3พ.ย.นี้กฐินเดียวที่ชีวิต1ไม่ควรพลาด!!!ผ้าขาวให้สงฆ์ชนบทใช้ตัดสบงกฐิน+ฆณฑปพระพุทธบาท

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย เก๋ณัฐา, 30 สิงหาคม 2012.

  1. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    นำรูปองค์ปฐมที่งดงามมาฝากคะ ^_^


    <LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  2. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    วันนี้มาเร็วไปเร็วคะ แอบเหนื่อยคร่า ^_^ พรุ่งนี้มีงานตอนเช้า เดี๋ยวเก๋ขอตัวนั่งสมาธิแล้วเข้านอนเลยคะ ไปนะคะฝากกระทู้ฝากบุญกบินของวัดไว้ด้วยนะคะทุกๆท่าน อนุโมทนาสาธุคะ เจอกันพรุ่งนี้เย็นๆนะคะ
     
  3. แม่จิ๊บโจ้

    แม่จิ๊บโจ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +314
    ได้โอนเงินร่วมบุญกฐิน ๒,๐๐๐ บาทผ่านทาง เอทีเอ็ม โมบาย แล้วนะคะ อนุโมทนาสาธุค่ะ พรอันประเสริฐที่คุณเก๋ผู้นำบุญได้เมตตาให้มา ขอนำส่งให้คุณเก๋ได้รับพรนั้นด้วยโดยไม่มีประมาณนะคะ สาธุเจริญในธรรมค่ะ^-^
     
  4. ลมหายจัย

    ลมหายจัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +610
    3/9/12 โอนเงินทำบุญ เป็นเจ้าภาพ กฐิน 2000 บาท โมนาบุญร่วมกัน ครับ
    ผลทานนี้ จงเป็นพลปัจจัยให้ ข้าพเจ้าได้เป็น เอตทัคคะในฝ่ายผู้เป็นทายก เช่น ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีและเกิดพบชาติไดขอให้ได้ทำนุบำรุงพระพทศาสนาอย่าได้ขาดตกบกพร่องแม้แต่สิ่งหนึ่งสิ่งใด ขอให้ข้าพเจ้า งามทั้งภายใน(จิตใจ)และภายนอก(ร่างกาย)หาที่ติมิได้ นับแต่ชาติปัจจุบัน จนข้าพเจ้าเข้าถึงพระนิพพาน
     
  5. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    อนุโมทนาสาธุการคะ คุณแม่จิ๊บโจ้ ^_^ ขออนุญาติรับพรนะคะเลยนะคะ
    และขอให้พระอันประเสริฐจงบังเกิดแด่คุณแม่จิ๊บโจ้เช่นกันคะ สาธุ ปรารถนาสิ่งใดก็ขอให้ได้สำเร็จสมปรารถนาโดยฉับพลันนะคะสาธุคะ
     
  6. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    [​IMG]

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ

    ทำบุญแล้วตั้งจิตอธิษฐานขอพระพุทธองค์ทรงนำบุญนี้
    ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและเทวดาที่รักษาพระองค์
    ขอพระองค์ทรงมีพระราชหฤทัย พระพลานามัยแข็งแรง
    ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
    --------------------------------------------------------------
    ร่วมกันอธิฐานถวายอายุขัยแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    http://www.baansuanpyramid.com/<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  7. littlejazz

    littlejazz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +224
    ผมขอร่วมทำบุญด้วยนะครับ วันที่โอนเงิน 04/09/2012 [12:16:46] 2000 บาท
    รงค์ฤทธิ์ สงวนศักดิ์ และคุณแม่วิชชาพร คำมูล
    ----------------
    ขอให้ตัวผมได้ดวงตาเห็นธรรมในชาตินี้ด้วยเถิด สาธุ . . .
     
  8. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    ^_^ อนุโมทนาสาธุการคะคุณ รงค์ฤทธิ์ สงวนศักดิ์ และคุณแม่วิชชาพร คำมูล ขอให้ได้สำเร็จสมปรารถนา ได้มีดวงตาเห็นธรรมในชาติปัจจุบันคะสาธุ สาธุ สาธุ
     
  9. อติตา

    อติตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +380
    รูปนี้คือรูปรอยพระพุทธบาทที่พระพุทธน้ำทิพย์ ต.สร้างค้อ อ.ภูพาน จังหวัดสกลนคร นี่คะ ดูได้จากลิ้งค์ข้างล่างนี้

    http://palungjit.org/threads/ร่วมกันสร้าง-พระพุทธรูป-19ศอก-ณ-พระพุทธบาท-7รอย.68872/

    ความคิดเห็นที่ 11

    http://palungjit.org/threads/ขอเชิญร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก-๙-๙๙-เมตร-องค์นี้ให้สำเร็จ.123148/page-6

    ขอแนะนำ ควรให้ข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อความบริบูรณ์ของอานิสงส์ที่จะบังเกิดขึ้น ด้วยความปรารถนาดีค่ะ
     
  10. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p> </o:p>
    ในส่วนรอยพระพุทธบาททางวัดจะเปิดให้เข้าไปนมัสการได้ตั้งแต่กฐินน่ะคะ จึงใช้เพียงรูปรอยพระพุทธบาทอ้างอิงคะ แต่ว่าทันทีที่เก๋ว่างเว้นจากภารกิจการบอกบุญงานกฐินวัดจะเดินทางขึ้นไปถ่ายรูปมาให้ได้ชมกันแน่นอนคะ อนุโมทนาสาธุคะ <o:p></o:p>
     
  11. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773

    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p> </o:p>
    ในส่วนรอยพระพุทธบาททางวัดจะเปิดให้เข้าไปนมัสการได้ตั้งแต่กฐินน่ะคะ จึงใช้เพียงรูปรอยพระพุทธบาทอ้างอิงคะ แต่ว่าทันทีที่เก๋ว่างเว้นจากภารกิจการบอกบุญงานกฐินวัดจะเดินทางขึ้นไปถ่ายรูปมาให้ได้ชมกันแน่นอนคะ อนุโมทนาสาธุคะ <o:p></o:p>
     
  12. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773

    อนุโมทนาสาธุการคร่า คุณธรรมสถิต ^-^
     
  13. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    สำหรับสายบุญหลายๆท่านและญาติโยมที่โทรมาสอบถาม กำหนดปิดรับบริจาค ก่อนอื่นเก๋ต้องขออนุโมทนาเป็นอย่างยิ่งคะกับจิตอันเป็นกุศลในการร่วมเป้นเจ้าภาพสร้างฆณฑปครอบรอยพระพุทธบาทถวายวัดกฐินครั้งนี้ เก๋เพิ่งจะเริ่มบอกบุญคะ ยังไม่เต็มแน่นอนและ สามารถร่วมบุญได้ถึงวันที่ 3 พศจิกายน 2555 คะ แต่ในกรณีบางท่าน สายบุญของเราที่อยู่ต่างประเทศถ้าไม่ทัน สามารถจองกองกฐินไว้ก้อ่นและโอนร่วมบุญทันทีที่เกลับถึงเมืองไทยได้คะ อนุโมทนาสาธุคะ ^_^
     
  14. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    นายติณบาล​

    ในสมัยของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า มีชายผู้หนึ่งยากจนมาก จนถึงขนาดไม่มีชื่อ เขาได้มาอาศัยอยู่กับเศรษฐีท่านหนึ่ง มีหน้าที่เกี่ยวหญ้า ท่านเศรษฐีจึงตั้งชื่อให้เขาว่า “นายติณบาล” (ผู้ดูแลรักษาหญ้า)

    วันหนึ่ง ท่านเศรษฐีต้องการทำบุญทอดกฐิน จึงแจ้งข่าวให้เหล่าบริวารทราบเพื่อให้ได้มาร่วมบุญกับท่าน ข่าวบุญกฐินนั้นได้มาถึงนายติณบาล เขาเกิดจิตศรัทธาอยากร่วมบุญกฐินกับท่านเศรษฐีด้วย แต่เขาไม่มีทรัพย์ใดติดตัวเลย นายติณบาลจึงรีบกลับบ้านเพื่อดูว่ามีทรัพย์สิ่งของใดที่พอจะทำทานได้บ้าง แต่ก็พบกับความว่างเปล่า เขาจึงตัดสินใจนำเสื้อผ้าของตนซึ่งมีอยู่เพียงชุดเดียวไปขาย เพื่อจะได้ร่วมบุญกฐิน และนำใบไม้มาเย็บเป็นผ้านุ่งกันอุจาด เมื่อเดินไปถึงตลาด ประชาชนเห็นการแต่งกายของนายติณบาลเช่นนั้น ต่างพากันหัวเราะเยาะอย่างขบขัน แต่นายติณบาลกลับพูดว่า “พวกท่านอย่าหัวเราะเราเลย เราจะนุ่งใบไม้เป็นชาติสุดท้าย ชาติหน้าเราจะนุ่งผ้าทิพย์”

    นายติณบาลได้นำเสื้อผ้าของตนไปขายแก่พ่อค้าคนหนึ่ง พ่อค้าผู้นั้นแม้จะขบขันแต่ก็รับซื้อไว้ ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าจะนำมาทำอะไร โดยให้ราคาห้ามาสก เมื่อขายเสื้อผ้าของตนแล้ว นายติณบาลจึงมาปรึกษากับท่านเศรษฐีว่า จะนำเงินนี้ไปทำอย่างไรดี ท่านเศรษฐีจึงได้แนะนำให้ไปซื้อด้ายและเข็ม นายติณบาลจึงนำเงินนั้นไปที่ตลาดเพื่อซื้อด้ายและเข็มท่ามกลางเสียงหัวเราะอีกครั้ง หลังจากที่นายติณบาลซื้อเข็มกับด้ายแล้ว จึงนำมาร่วมบุญกฐินกับท่านเศรษฐี เมื่อท่านเศรษฐีเห็นดังนั้นก็เกิดความปีติ และได้อนุโมทนากับนายติณบาล แล้วนำเข็มกับด้ายนั้นมาเป็นบริวารกฐิน

    การกระทำของนายติณบาลทำให้ท้าวสักกเทวราช ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เกิดร้อนรุ่ม จึงส่องทิพยเนตรตรวจดู ได้เห็นการกระทำที่ทำได้โดยยากนั้น จึงเกิดความศรัทธาเลื่อมใส ท้าวสักกเทวราชได้มาปรากฏกายที่บ้านของนายติณบาล ครั้นนายติณบาลได้พบท้าวสักกเทวราชซึ่งประทับยืนสว่างไสวอยู่กลางอากาศ ก็ตกใจเป็นอย่างมาก ท้าวสักกเทวราชจึงแนะนำพระองค์เองว่า “เราเป็นท้าวสักกะ เรามีจิตเลื่อมใสในการกระทำของเธอ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยากยิ่ง เธอปรารถนาสิ่งใดก็จงขอเรามาเถิด เราจะให้พรเธอสี่ประการ”

    นายติณบาลได้ฟังดังนั้น จึงขอพระสี่ประการ ดังนี้...

    1.ขออย่าให้กระผมได้ข่มเหงสตรี ทั้งด้วยกาย วาจา และใจ
    2.ขออย่าให้กระผมมีความตระหนี่ในการทำทาน
    3.ขออย่าให้กระผมมีคนพาลเป็นมิตร
    4.ขอให้กระผมได้มีภรรยาที่ดี มีศีลมีธรรม

    ท้าวสักกเทวราชจึงถามว่า “เธอเป็นคนยากจน ทำไมจึงไม่ขอให้มีทรัพย์มากๆเล่า”
    นายติณบาลกล่าวตอบว่า “การได้เป็นคนดีและมีคนรอบข้างเป็นคนดี นับว่าเป็นทรัพย์อันประเสริฐแล้ว”

    ท้าวสักกเทวราชเมื่อทราบเหตุผลดังนี้ จึงอนุโมทนา และให้พรทั้งสี่ประการตามที่นายติณบาลขอ ข่าวการทำทานของนายติณบาลร่ำลือไปไกลจนพระราชาทรงรับทราบ จึงทรงเรียกตัวนายติณบาลมาตรัสถาม เมื่อทรงทราบเรื่องราวทั้งหมดจึงทรงขอแบ่งส่วนบุญ นายติณบาลก็แบ่งส่วนบุญให้ พระราชจึงพระราชทานทรัพย์ให้แก่เขา

    ตั้งแต่นั้นมา นายติณบาลจึงกลายเป็นเศรษฐี ด้วยผลบุญในปัจจุบันนั้นเอง เมื่อใกล้จะละโลก เขาได้ระลึกถึงการกระทำอันยิ่งใหญ่ซึ่งทำได้โดยยาก โดยเฉพาะบุญที่ได้ร่วมทอดกฐินถวายแด่พระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า คตินิมิตก็ใสสว่างด้วยอำนาจบุญที่ได้กระทำมาดีแล้ว ครั้นละโลกแล้ว บริวารได้มาเข้าแถวรอรับกันอย่างมากมาย เพื่ออัญเชิญให้เทพบุตรใหม่ขึ้นเทวรถ เพื่อกลับสู่วิมาน ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เทพบุตรใหม่เสวยทิพยสมบัติอันตระการตา

    มาถึงภพชาติสุดท้าย เขาได้มาบังเกิดในยุคสมัยของพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เกิดเป็นชายและได้ออกบวชในพระพุทธศาสนา ได้บรรลุอรหัตผลในที่สุด ด้วยอำนาจแห่งบุญที่ทำมาดีแล้ว

    เราจะเห็นว่า บุญที่เกิดจากการทอดกฐินนั้น หากทำอย่างทุ่มเทด้วยจิตที่เลื่อมใสเต็มที่แล้ว แม้ทรัพย์จะน้อย แต่ผลบุญนั้นมิได้น้อยเลย จึงขอเรียนเชิญท่านผู้มีบุญทั้งหลาย มาสั่งสมบุญร่วมกันด้วยการทอดกฐินสามัคคีในวันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2555 นี้ให้สำเร็จไปด้วยกันคะ
     
  15. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    <CENTER>อานิสงส์ตามลำดับการเกิดแห่งธรรมโดยไม่ต้องเจตนา
    (จากสีลถึงวิมุตติ)
    </CENTER><CENTER><TABLE border=0 width="65%"><TBODY><TR><TD>
    อานนท์ ! ด้วยอาการอย่างนี้แล : ศีลอันเป็นกุศล มีอวิปปฏิสารเป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย; อวิปปฏิสาร มีความปราโมทย์เป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ;ความประโมทย์ มีปีติเป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; ปีติ มีปัสสัทธิเป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; ปัสสัทธิ มีสุขเป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; สุข มีสมาธิเป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; สมาธิ มียถาภูติญาณทัสสนะเป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; ยถาภูต-ญ าณ ทัสสนะ มีนิพพิทาเป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย; นิพพาทา มีวิราคะเป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย ; วิราคะ มีวิมุตติญาณทัสสนะ เป็นอานิสงส์ที่มุ่งหมาย. อานนท์ ! ศีลอันเป็นกุศล ย่อมยังอรหัตตผลให้บริบูรณ์โดยลำดับด้วยอาการอย่างนี้แล.- เอกาทสก. อํ. ๒๔/๓๓๖/๒๐๘. ภิกษุ ท.! เมื่อมีศีลสมบูรณ์แล้ว ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า "อวิปปฏิสารจงบังเกิดแก่เรา".ภิกษุ ท.! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อมีศีลสมบูรณ์แล้วอวิปปฏิสารย่อมเกิด (เอง). ภิกษุ ท.! เมื่อไม่มีวิปปฏิสาร ก็ไม่ต้องทำ เจตนาว่า "ปราโมทย์จงบังเกิดแก่เรา". ภิกษุ ท.! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื ่อ ไม ่ม ีวิป ป ฏ ิส ารปราโมทย์ย่อมเกิด (เอง). ภิกษุ ท.! เมื่อปรามโมทย์แล้ว ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า "ปีติจงบังเกิดแก่เรา". ภิกษุท.! ข้อนี้เป็นธรรมดาว่า เมื่อปราโมทย์แล้ว ปีติย่อมเกิด (เอง). ภิกษุ ท.! เมื่อมีใจปีติแล้ว ก็ไม่ต้องทำ เจตนาว่า "กายของเราจงรำงับ". ภิกษุ ท.! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อมีใจปีติแล้ว กายย่อมรำงับ(เอง). ภิกษุ ท.! เมื่อกายรำ งับแล้ว ก็ไม่ต้องทำ เจตนาว่า "เราจงเสวยสุขเถิด". ภิกษุ ท.! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อกายรำงับแล้ว ย่อมได้เสวยสุข (เอง). ภิกษุ ท.! เมื่อมีสุข ก็ไม่ต้องทำเจตนาว่า "จิตของเราจงตั้งมั่นเป็นสมาธิ". ภิกษุ ท.! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น เป็นสมาธิ (เอง). ภิกษุ ท.! เมื่อจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิแล้ว ก็ไม่ต้องทำ เจตนาว่า "เราจงรู้จงเห็นตามที่เป็นจริง". ภิกษุ ท.! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิแล้ว ย่อมรู้ย่อมเห็นตามที่เป็นจริง (เอง). ภิกษุ ท.! เมื่อรู้อยู่เห็นอยู่ตามที่เป็นจริง ก็ไม่ต้องทำ เจตนาว่า "เราจงเบื่อหน่าย". ภิกษุ ท.! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อรู้อยู่เห็นอยู่ตามที่เป็นจริง ย่อมเบื่อหน่าย (เอง). ภิกษุ ท.! เมื่อเบื่อหน่ายแล้ว ก็ไม่ต้องทำ เจตนาว่า "เราจงคลายกำ หนัด". ภิกษุ ท.! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อเบื่อหน่ายแล้ว ย่อมคลายกำหนัด (เอง). ภิกษุ ท.! เมื่อจิตคลายกำ หนัดแล้ว ก็ไม่ต้องทำ เจตนาว่า "เราจงทำ ให้แจ้งซึ่งวิมุตติญ าณ ทัสสนะ". ภิกษุ ท.! ข้อนี้เป็นธรรมดา ว่า เมื่อคลายกำหนัดแล้ว ย่อมทำให้แจ้งซึ่งวิมุตติญาณทัสสนะ (เอง).</PRE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
     
  16. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    หลักการสร้างบุญด้วยทาน
    เจตนาที่ให้ทานต้องมีความบริสุทธิ์
    หมายความว่า คนที่ให้ทานนั้นดำรงอยู่ด้วยความบริสุทธิ์ มีเจตนาที่ดีไม่หวังผลตอบแทนอยู่ทั้งสามระยะช่วงเวลาในการทำทาน คือ ช่วงก่อนให้ทาน ในขณะที่กำลังให้ทาน และหลังจากให้ทานไปแล้ว หากผู้ให้ทานยิ่งเป็นคนที่อยู่ในศีลในธรรมมากด้วยแล้วตัวของทานก็จะยิ่งบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้นไปอีก​

    สิ่งสำคัญเรื่องเจตนานั้น เราต้องระวังอย่าทำทานเพราะเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ คือการทำทานเพราะ ต้องการหวังผล ทำทานเพราะต้องการเอาหน้า ทำทานเพราะต้องการปิดบังความชั่ว เพราะการให้ด้วยใจไม่บริสุทธิ์ทั้ง 3 ประการนี้จะไม่ได้บุญเลยหรือถ้าได้ก็ได้น้อยเต็มที เหมือนอาบน้ำด้วยน้ำหอมอาบอย่างไรก็ไม่สะอาดหมดจด
    เจตนาของทานจะมีความบริสุทธิ์จะมีความบริสุทธิ์มากขึ้นไปอีก หากผู้ที่ได้ทำทานนั้นได้ทำทานไปพร้อมกับการพิจารณาสิ่งของวัตถุทานทั้งหลายด้วยปัญญา โดยพิจารณาว่าสิ่งของที่เราครอบครองอยู่นั้นทุกสิ่งทุกอย่างแท้จริงแล้วเป็นของที่มีอยู่ประจำโลก เป็นสิ่งที่มีไว้ชั่วคราว เป็นของกลางๆ ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ
    และได้ผ่านการเป็นเจ้าของมาแล้วหลายชั่วคน เมื่อถึงเวลาวัตถุนั้นมันก็มีความเสื่อมสลายไปเป็นเสมือน “สมบัติผลัดกันชม” เท่านั้นเอง ไม่ได้สละกันวันนี้ก็ต้องทิ้งต้องสละในตอนสุดท้ายของชีวิต เป็นไปตามหลักของ ไตรลักษณ์ คือ สิ่งของทั้งหลายล้วนเสื่อมสลาย (อนิจจัง) เป็นทุกข์ไม่อาจคงทนและตั้งอยู่ได้ตลอดไป (ทุกขัง) และไม่ได้เป็นของใครคนใดคนหนึ่งเลย (อนัตตา)
    ผลแห่งอานิสงส์ในการทำทานนี้หากครบองค์ประกอบดีแล้วจะส่งผลทั้งในสวรรค์สมบัติและโลกมนุษย์สมบัติกล่าวคือหากได้จากโลกนี้ไปแล้วก็จะได้ไปเสวยทิพย์สมบัติยังเทวโลก และเมื่อหมดบุญโดยที่ไม่ได้ก่ออกุศลกรรมเลยก็จะน้อมนำให้มาเกิดในโลกมนุษย์อีกครั้งและด้วยเศษบุญนั้นจะทำให้ได้เกิดมาเป็นคนที่มั่งมีตาม ระยะของเจตนาที่ให้ทานที่ต่างๆ กันไป
    คุณผู้อ่านคงจะเคยได้พบคนที่ร่ำรวยต่างๆ อายุกันไปใช่หรือไม่ เป็นต้นว่า ร่ำรวยตั้งแต่เกิดมีกินมีใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด หรือ เกิดมายากจนแต่บั้นปลายรวย หรือ แม้กระทั่งรวยในตอนต้นแต่จนในตอนปลายก็มีปรากฏอยู่ให้เห็นซึ่งเป็นอานิสงส์แห่งผลทานในอดีตชาติจะส่งผล คือ
    1. คนที่ร่ำรวยตั้งแต่ต้น
    คนที่เกิดมารวยตั้งแต่เกิดเพราะในอดีตได้ทำทานอย่างสม่ำเสมอมีความสมบูรณ์ ในเจตนาตั้งแต่ก่อนจะทำทานว่า ก่อนทำทานก็มีความยินดีมากที่จะได้ทำเพื่อหวังจะให้คนอื่นมีความสุขเมื่อได้เกิดมาจึงได้เกิดมาอยู่ในตระกูลที่ร่ำรวย ชีวิตในวัยต้นอุดมสมบูรณ์พร้อมและถ้ายิ่งได้เรียนรู้ในธรรมและไม่ประมาทในชีวิตขยันขันแข็งประกอบอาชีพอย่างสุจริตก็จะร่ำรวยได้ตลอดชีวิตไม่มีตกอับแน่นอน
    แต่ถ้าหากประมาทในการสร้างบุญกุศลและไม่รู้จักรักษาทรัพย์ที่มีไว้ให้ดีและไม่เรียนรู้จะสร้างทรัพย์ต่อมัวหลงระเริงในความสุข ก็จะพบกับความทุกข์ในเบื้องปลายได้ตามกฎแห่งกรรมที่เป็น กรรมใหม่ได้เช่นกัน
    2. คนที่ร่ำรวยในวัยกลางคน
    คนที่ร่ำรวยในวัยกลางคนเป็นเพราะ ได้ประกอบกรรมใหม่ที่เป็นกรรมดีสะสมในปัจจุบันเรื่อยไปอีกทั้งมีความขยันขันแข็งในกิจการงาน มีความซื่อสัตย์สุจริตแม้เกิดมามีฐานะยากจนหรือปานกลางก็กลายเป็นคนร่ำรวยได้เพราะการกระทำที่ดีของตนส่งผลเมื่อ รวมกับเศษบุญเก่าที่เคยทำด้วยเจตนาในการทำทานเพราะมีความบริสุทธิ์ในช่วงที่ 2 คือ ระยะระหว่างที่ให้ทานมีความบริสุทธิ์ แต่ไม่ได้บริสุทธิ์ในขณะก่อนจะให้
    เพราะช่วงก่อนที่จะลงมือทำทานนั้น ตนเองไม่ได้มีจิตศรัทธาในกฎแห่งกรรม ในความดีมาก่อนและไม่คิดจะทำทานมาก่อนเลย แต่พอได้ตัดสินใจทำทานไปขณะที่ทำ ก็เกิดความรื่นเริงยินดีในการทำทานขึ้นมา ด้วยเศษผลบุญของระยะทานนี้ จึงได้เกิดมามีฐานะที่ไม่ร่ำรวยหรือแม้แต่ยากจนไปเลย ต้องต่อสู้สร้างฐานะด้วยตัวเองมาตั้งแต่วัยเด็ก
    แต่เมื่อถึงวัยกลางคนด้วยบุญที่สะสมไว้ทั้งในปัจจุบันและ เศษบุญจากอดีตที่ได้ทำทานขณะที่ให้ทานได้ส่งผล ทำให้ ประสบความสำเร็จเจริญรุ่งเรือง และหากในอดีตชาติเจตนาในการทำทานได้บริสุทธิ์ในระยะที่สามด้วยแล้ว บุญนั้นก็จะส่งผลให้กิจการงานที่ทำได้เจริญรุ่งเรืองตลอดไปไม่ประสบความล้มเหลวหรือหายนะในเบื้องปลายได้เลย
    แต่ถ้าหากว่าในอดีตชาติไม่ได้ทำทานด้วยสมบูรณ์ในเจตนาในระยะที่สามในบั้นปลายชีวิตก็อาจมีเหตุล้มเหลวในบั้นปลายเกิดขึ้นเพราะผลแห่งทานหมดกำลังลงไปและขึ้นอยู่กับกรรมใหม่ที่เราได้ทำในชาติปัจจุบันนี้ด้วย ดังนั้นในปัจจุบันชาติเราจึงต้องทำบุญทำทานอยู่ตลอดเพื่อเป็นการเสริมกำลังบุญเป็นแรงสนับสนุนให้ชีวิตรุ่งเรืองได้ตลอดชีวิต
    3. คนที่ร่ำรวยในช่วงบั้นปลายชีวิต
    คนที่ร่ำรวยในบั้นปลายชีวิตเพราะเศษบุญเก่ารวมกับบุญใหม่ที่ได้ทำส่งผลในช่วงหลังคือหากเป็นบุญเก่าเพราะ ผลแห่งทานที่ผู้กระทำมีเจตนาไม่ดีในระยะก่อนให้ทาน และ ระหว่างให้ทาน แต่ไปมีความยินดีงามพร้อมในระยะสุดท้าย เช่นก่อนทำก็ทำทานเพราะบังเอิญ ทำตามพวกพ้องไปแบบเสียไม่ได้ ขณะให้ก็ไม่ได้ศรัทธา และพอให้ไปแล้วกลับไปหวนคิดถึงผลแห่งทาน จิตใจก็เกิดความยินดีเป็นสุขขึ้นมา
    ด้วยเศษบุญนี้จึงได้เกิดมายากจนและต้องทำงานหนักไปเกือบตลอดชีวิตต้องต่อสู้ดิ้นรนขวนขวายสร้างตนเองมากแม้จะเลยวัยกลางคนไปแล้วก็ต้องล้มลุกคลุกคลานตลอดมา แต่ในปัจจุบันชาติก็ได้ประกอบคุณงามความดีทำทานอยู่เสมอมาโดยตลอดเช่นกัน
    พอถึงช่วงบั้นปลายชีวิตทำให้ผลแห่งทานนั้นได้ส่งผล เกิดเหตุประสบช่องทางที่เหมาะ ทำให้กิจการงานเจริญรุ่งเรืองแบบไม่น่าเชื่อทำมาค้าขึ้นอย่างไม่คาดฝันตัวอย่างชีวิตคนจริงๆ ที่เห็นได้ชัดก็มีบุคคลสำคัญๆ ของโลกที่ร่ำรวยมหาศาลในช่วงปลายชีวิตก็มีให้เห็นจริงๆ
    อย่างเช่นผู้พันฮาร์แลนด์ ดี แซนเดอร์ หรือ “ผู้พันแซนเดอร์” ผู้ก่อตั้ง ธุรกิจไก่ทอดแฟรนไชส์ที่โด่งดัง อย่าง KFC ซึ่งกว่าที่เขาจะประสบความสำเร็จร่ำรวยมหาศาลก็ ต้องทำงานหนักมาเกือบตลอดชีวิต และได้คิดค้นสูตรไก่ทอดลงมือทำอย่างขยันขันแข็งมุ่งมั่น จนประสบความสำเร็จสูงสุดร่ำรวยมหาศาลในวัย 74 ปี และได้อยู่ต่อมาจนอายุ 90 จึงเสียชีวิต กิจการของเขาก็ยังคงดำเนินการไปได้ดีมาจนถึงทุกวันนี้
    ด้วยอานิสงส์แห่งเจตนาบริสุทธิ์แห่งการให้ทานยังมีความแตกต่างกัน ดังนั้นการทำทานขอให้เราตั้งใจทำด้วยจิตที่คิดจะให้และปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุขให้สมบูรณ์พร้อมทั้งสามระยะเราก็จะได้ผลแห่งทานนั้นเต็มบริบูรณ์​
     
  17. อติตา

    อติตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +380
    [​IMG]


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • %202_1~1.JPG
      %202_1~1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      59.3 KB
      เปิดดู:
      131
  18. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
     
  19. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    ^_^ ยังไงเก๋ขอฝากบุญกฐินวัดไว้ด้วยนะคะ ช่วงนี้ยุ่งๆทั้งงานวัดงานตัวเอง วันนี้พูดไม่หยุดเลยคะพูดทั้งวันคะ เนื้อยเหนื่อย ยังไงขอฝากบุญแล้วก็ส่งใจไปถึงสายบุญท่านผู้ร่วมบุญทุกท่านแล้วกันนะคะ ส่วนต้นบุญวันนี้ต้องขอตัวก่อนคร่า ขอตัวนั่งสมาธิแล้วเข้านอนเลยคะ ใครว่าพูดอย่างเดียวไม่เหนื่อยนี่ไม่จริงนะคะ จริงๆแล้วขึ้นอยู่กับบุคลิกลักษณะของคนๆนั้นต่างหากล่ะคะ คำพูดถ้าออกไปเพียงแค่คำพูดก็ไม่มีความหมาย ของเก๋เวลาพูดชอบเผลอส่งความจริงใจออกไปด้วย ดังนั้นมีแอบเหนื่อยคะแบบส่งใจไปเชียร์ด้วยคะ ฮิฮิ ^_^ ขอตัวนะคะ ขอให้บุญรักษาทุกท่านให้เจริญๆแล้วอย่าลืมมาร่วมเป็นเจ้าภาพงานบุญกฐินสร้างบารมีครั้งนี้ให้สำเร็จไปด้วยกันนะคะ อนุโมทนาสาธุคร่า
     
  20. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    อานิสงส์กฐิน<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start --><INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 336px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; HEIGHT: 280px; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px"><INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 336px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; HEIGHT: 280px; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px" id=aswift_0_anchor><IFRAME style="POSITION: absolute; TOP: 0px; LEFT: 0px" id=aswift_0 height=280 marginHeight=0 frameBorder=0 width=336 allowTransparency name=aswift_0 marginWidth=0 scrolling=no></IFRAME></INS></INS>
    ถาม : ...........................
    ตอบ : ช่วงนี้เป็นช่วงของกาลกฐิน คำว่ากาลนี่ กาละแปลว่าเวลา เวลาของกฐิน กฐินจริง ๆ ความหมายก็คือผ้าสะดึง คือผ้าที่ขึง เครื่องขึงที่ยึดผ้าให้ตึงจะได้ประกอบให้เป็นสิ่งโน้นสิ่งนี้ได้ ไม่ว่าจะเย็บปักถักร้อยอะไรก็ง่าย กาลกฐินนี่จะเป็นเรื่องกำหนดตามระเบียบพิธีของสงฆ์โดยเฉพาะพระภิกษุที่จำพรรษาแล้วเป็นเวลาครบถ้วน ๓ เดือน


    สมัยก่อนนั้นพระพุทธเจ้าท่านอนุญาตให้เปลี่ยนจีวรได้ คราวนี้ว่าการเปลี่ยนจีวรนี้ต้องสมเหตุสมผล คือว่าเป็นผู้ที่จีวรเก่าจริง ๆ ชนิดที่เรียกว่าหมดสภาพแล้วก็อนุญาตให้เปลี่ยนได้ ท่านก็ให้เสาะหาผ้าที่จะมาทำจีวร ภายหลังการเสาะหาผ้าเต็มไปด้วยความยากลำบาก นางวิสาขาก็ดี อนาถบิณฑิกเศรษฐีก็ดี ก็ขอให้รับคหปติจีวร คือจีวรที่มีผู้น้อมมาถวายได้ คราวนี้พอจำพรรษาแล้วครบสามเดือนมีสิทธิรับกฐินได้ กาลกฐิน คือเวลาของการรับกฐิน เริ่มตั้งแต่แรมหนึ่งค่ำเดือนสิบเอ็ดไปสิ้นสุดเอากลางเดือนสิบสองเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ช่วงระยะนี้วัดไหนก็ตามที่มีเจ้าภาพตั้งใจว่าจะถวายกฐินก็จะจัดให้ถวายกฐินขึ้นมา คราวนี้กฐินเป็นงานบุญพิเศษ
    ความจริงกฐินเป็นสังฆทานเหมือนกันแต่บังเอญว่าจำกัดด้วยเวลาคือทำได้แค่เดือนเดียวเท่านั้นในหนึ่งปี ก็เลยจะมีอานิสงส์พิเศษ หลวงพ่อวัดท่าซุงเคยบอกเอาไว้ว่าให้เรารู้จักสังเกตตัวเอง ใครก็ตามที่ได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพทำบุญกฐิน คำว่าเจ้าภาพไม่ได้หมายความว่าจะต้องเจาะจงว่าตัวเองเป็นประธานหรือว่าหาสิ่งของทั้งหมดมา เราร่วมเป็นเจ้าภาพด้วยจะเล็กน้อยยังไงก็ตามถือว่าเป็นเจ้าภาพเหมือนกัน ท่านบอกว่าบุคคลที่ตั้งใจเป็นเจ้าภาพกฐินติดต่อกันได้ถึงสามปี ให้สังเกตความเป็นอยู่ของตัวเอง ความเป็นอยู่จะคล่องตัวกว่าคนอื่นเขา จะมีความสะดวกกว่า

    เพราะฉะนั้นก็ให้พวกเราตั้งใจลักษณะนี้ ตัวอาตมาเองตั้งใจตั้งแต่ก่อนบวชจนกระทั่งถึงบวชแล้ว แต่ละปีจะทำบุญกฐินปีละมาก ๆ หลาย ๆ วัด สมัยที่ก่อนบวชถึงเวลาหน้ากฐินก็เตรียมซองไว้เลย ซองละพัน ๆ เจอเขาทำที่ไหนก็ถวายร่วมกับเขาที่นั่น พอเป็นพระมาก็ใช้วิธีจัดแบบนี้ คือว่านิมนต์พระที่ท่านไม่ีมีกฐินหรือว่าพระที่เป็นมิตรสหายคุ้นเคยกันมา มารับกฐินที่วัดของเรา หรือว่าอย่างระยะหลัง ๆ นี่ไปเป็นประธานทอดให้เขาด้วย หรือว่าทางด้านโน้นเขาเรียกร้องมาก็ต้องไป
    อานิสงส์ที่ชัดที่สุด ก็คือสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา พระพุทธเจ้าสมัยที่ท่านเกิดเป็นมหาทุกขตะ คือคนที่จนมาก ท่านเป็นคนรับใช้คนอื่นเขา ในสมัยนั้น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีนามว่าปทุมมุตตระ ท่านเป็นคนใช้เขา
    เจ้านายจะจัดกฐินก็สั่งให้มหาทุกขตะจัดการให้ทุึกอย่าง มหาทุกขตะก็บอกว่า ข้าแต่นายขอร่วมมีส่วนในกฐินนี้ได้หรือไม่ นายก็บอกว่าได้ซิเรามีอะไรล่ะ บอกว่าเดี๋ยวขอเสาะหาก่อน คราวนี้เขามีแต่ผ้านุ่งอยู่ผืนเดียว แขกเขาจะมีผ้านุ่งอยู่ผืนหนึ่งแล้วผ้าห่มผืนหนึ่ง แต่มหาทุกขตะจนมากมีผ้านุ่งผืนเดียวก็ไม่ทราบจะทำอย่างไรดี เลยเข้าไปในป่าเอาใบไม้มาเย็บทำเป็นเครื่องนุ่งห่มแทน แล้วเอาผ้าผืนนั้นไปที่ตลาดไปถามกับพ่อค้าว่าผ้าผืนนี้สามารถแลกของอะไรได้บ้าง เขาถามว่าเธอจะเอาไปทำอะไรผ้าก็เก่าเต็มทีจะแลกของอะไรได้นักหนาเชียว เขาก็บอกว่านายของเรานี่จัดกฐินขึ้นมาเพื่อทอดถวายพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา เราก็อยากทำบุญด้วยก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นก็ให้เข็มไปเล่มหนึ่งแล้วก็ด้ายไปกลุ่มหนึ่ง เพราะว่าผ้าเก่ามากแล้วมีค่าน้อยมาก ท่านก็เอาเข็มกับด้ายนั้นเข้าไปร่วมในกองกฐินแล้วตั้งใจอธิษฐานว่าขอให้ผลบุญที่ได้ทำบุญกฐินครั้งนี้ขอให้ท่านบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณดังที่ปรารถนาด้วยเถิด เสร็จแล้วปรากฏว่าพอถึงชาติปัจจุบันนี้ท่านบรรลุมรรผลได้จริง ๆ


    หลวงพ่อท่านเคยเทศน์ถึงอานิสงส์กฐินท่านบอกว่าบุคคลที่ตั้งใจทำบุญกฐินพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าแม้แต่ทิพจักษุแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งถือว่าเลิศแล้วที่สุด ยังมองไม่เห็นเลยว่าอานิสงส์นั้นจะไปสิ้นสุดตรงไหน ส่วนใหญ่ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ จะเป็นพระมหากษัตริย์ หรือเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี เกิดแล้วเกิดอีกอยู่ในระดับของความดีนี้ตลอดจนกระทั่งไม่สิ้นสุดของอานิสงส์กฐินก็จะเข้านิพพานเสียก่อน ฟังดูแล้วน่าทำไหม ร่วมกับเขาบ่อย ๆ

     

แชร์หน้านี้

Loading...