น่าเป็นห่วง หลักสูตรพุทธศาสนา จากบางอาจารย์ สอนตายแล้วสูญ ( หลักสูตร ม.1- ม.6)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 24 มกราคม 2006.

?
  1. ไม่เห็นด้วย (คิดว่าสอนผิด)

    0 vote(s)
    0.0%
  2. เห็นด้วย (คิดว่าสอนถูก)

    0 vote(s)
    0.0%
  1. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    นี่แสดงว่าคุณ chatee ไม่ยอมรับหลักกาลามสูตรในข้อที่ว่า "อย่าเชื่อเพียงเพราะเหตุว่า มีตำราอ้างอิง" และ "อย่าเชื่อเพียงเพราะเหตุว่ามีคนเชาบอกมา" รวมทั้งไม่ยอมรับว่าพระพุทธเจ้าไม่ทรงสอนเรื่องอจินไตย ๔ ด้วย

    ส่วนเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์เขาพิสูจน์เรื่องการตายแล้วเกิดใหม่ก็เหมือนกัน มีแต่เขาว่ามาเท่านั้น ส่วนหลักฐานก็ก็เป็นเพียงคำบอกเล่าลมๆแล้งๆที่เชื่อไม่ได้

    คำว่าหลักฐานก็หมายถึงสิ่งที่เราสามารถพิสูจน์ได้ ส่วนคำบอกเล่าจากคนอื่นนั้นไม่ใช่หลักฐาน เพราะอาจจะเป็นคำโกหกก็ได้ หรือเป็นหลักฐานเท็จก็ได้

    ขอให้ไปศึกษามาใหม่ พร้อมทั้งปฏิบัติมาด้วย เมื่อพร้อมแล้วจึงค่อยมาค้าน ถ้าไม่มีปริยัติ ก็ค้านไม่ถูก ยิ่งไม่มีปฏิบัติมาข่วย ก็ค้านผิดได้


    อย่าเชื่อใคร แม้แต่ตัวเอง

    www.whatami.net ฉันคืออะไร? เว็บไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ​
     
  2. B5234T5

    B5234T5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2005
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +210
    ฤทธิ์ทางใจน่ะมี, แต่วิทยาศาสตร์มันพิสูจน์นามธรรมไม่ได้ จบอยู่ที่กายภาพเท่านั้น พระไตรปิฎกก็พูดถึงผลพลอยได้จากการปฏิบัติอยู่ แต่พระพุทธเจ้าก็ย้ำอยู่ตลอดว่า อย่าติดฤทธิ์
     
  3. chatee

    chatee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2010
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +17
    พูดคนละประเด็นไปเลยนะท่าน....เจตนาท่านพยายามที่บอกคนอื่นว่าอย่าไปเชื่อในพระไตรปิฎกทั้งหมดเพราะมีคนเสริมแต่งในภายหลัง...นั้นคือประเด็น
    แต่ท่านกลับอ้างยกเอาคำสอนของพระพุทธองค์ว่า "อย่าเชื่อฯ ตามหลักกาลามสูตร ๑๐" มาเป็นข้อค้านสิ่งใดกันแน่
    การเชื่อในเรื่องเหล่านี้...มีพระอริยเจ้าหลายๆ องค์ท่านที่พิสูจน์มาแล้วว่าเป็นจริง..."พระธรรมคำสอนทุกเรื่องในพระไตรปิฎก เป็นของจริง" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
    ท่านเก่งกว่าหลวงปู่มั่น, หลวงปู่เทสก์ หรือไง ผมชักสงสัยแล้วล่ะว่าท่านเป็นใคร...มีจุดประสงค์อะไรกันแน่
    แล้วที่ท่านบอกว่าให้ผมไปปฎิบัติภาวนาค่อยมาค้านใหม่นั้น..ถามว่าท่านปฏิบัติได้ขั้นไหนแล้ว...ถ้าท่านเป็นผู้ปฏิบัติภาวนาจริงอย่างที่กล่าวอ้าง...
    ขอท่านได้อธิบายที่มาและที่ไปของจิตหน่อยสิว่าเป็นยังไง....เอาตามหลักที่ท่านได้ภาวนารู้และเห็นด้วยตัวเอง..ห้ามลอกหนังสือมา
     
  4. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    เจตนาท่านพยายามที่บอกคนอื่นว่าอย่าไปเชื่อในพระไตรปิฎกทั้งหมดเพราะมีคนเสริมแต่งในภายหลัง
    ------------------------
    ไม่เคยบอกว่าอย่าเชื่อพระไตรปิฎกทั้งหมด แต่บอกกว่า "อย่าเชื่อเพียงเพราะมีตำราอ้างอิง" และสอนว่า ให้ลองศึกษาและปฏิบัติดูก่อน ถ้าไม่ได้ผลก็อย่าเชื่อ ถ้าได้ผลจึงค่อยปลงใจเชื่อ

    นี่คุณคงไม่ยอมรับหลักกาลามสูตร ก็ลองศึกษาและปฏิบัติดูว่าหลักกาลามสูตรทำให้หายโง่ได้หรือไม่? ถ้าไม่ทำให้หายโง่ ก็อย่าเชื่อ แต่ถ้าทำให้มีปัญญาจึงค่อยเชื่อ

    **************************
    ...มีพระอริยเจ้าหลายๆ องค์ท่านที่พิสูจน์มาแล้วว่าเป็นจริง..."พระธรรมคำสอนทุกเรื่องในพระไตรปิฎก เป็นของจริง" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
    ท่านเก่งกว่าหลวงปู่มั่น, หลวงปู่เทสก์ หรือไง
    ----------------------

    แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่าท่านเหล่านั้นเป็นพระอริยะเจ้า?

    *************************
    ผมชักสงสัยแล้วล่ะว่าท่านเป็นใคร...มีจุดประสงค์อะไรกันแน่

    ------------------
    ถ้าเราได้รู้ความจริงอะไรบางอย่าง ที่ทำให้เกิดปัญญา และมีประโยชน์ต่อสังคมและโลก เราจะเก็บเอาไว้คนเดียวอย่างนั้นหรือ? พระพุทธเจ้าก็คงไม่ทำอย่างนั้นแน่

    ******************
    แล้วที่ท่านบอกว่าให้ผมไปปฎิบัติภาวนาค่อยมาค้านใหม่นั้น..ถามว่าท่านปฏิบัติได้ขั้นไหนแล้ว...ถ้าท่านเป็นผู้ปฏิบัติภาวนาจริงอย่างที่กล่าวอ้าง...
    ขอท่านได้อธิบายที่มาและที่ไปของจิตหน่อยสิว่าเป็นยังไง....เอาตามหลักที่ท่านได้ภาวนารู้และเห็นด้วยตัวเอง..ห้ามลอกหนังสือมา

    ---------------------------
    ใจเย็นๆ อย่าใจร้อน ถ้าพร้อมแล้วจึงค่อยมาสนทนากัน ยังไม่ทันไรก็ยิงคำถามมาเสียแล้ว

    ก่อนอื่น คุณต้องตอบมาก่อนว่า "คุณยอมรับหรือไม่ว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ต้องมาจากเหตุและปัจจัยมาปรุงแต่งให้เกิดขึ้นทั้งสิ้น?"

    ที่ถามนี้ก็เพื่อต้องการจะดูก่อนว่า คุณมีความเห็นกับพื้นฐานของทุกสิ่งในโลกหรือในจักรวาลนี้อย่างไร?

    ถ้าคุณยังเชื่อว่า มีสิ่งที่เกิดขึ้นมาได้โดยไม่อาศัยเหตุปัจจัย (คือเชื่อเรื่องสิ่งวิเศษ หรืออิทธิปาฏิหาริย์) เราก็คงสนทนากันไม่ได้ เพราะความเห็นไม่ตรงกัน ถึงสนทนาก้นไปก็จะมาทะเลาะกันเสียเปล่าๆ

    แต่ถ้ายอมรับว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ต้องมากจากเหตุและปัจจัยเท่านั้น ถ้าอย่างนี้ก็พอจะสนทนากันได้ เพราะยอมรับความจริงที่ใครๆเขาก็ยอมรับ และตรงกับหลักวิทยาศาสตร์

    เมื่อได้คำตอบแล้วจึงค่อยมาสนทนากันใหม่
     
  5. ccdd

    ccdd Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +26
    "เมื่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ต้องมาจากเหตุปัจจัย อย่างนั้นก็แสดงว่า จิต หรือ วิญญาณ ของเรานี้ก็ต้องเกิดมาจากเหตุปัจจัยด้วยเหมือนกัน

    จิต หรือ วิญญาณ ของเรานี้มันก็ต้องมีร่างกายที่ยังเป็นๆมาเป็นเหตุ และมีอารมณ์ภายนอก(เช่นรูป เสียง)มาเป็นปัจจัย มันจึงเกิดขึ้นมาได้

    สรุป ดังนั้นเมื่อไม่มีร่างกายที่ยังเป็นๆ หรือไม่มีอารมณ์ภายนอกมากระทบ จิต หรือ วิญญาณ นี้ก็ย่อมที่จะเกิดขึ้นมาไม่ได้

    และเมื่อไม่มีจิตหรือวิญญาณที่จะออกจากร่างกายที่ตายแล้วได้ จึงทำให้ความเชื่อเรื่องนรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้า ผี เทวดา นางฟ้า เป็นต้นนั้น จึงไม่อยู่ในฐานะที่จะเป็นไปได้เลย

    นี่คือเหตุผลที่ใครจะโต้แย้งหรือหักล้างด้วยเหตุผลไม่ได้ (นอกจากคนพาล)"

    คำกล่าวของท่านเตชะปญโญภิกขุนี้ ต้องยอมรับความจริงว่าถูกต้องเกินร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอน ถ้าใช้การวิเคราะห์ด้วยความสามารถในการรับรู้ของมนุษย์ตามธรรมชาติ รวมกับความสามารถทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ในโลกปัจจุบัน

    แต่ก็เป็นไปได้ที่การรับรู้ที่อยู่นอกเหนือความสามารถในการสัมผัสของมนุษย์ และอยู่เหนือความสามารถในการสัมผัสของเครื่องมือและความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ก้าวหน้าที่สุดที่มีอยู่ในโลกปัจจุบันก็อาจมีอยู่จริงเพียงแต่เราและความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ในโลกปัจจุบันยังไปไม่ถึง

    ตัวอย่างเช่นในขณะที่ผมขับรถโดยอาศัยระบบนำทางจีพีเอส ที่รับสัญญาณจากดาวเทียม และสามารถส่งเสียงบอกทาง บอกสถานะของการขับรถได้ตลอดเวลา ถ้าคนเมื่อร้อยปีก่อนมาเห็นเข้าคงไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าเป็นไปได้อย่างไรที่ดาวเทียมนอกโลกสามารถส่งสัญญาณมาบอกทิศทางและพูดจากับทุกคนบนพื้นโลก ในทุกแห่งที่มีสัญญาณติดต่อกับดาวเทียมได้

    เช่นเดียวกัน อาจมีคลื่นสัญญาณอื่นๆอีกมากมายที่อยู่เหนือคลื่นสัญญาณดาวเทียมนี้อีก ที่วิทยาศาสตร์ยังไปไม่ถึง เช่นเรื่องของจิตวิญญาณ อาตมัน การเวียนว่ายตายเกิดข้ามภพข้ามชาติ ฯลฯ ดังนั้นการวินิจฉัยชี้ขาดของท่านเตชะปํญโญนั้นถูกต้องเกิน 100% เฉพาะในกรณีที่เราใช้ความสามารถในการสัมผัสที่โลกในปัจจุบันนี้รู้จักเท่านั้น ไม่ใช่ถูกต้องโดยไม่มีทางโต้แย้งถ้าเราคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะมีอะไร สิ่งใด อื่นๆอีก ที่เราและความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันยังไม่รู้จัก ยังไปไม่ถึง

    อย่างไรก็ตามคำสอนที่ท่านเตชะปัญโญนำเสนอนั้น ยึดหลักความเป็นจริงเท่าที่มนุษย์ในโลกปัจจุบันสามารถจับต้อง พิสูจน์ได้ และก็น่าจะสามารถนำมนุษย์เราไปสู่ความดับทุกข์ตามแนวคำสอนของพระศาสดาของเราได้เช่นกัน และน่าจะเป็นแนวทางที่ดีเยี่ยมแนวทางหนึ่งในการนำไปสู่ "ความปลงตก" ยอมรับความจริงในธรรมชาติ ยอมเป็นส่วนหนึ่งของธรรมช่าติ ไม่คิดจะไปฝืนกระแสของธรรมชาติอีกต่อไป (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) ซึ่งก็อาจนำไปสู่ความหลุดพ้นหรือพระนิพพานได้เช่นกัน โดยไม่ต้องสนใจเลยว่า การเวียนว่ายตายเกิดข้ามภพข้ามชาติมีจริงหรือไม่ ยังมีคลื่นหรือสัญญาณอะไรอีกที่ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ยังไปไม่ถึงหรือไม่ เพราะคำสอนของพระศาสดาของเรานั้นมีเป้าหมายหลักเพียง "ความดับทุกข์" เท่านั้น โดยไม่ได้สนใจว่าเรื่องที่เราโต้แย้งกันอยู่ในเว็บนี้จะมีจริงหรือไม่
     
  6. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    เช่นเดียวกัน อาจมีคลื่นสัญญาณอื่นๆอีกมากมายที่อยู่เหนือคลื่นสัญญาณดาวเทียมนี้อีก ที่วิทยาศาสตร์ยังไปไม่ถึง เช่นเรื่องของจิตวิญญาณ อาตมัน การเวียนว่ายตายเกิดข้ามภพข้ามชาติ ฯลฯ ดังนั้นการวินิจฉัยชี้ขาดของท่านเตชะปํญโญนั้นถูกต้องเกิน 100% เฉพาะในกรณีที่เราใช้ความสามารถในการสัมผัสที่โลกในปัจจุบันนี้รู้จักเท่านั้น ไม่ใช่ถูกต้องโดยไม่มีทางโต้แย้งถ้าเราคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะมีอะไร สิ่งใด อื่นๆอีก ที่เราและความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันยังไม่รู้จัก ยังไปไม่ถึง

    -------------------------------
    คุณนี้คงเชื่อเรื่องพวกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรืออำนาจวิเศษว่ามีจริง

    แต่ลองคิดให้ลึกซึ้งหน่อยว่า แม้สิ่งที่เราจะเชื่อกันว่ามันศักดิ์สิทธิ์ หรือมีอำนาจวิเศษนั้น

    มันจะต้องอาศัยเหตุปัจจัยเพื่อมาปรุงแต่งหรือสร้างให้เกิดขึ้นมาหรือไม่?

    ถ้าสิ่งที่เราไม่สามารถสัมผัสได้ เราก็สามารถคำนวณเพื่อค้นหาความจริงของมันได้ อย่างเช่น คลื่นวิทยุ คลื่นโทรศัพท์ คลื่นแม่เหล้ก เป็นต้น ว่ามันต้องอาศัยเหตุปัจจัยเพื่อเกิดขึ้นมาด้วยหรือไม่? หรือมันเกิดขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องอาศัยเหตุปัจจัยใดๆ

    หรือถ้ามันมีจิตหรือวิญญาณ หรือนรก สวรรค์ตามที่เชื่อกันอยู่ แล้วมันต้องอาศัยเหตุปัจจัยเพื่อเกิดขึ้นหรือไม่?

    ถ้ามันต้องอาศัยเหตุปัจจัยเพื่อเกิดขึ้นมา มันก็ต้องตกอยู่ภายใต้ความไม่เที่ยง ต้องทนอยู่ และไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงทั้งสิ้น

    แต่ถ้ามันไม่ต้องอาศัยเหตุปัจจัย แล้วมันจะเกิดขึ้นมาได้อย่างไร?

    พระพุทธเจ้าสอนให้เราศึกษาวิธีการดับทุกข์จากร่างกายและจิตใจของเราในปัจจุบันนี้

    แล้วก็จะพบความจริงว่ามันไม่มีสิ่งใดที่จะเป็นอัตตาที่จะออกจากร่างกายได้เลย

    แต่ทีมีคำสอนว่ามีจิตหรือวิญญาณที่จะออกจากร่างกายได้นั้นมันเป้นแค่ ความเชื่อ" ไม่ได้มีเหตุผลมารองรับ และไม่มีของจริงมายืนยัน ซึ่งคำสอนเช่นนี้เป็นของศาสนาพราหมณ์ที่ปลอมปนเข้ามาอยู่ในพุทธศาสนา

    เรื่อเหล่านี้มันขัดกับหลักกาลามสูตร ขัดกับหลักอจินไตย ขัดกับหลักอิทัปปัจจยตา ขัดกับหลักที่สอนให้ศึกษาจากร่างกายและจิตใจของเราเอง และขัดแม้กับหลักอริยสัจ ๔ ด้วย

    แต่เราก็ยังเชื่อว่ามันมีอยู่จริง อย่างนี้มิกลายเป็นมาช่วยกันทับถมพุทธศาสนาของแท้ให้จมมิดยิ่งขึ้นหรือ?

    อย่าเอาเพียงแค่สัญชาติญาณโง่ๆของเรามาตัดสิน เดี๋ยวจะเป็นการทำลายประโยชน์ที่เราจะได้รับจากของแท้เสียเปล่าๆ

    www.whatami.net ฉันคืออะไร? เว็บไซต์สำหรับบุคลอัจฉริยะ​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กันยายน 2010
  7. govit2552

    govit2552 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +20
    สวัสดีครับ ทุกท่าน
     
  8. วิศวนันต์

    วิศวนันต์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +35
    เป็นห่วงนักเรียนสมัยนี้จังครับ
     
  9. govit2552

    govit2552 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +20
  10. dogteam555

    dogteam555 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +13
    ผมลองปฏิบัติตามพระไตรปิฎกแล้วครับ เป็นความจริง เป็นมงคลจริง ดับทุกข์ได้จริง.....

    แก่นไม้ เปลือกไม้ ตาไม้ เลือกเอา....
     
  11. cantona_z

    cantona_z สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +3
    วนไปเวียนมา เฮ้อเหนี่อย ใครอยากเชื่อยังไงก็สิทธิ์แต่ละคน แล้วกันครับ กรรมใครกรรมมัน
     
  12. sirwilliams

    sirwilliams Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +61
    เรียนคุณ เตชปญฺโญ ภิกขุ
    คุณจะเอาอะไรมากกับคนในเว็บพลังจิตครับ :)

    อย่าขัดศรัทธาคนอื่น มาร้อนใจไปเปล่าๆ และ ผมก็ไม่ขัดศรัทธา ความเข้าใจของคุณเช่นกัน :)

    ยิ่งเถียง กิเลสยิ่งฝังลึกครับ ไม่ชำระจิตใจใครให้สะอาดขึ้นเลย
     
  13. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743
    สาธุ เห็นด้วยค่ะว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าจะเอาขณิกสมาธิ หรือเหตุผลวิทยาศาสตร์ทางโลกมาวิจัยไม่ได้ แต่ต้องปฏิบัติและพิสูจน์จนสิ้นสงสัยแล้วเท่านั้น

    เฮ้อ อ่านแล้วใจหายเหมือนกัน ถ้าเด็กๆโตมากับหลักสูตรแบบนี้ก็จะยิ่งห่างไกลจากพุทธศาสนาที่แท้จริงออกไปทุกที เพราะเด็กๆจะไม่รู้เลยว่าคนเรานั้นมีการเวียนว่ายตายเกิดจริงๆ ภพภูมิต่างๆนั้นก็มีจริง แต่ต้องพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติในกรรมฐานต่างๆทั้ง 40 กอง(ให้เค้าเลือกเอาว่าชอบแบบไหน) จนเกิดฌานสมาบัติ และได้ญาณต่างๆ ซึ่งไม่ยากเกินความสามารถของเค้าเลย

    และเมื่อไหร่ที่เค้าทำได้จริง และเกิดความสงสัยในพระไตรปิฏกว่ากาลเวลาได้ทำให้พระไตรปิฏกนั้นคลาดเคลื่อนหรือไม่ เค้าก็จะพบคำตอบเองว่าภาษาอันเป็นเครื่องมือหยาบที่เราใช้สื่อสารกันนั้นต่อให้ถูกเปลี่ยนแปลงหรือดัดแปลง จากการถ่ายทอดแบบมุขปาฐะ(การถ่ายทอดทางวาจาจากอีกคนสู่อีกคนซึ่งมีโอกาสผิดพลาดได้) และข้ามกาลเวลา รวมถึงข้ามวัฒนธรรมมามากมายเพียงใดก็ตาม ก็ไม่ได้ทำให้พระธรรม และสภาวะธรรมอันเป็นภาษาของจิต(อันเป็นนามธรรม)นั้นถูกบิดเบือนไปเลย(เพียงแต่เค้าต้องทำให้ได้จริงๆเท่านั้นเอง)

    สุดท้ายนี้ นึกในทางกลับกัน ถ้าเกิดเราต้องเป็นคนรุ่นหลังเช่นพวกเค้าบ้าง แล้วเกิดมาพบกับหลักสูตรพุทธศาสนาแบบนี้เข้า คงพลาดโอกาสดีๆไปไม่น้อยค่ะ (จริงๆก็เรียนมา แต่เท่าที่จำได้ไม่ถึงขนาดว่าไม่เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด หรือกฎแห่งกรรมนะคะ) ปลงค่ะ T^T
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2014
  14. ชินะ

    ชินะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +32
    โอ้หนอ..! ท่านผู้เจริญทั้งหลาย!
    โลกถึงกาลจะฉิบหายแล้วหนอ!
    มนุษย์ถึงกาลจะฉิบหายแล้วหนอ!
    คำสอนแห่งพระศาสดาจะถึงกาลวิบัติแล้วหนอ!
    ด้วยเหตุเพียงเท่านี้หนอ!
     
  15. thanatos123

    thanatos123 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +13
    ไอ้ที่ท่านเทศน์นะ มันถูกแล้ว ไม่เคยอ่านแนวเซ็นเหรอ
     
  16. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ตายแล้วสูญ มันเป็นปัญญาของกิเลสเอาไว้หลอกสัตว์โลก
    ตายแล้วเกิด เป็นปัญญาของพุทธะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...