที่เกิดจากกรรมนั้นได้
    ฉะนั้นจึงต้องมีรูปโดยเฉพาะ ทำหน้าที่เป็นผู้รักษารูปที่เกิดจากกรรมนั้น และรูปที่เป็นผู้รักษานี้ ก็คือ ชีวิตรูป นั่นเอง
    อุปมาชีวิตรูปเหมือนน้ำในแจกันที่รักษาความสดของดอกไม้ที่ปักไว้ในแจกันนั้น ฉันใด ชีวิตรูปก็มีหน้าที่รักษากลุ่มกัมมชรูป
    ให้ดำรงคงอยู่ตลอดไปได้ ฉันนั้น
    ส่วนจิตตชรูป อุตุชรูปนั้น ไม่ต้องมีรูปโดยเฉพาะเป็นผู้อนุบาลรักษาเพื่อให้เกิดขึ้นติดต่อกัน และตั้งอยู่ได้สิ้นอายุของตน
    เพราะรูปเหล่านี้ มีสมุฏฐานของตนๆนั้นเองเป็นผู้รักษา

    ชีวิตรูป มีคุณลักษณะพิเศษ ดังนี้
    สหชาตรูปานุปาล ลกฺขณํ............ มีการรักษาสหชาตรูป.............................เป็นลักษณะ
    เตสํ ปวตฺตน รสํ.......................มีการธำรงไว้ซึ่งรูปเหล่านั้นให้เป็นไปได้..........เป็นกิจ
    เตสญฺเญว ฐปน ปจฺจุปฏฺฐานํ .........มีการประกอบให้มั่นอยู่............................เป็นผล
    ยาปยิตฺตพฺพํ ปทฏฺฐานํ ...............มีมหาภูตรูปที่เสมอภาค(ที่สมส่วน))..............เป็นเหตุใกล้

    ข้อสังเกตุ ชีวิตรูปนี้ ต้องเป็นกัมมชรูป คือรูปที่เกิดจากกรรม จึงจะตามรักษากัมมชรูปด้วยกันให้ดำรงอยู่ได้
    เพราะฉะนั้นในความหมายของคำว่าชีวิตจึงมีความหมายเกี่ยวข้องกับ กุศลกรรม และ อกุศลกรรม
    บางคนเข้าใจว่าต้นไม้มีชีวิต ตามความหมายของธรรมแล้ว ต้นไม้มิได้เกิดจากกรรม จึงไม่มีชีวิตรูปคอยอนุบาลรักษา
    จึงกล่าวได้ว่า ต้นไม้นั้นไม่มีชีวิต แต่ดำรงอยู่ได้เพราะอาศัย อุตุ คือ น้ำ และอากาศ เป็นผู้รักษานั่นเอง

    อนึ่ง คำว่า ชีวิต นั้น มีความหมายถึงการรักษาให้ดำรงคงอยู่ได้ชีวิตจึงมีความหมายได้ ๒ ประการ คือรูปชีวิต และนามชีวิต
    รูปชีวิตก็ได้แก่ รูปชีวิตที่กล่าวถึงนี่เอง ส่วนนามชีวิตหมายถึงเจตสิกธรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งรักษาจิตและเจตสิก
    ให้ตั้งอยู่ได้ตลอดอายุของนามธรรมนั้นๆ เรียกว่า ชีวิตินทรีย์เจตสิกนั้นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 กรกฎาคม 2012
  5. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,342
    ค่าพลัง:
    +6,849
    จะให้ตอบแบบถูกต้อง หรือจะให้ตอบแบบถูกใจ ^^
     
  6. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ตอบตามใจที่เห็นว่าถูกต้องเถิด^^
     
  7. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,342
    ค่าพลัง:
    +6,849
    ก็คุยกับนายหลงจริงนี่ไง ชิ
     
  8. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ก็คงต้องไล่กันตั้งแต่ตาเห็น

    ความหมายมันเกิดทันที เนื้อหาไม่ได้อยู่ที่ความหมาย แต่อยู่ที่ความหมายเกิด ^^
     
  9. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,342
    ค่าพลัง:
    +6,849
    เอางั้นเลยหรา นายหลงเข้ามา ไล่มาซิ:mad:
     
  10. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ใสใจตรงตาเห็น ไม่เพ่ง ไม่จ้อง ไม่หาความหมาย ไม่สำคัญว่าเราเห็น เรากำลังเห็น มีแต่รู้และถูกรู้

    ขณะนั้นมี ภาพหรือสี ปรากฏที่ตาให้เกิดเห็นอยู่ขณะนี้ เห็นเกิดที่ตาไม่ใช่ที่ใจ

    เมื่อรับมา ความหมายเกิด เรื่องราวเกิด นึกคิดเกิด ปรุงแต่งเกิด

    ความหมายเป็นเงาของสัญญา รู้ที่สัญญาขันธ์ มิใช่รู็ความหมายเรื่องราวที่จำได้

    เพราะไปรู้สมมุติ รู้เป็นคนสัตว์ นายหลง นายปราบ

    ลองเริ่มจาก นามบัญญัติ อัตถบัญญัติ ดูก่อน


    เอานะขอตัวก่อน ^^

    ปล พิจารณาไม่ใช่นั่งนึกคิด แต่เข้าไปพิจารณาจากสภาวะธรรมจริงๆ เหมือนเด็ดพวงองุ่น เด็ดไปชิมไป ^^

    ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่เกิดสมาธิ คล้ายๆปาลูกดอก คล้ายๆร้อยด้ายเข้ารูเข็ม ใช้เวลาไม่นาน

    หากรู้จักตัวรู้แล้ว แยกสิ่งที่ถูกรู้ไม่ยาก ดูตรงธรรมว่ามันเป็นเราหรือเป็นสภาวะธรรม คล้ายๆเมฆที่ก่อตัวไม่นานแล้วสลายไป

    นี่ก็อุปมานะ ^^


    เย็นๆจะเข้ามาใหม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 กรกฎาคม 2012
  11. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,342
    ค่าพลัง:
    +6,849
    ตามสะบายเลย นายหลงเข้ามา
     
  12. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    อาหารชรูป
    อาหารชรูป หมายถึง กพฬีการาหาร คือ อาหารที่กลืนกินเข้าไปเป็นคำๆ มี ข้าวน้ำเป็นต้น ตัวอาหารรูป ก็คือโอชาต่างๆ เหล่านั้น
    มี วจนัตถะว่า กพฬี กรียตีติ = กพฬีกาโร แปลว่า โภชนะใด อันบุคคลทำให้เป็นคำ หรือกระทำให้เป็นของกิน
    ฉะนั้น โภชนะนั้น ชื่อว่า กพฬีการ
    อาหารียตีติ = อาหาโร แปลความว่า โภชนะอันบุคคลกลืนกิน ฉะนั้น โภชนะนั้น ชื่อว่า อาหาร
    กพฬีกาโร จ โส อาหาโร จาติ กพฬีการาหาโร แปลว่า โภชนะ อันบุคคลกระทำให้เป็นคำๆนั้นด้วย ฉะนั้น โภชนะนั้นชื่อว่า กพฬีการาหาร
    กพฬีการาหาร จึงเป็นชื่อของอาหารทั้งหมด แต่ในที่นี้แสดงเฉพาะอาหารรูป ฉะนั้น กพฬีการาหาร จึงได้แก่โอชา ที่อยู่ในอาหารต่างๆ
    มีวจนัตถะของคำว่า โอชา แสดงว่า อุทยานนฺตรํ รูปํ ชเนตีติ = โอชา แปลความว่า ธรรมชาติใด ยังรูปให้เกิดขึ้นติดต่อกันพร้อมกับความเกิดขึ้นของตน ฉะนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อว่าโอชา
    โอชารูปนี้ เมื่อเข้าไปอยู่ในร่างกายของสัตว์แล้ว ย่อมทำให้อาหารรูปเกิดขึ้น หมายความว่า เมื่อบุคคลบริโภคอาหารเข้าไป ปาจกเตโชธาตุ จะทำการย่อยอาหาร คั้นเอาแต่โอชาไปบำรุงร่างกาย ทำให้สัตว์ทั้งหลาย มีกำลังและเติบโตขึ้นได้ ทำให้ร่างกายสมบูรณ์ มีชีวิตอยู่ได้
    อาหารรูป มีคุณลักษณะพิเศษ(วิเสสลกฺขณา) ดังนี้
    โอชา ลกฺขณํ .................. .......มีการอุปถัมภ์รูปทั้งปวง....................เป็นลักษณะ
    รูปาหรนํ รสํ ............................มีการนำประโยชน์แก่รูปทั้งปวง...........เป็นกิจ
    กายุปตฺถมฺภน ปจฺจูปฏฺฐานํ .............มีการอุดหนุนไว้ซึ่งรูปกาย ...............เป็นผล
    อชฺโฌหริตพฺพ ปทฏฺฐานํ................มีอาหารที่ควรแก่การบริโภค ............เป็นเหตุใกล้
    รูปธรรม ๗ ประเภทที่กล่าวมาแล้วนี้ ได้แก่ นิปผันนรูป ๑๘ คือมหาภูตรูป ๔ ปสาทรูป ๕ โคจรรูป ๔ ภาวรูป ๒ หทยรูป ๑
    ชีวิตรูป ๑ และอาหารรูป ๑
    นิปผันรูป ๑๘ นี้ เมื่อกล่าวโดยฐานที่ตั้งภายในร่างกายของสัตว์แล้วจำแนกได้เป็น ๒ ชนิดคือ
    ๑. สพฺพฐานิกรูป ได้แก่ รูปที่เกิดขึ้นและตั้งอยู่ทั่วร่างกายของสัตว์ต่างๆ ทั้งหลายมีอยู่ ๑๒ รูป คือ
    มหาภูตรูป ๔ กายปสาท ๑ วัณณะ ๑ คันธะ ๑ รสะ ๑ ภาวรูป ๒ ชีวิตรูป ๑ และอาหาร ๑ ทั้ง ๑๒ รูปนี้ย่อมมีอยู่ทั่วไปในร่างกายของสัตว์นั้นเอง
    ๒. ปเทสรูป หมายถึง รูปที่เกิดขึ้นอยู่โดยเฉพาะแห่งมิได้ปรากฎทั่วร่างกายมีอยู่ ๖ รูป ได้แก่ จักขุปสาท ๑ โสตปสาท ๑ ฆานะปสาท ๑
    ชิวหาปสาท ๑ สัททะ ๑ และหทยะ ๑
    อนึ่งบางตำรากล่าวว่า สัททรูป ย่อมมีปรากฎทั่วร่างกาย เป็นสัพพฐานิกรูปด้วย ในที่นี้ขอจัดเป็น ปเทสรูป
    นิปผันนรูป ๑๘ ได้อธิบายมาแล้ว ยังคงเหลืออีก ๑๐ รูป ชื่อว่าอนิปผันนรูปจะได้แสดงต่อไป
     
  13. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    หมานเอ้ย เอ็งทำด้วยอกุศลจิตอยู่ เอ็งไม่รู้ตัวเอง เพราะอวิชชาบัง
    เอ็งกับไอ้หลงมืดพอๆกัน กั๊กๆๆ
     
  14. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ไม่เอาสิลุง เราไม่กล่าวหาใครลอยๆ

    รู้ได้ไงว่าผู้นี้ ผู้นั้นจิตเป็นอกุศลจิตไม่เป็นอกุศล ^^

    การพูดพล่อย กล่าวพล่อย ไม่พิจาณาแล้วกล่าว ไม่เกิดประโยชน์แล้วกล่าว

    นั้นแล อกุศล โลภะ มิจฉาทิฏฐิ

    คำว่า กั๊กๆ ข้อนี้ย้ำได้ถึงโลภะ ทิฏฐิมานะ รับประทาน

    จิตมีกำลังแข็ง เพราะ แยกไม่ได้ ไม่มีปัญญารู้ดี รู้ชั่ว รู้บุญ รู้บาป

    เห็นผู้อื่นขวนขวายประกอบกรรมดี กลับหลู่คุณท่าน

    ประกอบอกุศลกรรม การตู่ เยาะเย้ย ถากถาง ยกตนอยู่

    พวกนี้ เป็นโลภะ ไม่ประกอบด้วยปัญญา


    ดังภาษิต นายหลง ดังนี้

    " คนโง่ มักแสดงออกโง่ๆ "
     
  15. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,653
    ค่าพลัง:
    +1,211
    เห็นท่านอธิบายมามากและเกิดประโยชน์มากมายครับ
    แต่ผมสงสัยว่าภาพที่เป็นสามมิตินี้เราจะจับเขาไปรวมกันอย่างไรให้เป็นรูปและเป็นธรรมครับ
    ภาพเชิงเดียวดังที่ท่านอธิบายมานี้
    พอๆเขาใจครับ
    ขอท่านชี้แนะด้วยขอรับ
    เอาสามมิติเลยครับ
    ขอท่านเจริญในธรรมยิ่ง
     
  16. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    หมายถึง บทความอภิธรรมนำมาใช้ประโยชน์อย่างไรการปฏิบัติ ถูกไหมครับ

    พึงทราบว่าอภิธรรม บรรยายสภาวะปรมัตถ์ธรรมล้วนๆ เป็นองค์ธรรมที่ใช้พิจารณา

    การศึกษาปรมัตถ์ธรรมจะทำให้พิจารณาได้แยบคาย และลึก แทงได้ตลอดในธรรม


    เช่นในกระทู้นี้ หน้าที่แล้ว ลุงหมาน นำเรื่อง รูป มหาภูติรูป ๔ และ อายตนะ๖ มาแสดง

    นายหลงได้นำอรรถกถาจารย์ แสดงวิธีพิจารณา ธาตุ๔ ในสติปัฏฐาน๔ หมวด ธาตุบรรพ

    ทีนี้ ก็จะพอเข้าใจโครงสร้าง และ วิธีนำมาพิจารณา

    ในส่วน มิติที่ ๓ ก็เป็นเรื่อง สติ สัมปชัญยะ ความเพียร

    ตามพิจารณาลักษณะ ของเตโช วาโย อาโป ปฐวี และอายตนะ๖ ที่เกิดขณะนี้
     
  17. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    มันจะเป็นโลภะ และ มานะทิฎฐิได้อย่่งไร
    ข้าหัวเราะคนมืดบอดอย่่างเอ็ง กับ ไอ้หมาน ข้าจะไปโลภ ไปมานะ ตรงไหน
    หัวเราะ คนโง่ เป็นธรรม
     
  18. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ขณะนั้น เวทนาเป็นโสมนัส เกิดขึ้นพร้อมกับความยินดี พอใจ ถูกไหม

    ทิฏฐิสัมปยุต หมายความว่า เกิดขึ้นประกอบด้วยมิฉาทิฏฐิ

    ก็ต้องขยายต่อว่า ในที่นี้อะไรคือมิจฉาทิฏฐิ ตอบว่า

    แยกไม่ได้ ไม่มีปัญญารู้ดี รู้ชั่ว รู้บุญ รู้บาป

    เห็นผู้อื่นขวนขวายประกอบกรรมดี กลับหลู่คุณท่าน

    ประกอบอกุศลกรรม การตู่ เยาะเย้ย ถากถาง ยกตนอยู่

    จะถามต่อไหมว่า ล่วงอกุศลกรรมบถ ข้อไหน


    ทีนี้ขยายต่อ เรื่องไม่มีปัญญารู้ดี รู้ชั่ว รู้บุญ รู้บาป

    บางคนแยกไม่ได้ ในดีชั่ว บุญบาป จึงกระทำกรรมหน้าตาเฉย

    บางคนแยกได้ ในดีชั่ว บุญบาป แต่ก็ยังทำกรรม ข้อนี้หากสำนึกบ้าง ก็จะเสียใจภายหลัง

    การที่ลุงหน้าระรื่น หัวเราะถึง ๒ ครั้ง แม้เขาเตือนแล้ว ยังทำอีกครั้งแล้วครั้งเล่า

    ข้อนี้ชี้ได้ ว่า มานะมาก ทิฏฐิมาก ไม่รู้จักชั่วดี เป็นมิจฉาทิฏฐิ

    พวกนี้เป็นโลภะอกุศลจิต ต้องถามต่อไหมว่า เกิดจากโลภะมูลจิต ดวงที่เท่าไหร่



    ทีนี้ อะไรเล่า ที่ที่ลุงหมานเพียรกุศลหรืออกุศลอยู่

    ๑ หากลุงหมานประกอบอกุศลจิต นำพระธรรมบิดเบือน ประหนึ่งเที่ยวสั่งสอน

    จนเกินพระธรรม หรือเป็นผู้ขโมยธรรมเช่นลุงแล้วไซร้ ข้อนี้ก็ควรเป็นอกุศล

    ๒ หากลุงขันธ์ไม่พอใจ ไม่อยากเห็น ไม่อยากพบธรรม อันเป็นสภาวะสัจจะ

    ก็ควรวางใจเป็นกลาง ข้ามทิฏฐิมานะ ไปศึกษากระทู้อื่นก็ได้

    ลุงขันธ์ เลือกที่จะกล่าวตู่ผู้นี้ศิษย์เทวทัส ผู้นั้นโมหะอวิชามาก

    แต่ไม่เคยให้เหตุผลอะไร นอกจากวาจาชวนคว่ำพระอภิธรรม

    แต่ลุงหมาน ก็โพสธรรมตามเจตนาที่ตั้งไว้ ข้อนี้ชี้ได้ในผลของธรรมที่ศึกษามา

    ๓ หากธรรมที่ลุงหมานนำมาลงขัดแย้ง ไม่ถูกต้องก็ให้ลุงขันธ์ชี้มา

    หากชี้ไม่ได้ เท่ากับไม่เคารพพระธรรม ไม่เคารพพระพุทธองค์

    นั่นหมายถึงทำตัวเป็นผู้ขวางทางมรรคผู้อื่น และบั้นพระพุทธศาสนาโดยไม่จำเป็น


    ก็ให้ข้อคิด ๓ ข้อนี้ ว่า กุศล และ อกุศล ไม่ใช่ของตื้นๆอย่างที่ลุงเข้าใจแน่ๆ ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 กรกฎาคม 2012
  19. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    ข้าว่าเอ็งไปอ่านเหตุผลของข้าที่กล่าวมาแล้วให้ดีๆก่อนดีกว่า
    ไอ้หมาน มันดึงดัน จะเอาชนะ นี่คือ จิตอกุศลของมัน
    เอ็งไม่เห็นหรือว่า ตามธรรมดาคนที่มีสติ พิจารณาเขาไม่โพสอะไรซ้ำซากเป็นพรืดโดยไม่มีเหตุ มีแต่คนจงใจจะยั่วโทสะเท่านั้นแหละ บังเอิญว่าข้ารู้ อกุศลของมัน ข้าเลยยั่วมันกลับ กั๊กๆๆ
     
  20. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ไม่มีนายหลงแล้วหรอ ก็กลายเป็นเพ่งบุคคล ไม่ได้เพ่งธรรมไป ^^

    ใครอกุศมา ก็ไม่จำเป็นต้องอกุศลกลับ ถูกไหม

    กรรมนั้นเที่ยงอยู่แล้ว แม้ใครร้อนมา แล้วไปร้อนตาม นั้นก็เป็นกรรมใหม่ของผู้ร้อนตาม

    หากใครร้อนมา แต่ไม่ร้อนตอบ กรรมผูกพันธ์มันก็จบ แต่ผลกรรมร้อนก็ยังส่งผลผู้นั้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...