อยากไป นิพพาน เลิกเห่อะครับ กลัวตายวันสิ้นโลก อ่ะ

ผมล่ะ โคดเบื่อเลย
ผมถูกหลอก หรือป่าไมรุ้
ไอ้เรื่องปฎิทินมายัน 21/12/12 เนี่ยะ
มันฝังในหัวผมครั้งแรก คือ ตอนดูยูบีซี รายการ วันสิ้นโลก
เมื่อปี 2002 สิบปีที่ฝังหัวมา ทำให้ผมเป็นคนคลั่งกลัวตาย
และแล้ว วันที่รอคอยมาถึง ปรากฎว่า แมร่งไม่มี เอี่้ยไรเลย
ขอระบายหน่อยเห่อะว่ะ

ผมแค่อยากบอกว่า เลิกปอดแหก กลัวตายได้แล้ว

คนที่กลัว คือคน ที่ทำชั่วมาเย่อะ กลัวตกนรกตาย
ก็หมั่นทำความดี ตั้งจิตกุศล ตลอดเวลา ทาง กาย วาจา จิต
เป็นแน่แท้

บางคน กลัวน้ำท่วมโลก จนไม่เป็นทำมาหาแจ๊กไร เลย
เกินไปว่ะ

ผมพอแล้วครับ เรื่องพรรคนี้ มันจะไม่อยู่ในหัวผมอีก เป็นอันขาด
ตึั้งใจทำมาหากิน เลี้ยงพ่อแม่ ทำให้พึงพอใจลูกค้า และดีที่สุดเป็นพอ

ผม จะตัดเรื่องพรรคนี้ จนกว่าผมทำงาน แล้วเกษียณงาน
ผมจะบวช จน สิ้นชีวี หาไม่

เรื่องนิพพาน น่ะ จะต้องไม่กระทบ กับ งานของผม อีกแน่นอนครับ

แต่ล่ะเวลานี้ ผมทำงานเก็บเงิน เพื่ออนาคต ครับ ผมแล้ว ปลาบงปลาบู่
กินเมี่ยงปลาเผา ไปก่อนนะครับ
อาจารย์จบแค่สาธารณาสุข ม ระดับโลก แต่มีศักดิ์ เป็นหมอผ่าหัวใจ
จิงป่าวว่ะ ออกรายการที เอาเหรียญมาโชว์ คุณความดี พอเถ่อะครับ
คนดีคนเก่ง ไม่จำเป็นต้องเบ่ง อวดศักดิ์ อวดศรี หนอกครับ อาจารย์

ดร อวกาศ ทำตาราง ทำนายภัยพิบัติ พลังจากนอกโลก บอกว่า สกอร์แรงสุด คือ วันที่ 21 เห้อ คุณ พอเห่อะ

ผมจะไม่ยอมถูกหลอกอีกแล้ว อย่าให้ ไอ้คำว่า ดร ป เอก ม ดัง มาสร้างความน่าเชื้่อถือ กล่อมหลอกเด็กตาดำๆอย่างเรา ได้อีก

เรื่องศาสนา กลอน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ผม พอจะเชื่อบ้าง แต่ ไม่รกสมองผม อีกแล้ว ผมกลับเข้าสู่โหมด ทำมาหากิน ตามปกติ แล้วครับ

ไม่กลัวตาย อยู่แล้วโว้ยยยย คนดี อยู่ กรุงเทพ น้ำท่วม มันไม่ตายหรอก
ดีกว่า คนชั่ว พวกกลัวตาย ขึ้น ไปที่สูง แผ่นดินไหว ตกลงมาตาย ก็ตายอยู่ดี

เซ็งโว้ยยยย

ไอ้พวกบ้าน้ำท่วมโลก หูอ่อน หูเบา ผม บ๊ายๆ แล้วครับ เห้อ :boo:



จบ จบสิ้นกันที กรุเบื่อ โว้ยยยยย อ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
บ๊ายๆ กลับมาเป็นผู้เป็นคนปกติ แล้วครับ

ราตรีสวัสดิ์ คนไทย

 

ขอให้หลับฝันดี ตื่นขึ้นมามีพลังทำตามที่ตั้งใจไว้

 

คงยากครับ หลายคนเป็นพวกเชื่อฝังหัว แถมขี้กลัวแบบสุดๆ บางทีแค่มดปลวกมารวมกันเยอะๆ มันก็ตีความไปว่าโลกจะแตกไปก่อนแล้ว พวกนี้เป็นเหยื่ออันโอชะของพวกขายลูกแก้วเลย

 

จะดีจะเลวท้ายสุดก็ต้องตายทุกคน ถ้าคิดว่าเป็นคนดีแล้วไม่ตาย
โลกนี้คงมีมนุษย์อมตะกันเป็นเบือ
มนุษย์เกิดมาบนโลกเพื่อใช้กรรม สุขแค่ไหนก็ไม่เท่าเศษเสี้ยวของสวรรค์
หมดกรรมเมื่อไหร่ ก็ตายจากไป จะดีหรือเลวไม่เกี่ยวกัน

 

มีคนฆ่าตัวตายหลายคนแล้วนะ เพราะกลัว
เรื่องกลอนท่านอาจจะโดนแอบอ้างก็ได้นะ อย่าเพิ่งปรามาสหลวงพ่อหละเดี๋ยวจะขาดทุนด้านจิตวิญญาณ

แต่เรื่องนี้ไม่หมดไปแน่ มันเป็นการคลายเครียดอย่างนึงที่จะได้คิดว่ากำลังจะตายไม่ต้องใช้หนี้

 

โวยวายมากน่ันเเหละคือคนเครียดมาก
เเก้ได้โดนไม่รับสื่อเสพข่าวใดใด
ไม่ว่าทีวี-นสพ.-Internet -คนคุยกันก็ไม่ต้องฟัง
เพราะเรื่องที่คุยล้วนมาจากสื่อหรือข่าวลือต่อๆกัน

หากถึงบทจะตายก็ไม่ต้องเครียดก่อนตาย ก็ไม่ต้องไปทุกขคติ

 

อ้าก...นิพพานไม่มีที่ไปนะครับ
นิพพานเกิดกับจิตที่บริสุทธิ์ที่มีพลังสูงสุดที่พ้นจากการข้องกับกิเลส
โดยสิ้นเชิงครับ ไม่ต้องไปใหน หากคิดไปก็ไม่รู้จะไปรถสายไหน?

 

21-12-2012 ผมเข้าใจว่าเป็นแค่วันเปลี่ยนพลังงานโลกใหม่ครับ โลกไม่ได้แตก
อย่างที่เข้าใจกัน แต่ก็ไม่แน่อาจมีผู้มีฤทธิ์ หรือมนุษย์ต่างดาวมาช่วยไว้ไม่ให้เกิด
เหตุการณ์ร้ายแรงก็ได้ ผมก็นั่งสมาธิช่วยทุกวันเหมือนกัน

อีกอย่างผมคิดว่า ถ้าเราอยู่พลังงานหนักจาก Milky way galaxy แล้วย้ายไปสู่
พลังงานเบาของ Triangulum Galaxy ก็ไม่น่าจะมีผลอะไรมากมาย เพราะจาก
หนักไปสู่เบา แต่ในทางกลับกันจากเบาไปสู่หนักนี่คงจะลำบากน่าดู

ต่อไปนี้ผมคิดว่าใครอยากเลือกทางไหน วิทยาศาสตร์ หรือพลังจิต ก็น่าจะไปได้เร็ว
นี่ผมสรุปเอาจากประสบการณ์ที่ผมได้รับก่อนวันที่ 21-12-2012 ครับ

 

เอาละสมควรแก่เวลาแล้ว ขอสรุปเลยว่า กาลเวลาได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ผู้ใดใครโง่ ก็ต้องเป็นเหยื่อ ของ สัตว์ผู้ที่เรียกตัวเองว่าประเสริฐ

 

จขกท. คงต้องจิตใจฟุ้งซ่านน้อยกว่านี้ครับ ถึงจะเริ่มก้าวเดินเพื่อไปนิพพานได้จริง
และไม่ควรจะต้องรอแก่ รอเกษียณแล้วค่อยบวช หากถึงตอนนั้นแล้วกายสังขารคงเสื่อม พัฒนาสมองต่อไปลำบาก

การปรามาสท่านผู้อื่นผู้ออกมาให้ข่าว แม้ว่าคุณอาจจะไม่เชื่อเขา ก็ไม่สมควร ในสังคมไทยเรามีท่านที่มีคุณธรรม และมีญาณหยั่งรู้สูงกว่าเรามาก ทั้งที่เป็นฆราวาสก็มากครับ

เหตุการณ์เปลี่ยนไปมาตลอด เพราะมีเหตุปัจจัย สิ่งต่างๆ กำลังทำหน้าที่โดยที่เราไม่ตระหนัก ถ้าคิดดูเรื่องใกล้ตัวมาเปรียบ ลองดูว่า เราอยู่บ้านเรา มีแต่เหตุการณ์ปกติ ไม่เห็นมีอะไรไม่สะดวกเกิดขึ้น แต่เบื้องหลังนั้น เจ้าหน้าที่การไฟฟ้า การประปา โทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต ต่างมีการทำงานแก้ปัญหาเทคนิคกันตลอด อะไรที่เสียก็ซ่อม จริงไหมครับ

จากที่ผมตามอ่านดู คนในนี้จำนวนมากเขาก็ไม่ได้กลัวตาย บางส่วนก็อาจจะรู้สึกรับผิดชอบต่อสมาชิกในครอบครัวบ้าง หากมีภัยมาเมื่อไร ก็อาจจะพาให้สมาชิกครอบครัวหลบไปได้ แต่ส่วนตัวเขาอาจจะมุ่งทำหน้าที่และแสวงหาธรรมชั้นสูงต่อไปอยู่ จะรอดหรือไม่ก็ไม่ได้สนใจ การจะไปตีขลุมว่าทุกคนเป็นไปอย่างนั้นหมดคงไม่ถูก

 

สาธุ (คนจะไปพระนิพพานได้ต้องเป็นพระอรหัน"เท่านัั่น") ต้องเป็นเหมือนหลวงพ่อฤาษี หลวงปู่มั่น หลวงปู่แหวน เหมือนพระวิสุทธิเทพทุกๆองค์ (ต้องทำให้ได้อย่างท่านเหล่านั้น) ถึงจะไปได้ ถ้าคิดว่าทำแบบท่านเหล่านั้นได้ ก็เป็นพระอรหันไปพระนิพพานได้เป็นที่เคารพของมนุษและเทวดาทั่วทั้ง3แดนโลกธาตุ สาธุด้วนนะครับ :boo:

 

เกิดมาเพื่อชดใช้วิบากกรรมเก่าให้หมดไป ขณะเดียวกันไม่ได้ละบาปอกุศล
กรรมใหม่ แล้ววิบากกรรมมันจะหมดไปเองได้อย่างไร?

อิมพอสซิเบิ้ลเเอ๊คชั่น

 

ตาสว่าง ก็ดีแล้วน้องเอ๋ย กลับไปทำมาหากินเถอะ ตื่นตัวอย่าตื่นตูม
ถ้าอยากจะไปนิพพาน ต้องเลิกมงคลตื่นข่าว ก่อนขั้นแรก จะทำได้ต้องบรรเทาความห่วงร่างกายลง ศีลบริสุทธิ์ ไปลองดูก่อง
หลวงพ่อท่าน เคยพูดไว้แล้ว "พวกแกเฉยๆเถอะ เมืองไทยน่ะไม่เท่าไหร่หรอก" ถ้าเชื่อท่านก็ดำรงตนด้วยความไม่ประมาท ตั้งใจทำมาหากินไป คอยชำเลืองมอง ติดตามข่าวคราว หลวงพี่ หลายๆรูป ที่ท่านได้รับการสั่งสอนจากหลวงพ่อท่านมาโดยตรง ถ้าขยับขยายเราค่อยเคลื่อนไหวยังไม่สายนะน้องนะ ^_^

 

โลกดวงนี้มันไม่เที่ยง คล้ายๆ กับดาวอื่นอีกเยอะแยะนั่นแหละ มีการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติเรื่อยๆ เพราะงั้น บรรพบุรุาคนเราตั้งกะโบร่ำโบราณ ก็เลยต้องปรับตัวตามสภาพการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ

ถ้าว่ากันอย่างเก๋ากึ๊กหน่อยก็ ตำนานน้ำท่วมโลก รึตำนานการพบเจอเทพเจ้าที่มาโดยยานจากท้องฟ้า เป็นที่น่าสังเกตว่า เรื่องทำนองนี้ มีอยู่ทั่วโลก

มันก็เป็นไปได้ว่า โลกเคยเจอภัยธรรมชาติครั้งใหญ่มา รึชาวโลกสมัยก่อน เคยเจอชาวดาวอื่น ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องมหัศจรรย์เหนือธรรมชาติ มันเป็นไปได้ แต่มันเป็นอดีตล่วงมาแล้ว ควรจะเอาบทเรียนจากอดีต มาทำให้เกิดประโยชน์กับปัจจุบันมากกว่า

เช่น ถอดบทเรียนว่า ทำอย่างไร น้ำจึงจะไม่ท่วมถิ่นที่อยู่อาศัยของผู้คนอีก จะใช้วิธีสร้างฟลัดเวย์ รึจะใช้วิธีไม่ไปปลูกสร้างที่อยู่ขวางทางน้ำ รึจะรักษาสภาพแวดล้อมให้ดี ก็ว่ากันไป

พระสงฆ์สุปฏิปันโณหลายต่อหลายรูป ท่านสอนให้วางเรื่องที่ล่วงมาแล้ว ไม่ยึดติดกับปัจจุบัน ไม่พะวงกับเรื่องที่ยังไม่เกิด ยังมีลมหายใจอยู่ก็ทำให้ใจมันชิลๆ

แต่ควรเร่งสร้างบุญกุศลคุณงามความดีให้มาก หาโอกาสทำ เท่าที่จะทำได้ในแต่ละวัน ไม่ต้องใช้สตางค์ซักบาทก็ทำได้ เช่น เดินเข้าไปในวัด จับไม้กวาด มากวาดลานวัด ขัดห้องน้ำ รึเห็นคนถือของหนักๆ บนรถเมล์ เขาไม่ได้นั่ง ก็ลุกให้เขานั่ง

ดีกว่าเอาเวลาไปนั่งนึกนอนนึก ว่าเมื่อไร จะเกิดภัยพิบัติอะไรสักอย่าง มาถล่มโลกสักที แต่ละคนมาคนเดียว ไปคนเดียว เร่งทำความดีเข้า เกิดเป็นคนแต่ละครั้งมันยากหนักหนา

ไหนๆ ก็มีคะแนนบุญจำนวนหนึ่ง เป็นต้นทุนที่จะอัพเลเวลแล้วชาตินี้ ก็รีบอัพเพิ่มเข้า นาฬิกาชีวิตแต่ละคน มันเหลือเวลาไม่เท่ากัน อย่ามัวใช้เวลาที่เหลืออยู่ ด้วยความพะวงหวาดกลัว กริ่งเกรงอยู่แต่กับภัยพิบัติอะไรต่อมิอะไรเลย

ที่ว่ามาทั้งหมมด ไม่ใช่บอกปัดปฏิเสธว่า ภัยพิบัติไม่มี จริงอยู่มันมี ทุกวันแหละ เดี๋ยวที่นั่น ที่นี่

มันเป็นธรรมดาที่จะมีอยู่แล้ว ไม่ใช่เพิ่งยุคนี้ เป็นมานานตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะดาวโลกมันมีการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติอยู่เรื่อยๆ มันตั้งอยู่บนฐานของคำว่า ไม่เที่ยง

เอาง่ายๆ ถึงแต่ละคน จะไม่จากภพภูมินี้ไปด้วยภัยพิบัติ ก็ต้องจากไปด้วยโรค รึด้วยสาเหตุอื่นๆ อยู่ดี ในวันใดวันหนึ่ง เดือนใดเดือนหนึ่ง ปีใดปีหนึ่ง โมงยามใดโมงยามหนึ่ง มีใครหนีพ้นยังงั้นรึ ต่อให้พยายามแสนพยายามแค่ไหนก็เหอะ

ไม่ได้บอกว่า ต้องใช้ชีวิตอย่างประมาทกับเรื่องภัยธรรมชาติ แต่ต้องการบอก ติดตามข่าวสาร หาข้อมูลนั่นทำไปเถอะ อย่างรอบด้านก็ยิ่งดี เพราะโลกนี้มันไม่เที่ยง มันมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ

แต่อย่าไปจมจ่อมพะวักพะวงอยู่กับมันมาก ให้มันกลางๆ เรียกว่าตระหนักกับมัน แต่ไม่ตระหนกตกตื่น

สมมติกรณีมีความตระหนกมากกว่าความตระหนัก เช่น ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่แห่งใหม่ โดยขาดการหาข้อมูล หรือไตร่ตรองอย่างรอบด้าน ก็อาจไปซื้อที่ดินในจังหวัดที่ตั้งอยู่บนรอยเลื่อนแผ่นดินไหว เช่น บางจังหวัด ทางภาคเหนือตอนบน รึภาคอีสานตอนบน

แต่ก็ไม่เป็นไร พออยู่ได้ เพราะคาบอุบัติการเกิดแผ่นดินไหวซ้ำ มักกินเวลาเป็นร้อยปี ส่วนที่จะเป็นอยู่ในปัจจุบัน คือการเขย่า รึไม่ก็สั่น ให้รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนอยู่เรื่อยๆ
____________

 

เบื่อพวกอ้างครูบาอาจารย์ ถ้าตัวท่านไม่ได้ออกมาพูดเอง ลูกศิษย์ก็ไม่ควรจะแส่นำมาเช่นกัน มันทำให้ครูบาอาจารย์ท่านต้องมัวหมองจากคนที่ไม่มีความศรัทธา

หยุดเอาครูบาอาจารย์มาหากิน