ประสบการณ์จริง..เจ้ากรรมนายเวร ในอดีตชาติของผม

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย โมกขทรัพย์, 13 มิถุนายน 2012.

  1. โมกขทรัพย์

    โมกขทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    476
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,858
    สวัสดีครับ พอดีวันนี้ว่างเลยมีเรื่องจะเล่าสนุกๆให้ฟังครับ ขอให้ชมเป็นนิทานสนุกๆล่ะกันนะครับ

    ย้ำอีกรอบครับ อย่าเชื่อ...!! จนกว่าคุณจะเห็นด้วยตาของตน ครับ



    ย้อน ไปเมื่อผมอยู่ประถม ๖ เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว สมัยนั้นทางโรงเรียนของผมมีจัดบวชเณร ภาคฤดูร้อน ด้วยความที่ผมเป็นเด็ก และอยากรู้ว่าบวชเณรเป็นอย่างไร เห็นผู้เฒ่าผู้แก่บอกว่า บวชเณรได้บุญเยอะ ทำให้ผมอยากไปมาก ผมเลยไปขอแม่ แรกๆแม่นั้นไม่อยากไปด้วยห่วงลูกชายนั้นไม่เคยไกลบ้าน แต่ผมก็รบเร้าและยกคำอ้างมาบอกแม่ว่า หากผมไปบวชแม่จะไม่ตกนรกไง และก็สมดังหวังครับ แม่ก็เลยปล่อยให้ผมไป

    แรกๆที่บวชนั้น ด้วยความเป็นเด็ก แม้จะอยู่ในเพศบรรพชิต เรื่องความไม่สำรวมนั้นก็มีบ้างครับ แต่ก็ไม่เคยทำผิดศีลแต่อย่างใด เนื่องจาก วัดที่ผมบวชนั้นค่อนข้างเคร่ง มีการสวดมนต์ทำวัตรเช้าเย็น และนั่งสมาธิ


    ในตอนเช้านั้นบรรดาเณรทั้ังหลาย (ในวัดนั้นมีเณรร่วม ๓๐๐ รูปครับ) ต้องตื่นแต่ตีสาม ไปล้างหน้าแปรงฟัน ให้เวลา ๓๐นาที พร้อมกัน ตี๓ ครึ่งร่วมทำวัตร และทำวัตรเสร็จก็ประมาณตี๔ ครึ่ง นั่งสมาธิ ครึ่งชม. เดินจงกรมครึ่งชม. แรกๆนั้นผมนั่งไม่ค่อยได้ครับ เนื่องจากเด็กนั้น หากนอนไม่เต็มที่จะมีอาการง่วงนอน จึงทำให้ผมนั้นสัปหงกประจำ แต่พอผ่านไปหนึ่งเดือน ผมก็เริ่มชินครับ จิตเริ่มนิ่ง สงบ


    วัดที่ผมบวชนั้น ใช้คำภาวนาว่าพุท โธ ครับ วันหนึ่ง ผมภาวนาไปเรื่อยๆ จนผมรู้สึกว่า แขนขาผมมันยาวใหญ่ได้ บางทีเหมือนตัวลอยได้ บางคราวขนลุกซู่ไปหมด ผมก็แปลกใจแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร จนในที่สุดอารมณ์ดิ่ง นิ่ง จนลมหายไป ปรากฏความว่าง อิ่ม นิ่งอยู่อย่างนั้น แต่น่าเสียดายครับ มันเกิดแบบนั้นเพียงครั้งเดียวครับ ครั้งหลังๆ ก็ได้แค่ความสงบเท่านั้นเอง


    สำหรับช่วงเย็นนั้น เริ่มทำวัตร ๖โมงเย็น นั่งสมาธิตั้งแต่ ๒ทุ่ม จนถึง ๔ทุ่ม ผมถือว่าช่วงเย็นนี้โหดพอสมควรครับ แต่ก็ชอบ เนื่องจากตอนเย็น มีฉันน้ำปานะ (ในใจตอนเด็กๆนั้นคิดได้อย่างนี้อย่างเดียว)


    พูดถึงบรรยากาศของวัดโดยทั่วไปนั้น วัดแห่งนี้ค่อนข้างใหญ่พอสมควรและสร้างมานานแล้ว เป็นวัดประจำอำเภอและมีชื่อเสียงพอสมควร บริเวณศาลาที่รับแขกนั้น ค่อนข้างใหญ่จุคนได้หลายพันเลยครับ ส่วนด้านหลังนั้นจะเป็นหอฉัน เลยหอฉันไปทางทิศใต้จะมีบ่อน้ำ และข้างๆบ่อน้ำนั้นจะเป็น ศาลาธรรมสังเวช และ เมรุเผาศพ ใกล้ๆกับเมรุเผาศพจะมีต้นมะพร้าวสองต้น สูงละลิ่ว ยาวเหยียด บรรดาเณรทั้งหลายหากจะไปสรงน้ำก็ไปสรงน้ำใกล้ๆต้นมะพร้าวนั่นแหละครับ เพราะบ่อน้ำ และต้นมะพร้าว และเมรุนั้นอยู่ในบริเวณเดียวกัน ห่างกันเพียงแค่ ไม่ถึงสิบเมตร


    วันหนึ่ง ผมตื่นแต่ก่อนใคร น่าจะประมาณตีสองเห็นจะได้ เนื่องจากปวดท้อง จึงลุกไปเข้าห้องน้ำและ ถือโอกาสไม่นอน เนื่องจากใกล้จะตีสามแล้ว ผมจึงลุกไป อาบน้ำล้างหน้าล้างตา พอไปถึงบ่อน้ำ อากาศรู้สึกเย็นๆ แปลกๆ คืนนั้นเป็นคืนเดือนแรมครับ บรรยากาศสลัวๆ พอมองเห็นอะไรๆ ได้ผมถือเทียน ไปด้วย จุดแล้วก็วางใกล้ๆแหล่งน้ำ หลังจากนั้นก็แปรงฟันล้างหน้า ในขณะที่แปรงฟันอยู่นั้น ผมก็มองไปรอบๆ เมรุเผาศพ ใจก็นิดหวั่นนิดๆ เนื่องจากกลัวผีน่ะครับ เพราะสัปปะเหร่อ เล่าลีว่า ผีที่เมรุเผาศพวัดนี้ ดุมาก


    ผมกวาดสายตาไปรอบๆ ตาไปสะดุดกับต้นมะพร้าว หน้าบ่อน้ำที่ใช้อาบใช้ล้างหน้า ก็แปลกใจทำไมวันนี้ มีต้นมะพร้าว เพิ่มขึ้นเป็น สี่ต้น เพราะปกติแล้ว ต้นมะพร้วจะมีแค่ สอง เท่านั้น

    ด้วยความแปลกใจ ผมก็เดินเข้าไปใกล้ๆ จนเหมือนจะเกือบถึงแล้ว ห่างแค่ สองเมตรเท่านั้นก็จะถึง ผม ตก กะใจร้อง... เฮ้ย..! ก็ไอ้ต้นมะพร้าวอีกสองต้นที่เพิ่มมานั้น มันสามารถเคลื่อนที่ได้ ผมตกใจสุดขีด เหลือบสายตา แหงนมองย้อนสูงขึ้นไปบนต้นมะพร้าวนั้น


    [​IMG]


    พลัน...!!! หัวใจผมแทบวาย เมื่อสายตาผมไปกระทบกับ อมนุษย์ตนหนึ่ง ที่กำลังชะโงกหน้าต่ำลงมามองที่ผม รูปร่างหน้าตาน่าเกลียดเหลือประมาณ ปากมันยาวมาก ยื่นออกมาเป็นเมตร พร้อมลิ้นที่ยาว นัยตาปูดโบนออกมา น่าเกลียดน่ากลัว หัวมันโล้นเลี่ยน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลพุพองไปหมด ตัวมันยาว และใหญ่มาก แขน ขามันใหญ่ น่าจะใหญ่วงบ่อน้ำ ซักเท่าตัว กลิ่นเหม็นคละคุล้งโชยมา ทำเอาผมแทบจะเป็นลม ผมไม่สามารถบังคับร่างกายให้มันไปได้อย่างที่ต้องการ ในใจตอนนั้นอยากจะวิ่ง แต่ขามันเกิดอาการแ็ข็ง และไม่สามารถ ขยับขเยื้อนได้อย่างใจคิดเลย



    [​IMG]



    ผมยืนตะลึง ไม่มีสติสมปะดีอยู่พักหนึ่ง ใช่แล้วมันคือ...เปตร...! เปต ร ตนนี้มันน่ากลัวเหลือเกิน ขนหัวผมลุกชูชัน ตั้งแต่เจอผีมา ครั้งนี้ถือว่ามันเลวร้ายที่สุดในชีวิตครับ เพราะมันชิดและใกล้จนแทบลมหายใจชิดกัน ทันใดนั้น ก็มีเสียง โหวกเหวกมาทางข้างหลัง บรรดาเณรที่เพิ่งตื่่นกันนั่นเอง มาสรงน้ำกัน แล้วเปตร ตนนั้นก็หายแวบไป

    แต่ ผมสติตอนนั้น ไม่มีอยู่กับตัวเลย ใจหายวาบไปหมด ฉี่มันไหลเปรอะเปื้อนสบงเป็นทาง จนผมต้องรีบรวบรวมสติของตนแล้วรีบสรงน้ำทั้งที่เปียกๆนั้น ไปเปลี่ยนสบงอีกผืน แล้วมานั่ง สวดมนต์ที่หน้าพระประธาน จนพระอาจารย์ที่นำสวดมนต์ทำวัตรเช้านั้น แปลกใจ ถามว่า เป็นอะไรหรือเปล่า ผมก็ไม่ตอบและไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง

    นับแต่นั้นเป็นต้นมา ผมก็ไม่กล้าไปสรงน้ำที่นั่นคนเดียวอีกเลย และได้ข่าวว่า เปตรตนนี้ได้หลอก สามเณรที่ไปดึกๆดื่นคนเดียวแถวนั้น สองสามรายด้วยกัน และข่าวร่ำลือเรื่องเปตรก็แพร่สะพัดไป จนบรรดาเณรๆนั้น หากจะไปสรงน้ำกันก็ต้องไปเป็นกลุ่ม

    พระอาจารย์ท่านทราบ ท่านจึงบอกว่า ให้พวกเณรนั้น หลังจากนั่งสมาธิแล้ว ให้แผ่กุศลไปให้เปตรตัวนั้นด้วย เนื่องจากที่เขามานั้น เขาไม่ได้มาหลอกแต่เขามาขอส่วนบุญ พอหลังจากนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่มีใครเจอเปตร ตนนั้นอีกเลยครับ

    ขอบคุณที่ติดตามครับ


    โมทนาในกุศลกรรมกับทุกท่านด้วยครับ
     
  2. โมกขทรัพย์

    โมกขทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    476
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,858
    สวัสดีท่านกัลยาณชนทุกท่านครับ

    วันนี้พอจะมีเวลาเลยมาขอเล่าเรื่องจริงอิงนิทานให้ได้ชมกันต่อครับ

    ย้ำก่อนนะครับ อย่าเชื่อจนกว่าจะได้พบด้วยตาของคุณเอง


    เรื่องผีโดยมากแล้ว ผมจะเจอตอนเด็กกับวัยรุ่นซะส่วนใหญ่ ไม่ทราบว่าเพราะอะไร เป็นเรื่องที่แปลกเอาการเหมือนกัน เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ก็เป็นเรื่อง ที่เกิดในช่วงที่ผมนั้นอายุได้ ประมาณ ๑๘ ย่าง ๑๙ เรียกว่าช่วงนั้น กำลังห้าวเป้งครับ ตามประสาวัยรุ่นทั่วไป ก็ต้องมีมอเตอร์ไซค์ไว้ไปเที่ยว หรือไปหาจีบสาว น่ะครับ ผมก็เป็นหนึ่งในสมัยนิยมแบบนั้น แต่บรรดาสาวๆที่ผมจะไปจีบนั้น ส่วนมากจะอยู่ต่างหมู่บ้าน เพราะผมไม่ชอบจีบสาวที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน มันไ่ม่เร้าใจ (เหมือนกับว่ามันเจอหน้ากันบ่อยแล้ว เลยเกิดอาการเหมือน คุ้นเคย ไม่ตื่นเต้นอะไรประมาณนั้นน่ะครับ)


    ในสมัยนั้นถนนหนทางต่างๆ ยังไม่มีแสงไฟฟ้า บรรยากาศแถวชนบท ค่อนข้างจะมืด และเงียบสงัด วิเวก วังเวง โหวงเหวง และชาวบ้านก็มักจะนอนแต่หัวค่ำ เพราะตอนเช้าๆ ต้องออกมาทำงานตั้งแต่เช้ากัน ไม่เหมือนวัยรุ่นสมัยนี้หรอกครับ ตีสาม ก็ยังไม่เข้าบ้านเลยฮาๆ แต่สำหรับผมแล้ว ผมชอบออกหากินตอนกลางคืนครับ เพราะเป็นผู้ชาย พ่อกับแม่เลยไม่ค่อยห่วงเท่าไร อีกอย่างผมไม่ได้ไปหาเรื่องใคร คติผมคือ ไม่สนใจเรื่องชกต่อย แต่ที่ทำบ่อยก็คือ เจ้าชู้ นั่นว่าไปนั่น ไหลอีกแล้วครับ เข้าเรื่องดีกว่า

    วันหนึ่ง ในหน้าหนาว ผมก็ขับรถมอเตอร์ไซค์คู่ีชีพคันงาม ไปเที่ยวสาวที่บ้านเหนือ แหม๋...! พูดถึงสาวบ้านเหนือนะครับ เธอเป็นสาวเหนือจริงๆ คือสาวเหนือนี่สเป็คผมอยู่แล้ว ขาว สาว หมวย อึ๋ม โดนใจอยู่แล้ว พวกนี้พ่อเขาอพยพมาจาก ทาง เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง มาตั้งรกรากที่นี่เป็น ๑๐ กว่าปีแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่อง ความสวยนี่สาวหมู่บ้านนี้ กินขาดครับ ผิวที่ขาวผ่องยองใยเชียว ไอ้ผมก็ประเภท เจอแบบ ก็ต้องคลุกคลีกันพักใหญ่ล่ะ ไอ้เรื่องจะถอยนี้ ไม่มีในพจนานุกรมของผมหรอก สู้อย่างเดียว ชาติอาชานัย ตามสมัยนิยม ว่าไปนั่น (เรื่องเจ้าชู้โปรดอย่างเยี่ยงอย่างนะครับ เพราะมันผิดศีลข้อสาม)

    ในคืนนั้นอากาศค่อนข้างหนาว แสงจันทร์ส่องสว่าง ทำให้รอบกายนั้น ดูเหมือนจะไม่ืมืดไปซะทีเดียว พอจะมองเห็นอะไรได้รำไรๆ บรรยากาศโรแมนติกมากครับ นั่งคุยกับสาวเจ้าตอนพระจันทร์เต็มดวง แหม๋ สุขใดฤา จะเทียม(ความรู้สึกสมัยนั้นนะครับ ไอ้กามราคะของผมนี่มันแรงตั้ังแต่สมัยวัยรุ่นจริงๆ ฮาๆ) ก็สมัยแต่ก่อนนั้น ตามบ้านของบรรดาสาวๆที่ผมไปเที่ยวจีบนั้น เขาจะมีแคร่ไม้ไผ่ อยู่ใต้ถุนบ้าน เวลาผมไป ก็จะไปนั่งคุยกันอยู่แคร่ไม้ไผ่นั่นละครับ นั่งคุยกันไป จีบกันมา พอคุยกันถึงบทซึ้งๆทีไร เธอก็ทำเอียงอาย เขิน บิดไปบิดมาอยู่นั่นล่ะครับ ไอ้ผมก็กะล่อน แรกๆก็แค่จับมือ ต่อมาก็หอมแก้ม หลังจากนั้นก็ลามปามไปใหญ่ ในที่นี้ไม่ขออธิบายนะครับ เพราะนี่เว็บธรรมะ เกรงว่าจะติด เรท ฮาๆ

    หลังจากที่สมใจอยากแล้ว ก็ถึงเวลาต้องลาต้องน้องแ้ก้วหน้าแฉล้มกลับบ้านล่ะครับ เนื่องจากจะไปนอนค้างอ้างแรมบ้านสาวเจ้า ก็กระไรอยู่ เกรงว่าจะโดนปืนลูกซองพ่อเธอเอา จึงจำใจต้องกลับ ทั้งๆที่ไม่อยากกลับ แหม๋ อำนาจ กามราคะ นี่มันยิ่งใหญ่จริงๆนะครับ ทำเอาหนุ่มใจเปลี่ยวเช่นผม เพ้อไปเหมือนกัน

    ระหว่างทางที่ขับรถมาเรื่อยๆ บรรยากาศในตอนนั้น มันหนาวเหน็บจริงๆครับ เนื่องจากตอนนั้น เป็นเดือนมกราคม ยิ่งอากาศทางเหนือนั้น คุณเอ๋ย...! มันหนาวเข้าไปกระดูกดำจริงๆ สะ้ท้่านเข้าไปถึงทรวงอกเลย แต่ก็อย่างล่ะครับ ถึงจะหนาวเพียงใด ด้วยใจที่ร้อนรุ่ม ของคนหนุ่มอย่างผม ความหนาวเพียงแค่นั้นมันมันจะสู้หนาวใจได้หรือ...? มันก็เพียงแค่จิ๊บๆ เท่านั้นเอง ผมชะลอรถคันเก่งของผม เมื่อโดนลมหนาวปะทะหน้า ทำเอาหน้าชาไปเลยครับ จึงต้องขับเบาๆ ช้าๆไปเรื่อยๆ เวลาในขณะนั้น น่าจะประมาณ ตีหนึ่งได้ ระยะห่างจากบ้าน สาวที่ผมไปจีบนั้น ก็จากบ้านผมไปหาบ้านเขา น่าจะประมาณ ๑๕ กิโลเมตรได้ สองข้างทาง มีหมู่บ้านประปราย สลับกับป่ารกชัฏ

    ก่อนจะใกล้จะถึงบ้านผมนั้น จะมีโค้งหักศอกซึ่งตรงนั้ันจะตั้งศาลเพียงตา และหลังศาลเพียงตานั้นจะเป็นต้นไม้ใหญ่ แผ่กิ่งก้านสาขา บดบังแสงจันทร์ซึ่งสาดส่องลงมายังบริเวณเส้นทาง ทำให้เส้นทางนั้น มืดครึ้มไปเป็นระยะ หลายสิบเมตรด้วยกัน ซึ่งจะมีบรรดาสิงห์นักซิ่งทั้งหลาย มาบาดเจ็บหลายราย และเสียชีวิตตรงนี้ ไม่น้อยกว่า ๕ศพแล้ว ซึ่งผมก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่า ก็รู้ว่ามีโค้งอยู่ตรงนี้ยังจะขับเร็วกันอีก นี่ล่ะหนามนุษย์ ขึ้นชื่อว่าความประมาทนั้น ช่างเป็นเพื่อนแท้ของเราจริงๆ ไหลไปอีกแล้วครับท่าน ต่อกันดีกว่า...

    ผมขับรถช้าเือื่อยๆ เข้าสู่บริเวณโค้งมรณะนั้น ในขณะนั้นจู่ๆ ก็เกิดอากาศรอบข้าง เย็นยะเยือกผิดปกติ ทำเอาผมปากสั่นมือสั่นไปหมด ยิ่งเข้าสู่อาณาเขตนั้นแล้ว ผมรู้สึกถึงความมืด ความน่าสะพรึงกลัว มันคืบคลานเข้ามา มันยิ่งทำให้บรรยากาศที่แย่อยู่แล้ว ยิ่งแย่ไปใหญ่ ความหนาวเย็น ยะเยือก แผ่ซ่านทั่วอณูร่างกาย พอๆกับบรรยากาศรอบข้างที่มืดขมุกขมัว ผมพยายามจะไม่มองไปศาลเพียงตานั้น เนื่องจากได้ยินจากคำบอกเล่าของหลายๆคนที่เคยประสบพบเจอกับอาถรรพ์ ณ.ที่แห่งนี้นั้น ช่างหลากหลายคำพูดเหลือเกิน บ้างก็เล่าว่า มีแขนยาวเฟื้อย โผล่มาจาก ต้นไม้ใหญ่นั้น บ้างก็ว่า เห็นหมาดำวิ่งตัดหน้ารถบ้าง บ้างก็ว่าได้ยินเสียงม้า วิ่ง แต่ไม่เห็นตัวบ้าง บ้างก็ว่า เห็นมีชีเดินขึ้นต้นไม้ใหญ่นั้น บ้างก็ว่า เห็นผีหัวขาด นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างศาล สารพัดเรื่องเล่าจริงๆ มันยิ่งทำให้ผมขนลุกซู่ๆ เมื่อจิตคิดกระหวัดถึงเรื่องราวแบบนี้

    ผมกำลังจะผ่าน โค้งอาถรรพ์อยู่แล้วเชียว ในขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินอยู่นั้นเอง ทันใดนั้น...! ผมได้ยินเสียงเหมือน สัตว์อะไรวิ่งอยู่ข้างหลัง เสียงมันเหมือนสุนัข วิ่งไล่อะไรซักอย่าง คุณนึกภาพออกไหมครับ..? เมื่อสุนัขวิ่ง เสียงเ้ท้ามันจะกระทบกับพื้นยางมะตอย มันจะเสียงดัง กรุบๆ กรุบๆ กรุบๆ ตามจังหวะที่วิ่งช้าหรือเร็ว แต่ตอนนั้ัน ผมก็ไม่ได้คิดอะไร ก็ยังขับช้าๆ เอื่อยๆ ไม่น่าจะเกิน ๔๐ กิโลเมตร/ชม. แล้วเสียงฝีเท้า ก็กระชั้นชิดเข้ามาเรื่อยๆ กรุบๆ กรุบๆ กรุบๆ จนในที่สุด มันก็มาอยู่ข้างหลังรถผม ผมหันหลังไปมองผมเห็น หมาดำ ตัวขนาดกลางๆกำลัง วิ่งกวดรถผมอยู่ ในตอนนั้น ผมเริ่มนึกกลัวขึ้นมาแล้วครับ จึงพยายามเร่งเครื่องเพิ่มมากขึ้น แต่ไอ้หมาตัวนี้ มันวิ่งเร็วมาก มันวิ่งเข้ามาใกล้ผม ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา จนในที่สุด มันวิ่งมาขนาบข้างรถผม แล้วผมก็ตกใจสุดขีด...! เมื่อ ขนาดของมัน ใหญ่ขึ้นจนเท่ารถที่ผมขับ (ขออธิบายเรื่องรถนิดหนึ่งครับ รถที่ผมใช้เป็นมอเตอร์ไซค์ตัวผู้ ยี่ห้อ ฮอนด้า LS ซึ่งความสูงของรถ มันสูงเมตรกับอีกเกือบสามสิบเซนต์ แสดงว่ามันสูงเอาการใช่ไหมครับ..?) แล้วมันวิ่งตีคู่รถผมไปเรื่อยๆ ด้วยความตกใจ ไอ้ผมก็เร่งเครื่องพยายามจะแซงมันไป แต่ให้ตายสิ ไม่รู้ว่าไอ้เครื่องรถมันเป็นอะไร เร่งอย่างไรก็ไม่ขึ้น ผมหันไปมองเกย์ความเร็ว มันยังคงย่ำความเร็วเท่าเดิมอยู่อย่างนั้น


    [​IMG][​IMG]

    เปรียบเทียบให้เห็นว่า มันตัวสูงใหญ่ขนาดไหนเมื่อเทียบกับรถคันนี้

    ไอ้หมาดำตัวใหญ่ มันหันหน้ามามองผม พร้อมนัยตาแดงโชน เสียงฝีเท้ามันกระทบกรุบกรับ กรุบกรับ สร้างความหวาดเสียว ขนพองสยองเกล้าให้กับผมยิ่งนัก แต่นั่น ยังไม่เท่าไร มันเร่งสปีด แซงรถผมแล้วตัวมันก็ใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น จนในที่สุด จากหมาดำ มันกลายเป็นม้าไป ตัวใหญ่ลำสัน มันวิ่งห้อตะบึง แซงรถผมไป พร้อมกัับเอี้ยวหันหลังมามอง คุณพระช่วย...! ให้ตายสิ ก็ไอ้ที่หันมามองผมนั้น หาใช่ใบหน้าม้าไม่ แต่มันคือ ใบหน้าคนสีขาวซีด เป็นรูปหน้าผู้ชาย นัยตาลุกวาว สีแดง น่ากลัวเป็นยิ่งนัก ในตอนนั้น ขนผมลุกชูชันไปหมด ผมพยายามรวบรวมสติ ให้จิตใจเป็นปกติที่สุด แต่มือไม้แ้ข้งขามันไม่ยอมเชื่อฟัง มันสั่นเป็นเจ้าเข้า พอไอ้ผีม้ามันแซงผมไปแล้ว ก็ผ่านโค้งอาถรรพ์มาได้ซัก ๕๐ เมตรพอดี แล้วมันก็หายแว๊บไป ....



    [​IMG]


    ผมรวมรวมกำลังใจ ไม่เร่งร้อน ไม่โวยวาย เนื่องจากกลัวตนเองสติแตก จนต้องจับไข้หัวโกร๋น เนื่องจากเคยมีคนโดนหลอก แกชื่อ พี่ทิดนนท์ แล้วแกสติแตก แหกปากโวยวาย ตื่นเช้ามา ผมแกร่วงหมดหัวเลยครับ

    เมื่อกลับถึงบ้านผมไหว้พระ สวดมนต์ ข่มจิตใจให้หลับ ให้ตายสิ..! ผมทำยังไงก็ไม่หลับ จนในที่สุดแล้วก็ไปปลุกพ่อกับแม่ แล้วเล่าให้แกฟัง พอเล่าให้แกฟังจบแกก็เอาน้ำมนต์บนหิ้งพระมารดให้ พร้อมทั้งกำชับให้ไปทำบุญในตอนเช้า

    หลังจากนั้น ผมก็ไม่กล้าไปเที่ยวไหนดึกๆคนเดียวเลยครับ เนื่องจาก ประสบการณ์ครั้งนั้น ทำเอาผมจับไข้ัไปหลายวันเลย

    ผีมีจริงครับ เพียงแต่เขาจะมาสื่อเราในรูปแบบไหน ก่อนตายหากจิตมีกุศลก็มีสุคติเป็นที่ไป แต่หากจิตเศร้าหมอง ก็มีอบายเป็นที่ไหนครับ คุณเลือกเอานะครับ อยากไปนรกหรือสวรรค์



    โมทนาในกุศลกรรมกับทุกท่านด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2012
  3. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,224
    ค่าพลัง:
    +15,636
    ผมเห็นตัวเองเป็นทหารอาสาที่เขาเรียก กองทหารอาทมาต มีแม่ทัพสวมหมวกมาลาขี่ม้านำทัพออกรบ ดักซุ่มโจมตีกองทหารหงสาวดี มาอีกครั้งเป็นทหารบกสมัยสงครามอินโดจีน แต่ผมตายในการสู้รบ ชาติปัจจุบันก็เป็นทหารอีกไปรบชายแดนมา 5 ปี ขอเป็นชาติสุดท้ายเบื่อหน่าย เหนื่อยกับการผจญความทุกข์ยากเข็ญ
     
  4. PNPNC

    PNPNC Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +38
    สนุกดีครับเรื่องเล่า

    ยังไงก็จะรออ่านเรื่องต่อๆไปนะครับ
    ขอบคุณครับผม
     
  5. บานไม่รู้โรย

    บานไม่รู้โรย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +248
    อ่านไปก็อยากจะปลง อยากจะทำความสนิทสนมให้กลายเป็นความชินชากับรูปคุณผี ๆ ที่คุณภูโพสในกระทู้อะนะคะ แต่ใจเจ้ากรรมมันสะดุ้งทุกครั้งที่เห็นรูปเลย หุ หุ ...
    ขออนุโมทนาสาธุ กับเรื่องราวที่เป็นประโยชน์เตือนสติทั้งหมดนี้ค่ะ
     
  6. โมกขทรัพย์

    โมกขทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    476
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,858
    พี่เล่าประสบการณ์เห็นผีให้ชมหน่อยสิครับ อยากรู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้ก็มีเรื่องจะเล่าอยู่แต่ขออุบไว้ก่อน ให้ท่านอื่นแสดงตนบ้างน่ะครับ ^ ^
     
  7. บานไม่รู้โรย

    บานไม่รู้โรย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +248
    พี่เคยเห็นแต่ผีบ้าค่ะ ผีจริง ๆ ไม่เคยเห็น เคยแต่ได้ยินเสียง เสียงเจ้าที่น่ะค่ะ หุหุ...
    ทุกครั้งที่ได้ยินมักจะเป็นตอนที่กำลังเริ่มหลับเหมือนจิตมันว่าง ๆ จำได้ว่าครั้งแรกสมัยเรียนวิทยาลัยตอนนั้นอยู่หอพักหญิง อ่านหนังสือสอบดึกไปหน่อย พอตอนนอนกำลังเริ่มหลับลึก เท่านั้นแหละ เป็นเสียงยายมาดุเรา เสียงแหลม ๆ ดังก้องในหัว ไม่เคยได้ยินเสียงแบบนี้มาก่อน พูดว่าประมาณว่า "ดูมันอ่านหนังสือหักโหมจริง" ประมาณนี้ แล้วมีเสียงตาใจดีปรามยายว่า "อย่าไปยุ่งกับเขาเลยปล่อยเขานอนไป" สะดุ้งตื่นแบบสุดตัวเลย รีบวิ่งไปนอนกับเพื่อนที่เตียงข้าง ๆ กลัวมาก
    ครั้งที่ 2 เมื่อไม่นานมานี้ ตอนกำลังเคลิ้ม ๆ เกือบจะหลับสนิท เป็นเสียงผู้หญิงหัวเราะมาเลย รู้สึกเหมือนเขามานั่งข้าง ๆ ด้วยเพราะรู้สึกว่าเตียงมันจะยุบลงไป เสียงนี่จะออกแนวเสียงดังก้องกังวาลในหูเลย เหมือนเราจะรับรู้ได้เองว่าเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นนะ แต่ไม่ได้กลัวเพราะเคยเจอมาแล้วเลยหลับต่อ ไม่รู้คุณภูเคยได้ยินแบบพี่หรือเปล่า นอกนั้นก็ไม่เคยเห็นค่ะและก็ไม่อยากจะเห็นด้วย เป็นคนกลัวผีมาก
    ของแบบนี้ไม่เจอกับตัวไม่รู้ เล่าไปเพื่อนก็หาว่าเพ้อเจ้อ -_-
     
  8. โมกขทรัพย์

    โมกขทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    476
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,858
    ผีบ้าผมก็เจอบ่อยครับ ฮาๆ

    ของพี่ที่ได้ยินเป็นเสียงนั้นจะเป็นคล้ายๆเสียงเทพที่ีปกปักษ์รักษาอยู่ครับ ไม่ใช่สัมภเวสีแน่นอนครับ ส่วนเรื่องเล่าให้คนอื่นฟังนั้น บางทีเขา่ไม่รู้ไม่เห็นกับเรา เล่าไปก็จะหาว่าเราบ้าได้

    เรื่องมีแต่เสียงนี่ ส่วนมากจะเป็นเสียงหลวงพ่อท่านเสียมากกว่าครับ มาเตือนเวลากำลังคิดอกุศล หรือกำลังจะทำเรื่องไม่ดีไม่งามเสียมากกว่า หรือบางทีก็มาเป็นนิมิตเลยครับ มาถึงก็ไม้เท้าหวดเลย หวดในนิมิตนั้นล่ะครับ

    ที่เจอบ่อยๆจะเป็นพวกผีชั้นต่ำมาขอส่วนบุญซะส่วนใหญ่ บางทีก็มานั่งแหมะในรถเลย หากเขาตายในลักษณะแบบไหน เขาก็จะมาในลักษณะแบบนั้นน่ะครับ เช่นตัวซีด หน้าซีด ผมเผ้ารุงรัง ใส่ชุดไหนตายก็จะมาชุดนั้น เนื่องจากจิตก่อนตายของเขามันเศร้าหมอง และไม่ได้นึกถึงกุศลใดๆเลย ต้องให้เขาโมทนาบุญกับเรา เขาจึงจะเปลี่ยนภพภูมิไปในทางที่ดีขึ้น

    มีเรื่องไหนก็เ่ล่าสู่กันฟังอีกครับ ตอนนี้ผมมีเรื่องเกี่ยวกับอานุภาพ พระคาถาชินบัญชร คาถาอื่นๆ กับพระเครื่องที่ผมมีอยู่ กำลังคิดว่าจะตั้งกระทู้ใหม่หรือว่าเล่าต่อจากตรงนี้ดี

    โมทนาในกุศลกรรมครับ
     
  9. Chanseenak

    Chanseenak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +506
    รออ่านด้วยครับ เอากระทู้นี้แหละครับ
     
  10. บุษบรรณ

    บุษบรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2010
    โพสต์:
    2,212
    ค่าพลัง:
    +8,603
    มารออ่านด้วยค่ะ:cool:
     
  11. apichartmatiyapak

    apichartmatiyapak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2012
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +96
    ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆ มีสาระ มีประโยชน์อย่างยิ่ง :cool:

    ขออนุโมทนา ให้กับท่านเจ้าของกระทู้ด้วย ขอรับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  12. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    ตอนแรกกะจะเล่าประสบการณ์ การเห็น ภพอื่นให้อ่าน แต่คิดไปคิดมา มันไม่ค่อยเกิดประโยชน์เลยครับ ที่รู้แน่ๆ คือ ตายแล้วไม่สูญแค่นั้น เลยมาแอบๆเคียงๆ มองๆ ว่าแต่ละคนมีวิธีปฎิบัติยังงัย จะได้นำไปลองปฎิบัติดู ครับ
     
  13. artbuddhabless

    artbuddhabless เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +161
    ขออนุญาตโมทนาบุญกับคุณโมขทรัพย์ด้วยครับ และรบกวนคุณโมกขทรัพย์ได้โมทนาบุญกับคุณงามความดี ที่ผมเคยได้สร้างมาจนถึงปัจจุบันเช่นเดียวกันด้วยด้วยนะครับ คุณโชคดีจริงๆครับที่ได้รับคำแนะนำจากหลวงพ่อ จนเป็นจุดเปลี่ยนอันยิ่งใหญ่ในการดำเนินชีวิตเลยก็ได้ (ขออภัยที่อาจจะใช้คำเวอร์ไปหน่อยครับ...แฮ่) ผมก็จะพยายามปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้(เนื่องจากสมาธิสั้นมากๆ) เพราะกิเลสผมก็เยอะใช่ย่อยเลยครับ แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้หรอกครับเพราะผมมีเป้าหมายที่สำคัญรอผมอยู่ครับ ขอบคุณมากที่ทำให้ผมได้อ่านกะทู้ดีแบบนี้ครับคุณโมกขทรัพย์
     
  14. พรพิสุทธิ์

    พรพิสุทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    366
    ค่าพลัง:
    +3,810
    ขออนุโมทนาสาธุกับคุณโมกขทรัพย์ด้วยสำหรับธรรมทานที่นำมาเล่าสู่กันฟัง
    เรื่องราวสนุก ตื่นเต้นดีค่ะ คาถาเงินล้านดิฉันก็ได้สวดอยู่บ่อยๆ มากบ้างน้อยบ้างตามกำลังใจ
    ในแต่ละวัน ได้อ่านที่คุณเล่ามา ก็มีกำลังใจขึ้นอีกมากโข มีแรงฮึดที่จะทำต่อไป เคยฝันถึง
    หลวงพ่อฤาษีครั้งหนึ่งค่ะ แอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าอาจจะเคยเป็นลูกหลานท่านเหมือนกัน ฮา..
    อย่างไรก็ตามขอขอบคุณอีกครั้ง ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ อนุโมทนาสาธุ
     
  15. มั่นในธรรม

    มั่นในธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +603
    อนุโมทนาบุญกับเรื่องราวดีๆค่ะ หนูเคยถามหลวงพ่อฤาษีว่าจะฝึกมโนมยิทธิได้ไหม ถ้าได้ขอให้ท่านมาบอก คืนนั้นก็ฝันตอนใกล้รุ่งเลยว่าเห็นท่านในถ้ำ ท่านนั่งบนหินใส่แว่นตาถือไม้เท้าและด้านหน้ามีจระเข้นอนอยู่ 1 ตัว แต่มันนิ่งแข็งใจก็คิดว่าของจริงหรือปลอมหว่า หนูก็ยกมือไหว้และคุยกับท่านเยอะแยะแต่จำไม่ได้ พอตื่นก็เลยคิดว่าท่านมาบอกว่าฝึกได้แต่ก็ยังไม่ได้เริ่ม เคยไปฝึกที่วัดเขาวงศ์แป็บเดียวเองครูสอนก็บอกให้เลิกทุกคนก็เสียดายเพราะอยากเรียนเยอะๆ คิดว่าถ้ามีบุญคงได้ครูสอนที่ดีค่ะ(ไม่ได้ว่าครูนะคะ แต่แค่ทุกคนคิดว่าหยุดสอนไวมากเพราะเราไม่มีพื้นฐานไปเลย อาจจะตั้งจิตได้ช้าหน่อย เสียดายมากๆ) ส่วนเวลานอนบางคืนก็มีเสียงคนมาคุยกันเยอะแยะ บางทีก็เห็นชายนุ่งผ้าโจงสีน้ำตาลเก่าๆมาชี้หน้าด่า ล่าสุดกึ่งหลับกึ่งตื่นได้ยินเสียงยายมาตี และตาแก่ๆก็บอกตีมันเลยๆ รุมตีหนู หนูได้แต่บอกว่าอย่าตีหนูๆ แต่ไม่หยุด เลยแผ่เมตตาถึงลืมตามาได้ เลยแผ่ให้อีกครั้งไม่รู้ตายายโกรธอะไรรุมตีแต่ไม่เห็นหน้านะคะได้ยินแต่เสียงกับความเจ็บแต่ลืมตาได้ก็ไม่เจ็บละค่ะ
     
  16. พุทธทาส

    พุทธทาส Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2009
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +27
    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะครับ เดี๋ยวว่างๆผมจะนำเรื่องเกี่ยวกับพระคาถาชินบัญชรและคาถาต่างๆ และความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่องที่ผมมีมาเล่าสู่กันฟังครับ

    โมทนาในกุศลกรรมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...