เล่าประสบการณ์ฝึกมโนมยิทธิที่บ้านสายลมมาค่ะ

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย วรร, 9 กันยายน 2012.

  1. วรร

    วรร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +161
    ได้อ่านเกี่ยวกับมโนมยิทธิมาก่อนค่ะ พอไปฝึกก็เหมือนๆกับที่ได้เคยอ่านๆมาแต่รู้สึกว่าจริงๆ แล้วเหมือนเราหลอกตัวเองหรือเปล่า ก็ไม่รู้นะคะ ตอนที่ครูถามคำถามให้ตอบเลย เรารู้สึกว่าเรานึกไปเองหรือเปล่า และต้องตอบแบบนั้น อย่างเช่นครูถามว่า รู้สึกมีใครมาอยู่ตรงหน้าหรือเปล่า เราก็นึกว่ามี ก็ตอบว่ามี คือมันไม่รู้สึกว่ามี แต่ตอบว่ามี คือนึกตามที่ครูถามและเหมือนตอบไปตามกัน เสียงคนอื่นก็ตอบเร็วดังเรายังไม่รู้สึก แต่ก็ต้องตอบ เลยไม่ค่อยเชื่ออะไรเลยตอนนี้ เหมือนมันไม่ได้สัมผัสหรือทำให้เรารู้ได้จริง ทุกอย่างมันดูเร็วๆ ครูถามเร็วบ้าง คนตอบเร็ว พอครูบอกว่า เห็นพระพุทธเจ้าทรงเครื่องกษัตริย์ เราก็ตอบออกไป แต่รู้สึกว่าตอบตามที่ได้อ่านมา รองเท้าเป็นแก้ว เราไม่รู้สึกไม่รับรู้อะไรเลย ว่าเป็นแก้ว แต่ก็ตอบตามๆไป และเชื่อตามที่ครูบอก และมีอีกหลายอย่างที่ยังค้างคาใจ แต่สรุป ครูบอกว่าเราได้แล้วนะ งง สับสน อันนี้ไม่ได้ลบหลู่นะคะแต่อยากอธิบายให้ฟังด้วยความสัจจริง อย่างนี้แล้วเราควรทำอย่างไรคะ อาจดูไร้สาระ แต่ไม่รู้ว่าจะไปถามไปเล่าให้ใครฟังเลย มาแชร์ในที่นี่ เผื่อมีคนที่พอจะช่วยให้กระจ่างอะไรได้บ้างค่ะ ขอบคุณค่ะ
     
  2. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,215
    ค่าพลัง:
    +3,776
    เรื่องของเรื่องมันต้องแยกก่อนว่า
    นึก
    หรือว่า
    รู้สึก

    ถ้านึก เป็นอาการปรุงแต่ง อันนี้ยังใช้ไม่ได้

    ส่วนรู้สึก เป็นจิตรับสัมผัส อันนี้ใช้ได้
    จิตมีสภาพรู้

    แต่มันยังมีอีกอย่างนะ คือ เรารู้ แต่คิดว่า นึก เพราะจิตยังไม่ชินระหว่าง นึก กับ รู้
    เลยแยกไม่ออก ว่าอะไรนึก อะไรรู้
    ครูบอกว่ายังไงก็ตามไปอย่างนั้น ไปฝึกญาณ ๘ สิครับ
    ทีนี้ละทดสอบของจริง

    จริงๆแล้วการฝึกประเภทนี้ หลวงปู่ดู่หรือหลวงพ่อฤาษีก็แนะนำแล้วนะครับ
    ว่าจะจริงหรือไม่จริงให้ซักซ้อมไว้ ทุกเช้าก็ซ้อมซะ วันนี้จะเจออะไรบ้าง
    แล้วก็จดไว้ จำอารมณ์การรู้ไว้ด้วย
    ถ้าวันไหนตรง ให้จำอารมณ์นั้นๆไว้ แล้วซ้อมอารมณ์นั้นบ่อยๆ

    อยากฝึกให้ได้ดีกว่านี้ อานาปานสติ นะมะพะธะให้คล่องๆ
    แล้วจับกสิณบ่อยๆครับ
    ให้ระวังนิวรณ์ด้วยนะครับ โดยเฉพาะวิจิกิจฉา
     
  3. จิรญาโณ

    จิรญาโณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2011
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +2,800
    คำว่า " อุปาทาน " หมายถึงว่า สิ่งที่เราคิดไว้ก่อน เราเห็นไว้ก่อน
    แล้วเวลาที่ทำสมาธิไป ไอ้สิ่งเหล่านั้นมันปรากฏขึ้น

    อย่างกับเคยเห็นภาพเทวดาที่เขาเขียนตามผนังโบสถ์ไม่มีเสื้อ นางฟ้าไม่มีเสื้อ เทวดาไม่มีเสื้อ

    อารมณ์แว๊บหนึ่งภาพลอยมาเทวดาไม่มีเสื้อ นี่แหละตัวอุปาทาน ไอ้ตัวที่จิตมันยึดอยู่
    ถ้าอารมณ์เราเป็นสมาธิจริง ๆ จิตจับภาพพระเป็นปกติ แต่บางขณะจิตหายแว๊บลงไป
    สิ่งอื่นมันสะดุดขึ้นมาปรากฏในขณะที่จิตเป็นสมาธิ นั่นเป็นของแท้ ไม่ใช่อุปาทานนะ

    ... พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ...
     
  4. อฐิษฐาน

    อฐิษฐาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +1,673
    การเห็น..เวลาใช้มโนมยิทธิ เป็นการเห็นโดยตาใน (จิต) ไม่ใช่เห็นด้วยตาเนื้อ
    นั่นคือสภาวะจิต ต้องอยู่ในสมาธิระดับอุปจารสมาธิ ใจเบา จิตเบา และจับภาพ
    พระได้ชัดเจนพอสมควร แต่หากเรามัวใช้หูไปฟังคนข้างๆ ว่าเค้าเห็น เค้าตอบเร็ว
    แล้วกดดันให้ต้องตอบตาม อันนี้แสดงว่าจิตยังไม่อยู่ในสมาธิ เพราะมัวไป
    สนใจฟังคนอื่น

    เวลาที่ยังไม่รู้สึก ก็ควรตอบไปตามความจริงว่าไม่รู้สึก ครูฝึกจะได้ดูว่าติดตรงไหน
    จะได้สอนวางอารมณ์ใหม่ค่ะ ความสงสัยที่เกิดในจิตระหว่างฝึก อันนี้จะเป็นอุปสรรคสำคัญเช่นกัน ค่ะ เดือนหน้าลองไปใหม่ ฝึกจับภาพพระให้ชัด วางอารมณ์ใจสบายๆ...ได้ก็ช่าง ไม่ได้ก็ช่าง อยู่กับตัวเองไม่ต้องฟังคนข้างๆฟังครูแล้วตามอย่างเดียว ไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องอยาก ลองดูใหม่ค่ะ
     
  5. sirwilliams

    sirwilliams Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +61
    Intuition Imaging Meditate.
    สร้างสภาวะทางจิตไร้สำนึกครับ

    เกิดสภาวะอุปาทานหมู่

    ฝึกแล้วรู้สึกดีก็ดีไป ถ้ารู้สึกไม่ดี ควรยุติ
    ไม่จำเป็น ต้องรู้สึกต้องเห็นกันหมดทุกๆคน
    อย่างคุณ มีจริต Critical Thinking มากกว่าคนอื่น
    เดินทางสายกลางจะดีกว่า ไม่ต้องมีพวกนี้เข้ามาเลย
    ถ้าไปยึดกับ มโนฯ ทั้งๆที่ไม่ถูกจริต จะเก็บมาเป็น Anxiety เกิด Stress วางไม่ได้อีก
    อันนี้จะยิ่งจมหนัก จมดิ่งหาก้นเหวไม่ได้เลย

    หาการฝึกที่ถูกจริตครับ ถ้าเป็นพวก วิตกจริต (พวกนี้มีสติปัญญาหลักแหลมกว่าชาวบ้านมาก) แนะนำให้ไปฝึกที่ใช้ท่าทาง และการเคลื่อนไหวไปด้วย จะดีกว่าการทำ มโนฯ ครับ

    ไม่ต้องเห็นอะไรเลยจะดีที่สุดครับ
    คนที่ฝึก มโนฯ ต้องเป็นพวก ศรัทธาจริต จะเหมาะสมครับ
     
  6. วรร

    วรร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +161
    ขอบพระคุณทุกความคิดเห็นนะคะ รู้สึกได้ความรู้เพิ่มเติมด้วยค่ะ
    ตอนนี้หนู ก็ไม่ยึดติดกับความสงสัยเท่าไหร่แล้วค่ะ คิดว่าคงต้องลองไปฝึกเรื่อยๆ และจะตัดความอยาก ความสงสัยให้ได้ เห็นก็เห็นไม่เห็นก็ไม่เห็น จะไม่ให้สิ่งเร้ามากระทบให้ต้องตอบหรือไม่ตอบ แล้วฝึกไปเรื่อยๆ อย่างน้อยก็ได้สมาธิปกติ ไม่ต้องอยากได้มโน แต่ถ้าได้ก็ถือว่าเป็นบุญ เป็นความเพียรที่ฝึกได้
    ทุกวันนี้ก็เลยสวดมนต์เป็นปกติ อาการร่างกายการสวดมนต์ก็เกิดขึ้นเป็นปกติ ก็ปล่อยมันไป
    มีเสียงสวดมนต์ที่ฟังไม่รู้เรื่องเพิ่มเข้ามา เป็นบทสวดที่ไม่รู้ความหมายไม่รู้อักษรไม่รู้อะไรเลย แต่สวดออกมาเอง สงสัยว่าเป็นเพราะอะไรแต่ไม่ได้แบบยึดติดนะคะ คิดซะว่าเทพเทวดาท่านมาสวดด้วย แต่เราไม่เคยได้ยินภาษาแบบนี้ ก็ปล่อยไปอยู่ แต่ก็ยังอยากรู้ว่าบทสวดนี้คืออะไร นั่นคือสิ่งที่่ประสบอยู่ตอนนี้ค่ะ
     
  7. วสันตฤดู

    วสันตฤดู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,321
    ค่าพลัง:
    +8,714
    เป็นกำัลังใจให้ในการฝึกนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...