ผู้ต้องธรณีสูบในพุทธประวัติ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย deneta, 5 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. deneta

    deneta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    2,711
    ค่าพลัง:
    +5,720
    ธรณีสูบตามความหมายในพจนานุกรม
    ธรณีสูบ อาการที่แผ่นดินแยกออกทำให้คน
    ที่ทำบาปกรรมอย่างยิ่งตกลงหายไป แล้วแผ่นดินก็กลับเป็นอย่างเดิม
    เป็นความเชื่อทางพระพุทธ-ศาสนาว่า ธรรมชาติจะลงโทษคนที่ทำบาปหนักนั้นเอง
    โดยผู้อื่นไม่ต้องลงโทษ.


    5 ผู้ต้องธรณีสูบในสมัยพุทธกาล

    พระเทวทัต

    [​IMG]

    พระเทวทัต ในสมัยพระพุทธกาลเป็นพี่ของพระนางยโสธรา (พิมพา) พระชายาของเจ้าชายสิทธัตถะราชกุมาร ที่มาเป็นพระพุทธเจ้า และเป็นลูกของลุง พระพุทธเจ้าเองพระเทวทัตนั้นตามจองล้างพระพุทธเจ้ามานานหลายชาติ อดีตชาตินานมาแล้วนั้นพระเทวทัตเป็นพ่อค้าวานิช มีจิตละโมบทุจริตและในชาตินั้น พระพุทธองค์ได้เสวยพระชาติเป็นพ่อค้าวานิชด้วยเช่นกันแต่เป็นฝ่ายสุจริต

    วันหนึ่ง หญิงชราซึ่งเป็นผู้ดีตกยาก มีถาดทองคำของต้นตระกูลเหลืออยู่ จึงนำออกมาขาย พระเทวทัตเห็นเช่นนั้นจึงลวงด้วยเล่ห์ต่อหญิงชรานั้นว่า ถาดนั้นมิใช่ทองคำแท้เป็นทองปลอม จึงเสนอขอซื้อราคาถูกแต่หญิงชรานั้นรู้ดีว่าถาดที่แกนำออกมาขายนั้นทำด้วยทองคำแท้จึงมิยอมขายให้ ในเวลาเดียวกันนั้น พระพุทธองค์ซึ่งเสวยพระชาติเป็นพ่อค้ามาพบเข้า เห็นเป็นถาดทำด้วยทองคำแท้ก็ให้ราคาตามความเป็นจริง สร้างความโกรธแค้นให้แก่พระเทวทัตเป็นยิ่งนัก ถ้าไม่มีพระพุทธองค์มาซื้อถาดทองคำนั้น ในมิช้าหญิงชราก็จักต้องนำถาดทองคำมาขายแก่ตนเพราะความยากจน ด้วยเหตุนี้พระเทวทัตจึงผูกพยาบาทด้วยการกอบเม็ดทรายขึ้นมา ๑ กำมือหว่านลงกับพื้นดินประกาศว่า .. เราจะจองล้างจองผลาญท่านต่อไปเท่าเม็ดทรายในกำมือ ๑ เม็ด เท่ากับ ๑ ชาติ จึงตามเบียดเบียนพยาบาทจองเวรกันมานับภพชาติไม่ถ้วน

    เรื่อยมาจนกระทั่งพระชาติสุดท้ายก่อนจะที่จะมาตรัสรู้ที่เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือได้เสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดร พระเทวทัตได้มาเกิดเป็นพระพราหมณ์นามว่า “ ชูชก ” จนกระทั่งมาถึงพระชาติที่ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระเทวทัตมีจิตริษยาพระพุทธเจ้านับตั้งแต่เยาว์วัย ต่อมาเมื่อพระพุทธเจ้าทรงบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ เจ้าชายเทวทัตได้ออกบวชด้วยเช่นกัน เมื่อบวชแล้วได้โลกีย์ญาณ มีความชำนาญในอภิญญา สามารถนิรมิตกายเหาะเหินเดินอากาศได้ จึงเกิดความกำเริบใจเพราะอกุศลกรรมเข้าสนับสนุน ใช้ฤทธิ์แปลงกายเป็นพระศาสดา กล่าวให้ร้ายในพรหมจรรย์ของพระพุทธองค์ ว่ายังอนุญาตให้สงฆ์สาวกฉันเนื้อสัตว์ที่ถูกนำมาถวายเป็นพระกระยาหาร และก็เริ่มต้นสร้างความเลื่อมใสด้วยการฉันมังสวิรัติ ให้เห็นว่าสิ่งที่พระพุทธองค์ยินยอมให้พุทธสาวกปฏิบัตินั้นคือความเสื่อม

    มิเพียงเท่านั้น ยังลวงเจ้าชายอชาติศัตรูให้กบฏต่อพระราชบิดาแล้วตั้งตัวเองเป็นพระราชา พระเจ้าอชาติศัตรูนั้นเคยเลื่อมใสพระพุทธองค์ แต่เมื่อถูกพระเทวทัตลวงก็ตัด อุปนิสัยแห่งมรรคผลเบื้องต้นเสีย ทำตัวเองไปสู่ความพินาศอย่างใหญ่หลวงถึงขั้นทำกรรมหนักปลงพระชนม์พระราชบิดา พระเทวทัตเองก็คิดปลงพระชนม์พระพุทธองค์แล้วจะตั้งตนเป็นพระศาสดาเสียเอง อกุศลกรรมที่พระเทวทัตก่อขึ้นตั้งแต่ต้น คือส่งนายขมังธนูเพื่อปลงพระชนม์พระพุทธองค์ ยุยงให้พระเจ้าอชาติศัตรูมอมเหล้าช้าง “ นาฬาคีรี ” จนมึนเมาดุร้ายแล้วปล่อยออกไปทำร้ายพระพุทธองค์ ตลอดจนกระทั่งยุยงหมู่พระสงฆ์ให้เห็นความมัวหมองในพรหมจรรย์ ของพระพุทธองค์ ขณะเดียวกันพระเทวทัต ได้หันมาฉันมังสวิรัติเป็นการโอ้อวดพรหมจรรย์ที่สูงกว่า ความเลวร้ายของพระเทวทัตนั้นหนักหนา จนแผ่นดินที่รองรับอยู่นั้นทนมิได้ แยกตัวออก และสูบเอาพระเทวทัตตกสู่ขุมนรกอเวจี ยืนเสวยอกุศลวิบากอีกนานเท่านาน จนแทบจะนับกาลเวลาไม่ได้


    นันทมานพ

    [​IMG]


    นันทมานพมิได้ทำร้ายพระพุทธองค์ แต่ทำร้ายสาวกของพระพุทธองค์ คือพระ “ อุบลวรรณาเถรี ” พระอุบลวรรณาเถรีเป็นพระอรหันต์ขั้นปฏิสัมภิทาญาณ ออกบวชตั้งแต่อายุ ๑๖ มีความสวยงามมาก ซึ่งก่อนนั้นที่เป็นฆราวาสความสวยเป็นที่เลื่องลือ และเป็นที่หมายปองของพระราชาคหบดี และมหาเศรษฐีมากมาย แต่พระอุบลวรรณาเถรีเบื่อหน่ายชีวิตฆราวาส เห็นเป็นทุกข์จึงออกบวชเป็นภิกษุณี เมื่อบวชได้ไม่นานก็บรรลุอรหัตผลมีฤทธิ์มาก แต่ว่านันทมาณพมีความต้องการด้านกามราคะฝังแน่นในใจมาช้านาน

    วันหนึ่งนันทมานพทราบว่า พระอุบลวรรณาเถรีจำพรรษาอยู่ในป่า ในกระท่อมเล็ก ๆ ด้วยจิตอันฝังแน่นด้วยราคะตัณหานันทมาณพได้แฝงตัวแอบรออยู่จนถึงเช้า พระอุบลวรรณาเถรีออกบิณฑบาตแล้ว นันทมานพได้หลบเข้าไปแอบซ่อนอยู่ใต้เตียงนอนในกระท่อม เมื่อพระอุบลวรรณาเถรีกลับจากบิณฑบาต ยังมิได้ฉันข้าว นั่งพักสงบอยู่บนเตียง นันทมาณพได้ออกมาจากที่ซ่อนเข้าปลุกปล้ำ พระอุบลวรรณาเถรีแม้นจะร้องหาคนช่วยก็ไม่เป็นผล เพราะไม่มีใครอยู่ใกล้ จึงกล่าวให้สติแก่นันทมาณพว่า “ จงอย่าทำเช่นนี้ .. ความหายนะจะมาสู่ท่าน ” นันทมาณพมิได้ฟังกลับปลุกปล้ำพระอุบลวรรณาเถรีจนสำเร็จความใคร่ดังใจปรารถนา พอก้าวลงจากแคร่ก็ถูกแผ่นดินสูบตกลงสู่มหานรกอเวจีด้วยกรรมลามกนั้นหนักมาก

    พระอุบลวรรณาเถรี ถูกวิจารณ์ว่าการสัมผัสเช่นนี้ พระอุบลวรรณาเถรีจะไม่มีความยินดีไม่ได้ พระพุทธองค์จึงทรงตรัสบอกต่อพุทธสาวก... “ พระอรหันต์นั้นมิใช่ไม้ผุ ไม่มีกิเลส ไม่มีความยินดีในกิเลส เฉกเช่นตุ๊กตาที่ไม่มีความปรารถนาในการสัมผัสฉันใด พระอรหันต์ก็เป็น เช่นนั้น ..”


    นันทยักษ์

    [​IMG]

    นันทยักษ์มิได้สร้างกรรมต่อพระพุทธองค์ แต่กระทำเบียดเบียนต่อพระสารีบุตร ผู้บำเพ็ญธรรม .. ครั้งนั้น นันทยักษ์ ผู้มีฤทธิ์เดชเหาะมาบนอากาศพร้อมด้วยเหมตายักษ์ เมื่อเหาะมาถึงตรงที่พระสารีบุตรกำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่ในอากาศธาตุ ในบริเวณนั้นว่างเปล่าจากอากาศธาตุนันทยักษ์เหาะผ่านไม่ได้ จึงเกิดบันดาลโทสะ ด้วยในชาติปางก่อนนั้น นันทยักษ์ได้อาฆาตพยาบาทพระเถระเอาไว้ จึงมีจิตคิดกระทำปาณาติบาตต่อพระสารีบุตรด้วยความพาลในสันดาน เหมตายักษ์ได้ทัดทานให้ละเว้นเสีย แต่นันทยักษ์ก็มิฟัง เหาะขึ้นบนอากาศ ใช้กระบองซึ่งเป็นอาวุธแห่งตนฟาดลงบนศีรษะของพระสารีบุตร ความแรงแห่งการฟาดนั้น สามารถพังภูเขาในคราวเดียวกันได้ถึง ๑๐๐ ลูก แต่พระสารีบุตรซึ่งอยู่ในนิโรธสมาบัตินั้น หาได้รับอันตรายจากการประทุษร้ายของนันทยักษ์ไม่ เมื่อเห็นพระสารีบุตรมิได้รับอันตราย นันทยักษ์ก็บังเกิดเพลิงเร่าร้อนในอารมณ์ กล่าวออกมาด้วยเสียงอันดังว่า “ เราร้อน ... เราร้อน ” แล้วตกลงมาจากอากาศ แผ่นดินเปิดช่องดึงร่างของนันทยักษ์ หายลับตาไปในบัดดลดิ่งลงสู่มหานรกอเวจี อันลึกสุด


    นางจิญจมาณวิกา

    [​IMG]

    นางจิญจมาณวิกาเบียดเบียนพระพุทธองค์โดยรับอาสาจากพวก “ ปริพาชก ” บุคคลในลัทธิอื่นที่มีจิตริษยาในลาภสักการะของพระพุทธองค์ จึงคิดกลั่นแกล้งด้วยการจ้างนางจิญจมาณวิกา แกล้งทำเป็นคนท้อง ให้เขากลึงไม้นูนผูกรัดไว้ที่เอว แล้วก็ไปร้องบอกสมณะโคดมขณะนั่งประทับเทศนาว่า “ ท่านสมณะโคดม ” จะมัวมานั่งเทศน์หน้านวลอยู่ทำไม นี่เธอทำให้ฉันมีครรภ์เช่นนี้กลับมิดูแล อย่ามัวเทศน์โปรดพุทธบริษัทอยู่เลย จงไปตัดฟืนไว้เพื่อฉันดีกว่า เวลาคลอดแล้วลูกเราจะได้มิลำบาก ”

    พระพุทธองค์ได้ทรงสดับ จึงหยุดเทศนาและกล่าวกับนางจิญจมาณวิกาว่า

    “ ภัคคินี ดูก่อนน้องหญิง เรื่องที่เธอกล่าวนั้น คนอื่นเขามิได้รู้เรื่องด้วยดอกนะ จะมีเธอกับฉันเพียงสองคนเท่านั้นละที่รู้กัน ”

    พระพุทธองค์ทรงกล่าวด้วยความอิ่มเอมใจท่ามกลางความสงสัยของพุทธบริษัท เรื่องนี้เดือดร้อนถึงพระอินทร์ที่ต้องทำหน้าที่รักษาผู้ทรงคุณธรรมสูงส่ง จึงทรงแปลงกายเป็นหนูไปกัดเชือกที่ผูกไม้ ทำให้ไม้ที่ผูกติดไว้เหมือนเช่นคนมีครรภ์นั้นหลุดตกลงมา พุทธบริษัทเห็นมารยากล่าวให้ร้ายที่นางจิญจมานวิกากระทำต่อพระพุทธองค์ ดังนั้นก็ดุด่าไล่ขว้างด้วยก้อนหินและไม้ นางจิญจมาณวิกา ได้วิ่งหลบหนี พอพ้นคลองจักษุของพระพุทธองค์ นางจิญจมาณวิกา ก็ถูกธรณีสูบลงสู่นรกมหาอเวจีด้วยกรรมอันหนักนั้น

    นางจิญจมาณวิกาเมื่อชาติก่อนหน้านั้นนางเกิดเป็น นางอมิตตดา ภริยาของชูชกหรือพระเทวทัตในชาติเดียวกัน กับที่พระโพธิสัตว์ได้เกิดเป็นพระเวสสันดรนั่นเอง


    พระเจ้าสุปปพุทธะ

    [​IMG]

    พระเจ้าสุปปพุทธะเป็นกษัตริย์โกลิยะวงศ์เป็นพระราชบิดาของพระเทวทัต เมื่อทราบว่าพระเทวทัตถูกธรณีสูบ ลงมหาอเวจีนรกก็มิสำนึกในบาปบุญคุณโทษ กลับมีจิตอาฆาตพยาบาทพระพุทธองค์ เพราะนอกจากจะทำให้พระเทวทัตต้องธรณีสูบ พระพุทธองค์ยังทำให้เจ้าหญิงยโสธราธิดาของพระเจ้าสุปปพุทธะเป็นหม้าย จึงกลั่นแกล้งพระพุทธองค์ด้วยการเกณฑ์อำมาตย์ข้าราชบริพารไปนั่งเสพเมรัยขวางทางที่พระพุทธองค์จะออกบิณฑบาตโปรดเวไนยสัตว์ ซึ่งทางนั้นมีเพียงทางเดียวเท่านั้นที่พระพุทธองค์จะทรงเสด็จดำเนินไปได้ เมื่อเสด็จดำเนินผ่านไม่ได้เพราะพระเจ้าสุปปพุทธะกับบริวารขวางอยู่วันนั้น พระพุทธองค์ทรงอดพระกระยาหาร ๑ วัน พระอานนท์จึงทูลถามอยากจะทราบโทษของพระเจ้าสุปปพุทธะ พระพุทธองค์จึงทรงได้มีพุทธฎีกาตรัสว่า “ อานันทะดูก่อนอานนท์ หลังจากนี้ไปนับได้ ๗ วัน พระเจ้าสุปปพุทธะจะลงอเวจีตามเทวทัตไป ”

    เมื่อบริวารของพระเจ้าสุปปพุทธะกลับไปถวายรายงาน พระเจ้าสุปปพุทธะก็มีจิตต้องการให้พุทธฎีกาของพระพุทธองค์มิเป็นความจริง จึงขึ้นประทับ ณ ปราสาท ๗ ชั้น แต่ละชั้นมีนายทวารป้องกันแข็งขัน ทรงตรัสกับนายทวารที่มีร่างกายกำยำนั้นว่า “ ในระหว่าง ๗ วันนี้ ถ้าฉันลงมาละก็ พวกเธอจงขัดขวางเอาไว้ไม่มีใครทำโทษ ” โดยประกาศต่ออำมาตย์ ข้าราชบริพาร และพระบรมวงศานุวงศ์ไว้ดังนั้น เพื่อมิให้นายทวารทั้งหลายต้องโทษ จนกระทั่งถึงวันที่ ๗ วันนั้นปรากฏว่า ม้าแก้ว ซึ่งเป็นม้าทรงศึกที่พระเจ้าสุปปพุทธะโปรดปราน อาละวาดกระทืบโรง ร้องเสียงดังมาก พระเจ้าสุปปพุทธะเกิดเป็นห่วงม้า ด้วยอาการขาดสติจึงทรงลงจากปราสาทชั้น ๗ แต่ปรากฏว่านายทวารมิได้ขัดขวาง ด้วยคิดว่าเลยครบกำหนด ๗ วันแล้ว พอพระเจ้าสุปปพุทธะย่างพระบาทเหยียบแผ่นดิน ก็ถูกพระธรณีสูบหายไปสู่มหานรกอเวจี ตรงตามพุทธะฎีกาที่ตรัสไว้แก่พระอานนท์


    http://www.kanlayanatam.com/sara/sara60.htm
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2013
  2. Moderator6

    Moderator6 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +3,721
    ขออนุโมทนา สาธุ และขอบคุณที่เอามาลงให้อ่านนะครับ เป็นเครื่องเตือนใจถึงความน่ากลัวของบาปกรรม
     
  3. toseal

    toseal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +618
    น่ากลัวยิ่งนัก
     
  4. yo09()

    yo09() เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +4,897
    ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของกระทู้ที่นำเรื่องที่ดีมากมาลงให้อ่านครับ สาธุ

    " นิพพานชาตินี้กันเถอะ "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2013
  5. mahamettayai

    mahamettayai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    1,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +10,670
    ทำกรรมกับพระพุทธองค์ ทำกรรมพระอรหันต์ และทำกรรมกับพ่อแม่ ซึ่งเปรียบเสมือนพระอรหันต์ของลูก เข้าข่ายกรรมหนัก

    อ่านเรื่องนี้แล้วนึกถึง ประวัติหลวงพ่อจรัญสมัยที่ท่านไปเรียนวิปัสสนากรรมฐานที่วัดมหาธาตุ อาจาร์ยของท่านคือพระอุดมวิชชาญาณ (ท่านเจ้าคุณโชดก)
    หลังจากเรียนจบในวันนั้นแล้ว ท่านยังสนทนากับอาจาร์ยอยู่ครู่หนึ่งก็มีลูกศิษย์อีกองค์ของพระอุดมวิชชาญาณมาเยื่ยมพร้อมทั้งเล่า "เรื่องคนถูกธรณีสูบ" ให้ฟัง

    เรื่องนี้เกิดขึ้นน่าจะซักกว่า 50ปีที่แล้ว ที่อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ธรณีสูบลูกชายที่ไล่ตีแม่บังเกิดเกล้า
    เรื่องมีอยู่ว่า ลูกชายมาให้แม่ช่วยเลี้ยง ตัวเองไปทำนา แม่ก็แก่ งกๆ เงิ่นๆ เลี้ยงหลานท่าไหนไม่ทราบ
    หลานพลัดตกใต้ถุนหัวแตก ลูกชายกลับจากนามาก็โกรธแม่ แทนที่จะคิดว่าลูกของตัวซนตามประสาเด็กกลับไปโทษแม่ว่าเลี้ยงหลานไม่ดี ใช้ไม้ขัดหม้อข้าวตีแม่
    แม่ก็กลัว ยกมือไหว้ลูกชายปลก ๆ ลูกชายก็ไม่ฟังเสียง ตีแม่เสียงดังยังกับตีวัวตีควาย ชาวบ้านมาห้ามก็ไม่ฟัง

    แม่ก็วิ่งหนีลงเรือนมา ลูกชายก็วิ่งตาม พอพ้นหัวบันไดบ้าน ธรณีก็สูบ คือยืนนิ่งอยู่กับที่ ขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้ ร้องว่า "โอ๊ย! แผ่นดินสูบ แผ่นดินสูบ"
    แม่ก็หันมาดู แต่ก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้เพราะกลัวลูกจะตีเอาอีก พอแกร้องเช่นนั้นชาวบ้านก็พากันมาดู ปรากฎว่าเท้าทั้งสองจมลงไปในดินถึงตาตุ่ม
    ชาวบ้านช่วยกันฉุด ก็ฉุดไม่ขึ้น มีคนบอกว่าให้ขอขมาแม่เสีย ลูกชายพนมมือ ขอขมาแม่ "แม่จ๋า ลูกขอโทษ โปรดอโหสิกรรมให้ลูกด้วย"
    แม่เห็นเช่นนั้นก็เดินเข้ามาใกล้ แต่ก็ยังมีท่าทางหวาดๆ กลัวลูกจะตี" แม่ก็บอกว่า "แม่ไม่ถือโทษโกรธลูก ขอแม่พระธรณีจงอย่าลงโทษลูกเลย" แต่ก็ไม่เป็นผล


    ทั้งชาวบ้านทั้งแม่ ช่วยกันฉุด แต่ฉุดไม่ขึ้น ลูกชายค่อยๆ จมลงๆ ทีละนิด จากตาตุ่มถึงข้อเท้า จนกระทั่งถึงหน้าแข้ง
    สมภารวัดไปดู ท่านให้คนไปหาเชือกเส้นใหญ่ๆ มามัดตัวโยม แล้วให้ชาวบ้านช่วยกันดึง ปรากฎว่าเชือกขาด
    พวกทหารตำรวจก็พากันมาดูเต็มไปหมด นายทหารคนหนึ่งจึงสั่งให้ไปนำเฮลิคอปเตอร์มา ประมาณชั่วโมงเศษๆ เฮลิคอปเตอร์ก็มาวนอยู่เหนือศีรษะ

    ตอนนั้นธรณีสูบถึงหัวเข่าแล้ว คนในเฮลิคอปเตอร์หย่อนลวดสลิงลงมาให้จับ เขาจับแล้วก็ปล่อย บอกว่ามันเหมือนแขนจะหลุดออกไป
    ชาวบ้านที่พยายามช่วยเหลือก็จนปัญญา ไม่มีใครช่วยได้ แม่ก็เข้าไปกอดลูกไว้กระทั่งแผ่นดินค่อยๆ กลืนลูกไปต่อหน้าต่อตา
    เป็นเรื่องที่สร้างความสลดหดหู่ให้กับผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก (ฟังมาจากนิยายเรื่อง"มักกะลีผล" ของอาจารย์สุทัสสา อ่อนค้อมอีกทีนึง หรือใครจะหาอ่านเพิ่มเติมก็ได้จ้า)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2013
  6. พระแม่มีนา

    พระแม่มีนา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2013
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +47
    เท่าทีทราบนี้ ก็ มีนางจิณจมาลวิกา กับนางมาคันธิยา อะคะ เพราะทั้งสองนางล้วนรูปงาม และ ต่างหลงรักในความงามของพระพทธองค์แต่ถูกปฏิเศทก็เลยเกิควาอาฆาต จนทำให้ทำอะไรต่อมิอะไรเลวร้ายจนถึงแก่กรรมตามสนอง และก็ชายที่ทำมิดีมิร้าย พระภิกษุณีอุบลวรรณาเถรี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2013
  7. TwiNsKle

    TwiNsKle Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +76
    ขอบคุณค่ะ ที่นำบทความดีดีมาให้อ่าน
     
  8. unim

    unim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +147
    พระอริยเจ้าทรงปฏิสัมภิทาญาณ ๔ ยังไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ใหนไปช่วยเหลือได้
    ปุถุชนเราๆเอาแต่พนมมือหวังพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกวัน อนิจจัง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • safe_image.jpg
      safe_image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      5.7 KB
      เปิดดู:
      63
  9. thexjeab

    thexjeab เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    904
    ค่าพลัง:
    +685
    อนุโมทนาสาธุครับ

    ขอบคุณลำหรับเรื่องเล่าครับ

    ได้ความรู้มากเลยครับ
     
  10. yongyut112

    yongyut112 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +42
    ทุกอย่างย่อมเป็นไปตามกรรม เมื่อวาระกรรมที่ทำมาถึง แม้จะเป็นพระอรหันต์ที่ทรงฤทธิ์ก็ไม่อาจหนีกรรมพ้น เหมือนพระโมคลานะก็ถูกโจรป่าทุบตีจนกระดูกป่น เพราะกรรมที่ท่านได้ฆ่ามารดา ดั้งนั้นกรรมจึงใหญ่ที่สุด ทำกรรมดีก็ได้ดี ทำกรรมชั่วก็ได้รับชั่วกลับคืน กรรมที่ทำมาแล้วแก้ไขไม่ได้ต่อไปก็ขอให้ทำแต่กรรมดี สาธุ สาธุ สาธุ
     
  11. ปู นครนายก

    ปู นครนายก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2007
    โพสต์:
    357
    ค่าพลัง:
    +530
    โมทนาในธรรมทานครับ ในโลกนี้มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ใครทำกรรมเช่นไรย่อมได้รับผลเช่นนั้น จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับเหตุและปัจจัย สาธุครับ
     
  12. chuchart_11

    chuchart_11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +2,932
    ขออนุโมทนาสาธุ ธรรมใดที่ท่านสำเร็จแล้ว ขอข้าพเจ้าสำเร็จด้วยเทอญ สาธุๆๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...