เจตสิก ๕๒ เกิดพร้อมกับจิต ดับพร้อมกับจิต รู้อารมณ์เดียวกับจิต อาศัยวัตถุเดียวกับจิต

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Samarnl, 14 กรกฎาคม 2012.

  1. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    เอานะ กระผมจะขอลาบวชแล้ว

    ให้เหตุผลดังนี้ พิจารณาอยู่หลายปี มองไม่เห็นประโยชน์ในชีวิตฆารวาส ^^

    และเชื่อว่า ขณะนี้พระธรรมยังอุดมดีอยู่ ไม่ควรเสียชาติเกิดที่ได้พบพระพุทธศาสนา

    ก็ขออโหสิกรรมสหายธรรม ที่ได้เคยล่วงเกินกันมาแต่หนหลังด้วยครับ
     
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    จะบวชเมื่อไร ก็แจ้งข่าวคราวมาว่าอยู่วัดไหน จะได้ตามไปอนุโมทนาได้ถูก
    สะดวกในการปฏิบัติธรรมในเพศใด ก็อยู่ในเพศนั้นแหละดี
     
  3. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    ถ้าข้านิ่งเฉยป่านนี้ มันสะสมกำลังความโง่ของมันไปจนถึงไหนแล้ว
     
  4. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ขอขอบคุณครับ สำหรับผู้มีความสว่างทุกราตรีกาล

    กลับมามืดอีก (หัวเราะคนโง่เป็นกุศล)

    การกล่าวธรรมมีการเอาชนะตรงไหนนี่...เขากล่าวกันมาซ้ำซากตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้วจนถึงล่วงมาถึงปัจจุบัน
    เห็นไหมว่าเขาจะต้องตั้ง "นโม" ทุกครั้ง แม้แต่ขอศีล รับศีล ก็ซ้ำซากก็ไม่เห็นแปลกไปจากของเดิมเลย พิจารณาหน่อย
    อกุศลตนเองเกิดไม่รู้แต่ดันไปรู้อกุศลคนอื่น

    เฮ้อ ! เหนื่อยใจกับพวกโง่ๆจริงๆ แทนที่จะได้ตอบธรรมะกลับจะต้องมาตอบแก้ข้อกล่าวหา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 กรกฎาคม 2012
  5. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ก็ขออนุโมทนาล่วงหน้าเลยครับ หนทางเดินไปสู่ความหมดจดของฆารวาสคับแคบมาก พร้อมแล้วลุย...ไปโลด
     
  6. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    [​IMG]

    ปริจเฉทรูป
    ปริจเฉทรูป เป็นช่องว่างที่คั่นระหว่างรูปกลาปต่อรูปกลาป ไม่มีสภาวะของตนเองโดยเฉพาะ มีแต่ความว่างเหมือนดังอากาศ
    มีวจนัตถะว่า น กสฺสตีติ อกาโส (วา) อกาโส เยว อากาโส แปลความว่า ที่ใดขีดเขียนไม่ได้ ฉะนั้นที่นั่นชื่อว่าอากาศ ได้แก่ อากศบนท้องฟ้าเป็นต้น
    อากาศมีที่ใช้ในความหมายต่างๆ ๕ อย่างคือ
    ๑. อชฺฎากาส ได้แก่ อากาศที่ว่าเปล่า เบื้องล่างนับแต่พื้นดินและน้ำที่รองรับพื้นดินอยู่ เบื้องบนถึงอรูปภูมิขึ้นไป
    ๒. ปริจฺฉินฺนากาส ได้แก่ ช่องว่างที่มีขอบเขตกำหนดไว้ เช่น ท้องฟ้า ช่องประตู ช่องหน้าต่าง ช่องปาก คอ หู จมูก เป็นต้น
    ๓. กสิณุคฺฆาฏิมากาส ได้แก่ อากาสที่เพิกกสิณ
    ๔. ปริจฺเฉทากาส ได้แก่ ช่องว่างที่คั่นระหว่างรูปกลาปต่อรูปกลาป คือ ปริเฉทรูป
    ปริจเฉทรูปนี้ มีความสำคัญที่สามารถทำให้รู้ถึงรูปร่างสัณฐานและจำนวนได้
    ฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่า ในบรรดาสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตทั้งหลายนั้น ถ้าไม่มีช่องว่าง
    คือ ปริจฺเฉทากาสแล้ว สิ่งเหล่านั้นก็ไม่สามารถทำให้รู้ถึงรูปพรรณสัณฐานและจำนวนได้เลย การที่เรารู้รูปพรรณสัณฐานและจำนวนของรูปได้นั้น
    ก็เพราะปริจเฉทากาสนั่นเอง ด้วยเหตุนี้ ถ้าไม่มีปริจเฉทรูปแล้วจำนวนรูปก็มีไม่ได้ เขตแดนของรูปก็มีไม่ได้ บรรดารูปเหล่านั้นจะติดกันเป็นพืดไปหมด
    เมื่อเป็นเช่นนี้ อุพยัพพยญาณ และภังคญาณ ที่เกี่ยวด้วยรูปธรรมก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะไม่สามารถจะแลเห็นความเกิดดับของรูปได้
    อนึ่ง มีวจนัตถะว่า "เทฺวเม ภิกฺขเว ธมฺมา นิจฺจ ธุวา สสฺสตา อวิปริณาม ธมฺมา ยตเม อากาโส จ นิพฺพานญฺจ" แปลความว่า ภิกษุทั้งหลาย
    ธรรมที่เที่ยงมั่นคงยั่งยืนไม่แปรผันนั้น มี ๒ ประการ ธรรมนั้นคือ อากาส และ พระนิพพาน​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 กรกฎาคม 2012
  7. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    <TABLE id=pid877 cellSpacing=0 summary=pid877 cellPadding=0><TBODY><TR><TD class=plc><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD id=postmessage_877 class=t_f>
    [​IMG]
    วิญญัติรูป ๒

    วิญญัติรูป เป็นรูปที่แสดงอาการพิเศษให้รู้ความประสงค์ซึ่งกันและกันได้ เกิดอยู่ในการเคลื่อนไหวและการพูด
    มีวจนัตถะว่า อธิปฺปายํ วิญฺญาเปตีติ = วิญฺญตฺติ แปลความว่า รูปใดทำให้ผู้อื่นรู้ถึงความประสงค์ รูปนั้นชื่อว่า วิญญัติ
    ฉะนั้น วิญญัติรูปนี้ จึงมีอยู่ด้วยกัน ๒ รูป กายวิญญัติรูป และ วจีวิญญัติรูป ซึ่งมีคุณลักษณะดังนี้ คือ
    กายวิญญัติรูป
    วิญฺญาปน ลกขณํ.............................มีการแสดงให้รู้ความหมายด้วยการไหวกาย.......เป็นลักษณะ
    อธิปฺปายปกาสน รสํ..........................มีการแสดงความหมายให้รู้ความประสงค์...........เป็นกิจ
    กายวิปฺผนฺทนเหตุภาว ปจฺจุปฏฐานํ..... มีการไหวของร่างกาย....................................เป็นผล
    จิตฺตสมุฏฐาน วาโยธาตุ ปทฏฺฐานํ ......มีวาโยธาตุจากจิตตสมุฏฐาน..........................เป็นเหตุใกล้
    กายวิญญัติรูปนี้ มีวจนัตถะแสดงว่า กาเยน วิญฺญตฺติ = กายวิญฺญตฺติ แปลความว่า อาการที่ทำให้รู้ความประสงค์
    ได้ด้วยอาการไหวกาย ฉะนั้น อาการพิเศษ คือ การเคลื่อนไหวกายนั้น จึงชื่อว่า กายวิญญัติ
    กายวิญญัติรูปนี้ มี ๒ อย่าง คือ
    ๑) โพธนกายวิญญตฺติ หมายถึง การเคลื่อนไหวกายโดยจงใจให้ผู้อื่นรู้ความหมาย เช่นกวักมือ หรือโบกมือไล่ เป็นต้น
    ๒) ปวตฺตนกายวิญฺญตฺติ หมายถึง การเคลื่อนไหวกายที่เป็นไปตามปกติ มิได้เจาะจงให้ผู้รู้ความหมายแต่อย่างใด
    เช่น อาการเดิน ยืน นั่ง นอน ตามปกติของเราเ ป็นต้น มิได้แสดงออกเพื่อจงใจให้ผู้อื่นรู้ความหมายแต่อย่างใดเลย
    แต่อาการเหล่านั้นผู้อื่นก็ย่อมรู้ได้ว่า เรากำลังเดิน ยืน นั่ง นอนอยู่

    </TD></TR></TBODY></TABLE>





    </TD></TR><TR><TD class="plc plm"></TD></TR><TR><TD class=pls></TD><TD class=plc>


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 กรกฎาคม 2012
  8. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    วจีวิญญัติรูป
    วจีวิญญัติรูป เป็นรูปที่แสดงการเคลื่อนไหววาจา คือ การพูด มีวจนัตถะแสดงว่า วจิยา วิญฺญตฺติ = วจีวิญฺญตฺติ แปลว่า อาการพิเศษที่ทำให้รู้ความประสงค์ด้วยการพูด ฉะนั้น อาการพูดพิเศษ คือการพูดนั้น จึงชื่อว่า วจีวิญญัติ
    วจีวิญญัติรูป มีคุณลักษณะพิเศษ ๔ ประการ คือ
    วิญฺญาปน ลกฺขณํ..........................มีการแสดงให้รู้ความหมาย ....................เป็นลักษณะ
    อธิปฺปายปกาสน รสํ ......................มีการแสดงความหมายให้รู้ประสงค์.............เป็นกิจ
    วจีโฆสเหตุภาว ปจฺจุปฏฐานํ..............มีการกล่าววาจา.................................เป็นผล
    จิตฺตสมุฏฐานปถวีธาตุ ปทฏฺฐานํ..........มีปฐวีธาตุที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน...................เป็นเหตุใกล้
    วจีวิญญัติรูปมี ๒ อย่างคือ
    ๑) โพธนวจีวิญฺญตฺติ หมายถึง การกล่าววาจาโดยจงใจให้ผู้อื่นรู้ความหมาย เช่น ร้องเรียกชื่อ หรือบอกกล่าวเล่าเรื่อง เป็นต้น
    ๒) ปวตฺตนวจีวิญฺญตฺติ หมายถึง การกล่าววาจาโดยมิได้จงใจจะให้ผู้อื่นรู้ความหมาย เช่น เปล่งอุทานออกมา ร้องเพลง หรืออ่านหนังสือ เป็นต้น มิได้จงใจจะให้เป็นความหมายแก่ผู้ใด แต่ผู้อื่นที่ได้ยินเสียงที่พูด หรือร้องออกมาย่อมทราบความหมายได้
    วิญญัติรูป ที่กล่าวแล้วทั้งสองนี้ ผู้หนึ่งผู้ใดได้แสดงกิริยาอาการกวักมือหรือพูดนั้น มีอาการพิเศษเกิดอยู่ด้วย อาการพิเศษนี้เรียกว่าวิญญัติรูป ถ้าอาการพิเศษนั้นเกิดขึ้นโดยอาศัยอาการทางกาย ก็เรียกว่า กายวิญญัติ ถ้าอาการพิเศษนั้นเกิดขึ้นโดยทางวาจา ก็เรียกว่า วจีวิญญัติรูป แต่ถ้าไม่มีวิญญัติรูปทั้ง ๒ นี้แล้ว อาการเคลื่อนไหวทั้งหลายของสัตว์ก็ไม่ผิดอะไรกับการเคลื่อนไหวของกิ่งไม้ใบไม้ และเสียงของสัตว์ก็ไม่ผิดอะไรกับ เสียงฝนตก เสียงฟ้าร้อง เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว คนทั้งหลายก็ไม่อาจรู้กิริยาอาการที่แสดงออกจากจิตใจของกันและกันได้เลย ฉะนั้น อาการพิเศษที่เกิดอยู่ในอาการเคลื่อนไหวทางกาย และการพูดของคนทั้งหลายนั้นต้องมีอยู่ ซึ่งเรียกว่า วิญญัติรูปนั่นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 กรกฎาคม 2012
  9. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    เพิ่งจะเข้าใจว่า สิ่งที่พี่หลงกล่าวเป็นความเห็น ส่วนบุคคล
    ทีนี้ พอมาเห็นเองบ้าง ก็เป็นการตรึกคิดเอาเท่านั้น
    ไม่ใช่สภาวะขณะนั้นๆจริง ในส่วนของภาวะสัจจะนั้น พึงเกิดเฉพาะขณะบุคคลผู้เจริญสติปัฏฐานใช่หรือไม่ครับ
    หากนำยกมากล่าวหรือพิจารณา เรียกว่าธรรม ใช่หรือไม่ครับ
     
  10. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ดีแล้วจิตตินนท์ ^^

    ก็เป็นบทขยาย และ ทัศนะ ในขณะนั้น

    สภาวะธรรมของใครของมัน รู้ได้เฉพาะตน

    การสังเกตุ ใส่ใจ พิจารณาสภาวะธรรมตน และผู้อื่น ล้วนไม่ต่างกัน

    เพราะแสดงออกให้รู้ทั้ง ๔ ฐาน จักจักตนก็รู้จักผู้อื่น รู้จักผู้อื่นก็รู้จักตน

    ใครพูดอะไร ใจก็พูดอย่างนั้น


    คล้ายๆ จิตตินนท์รู้ โลภะ โทสะ โมหะ ว่าเป็นอย่างไร แสดงออกอย่างไร

    ผู้อื่นก็มีขันธ์ ธาตุ อายตนะ อินทรีย์ แสดงออกไปตามเหตุนั้น

    สติปัฏฐานน่ะ ตรงต่อธรรม

    หากปัญญาไปก่อนธรรม มันปิดกั้นสภาวะธรรม

    เพียงรู้ตัวเลาๆก็ตัดสินไปแล้ว ว่าไม่เที่ยง ว่ารูปนาม มันตัดการพิจารณา

    อีกอย่างที่พูดสภาวะธรรมได้ ต้องอาศัยระลึกได้ในสภาพธรรม ไล่ลักษณะกัน มันเหนื่อยมาก

    คล้ายๆผู้ ทำสมาธิ พอนึก น้อม ก็เกิดสมาธิได้เร็วมั๊ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 กรกฎาคม 2012
  11. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ตรงนี้ต้องวางไว้ที่ ว่า อาจจะ ไม่เสมอไป
    เนื่องจากความเป็นตัวตน ยังปรากฏเป็นทิฏฐิที่แสดงออกมา
    เมื่อเช้าผมลองพินาแบบพี่หลงนะ(มันจะช้าไป ไม่เหมือน ขณะที่รู้ เห็น แต่จะสามารถทำได้เมื่อมาระลึก แต่ตรงนี้ก็ปิดภาวะสัจจะขณะนั้นไปพินาธรรม)
    ผมว่าการเห็น รู้ ดู ตรงขณะนั้นๆ มันพูดไม่ได้ แต่ถ้าจะนำมากล่าวมายกพินาให้สื่อสารกัน จำต้องฟังคำตถาคต และศึกษาให้รู้เพื่อเผยแผ่ สั่งสอนมากกว่า
    อนุโมทนาครับพี่หลง ที่จะเข้าสู่รอยทางพระพุทธองค์ สาธุครับ
     
  12. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ตรงนี้ครับ ที่ผมเห็นต่างออกไป หากกล่าวโดยความว่าง น่าจะเป็นภาวะสัจจะ
    หรือเรียกว่าตรงต่อธรรมขณะนั้นๆ
     
  13. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ให้หลักอย่างนี้นะ

    เวทนาเป็น ยินดี พอใจ สุข หรือเฉย แล้วติดข้อง

    สังขาร เป็น มีความเห็นผิด แสดงทิฏฐิ มานะ ออกมา

    มันแสดงออกให้รู้ว่าติดข้องในกาม เห็นผิดในกาม รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส พวกนี้เป็นอกุศล

    พวกนี้เป็นโลภะ คล้าย ตังเม คล้ายๆยางเหนียว รับอารมณ์มาแล้วติดหนึบ

    ก็ลองพิจารณาบ่อยๆ ฟังทัศนะเขาก่อน แล้วถามเขาไปก็ได้ ขณะนั้น ยินดี หรือ เฉยๆ อยู่


    อีกอย่าง เวลาฟังทัศนะให้ข้ามทัศนะไปรู้สภาวะ ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องราว

    นี่ก็คงเป็นเหตุที่นายหลง มักตอบอะไรไม่ตรงคำถาม หรือพูดอะไรไม่ค่อยรู้เรื่องมั๊ง ^^
     
  14. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    สัญญาไง ธรรมในอดีต

    คล้ายๆจิตตินนท์พิจารณาธรรมมาขณะนั้นเรียกว่าตรงธรรมในขณะนั้น

    ทีนี้เอามากล่าวเป็นของที่ผ่านมาแล้ว ก็เป็นเรื่องสัญญา

    หากมีสติรู้ ระลึกได้ ก็ไม่ผิด

    เอานะต้องไปแล้ว
     
  15. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    น่าอิจฉานะเนี่ย ..
    ก็ว่าจะเข้ากรรมฐานแต่ต้นปี แต่ช่วงนี้วุ่นวายอยู่มาก ยังทิ้งไม่ได้
    สมัครกรรมฐานไว้ที่นึง อาจได้เข้าเดือนสิงหา
    ถ้าทำได้ดี(เพราะจะจริงจังล่ะ) ก็อาจจะได้ไปต่อ..
     
  16. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    จับโจรโหด ปล้นไอดอลธรรม ภาคย -- หนีบวช

    <img src='http://www.thairath.co.th/media/content/2012/07/22/277970/hr1667/630.jpg' width=200>

    ตร.ตามตะครุบตัวได้อีก 1 คน แก๊งปล้นนักร้อง 'บี้-บอม' เคพีเอ็น เป็นคนลงมือใช้ไม้เบสบอลฟาด ขณะหนีบวชเณรไกลถึงบุรีรัมย์ สารภาพอ้างทำมาแล้ว 3 ครั้ง ด้วยความเมาและคึกคะนอง...

    จากกรณีนายธรรมภาคย์ ชี หรือ "บี้ เคพีเอ็น” อายุ 20 ปี และนายอนุรักษ์ บุญเพิ่มผล หรือ "บอม เคพีเอ็น” อายุ 25 ปี นักร้องสังกัดเคพีเอ็นอวอร์ด ถูกโจรวัยรุ่น 4 คน มีรถ จยย. 2 คัน เป็นพาหนะ ตามปาดหน้ารุมชกต่อยปล้นทรัพย์ โดยใช้ไม้เบสบอลตีใบหน้าได้รับบาดเจ็บ ท้องที่ สน.พหลโยธิน ต่อมาตำรวจสามารถจับกุม 2 วัยรุ่นร่วมแก๊งได้ ยังเหลือที่ยังหลบหนีอีก 2 คน คือนายมอส (นามสมมติ) อายุ 17 ปี มือไม้เบสบอล และนายโจ้ ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง ซึ่งทั้งหมดตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับนั้น

    ความคืบหน้าคดีนี้ เมื่อวันที่ 22 ก.ค. มีรายงานว่า ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายมอสได้แล้วขณะหลบหนีไปบวชเป็นสามเณรอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ โดยจับกุมได้ขณะออกบิณฑบาต นำตัวมาดำเนินการสึก สอบสวนเบื้องต้นให้การว่า ก่อเหตุมาแล้ว 3 ครั้ง ทุกครั้งก่อเหตุเพราะเมาและคึกคะนอง ล่าสุด อยู่ระหว่างส่งตัวมาดำเนินการตามกฎหมายในท้องที่เกิดเหตุ

    ด้าน พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รอง ผบ.ช.น.กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เบื้องต้นรับรายงานว่าสามารถจับกุมคนร้ายได้เพิ่มอีก 1 คน และอยู่ระหว่างเร่งติดตามผู้ต้องหาที่เหลือมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
     
  17. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    [​IMG]

    จากแหล่งข่าวที่กึ่งเผยนามวอนบอกว่า เยาวชนดังกล่าว หลงเข้ามาในธรรมชาติ
    ที่ชื่อว่าอาโปเมา วาโยเมา ปฐวีเมา อัคคเมา ซึ่งน่าจะมีความเกี่ยวข้องอย่าง
    มากกับ รอยสักยันต์ที่แขนลายพร้อย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2012
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    นิทาน : อุบาศพเลือกนายวัด

    กาลครั้งหนึ่ง ล่วงเลยไปเบื้องหน้าไม่นานนัก มีอุบาศพวิญติรูปหนึ่ง ขณะที่
    พิจารณารถเป็นเพียงธาตุดิน เคลื่อนด้วยวาโย มีอาโปเป็นพลังสันดาบกับเตโช
    ธาตุ ก็มีอันว่า รถด้วยมหาภูตรูป4 เคลื่อนเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับอุบาศพร่างนั้น
    ทำให้แยกจากกันไม่ออก เข้าถึงความเป็นหนึ่ง

    ครั้งนั้น มีอายวิททะเนสนุ่งมะเตี่ยวแดงยืนดูอยู่ข้างหนึ่ง ก็เคลื่อนด้วยวาโยธาตุ
    เข้ามาถามถไถ่อุบาศพ

    มะเตี่ยวแดง : "ทุกข์ทนไหวไหม"

    อุบาศพ : ท่านมีโลภะ โมหะ โทษะ ข้าเป็นเพียงวาโย เตโช อาโป ปฐวีการ หาได้รู้จัก
    ทุกข์ที่ท่านพูดถึงไม่

    มะเตี่ยวแดง : เออแหนะ เออแหนะ แม้กายจะสลายเป็นธาตุ ก็ยังมีปากคอจัดจ้าน
    ในกรรมถางไม่สร่างซา เห็นแก่คุณข้อนี้ ข้าจะยังไม่พาเจ้าไปเที่ยวยังเมืองข้า แต่
    ข้าจะพาเจ้าเคลื่อนด้วยวาโยไปยังวัดที่เจ้าชอบ ขอให้เอ่ยปากมาเถิด ข้าข้อเสนอ
    ว่า เอาวัดยานนาวาดีรึไม่

    อุบาศพ : ท่านมีโลภะ โมหะ ไม่รู้อะไร ไม่รู้ลักษระธรรมของข้า ที่ข้ารู้ ข้าเห็นแจ้ง
    แล้ว จะให้ข้าไปวัดยานนาวา เดี๋ยวเขาก็จับข้าไป นั่งทำสมถะ เพ่งกสิณ ข้านั้นีภูมิ
    ตามรู้ตามดูปฐวี อาโป วาโย เตโช อีกทั้ง อบายตนะน้อยใหญ่นอกใน ข้ารู้ ข้าเห็นหมด
    เข้าใจถ้วนหมด หาได้จำเป็นต้องไปนั่งหลับตาเพ่งกสิณไม่

    มะเตี่ยวแดง : มันก็เป็นเพียงวาโยที่ออกไปจากหทัยวัตถุข้าเท่านั้น ท่านอย่าได้ใส่ใจ
    นักเลย วัดใดที่ปราศจากการตั้งสมถะกรรมฐาน มีแต่เรื่อง ปฐวีธาตุฟาดกันตับ ตับ
    ตับ มีแต่วาโยธาตุเคลื่อนหกขเมน ตีลักกา หกเก้าพิศดาร มีเตโชธาตุครุกรุ่นเย็นร้อน
    มีอาโปธาตุเป็นที่สุด ปึ๊ด ปึ๊ด ปึ๊ด ท่านก็ระบุมาเถิด ว่าท่านประสงค์จะไปวัดใด

    อุบาศพ : ท่านมีโลภะ โมหะ หาได้รู้ไม่ว่า วัดที่ไร้การตั้งสมถะ ทำสมาธิ นั่งหลับ
    ตานั้นไม่มีอยู่ทั่ว มีเฉพาะในเขตเมืองแถวสุทธิสารเท่านั้น ท่านจงพาข้าไปเถิด

    มะเตี่ยวแดง : วัดอะไรของเจ้า ไหนบอชื่อมาสิ

    อุบาศพ : วัดโพทรายดอน(Posidon) ข้าเคยได้ยินมาอย่างนั้น

    มะเตี่ยวแดง : แน่ใจรึว่านั่นวัด ฮึ ฮึ

    อุบาศพ : ท่านมีโลภะ โมหะ แล้วกล่าวหยันข้าด้วยโทษะ อันสถานที่ใดมี วาโย
    เตโช ปฐวี อาโป อาหมวย อาอี้ ข้าเห็นเป็นลักษณะธรรม ปรโลกมัด สิ้น ทั้งนั้น พา
    ข้าไปเถิด ข้าย่อมสะดวกต่อการบรรลุ โมกค์(moke)ซะ โดยพลัน

    [​IMG]

    5 นาทีถัดมา

    น้องอาโป : ดีฮ่า เชิญอุบาศพ และท่านผู้นุ่งผ้ามะ มะ

    มะเตี่ยวแดง : ไม่ใช่แค่นุ่งมะ ต้อง มะเตี่ยวแดง

    น้องอาโป : อ๋อค่ะ เชิญนั่งลง หลับตาสกครู่ แล้ว เพ่งผ่านกระจกได้เลยนะค่ะ เมื่อสว่างไสวแล้ว

    ห้องมืดอยู่พักหนึ่ง มีเสียงฝีเท้าเดินกุปกัปกุปกัปอยู่เบื้องหน้า แต่พอไฟสว่างปั๊ป อุบาศพก็หายไป
    จากที่นั่ง ร้อนถึงมะเตี่ยวแดงให้นั่งไม่ติด ต้องรับลุกออกมาเพื่อหาอุบาศพที่หุนหันหายไป

    มะเตี่ยวแดง : ท่านแจ้นออกมาทำไม ข้า ขำอกุศล แทบน้ำตาเล็ดเป็นทำ

    อุบาศพ : ท่านมีโลถ โมหะ โทษะที่ข่ำข้า ท่านไม่เห็นรึ วัดนั้น มันก็พาข้า นั่งหลับตา และ พาเพ่ง !!

    นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า วัดแม้แต่วัดโพทรายดอน ก็ยังพาเพ่ง วัดจึงคับแคบสำหรับอุบาศพบางจำพวก เช่นกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2012
  19. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,210
    ค่าพลัง:
    +3,130
    อนุโมทนา กับคุณฐานัฐ ขอให้สำเร็จในทางธรรม
    แด่ผู้มีอุดมการณ์เดียวกัน
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    <img src='http://www.paszo.com/images/cosje/sl050-i.jpg' width=200>


    เมื่อ"สัจจะ" เป็นเพียงอุดมการณ์ประดับ หนุมาน ก็กลายเป็นแหวน ฉะนั้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...