อันตราย กีวีดับเพราะดื่มน้ำอัดลมมากเกินไป

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย Amata_club, 13 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,063
    ค่าพลัง:
    +52,162
    [​IMG]

    ผลชันสูตรของเจ้าหน้าที่นิวซีแลนด์ชี้ชัด หญิงวัย 30 ปี เสียชีวิตเพราะสุขภาพทรุดโทรมเนื่องจากดื่มน้ำอัดลมปริมาณมากติดต่อกันหลายปี...

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพของนิวซีแลนด์ เรียกร้องถึงบริษัทผู้ผลิตน้ำอัดลมรายใหญ่ “โคคา - โคลา” ให้เตือนผู้บริโภคถึงผลกระทบต่อสุขภาพจากการดื่มน้ำอัดลม หลังผลตรวจชันสูตรศพนางนาตาชา แฮร์ริส วัย 30 ปี คุณแม่ลูก 8 คน ซึ่งเสียชีวิตเมื่อเดือน ก.พ.ปี 2553 พบว่าเพราะเธอดื่มน้ำอัดลมปริมาณมากถึงวันละ 10 ลิตรติดต่อกันนานหลายปี ส่งผลร้ายต่อสุขภาพอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดอาการหัวใจเต้นไม่ปกตินำไปสู่การเสียชีวิตในที่สุด

    ทั้งนี้ ก่อนที่นางแฮร์ริสเสียชีวิต พบว่าฟันทั้งปากของเธอร่วงหมดเพราะดื่มน้ำอัดลมมากยาวนานหลายปี นอกจากนั้น ลูกๆของเธออย่างน้อย 1 คน ไม่มีสารเคลือบฟันตั้งแต่เกิด


    ขอบขอบคุณข้อมูลจากเว็บ thairath.co.th
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 630.jpg
      630.jpg
      ขนาดไฟล์:
      53.1 KB
      เปิดดู:
      106
  2. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,063
    ค่าพลัง:
    +52,162
    <object width="853" height="480"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/_uffgKYD50E?hl=;autoplay=1&amp;version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/_uffgKYD50E?hl=;autoplay=1&amp;version=3" type="application/x-shockwave-flash" width="853" height="480" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>​
     
  3. terryh

    terryh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +1,280
    คนไทย น้อยคนจะรุ้ว่า น้ำอัดลม เสี่ยงสูงป่วยโรคมะเร็งตับอ่อน มะเร็งลำไส้ มะเร็งกะเพาะอาหาร ไตเสื่อมก่อนวัยอันควร นอกจาก โรคเบาหวาน

    วารสารทางการแพทย์ สหรัฐได้มีการยืนยันชัดเจน

    แต่ ไทย เรา ?????
     
  4. DevaIsis

    DevaIsis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,005
    ค่าพลัง:
    +4,600
    ขอบคุณสำหรับความรู้นะคะ
     
  5. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,063
    ค่าพลัง:
    +52,162
    สำหรับอาหารแล้วการจะทดสอบว่าอาหารหรือน้ำดื่มที่เรารับประทานอยู่นั้นเป็นกรดหรือด่างนั้นหลักการในการทำความเข้าใจที่ว่าจะตรวจวัดได้ด้วยค่า pH ซึ่งย่อมาจาก "Power of Hydrogen" ที่จะเป็นตัวกำหนดอาหารนั้นว่าอาหารนั้นมีความเป็นกรดหรือด่าง โดยทั่วไปมีค่าตั้งแต่ 1-14

    ถ้าค่า pH ที่ตรวจได้มีค่าเท่ากับ 7 หมายถึงว่าเป็นกลาง

    ถ้าค่า pH ที่ตรวจได้มีค่าต่ำกว่า 7 หมายถึงว่าเป็นกรด (Acid) ยิ่งน้อยลงมากก็ยิ่งเป็นกรดมาก

    ถ้าค่า pH ที่ตรวจได้มีค่ามากกว่า 7 หมายถึงว่าเป็นด่าง (Alkaline) ยิ่งมีค่ามากกว่า 7 มากขึ้นเท่าใด ก็หมายถึงว่ามีสภาพความเป็นด่างมากขึ้นเท่านั้น

    แต่สำหรับอาหารอาจจะไม่ตรงไปตรงมาอย่างนั้น อย่างเช่น ผลไม้หรือน้ำผลไม้จำนวนไม่น้อยที่วัดค่าภายนอกได้เป็นกรด แต่เมื่อย่อยสลายในกระเพาะอาหารแล้วให้ผลออกมาเป็นด่าง ดังนั้นการจะตรวจสอบอาหารนั้นเป็นกรดหรือด่างก็มักนิยมที่จะนำอาหารนั้นมาเผาจนเป็นขี้เถ้าเสียก่อน แล้วนำขี้เถ้าเหล่านั้นไปละลายน้ำแล้วหาค่า pH อีกครั้ง การที่นำอาหารไปเผาไหมจนเป็นขี้เถ้านั้นก็เป็นการจำลองกระบวนหลังจากการย่อยสลายเผาผลาญอาหารในร่างกายแล้วว่าจะให้ค่าเป็นกรดหรือด่าง

    อาหารที่มีสภาพความเป็นด่างได้แก่ ผักทุกชนิด น้ำผักผลไม้สด เช่นมะละกอ แอปเปิ้ล สับปะรด มะเขือเทศ กล้วย มะพร้าว มะนาว ส้ม สตอรเบอรี่ ราสเบอรี่ ลูกเกด ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง และข้าวบาร์เลย์ ฯลฯ ในขณะที่อาหารที่มีความเป็นกรดได้แก่ เนื้อสัตว์ทุกชนิด ไขมัน แป้ง ชีส เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ ช็อกโกแลต น้ำตาลขัดสี อาหารสำเร็จรูป ผงชูรส ของหมักดอง น้ำส้มสายชู แป้งและเม็ดข้าวโดยเฉพาะพวกที่ขัดสีแล้ว น้ำมัน ไขมันทุกชนิด และอาหารทอดน้ำมัน และน้ำมันพืชที่ไม่ได้ผ่านกรรมวิธีบีบเย็น ฯลฯ

    ร่างกายมนุษย์เราพยายามที่จะทำให้ค่า pH อยู่ที่ประมาณ 7.4 อยู่ตลอดเวลา การกินอาหารที่เป็นกรดมากเกินไป จะทำให้ร่างกายดึงภาวะความเป็นด่างจากร่างกายซึ่งก็คือแคลเซียมมาใช้เพื่อรักษาระดับค่าที่ร่างกายต้องการ ผลก็คือคนที่รับประทานอาหารเป็นกรดมากฟันก็จะกร่อนบางลง เป็นโรคกระดูกพรุนมากขึ้น และหากร่างกายไม่สามารถรักษาความสมดุลในร่างกายได้ สภาพเซลล์ในร่างกายก็จะทำงานหนักมากขึ้นโดยเฉพาะการฟอกเลือด เช่น ม้าม ตับ หัวใจ และนิ่วในไต รวมถึงระบบเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงานก็จะผิดเพี้ยนไป และทำให้เป็นหลายโรคได้ตามมาได้ด้วย เช่น โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ฯลฯ

    มิพักต้องพูดถึงว่าความเป็นกรดสูงจนเกินสมดุลนั้น ยังจะทำให้เป็นการเสริมศักยภาพให้สภาพอนุมูลอิสระให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ด้วย นั่นหมายความว่ากรดจะทำให้ผู้บริโภคมีสุขภาพและร่างกายที่เสื่อมลงจากอนุมูลอิสระแล้ว ยังอาจหมายรวมถึงการทำให้สภาพมะเร็งเติบโตขึ้นได้ด้วย

    โดยเฉพาะในวันนี้พบว่าการเสียชีวิตของคนไทยจากโรคร้ายอันดับหนึ่งในวันนี้คือโรคมะเร็ง ซึ่งสะท้อนความล้มเหลวของรัฐบาลไทยทุกยุค ที่ปล่อยปละละเลยให้อาหารบ้านเราเป็นพิษเกิดขึ้นโดยทั่วไป ทั้งจากการใช้น้ำยาอาบศพในสัตว์ทะเลตามตลาดสดเพื่อให้ดูสดตลอดเวลา น้ำยาฟอร์มารีนอบก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่เพื่อให้มีอายุการใช้งาน มากขึ้น การใช้สารเร่งเนื้อแดงในหมูเพื่อให้เนื้อหมูดูสดและแดงตลอดเวลา การพ่นยาฆ่าแมลงและสารพิษในพืชและผัก การใช้น้ำมันซ้ำในอาหารทอดตามร้านอาหารต่างๆ ฯลฯ ด้วยเหตุผลเหล่านี้คนไทยจึงมีสภาพป่วยเป็นโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

    การให้ข้อมูลกับผู้บริโภคคนไทยในวันนี้ จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ และควรจะเป็นสิทธิ์ขั้นพื้นฐานในการที่จะได้รู้ข้อมูลให้เลือกได้ว่าประชาชนควรจะบริโภคอย่างไร ด้วยข้อมูลที่ครบถ้วน

    ด้วยเหตุผลนี้ผมจึงได้ตัดสินใจนำน้ำดื่มและน้ำอัดลม ที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อตรงข้ามบ้านพระอาทิตย์มา 21 ยี่ห้อ เพื่อวัดคุณภาพน้ำด้วย 2 ค่า เมื่อวันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2555 ดังนี้

    1. ค่า pH ว่าน้ำแต่ละยี่ห้อมีความเป็นกรด-ด่างมากน้อยเพียงใด ค่า pH ต่ำกว่า 7 เป็นกรด และยิ่งเป็นกรดมากเมื่อมีค่า pH ต่ำ เป็นด่างเมื่อค่า pH สูงกว่า 7 และยิ่งเป็นด่างมากมื่อค่า ph สูงขึ้น

    2. วัดค่า Oxidation Reduction Potential หรือที่เรียกในตัวย่อว่า "ORP" เพื่อวัดว่าน้ำดื่มเหล่านั้นมีค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าสุทธิแล้วน้ำเหล่านั้นมีค่าประจุบวกหรือลบอย่างไร และมากแค่ไหน มีหน่วยวัดเป็นมิลลิโวลต์ โดยถ้ามีประจุบวกมากเท่าไหร่ก็เท่ากับว่าเป็นน้ำที่ส่งเสริมการทำงานของการทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation) มากขึ้น ซึ่งย่อมส่งผลทำให้การทำงานของอนุมูลอิสระเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เพราะจะทำให้เกิดการช่วงชิงอิเล็กตรอนจากเซลล์ต่างๆภายในร่างกาย ในขณะที่น้ำที่มีประจุบวกน้อยกว่าก็จะทำให้ส่งเสริมอนุมูลอิสระที่น้อยกว่า ยกเว้นว่าหากมีค่าประจุไฟฟ้าสุทธิติดลบก็จะกลายเป็นน้ำที่เข้าข่ายในการทำปฏิกิริยา "ต้านอนุมูลอิสระ" หรือที่เรียกว่า Anti Oxidant ได้

    แม้จะมีข้อมูลอีกหลายอย่างที่ต้องทำการสำรวจและทดลอง แต่เอาเฉพาะ 2 หัวข้อนี้ ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้บริโภคไม่น้อย

    ผมจึงใช้เครื่องวัดค่า ORP และค่า pH และวัดอุณหภูมิในตัวเดียวกันยี่ห้อ HANA รุ่น HI 98121 เป็นตัววัดค่าดังกล่าว โดยการถ่ายรูปเป็นหลักฐานเอาไว้ในทุกการทดลองในการตรวจวัดผลิตภัณฑ์ ได้ผลที่น่าสนใจให้เป็นข้อมูลส่วนหนึ่งสำหรับผู้บริโภคได้ดังนี้

    เริ่มต้นจากน้ำดื่มในภาชนะบรรจุปิดสนิท ได้หยิบมาทั้งหมด 10 ยี่ห้อ อันได้แก่ เนสท์เล่, สิงห์, ช้าง, คูลลี่ เฟรช, เค.แอล, และรวมถึงน้ำดื่มประเภทน้ำแร่ ได้แก่ มิเนเร่, ออร่า, มอง เฟลอร์, และเพอร์ร่า ผลการสำรวจพบว่าหากเรียงจากน้ำที่มีความเป็นด่างสูงสุด ไปหาน้ำที่มีสภาวะความเป็นด่างสูงสุดไปหากกรดมากที่สุดดังนี้

    1.น้ำดื่ม ตรามิเนเร่ เป็นน้ำแร่ ที่มี ค่า pH อยู่ที่ 8.17 ค่า ORP อยู่ที่ +165 มิลลิโวลต์

    2.น้ำดื่ม ตราเนสท์เล่ ค่า pH อยู่ที่ 7.90 ค่า ORP อยู่ที่ +137 มิลลิโวลต์

    3.น้ำดื่ม ตราสิงห์ ค่า pH อยู่ที่ 7.90 ค่า ORP อยู่ที่ +141 มิลลิโวลต์

    4.น้ำดื่ม ตราเพอร์ร่า เป็นน้ำแร่ ค่า pH อยู่ที่ 7.81 ค่า ORP อยู่ที่ +183 มิลลิโวลต์

    5.น้ำดื่ม ตราช้าง ค่า pH อยู่ที่ 7.54 ค่า ORP อยู่ที่ +158 มิลลิโวลต์

    6. น้ำดื่ม ตราออร่า เป็นน้ำแร่ ค่า pH อยู่ที่ 7.10 ค่า ORP อยู่ที่ +191 มิลลิโวลต์

    7.น้ำดื่ม ตรามองเฟลอร์ เป็นน้ำแร่ ค่า pH อยู่ที่ 7.09 ค่า ORP อยู่ที่ +195 มิลลิโวลต์

    8. น้ำดื่ม ตราคริสตัล ค่า pH อยู่ที่ 6.96 ค่า ORP อยู่ที่ +175 มิลลิโวลต์

    9.น้ำดื่ม ตราคูลลี่ เฟรช ค่า pH อยู่ที่ 6.71 ค่า ORP อยู่ที่ +207 มิลลิโวลต์

    10.น้ำดื่ม ตราเค.แอล. ค่า pH อยู่ที่ 6.17 ค่า ORP อยู่ที่ +243 มิลลิโวลต์

    จากการสำรวจพบว่าน้ำดื่มบรรจุในภาชนะปิดสนิทที่มีค่าความเป็นด่างสูงสุด 3 อันดับแรกคือ 1.น้ำดื่มตรามิเนเร่ 2. และ 3. เท่ากันคือ น้ำดื่มตราเนสท์เล่ . น้ำดื่มตราสิงห์ ในขณะที่น้ำดื่มที่มีค่า ORP ต่ำที่สุด 3 อันดับแรกคือ 1.น้ำดื่มตราเนสท์เล่ 2.น้ำดื่มตราสิงห์ และ 3 น้ำดื่มตราช้าง

    ทั้งนี้ เมื่อทดสอบกับน้ำประปาที่บ้านพระอาทิตย์พบว่ามีค่า pH 7.18 และค่า ORP อยู่ที่ +192 มิลลิโวลต์ ซึ่งมีความเป็นด่างมากกว่าน้ำดื่มบรรจุในภาชนะปิดบางยี่ห้อ และมีค่าประจุบวกน้อยกว่าน้ำดื่มบรรจุในภาชนะปิดบางยี่ห้อด้วย

    ด้วยเครื่องตรวจวัดเดียวกันนี้จึงได้ไปทดสอบกับน้ำอัดลมอีก 11 ชนิดได้แก่ เป๊บซี่ แมกซ์, เป๊บซี่, โคคา โคล่า, โคคาโคล่า ซีโร่, โคคาโคล่า ไลท์, สไปรท์, แฟนต้าน้ำส้ม, แฟนต้า สตรอเบอร์รี่, อาเจบิ๊ก ส้ม, และ อาเจ บิ๊ก โคล่า ได้ผลการทดสอบพบว่าหากเรียงจากน้ำที่มีความเป็นด่างสูงสุด ไปหาน้ำที่มีสภาวะความเป็นด่างสูงสุดไปหากกรดมากที่สุดดังนี้

    1.น้ำอัดลม สไปรท์ ค่า pH อยู่ที่ 3.05 ค่า ORP อยู่ที่ +331 มิลลิโวลต์

    2.น้ำอัดลม แฟนต้า สตรอเบอร์รี่ ค่า pH อยู่ที่ 2.79 ค่า ORP อยู่ที่ +352 มิลลิโวลต์

    3.น้ำอัดลม อาเจ บิ๊ก สตรอเบอร์รี่ค่า pH อยู่ที่ 2.78 ค่า ORP อยู่ที่ +351 มิลลิโวลต์

    4.น้ำอัดลม แฟนต้า ส้ม ค่า pH อยู่ที่ 2.75 ค่า ORPอยู่ที่ +353 มิลลิโวลต์

    5.น้ำอัดลม อาเจบิ๊ก ส้ม ค่า pH อยู่ที่ 2.61 ค่า ORP อยู่ที่ +351 มิลลิโวลต์

    6.น้ำอัดลม โคคาโคล่า ซีโร่ ค่า pH อยู่ที่ 2.56 ค่า ORP อยู่ที่ +340 มิลลิโวลต์

    7.น้ำอัดลม โคคาโคล่า ไลท์ ค่า pH อยู่ที่ 2.55 ค่า ORP อยู่ที่ +333 มิลลิโวลต์

    8.น้ำอัดลม เป๊บซี่ แมกซ์ ค่า pH อยู่ที่ 2.46 ค่า ORP อยู่ที่ +333 มิลลิโวลต์

    9. น้ำอัดลม อาเจบิ๊ก โคล่า ค่า pH อยู่ที่ 2.23 ค่า ORP อยู่ที่ +379 มิลลิโวลต์

    10. น้ำอัดลม โคคาโคล่า ค่า pH อยู่ที่ 2.13 ค่า ORP อยู่ที่ +342 มิลลิโวลต์

    11.น้ำอัดลม เป๊บซี่ ค่า pH อยู่ที่ 2.13 ค่า ORP อยู่ที่ +347 มิลลิโวลต์


    จึงสรุปได้ว่าน้ำอัดลมทั้งหมดเท่าที่สำรวจมานี้ มีสภาพความเป็นกรดสูงมาก และ มีเป็นประจุไฟฟ้าบวกสุทธิอยู่ในระดับสูงกว่าน้ำดื่มมากถึง 2-3 เท่าตัว อีกทั้งมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation) หรือ ไปทำให้อนุมูลอิสระเติบโตมากกว่าหมวดน้ำดื่มทั่วไปอย่างมาก
    ความจริงแล้วผู้บริโภคควรจะมีสิทธิ์ที่จะรู้ข้อมูลเหล่านี้ในการเปรียบเทียบเพื่อประกอบการตัดสินใจ และจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งหากกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นเจ้าภาพทำเรื่องคุณภาพอาหารและน้ำดื่มให้ประชาชนได้มีข้อมูลเพิ่มมากขึ้น ทั้งเป็นการช่วยทำให้ประชาชนมีการป้องกันตัวเองด้วยสุขภาพที่ดี และช่วยทำให้ผู้ประกอบการได้พัฒนาคุณภาพของตัวเองให้ดีเพื่อสุขภาพของคนไทยด้วย

    อย่างน้อยก็เพื่อทำให้อัตราการเจ็บป่วยในโรคร้ายได้ลดลง ด้วยพฤติกรรมการบริโภคที่เปี่ยมด้วยข้อมูลที่จะช่วยในการเลือกบริโภค ช่วยป้องกันจากอาหารที่ไม่เหมาะสมเพื่อให้สุขภาพแข็งแรงได้
     
  6. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    ผมนี่ก็ตัวกินเลย อยากเลิกเหมือนกัน
     
  7. khunfongbeer

    khunfongbeer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +668
    ขอบคุณสำหรับโทษ และผลเสียของน้ำอัดลมคะ
     
  8. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,063
    ค่าพลัง:
    +52,162
    เป็นกำลังใจให้ครับ [​IMG]
     
  9. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,275
    ค่าพลัง:
    +82,733
    ดื่มบ้างเหมือนกันค่ะ
    ทั้งที่ทราบว่าไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพ
    อาจเพราะเราเสพติดรสชาติหรือเปล่าคะ
     
  10. water2525

    water2525 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +315
    น้ำอัดลมนาน ๆ จะดื่มค่ะ ดื่มน้ำผลไม้ปั่น ชาไข่มุก ฯ ซะมากกว่า ไม่ทราบเป็นอันตรายมากหรือเปล่าคะ
     
  11. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,063
    ค่าพลัง:
    +52,162
    เรื่องของรสชาติก็มีส่วนครับ
    แต่ก่อนดื่มเกือบทุกวัน ตอนนี้ก็นานๆ ครั้งถึงจะดื่มครับ
     
  12. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,063
    ค่าพลัง:
    +52,162
    ในส่วนของ น้ำผลไม้ปั่นถ้าเป็นแบบ 100 % ก็เป็นประโยชน์ครับ แต่ก็อาจจะได้ประโชยน์น้อยกว่าการทานผลไม้จริงพร้อมเนื้อผลไม้แค่นั้นเอง แต่ในส่วนของชาไข่มุกแคลอรี่ประมาณ 300 - 480 ต่อแก้ว และผมได้หาข้อมูลมาให้แล้วนะครับ

    ผลงานวิจัยจากประเทศเยอรมนี เผยว่า หลังการสุ่มตรวจเม็ดไข่มุกในเครื่องดื่มประเภทชาไข่มุก พบว่ามีสารก่อมะเร็งเจือปนในเม็ดไข่มุก

    รายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศระบุว่า องค์การด้านสุขภาพและนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโรงพยาบาลอาร์คอน (University Hospital Aachen) ของเยอรมนี ได้ออกเตือนถึงการบริโภคเครื่องดื่มประเภทชาไข่มุก ซึ่งกำลังเริ่มได้รับความนิยมในประเทศแถบยุโรปรวมทั้งเยอรมนี ว่า นอกจากเครื่องดื่มเหล่านี้จะเสี่ยงก่อให้เกิดอันตรายจากการสำลักเม็ดไข่มุกแล้ว ยังตรวจพบว่าเม็ดไข่มุกเคี้ยวหนึบดังกล่าวยังมีสารเคมีประเภทโพลีคลอริเนต ไบฟีนิล หรือ PCBs (Polychlorinated Biphenyls หรือ PCBs) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งเจือปนอยู่ด้วย

    ตัวอย่างที่สุ่มตรวจพบสารก่อมะเร็งเป็นตัวอย่างจากร้านชาไข่มุกไม่ระบุชื่อสาขาจากประเทศไต้หวัน ในเมืองมอนเช่นกล๊าดบาค (Mönchengladbach) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเยอรมนี โดยตรวจพบสารเคมีประเภท โพลีคลอริเนต ไบฟีนิล ได้แก่ สไตรีน (Styrene) อะซีโตนฟีโนน (Acetophenone) และ สารประกอบของโบรมิเนต (Brominated Substances) ซึ่งเป็นสารที่ไม่สมควรพบในอาหารเจือปนอยู่ด้วย

    อย่างไรก็ดี แม้จะมีการตรวจพบการเจือปนของโพลีคลอริเนต ไบฟีนิล แต่ก็ยังไม่มีรายงานถึงอุบัติเหตุหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นจากชาไข่มุกในประเทศเยอรมนีแต่อย่างใด

    ทั้งนี้ สารเคมีประเภทโพลีคลอริเนต ไบฟีนิล เป็นสารที่ละลายน้ำได้น้อยแต่ละลายในไขมันได้ดี และสลายตัวได้ยากในสิ่งมีชีวิต เมื่อเข้าสู่ร่างกายมนุษย์แล้วจะถูกขับออกได้บ้างทางอุจจาระ และปัสสาวะ ที่เหลือจะสะสมในร่างกายทีละน้อย จนเริ่มแสดงอาการของพิษ เริ่มตั้งแต่คลื่นไส้ เหนื่อย เบื่ออาหาร เกิดตุ่มฝีที่ผิวหนัง เล็บคล้ำ ฯลฯ ไปจนถึงอาการขั้นร้ายแรง คือทำให้เกิดความผิดปกติของระบบสืบพันธ์ ระบบภูมิคุ้มกัน และอาจทำให้เป็นมะเร็ง

    ข้อมูลโพลีคลอริเนตไบฟีนิล คลิ๊ก >> ศูนย์ข้อมูลพิษวิทยา <<


    ขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บประปุกดอดคอม
     
  13. chayapin

    chayapin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +1,115
    ขอบคุณสำหรับข้อมูล ค่ะ
     
  14. terryh

    terryh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +1,280
    แน่ชัด ดื่มน้ำอัดลม เปรียบเหมือน ดื่ม ยาพิษ เพื่อ

    เตรียมตัวตาย ผ่อนส่ง ในภายหลัง เห็น ผู้อาวุโส สูงวัย

    ที่ชอบดื่มน้ำอัด บ่อย ๆ มานานปี ๆ ได้พบแล้วอนาถใจ

    ป่วย โรคไต เบาหวาน ก็มาก นับร้อย ๆ ร้าย และ

    ซ้ำร้ายที่ป่วย โรคมะเร็ง กะเพาะ มะเร็งลำไส้ ก็กว่า ครึ่งร้อย ๆ

    ถ้าจะว่าไป ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา น้ำพวกนี้จะออกผล


    หลังดื่มนาน ๆ

    เลี่ยงได้ อย่าดื่มเลย จะดีกว่า ดื่ม น้อย ก็ส่งผล ป่วยได้ มันจะสะสม พิษภัยไว้

    น้ำอัดลม อันตรายมากมายกว่าที่คิด
    เสี่ยง ถึง พิการ หรือ ตาย ก่อนวัยอันควร
    น้ำอัดลม อันตรายมากมายกว่าที่คิด - GotoKnow
     
  15. terryh

    terryh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +1,280

    น้ำผลไม้กล่อง ชาไข่มุก ก็ เสี่ยงภัยอันตรายต่อสุขภาพ เพราะ ล้วนเจือปน สารกันบูด
    แต่งสี กลิ่น รสชาติ เสี่ยง ต่อ ป่วยโรคไตเสื่อม ก่อนวัย

    ผลไม้สด ๆ หรือ คั้นเอง ปลอดภัยกว่า กัน แถมมีสุขภาพ สะอาด กว่า
     
  16. Talrae

    Talrae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +138
    ติดน้ำอัดลมมากๆเลยค่ะ ดื่มทุกวันเลย :z13
     
  17. แฟงไทย

    แฟงไทย สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +6
    มีประสบการณ์จากร้านอาหารแถวบ้านค่ะ คือลูกชายเจ้าของร้าน

    จะดื่มน้ำอัดลมประมาณวันละ 3-4 ขวด แล้วอยู่ๆก็หมดสติไป

    ทั้งๆที่อายุไม่ถึง 30 ปี พอไปถึงโรงพยาบาลก็เสียชีวิต

    แพทย์ระบุว่ามีสารสะสมจากน้ำอัดลมค่ะ
     
  18. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,063
    ค่าพลัง:
    +52,162
  19. kik.p

    kik.p สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +24
    ดื่มบ้าง แต่ไม่มากนัก พยายามควบคุมตัวเองเพราะรู้อยู่เหมือนกัน ว่าทำลายสุขภาพ แต่เพิ่งเคยได้ยินว่าดื่มน้ำอัดลมจนกลายเป็นยาเสพติด จนต้องตาย น่ากลัวจริงๆ
     
  20. ironman

    ironman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +508
    แถวบ้านผมมีคนที่กินน้ำอัดลมแทนน้ำ อยู่คนนึง ตอนนี้เค้าตายไปแล้วครับ (มะเร็งลำไส้)

    ผมเองก็กินน้ำอัดลมสีดำแทนน้ำมาแต่เด็กเหมือนกัน (แต่อายุน้อยกว่าเค้าหน่อยนึง)
    กินมาทั้งชีวิต ถีงเพิ่งจะมารู้ว่า น้ำอัดลมสีดำ มันทำมาจากต้นโคคา (ที่เค้าสกัดมาเป็นโคเคน)

    ผมเองเป็นโรคกระเพาะและลำไส้อักเสบรุนแรง มาเป็นสิบปี ตอนนี้ดีมากแ้ล้วครับ
    เกือบจะหายสนิทแล้ว

    และโรคที่มากับน้ำอัดลม นอกจากจะ โรคกระเพาะ,โรคเบาหวาน,ความดัน
    และอาจจะมีโรคไต โรคหัวใจตามมาทีหลัง
    โรคอย่างแรกๆที่คนชอบกินน้ำอัดลม อาจจะต้องเจอ ก็คือ..... "โรคไส้พอง" (พองท้องแ่อ่น)

    "โรคไส้พอง" นี้ อาจจะเกิดทีหลังหรือพร้อมๆไปกับโรคกระเพาะเลยก็ว่าได้
    เพราะน้ำอัดลม จะไปกัดกระเพาะ รวมทั้งกัดลำไส้ด้วย สำหรับคนที่กินน้ำอัดลมมานานๆๆๆๆ
    จะทำให้ไส้อักเสบพองตัว และเบียดอวัยวะภายในท้่อง

    ทั้งกระเพาะคุณและลำไส้ของคุณจะบวมพอง แน่นคับอยู่ในช่องท้อง
    และอาการจะปรากฏหลังคุณกินข้าวเสมอ กระเพาะคุณลำไส้คุณจะบวมแน่นในท้อง เพราะมีอาหารเข้าไป
    และบวกกับแก๊สที่เกิดจากการย่อยอาหาร

    ผลก็คือ จากเดิมที่อวัยวะภายในช่องท้องแขวนลอยไม่ติดกัน กลายเป็นทุกๆอย่างจะเีบียดกัน
    รวมทั้งหัวใจที่แต่เดิมมีพื้นที่ว่างให้ขยับตัว กลับกลายโดนอัดแน่นอยู่ในทรวงอก

    ช่วงที่เป็นหนักๆ ผมจะหายใจไม่่ค่อยออก เพราะความดันในช่องท้องสูงมาก
    ผมจะท้องอืดแบบรุนแรง แบบหัวใจเต้นถี่ยิบ
    (เพราะความดันในช่องท้องไปดันให้หัวใจขยับตัวได้ลำบาก)

    หัวใจมันทำงานอัตโนมัติ เมื่อมีอะไรมาขวางไม่ให้มันขยับตัวสูบฉีดเลือดได้สะดวก
    มันก็จะเริ่งการเต้นของตัวมันเองอัตโนมัติ

    อย่างเช่นคุณ เคยหัวใจเต้นปกติอยู่ที่ 80ครั้งต่อนาที ในขณะที่นั่งอยู่เฉยๆ
    ระบบการหายใจของคุณปกติ หัวใจสามารถขยับตัวได้เหมาะสมกับจำนวนปริมาณอ๊อกซิเจนที่คุณจะต้องใช้

    แต่เมื่อคุณท้องอืด หรือมีความดันในช่องท้องสูง จะไปเบียดให้หัวใจขยับตัวได้น้อยลง
    (ข้างในท้องมันบวม มันแน่นไปหมด)
    หัวใจมันจึงเร่งการเต้นของตัวเองเพื่อให้มีปริมาณอ๊อกซิเจนให้เหมาะสมกับการใช้งานในขณะนั้น
    (ถ้าตอนนั้นคุณเหนื่อยอยู่ด้วยล่ะก็ หัวใจคุณจะเต้นแรงเป็นทวีคูณ อาจจะหัวใจวายตายได้)

    (แต่คุณลองคิดดู คุณเป็นในขณะที่นั่งอยู่เฉยๆไม่ได้ออกแรง นั่นแสดงว่าหัวใจคุณขยับตัวลำบากมาก)
    คุณจะได้ยินเสียงหัวใจคุณเต้นอย่างชัดเจน เหมือนคุณเอาหูตัวเองไปแนบหน้าอกคนอื่นเพื่อฟังเสียง

    นั่นก็เพราะว่า ช่องว่างในลำตัวของคุณไม่มี เพราะอวัยวะบวมแน่นไปหมด
    ลำตัวของคุณจึงกลายเป็นของแข็งตันไป ทำให้เสียงวิ่งผ่านได้ดี
    ทำให้เสียงที่หัวใจของคุณเต้น วิ่งผ่านมายังประสาทหูได้โดยตรง คุณจึงได้ยินหัวใจตัวเองเต้นดังสุดๆ

    และ "คุณจะหายใจเข้าไม่ได้" เสี่ยงตายเป็นอย่างมาก

    ปกติคนเราเมื่อจะหายใจเข้า-ออก หน้าท้องของเราจะพองออกไปด้านหน้า และกระบังลมจะหล่นลงมา
    ทำให้ปอดที่อยู่ภายในทรวงอกพองตัว และดึงลมเข้าปอดโดยอัตโนมัติ

    แต่เมื่อคุณท้องอืดมากๆ และอวัยวะภายในบวมแน่นมากๆ (กระเพาะและลำไส้)
    ท้องคุณจะอยู่ในลักษณะบวมตึงแน่นไปหมด ยุบตัวลงไม่ได้ จะพองออกก็ไม่ได้เพราะมันดันแน่นไปหมด

    ผลก็คือ กระบังลมจะหล่นลงมาข้างล่างไม่ได้ มีผลทำให้ปอดขยายตัวไม่ได้ ลมภายนอกจึงไม่เข้าปอด

    คุณจะเหนื่อยเพราะหายใจไม่ทัน เหนื่อยมาก เพราะการหายใจไม่เป็นปกติเหมือนเดิม

    คุณจะต้อง "ออกแรงเพื่อดึงลมให้เข้าปอด" (เหนื่อยมาก) ซึ่งในคนปกติคุณแทบจะไม่ต้องออกแรงเลย
    เพราะร่างกายจะทำงานอัตโนมัติ และเพราะอวัยะวะภายในช่องท้อง ให้ตัว-ขยับตัวได้อิสระ

    ผมเคยกระเพาะอักเสบรุนแรง แบบก้มตัวลงแล้วเจอก้อนกลมๆแข็งในท้องเลย(กระเพาะ)
    และลำไส้พองตัว ดันแน่นในช่องท้องไปหมด

    มีผลทำให้ผมออกแรงไม่ได้ ต้องหยุดผ่อนหายใจเวลาขึ้นบันได "ทุกๆ3ก้าว"

    พอเป็นนานๆ กล้ามเนื้อแขนกล้ามเนื้อขา จะลีบไปหมด เพราะออกแรงไม่ได้ ยิ่งทำให้อ่อนแรงลงเรื่อยๆ

    วันไหนเป็นภูมิแพ้ หรือแพ้อากาศ จมูกตัน จะน่ากลัวมากๆ เพราะปกติก็หายใจไม่ค่อยจะออกอยู่แล้ว
    ยิ่งมาจมูกตัน มีน้ำมูก คุณจะรู้สึกเหมือนเหนื่อยมาก ที่จะต้องออกแรงสูดลมเข้าปอดตัวเองให้ได้

    เป็นนานๆแล้วเครียดสะสม เกิดอาการช็อคชาเกร็งแข็งขยับไม่ได้ไปทั้งตัว ไม่รู้สึกตัวตั้งแต่ปลายเท้ายันหัว
    (รู้สึกแค่ลมปลายจมูก)

    ช่วงนั้นเวลาผมไปธุระข้างนอก ผมจะต้องดูว่ามีโรงพยาบาลแถวนั้นอยู่ใกล้ๆตรงไหน จะไปถึงได้อย่างไร
    บ่อยครั้งมากๆที่ผมจะต้องไปจอดรถตามลานจอดรถของโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อดูอาการของตนเอง

    บางครั้ง เมื่อผมนอนหลับอยู่ดีๆ ต้องตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะแก๊สในกระเพาะจำนวนมาก ทำให้หายใจไม่ออก
    เมื่อคุณลุกขึ้นมาตั้งลำตัวตรง ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น หัวใจคุณจะเต้นแรงมากกว่าร้อยครั้งในทันที

    นั่นเพราะว่า แก๊สในลำตัวเรามันสะสมในตอนนอนราบ เมื่อร่างกายลำตัวตั้งขึ้นในตอนลุกนั่ง
    ผลก็คือ "แก๊สที่อยู่ในแนวนอน จะรวมตัวแล้วดันขึ้นในแนวตั้ง"
    แก๊สในช่องท้องทั้งหมดจึงรวมตัวกันดันกระบังลมและหัวใจให้ขยับตัวไม่ได้

    เมื่อหัวใจขยับตัวไม่ถนัด มันจะทำงานอัตโนมัติ เร่งการเต้นของมันเพื่อชดเชยอ๊อกซิเจนให้เรา เมื่อเราตื่น
    หัวใจคุณจะเต้นแรงเหมือนคุณเพิ่งไปวิ่ง100เมตรมา ทั้งๆที่คุณออกแรงเพียงแค่ลุกนั่งตัวตรงจากที่นอน

    ยังมีอาการอีกสารพัด ทั้งเวียนหัว,ทั้งโคลงเคลง,ทั้งหายใจไม่ออก,ทั้งชาเกร็ง,วูบวาบเหมือนความดันต่ำ
    ตึงหัวเหมือนความดันสูง สารพัดอาการที่จะบรรยาย

    แต่ความเลวร้ายทั้งหมด กลับมีเรื่องดีซ่อนอยู่
    คนเราพอรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะตาย ก็จะเริ่มหาที่พึงพิงทางใจ ผมจึงเริ่มอ่านหนังสือธรรมะอย่างจริงจัง ตั้งแต่นั้น

    ทุกวันนี้รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ยังไม่ตาย และโชคดีที่ได้เจอพระพุทธศาสนา
    ได้ศึกษาความรู้จากหนังสือของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ (ผมอ่านหนังสือของหลวงพ่อไปเกือบครบ100% แล้ว)
    หนังสือพระเป็นตู้ๆแล้ว บางเล่มอ่านซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ จนจำขึ้นใจ

    ทุกวันนี้พอจิตใจจะเตลิดไปกับเรื่องกิเลส ผมจะดึงอารมณ์ที่ตัวเองใกล้จะตายตอนนั้นขึ้นมาคิด (มรณานุสสติกรรมฐาน)
    ว่าตอนที่ตัวเองหมดสภาพ หายใจไม่ออกเจียนตายในครั้งนั้นผมรู้สึกอย่างไร เพื่อไม่ให้กิเลสมาครอบงำ
    ร่างกายชาไปทั้งตัว แขนขาไม่มีแรง หัวตึงเพราะความดันขึ้น171
    (เพิ่งรู้ว่าเมื่อความดันขึ้นถึง171 จะหันคอไม่ได้ เพราะมันจะยิ่งทำให้ความดันสูงเพิ่มขึ้นไปอีก กลัวเส้นเลือดในสมองแตก)

    เปรียบเสมือนเราเอาลูกโป่งยาวๆมาสูบน้ำหรือลมเข้าไป แล้วเราเอาลูกโป่งยาวๆ นั้นมาบิดตัว
    แรงดันลมหรือน้ำภายใน ก็จะเพิ่มขึ้น และดันเป่งไปทุกๆทิศทุกทาง (ตอนนั้นผมจึงหันบิดคอไปด้านข้างไม่ได้)

    ความดันโลหิตสูง จึงน่ากลัวมาก คุณแทบจะทำอะไรไม่ได้เลยในสภาวะนั้น
    เคยเป็นแบบนั้นครั้งนึง เข็ดเลย ไม่อยากจะกลับไปจุดนั้นอีก

    ผมจึงเร่งความเพียรตัวเองให้มากตอนนี้ เพราะอยากจะทำสมาธิให้ได้ถึงฌาน4 ให้สมกับที่ได้เจอพระพุทธศาสนา
    และเอาไว้เป็นทางหนีตาย เมื่อสุขภาพย่ำแย่ หรือ ตอนที่ความดันขึ้นถึง171อีกครั้ง

    หวังว่าบทความเกี่ยวกับสุขภาพของผม จะเตือนใจทุกคนไม่ให้ประมาทในการดูแลสุขภาพกันนะครับ


    http://palungjit.org/posts/7453183
     

แชร์หน้านี้

Loading...