" วันเวลาแห่งอภิมหาภัยพิบัติ "

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย พนมกุเลน, 29 มกราคม 2013.

  1. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ตำรวจสุพรรณ จับแก๊งพระปลอม เดินสายเรี่ยไร มั่วสุมเสพยา เล่นการพนัน

    [​IMG]

    จับแก๊งพระปลอมเรี่ยไร-มั่วยา | เดลินิวส์

    เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 6 ก.ค. พ.ต.อ.นพดลฏ์ อรัญศรี ผกก.สภ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี สืบทราบว่าที่บ้านเลขที่ 16 หมู่ 6 ต.หนองราชวัตร มีแก๊งพระสงฆ์-สามเณร คาดว่าจะเป็นพระปลอมเดินสายออกเรี่ยไรหากิน มั่วสุมเสพยาบ้า และเล่นการพนัน จึงไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.นพสิณ จินดารัตน์ สวป.และกำลังสายตรวจพบนายสมหมาย ภู่วารี อายุ 52 ปี เจ้าของบ้านและแก๊งพระปลอม

    เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงมีท่าทางพิรุธ จึงได้ทำการตรวจค้นพบ ยาบ้า 2 เม็ด อยู่ในกระเป๋ากางเกงนายสมหมาย นอกจากนี้ยังพบผ้าเหลืองของพระจำนวนหลายผืน ตู้รับบริจาค จำนวน 3 ตู้ บาตรพระ จำนวน 5 ใบ อุปกรณ์การเล่นไฮโล จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน

    จากการสอบสวนนายสมหมายให้การรับสารภาพว่าอุปกรณ์ดังกล่าว ใช้ในการปลอมเป็นพระสงฆ์และสามเณรเพื่อออกเรี่ยไรทั่วไปและยังรับอีกว่ามีแก๊งแบบนี้อีกหลายสิบแก๊งในเขตพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี

    จากนั้น ทำการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดในปัสสาวะ พบเป็นสีม่วง มีสารเสพติดในปัสสาวะ จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย 1.นาย ณัฐวุฒิ อ่อนวิมล 2.นายปรีชา บุญพุธ อายุ 36 ปี 3.นายสุเชาว์ ศรีเพียงจันทร์ อายุ 24 ปี จึงควมคุมตัวส่ง พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
     
  2. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    [​IMG]

    พระปลอมระบาด เหตุ คนตกงาน นิยมหากินกับศาสนา

    แฉ! พระปลอมระบาด เหตุคนตกงานนิยมหากินกับศาสนา

    พระรัตนเมธี หัวหน้าพระวินยาธิการ (ตร.พระ) ในเขต กทม. กล่าววันนี้ (25 ม.ค.) ว่า จากการลงพื้นที่เขตต่างๆ ในกทม. ช่วงปีที่ผ่านมา พบว่ามีผู้ที่อาศัยผ้าเหลืองหากินโดยการปลอมบวชมากขึ้น สืบเนื่องจากในช่วงปี 2551 ที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องประสบกับปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ คนตกงานมากขึ้น

    โดยรายล่าสุด ที่ตรวจพบอาศัยอยู่บริเวณด้านหลัง วัดเสมียนนารี ซึ่งในช่วงเช้าจะแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ นั่งรถเข็นออกมาบิณฑบาต พอตกเย็น ก็กลับบ้านใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ เมื่อทางพระวินยาธิการเข้าไปสอบถาม ก็ได้รับการยอมรับว่า ปลอมบวชจริง และที่ต้องทำเพราะต้องการนำอาหารไปเลี้ยงลูกสาวที่บ้าน

    จากนั้น จึงนำตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการต่อไป "ยอมรับว่า ปัญหาการปลอมบวชเป็นเรื่องยากที่จะทำให้หมดไปได้ เพราะกฎหมายที่ลงโทษไม่รุนแรง บางรายยอมที่จะปลอมบวชเพื่อให้โดนจับ โดยบอกว่าพอโดนจับก็จะได้ชุดใหม่ 1 ชุด ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำมาให้แทนจีวรพระ

    พร้อมทั้งยังได้ขอค่ารถกลับบ้าน จากพระที่นำตัวมาส่งด้วย ส่วนใหญ่คนพวกนี้ก็จะกลับมาปลอมบวชใหม่ด้วย"
    พระรัตนเมธี กล่าวและว่า การจะแก้ปัญหา ภาครัฐต้องเข้ามาช่วยอย่างจริงจัง

    โดยเฉพาะ เรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้คนมีงานทำ รวมทั้งออกกฎหมายลงโทษผู้ที่ปลอมบวชให้มีโทษหนักมากขึ้น เพื่อจะได้ไม่มีคนกล้ามาปลอมบวชหากินอีก
     
  3. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    [​IMG]

    แก๊งค์ 18 มงกุฏ ที่มาเพื่อหลอกเหยื่อ ที่ชื่นชอบการเสี่ยงโชคโดยเฉพาะ วิธีการคือ ปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ แล้วใบ้หวยให้ชาวบ้าน โดยจะมีหน้าม้า ซึ่งแสดงตัวเป็นลูกศิษย์ สร้างข่าวว่าแม่น ให้เลขไหนออกเลขนั้นแน่นอน

    พระปลอมใบ้หวย!!:: daradaily.com :: เว็บแรกสู่โลกดารา :: ข่าวดารา ปาปาราซซี่

    หมายเหตุ ความเห็นส่วนตัว : ถ้าเป็นสาวกพระตถาคตจริง ต้องไม่มอมเมาญาติโยมให้ละโมบโลภมาก

    แต่จะบอกสอนแนะแนวญาติโยม ให้ตั้งใจทำมาหากินอย่างสุจริต ไม่เพ่งไปที่ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น รวมถึงให้ลดละความฟุ้งเฟ้อ จะได้ไม่เป็นหนี้สินล้นพ้นตัว

    สรุป พระพุทธเจ้า ท่านสอนให้เอากิเลสออก ให้ไม่ได้สอนให้เอากิเลสเข้า ท่านให้เพียรเผากิเลส ให้ฝึกสมถะ ฝึกสันโดษ ละนันทิ รึความเพลินต่างๆ

    พระรูปไหน สอนตรงข้ามกับพระศาสดา ถือว่าออกนอกแนวคำตถาคต
     
  4. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    อานิสงค์ ของการสร้างบุญบารมี ( ทาน, ศีล, ภาวนา )

    โดย สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

    ทาน

    การทำทาน ได้แก่การสละทรัพย์สิ่งของสมบัติของตนที่มีอยู่ให้แก่ผู้อื่น โดยมุ่งหวังจะจุนเจือให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์และความสุขด้วยความเมตตาจิตของตน ทานที่ได้ทำไปนั้น จะทำให้ผู้ทำทานได้บุญมากหรือน้อยเพียงใด ย่อมสุดแล้วแต่องค์ประกอบ ๓ ประการ

    ถ้าประกอบถึงพร้อม ด้วยองค์ประกอบทั้ง ๓ ประการ ต่อไปนี้แล้ว ทานนั้น ย่อมมีผลมาก ได้บุญบารมีมาก กล่าวคือ

    องค์ประกอบข้อที่ ๑ . " วัตถุทานที่ให้ต้องบริสุทธิ์ "

    วัตถุทานที่ให้ ได้แก่สิ่งของทรัพย์สมบัติที่ตนได้สละให้เป็นทานนั้นเอง จะต้องเป็นของที่บริสุทธิ์ ที่จะเป็นของบริสุทธิ์ได้จะต้องเป็นสิ่งของที่ตนเองได้แสวงหา ได้มาด้วยความบริสุทธิ์ในการประกอบอาชีพ ไม่ใช่ของที่ได้มาเพราะการเบียดเบียนผู้อื่น เช่น ได้มาโดยยักยอก ทุจริต ลักทรัพย์ ฉ้อโกง ปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ ฯลฯ

    ตัวอย่าง ๑ ได้มาโดยการเบียดเบียนชีวิตและเลือดเนื้อสัตว์ เช่นฆ่าสัตว์ต่าง ๆ เป็นต้นว่า ปลา โค กระบือ สุกร โดยประสงค์จะเอาเลือดเนื้อของเขามาทำอาหารถวายพระเพื่อเอาบุญ ย่อมเป็นการสร้างบาปเอามาทำบุญ วัตถุทาน คือเนื้อสัตว์นั้นเป็นของที่ไม่บริสุทธิ์ แม้ทำบุญให้ทานไป ก็ย่อมได้บุญน้อย จนเกือบไม่ได้อะไรเลย

    ทั้งอาจจะได้บาปเสียอีก หากว่าทำทานด้วยจิตที่เศร้าหมอง แต่การที่จะได้เนื้อสัตว์มาโดยการซื้อหามาจากผู้อื่นที่ฆ่าสัตว์นั้น โดยที่ตนมิได้มีส่วนร่วมรู้เห็นเป็นใจในการฆ่าสัตว์นั้นก็ดี เนื้อสัตว์นั้นตายเองก็ดี เนื้อสัตว์นั้นย่อมเป็นวัตถุทานที่บริสุทธิ์ เมื่อนำมาทำทานย่อมได้บุญมากหากถึงพร้อมด้วยองค์ประกอบข้ออื่น ๆ ด้วย

    ตัวอย่าง ๒ ลักทรัพย์ ยักยอก ฉ้อโกง ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ รวมตลอดถึงการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง อันเป็นการได้ทรัพย์มาในลักษณะที่ไม่ชอบธรรม หรือโดยเจ้าของเดิมไม่เต็มใจให้ทรัพย์นั้น ย่อมเป็นของที่ไม่บริสุทธิ์ เป็นของร้อน แม้จะผลิดอกออกผลมาเพิ่มเติม ดอกผลนั้นก็ย่อมเป็นของไม่บริสุทธิ์ ด้วยนำเอาไปกินไปใช้ย่อมเกิดโทษ

    เรียกว่า " บริโภคโดยความเป็นหนี้ " แม้จะนำเอาไปทำบุญ ให้ทาน สร้างโบสถ์วิหารก็ตาม ก็ไม่ทำให้ได้บุญแต่อย่างไร สมัยหนึ่งในรัชการที่ ๕ มีหัวหน้าสำนักนางโลมชื่อ " ยายแฟง " ได้เรียกเก็บเงินจากหญิงโสเภณีในสำนักของตนจากอัตราที่ได้มาครั้งหนึ่ง ๒๕ สตางค์ แกจะชักเอาไว้ ๕ สตางค์

    สะสมเอาไว้เช่นนี้ จนได้ประมาณ ๒ , ๐๐๐ บาท แล้วจึงจัดสร้างวัดขึ้นวัดหนึ่งด้วยเงินนั้นทั้งหมด

    เมื่อสร้างเสร็จแล้วแกก็ปลื้มปีติ นำไปนมัสการถามหลวงพ่อโตวัดระฆังว่าการที่แกสร้างวัดทั้งวัดด้วยเงินของแกทั้งหมดจะได้บุญบารมีอย่างไร หลวงพ่อโตตอบว่า ได้แค่ ๑ สลึง แกก็เสียใจ เหตุที่ได้บุญน้อย ก็เพราะทรัพย์อันเป็นวัตถุทาน ที่ตนนำมาสร้างวัดอันเป็นวิหารทานนั้น เป็นของที่แสวงหาได้มาโดยไม่บริสุทธิ์ เพราะว่าเบียดเบียนมาจากเจ้าของที่ไม่เต็มใจจะให้

    ฉะนั้น บรรดาพ่อค้าแม่ขายทั้งหลายที่ซื้อของถูก ๆ แต่มาขายแพงจนเกินส่วนนั้น ย่อมเป็นสิ่งของที่ไม่บริสุทธิ์โดยนัยเดียวกัน

    วัตถุทานที่บริสุทธิ์ เพราะการแสวงหาได้มาโดยชอบธรรมดังกล่าว ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นของดีหรือเลว ไม่จำกัดว่าเป็นของมากหรือน้อย น้อยค่าหรือมีค่ามาก จะเป็นของดี เลว ประณีต มากหรือน้อยไม่สำคัญ ความสำคัญขึ้นอยู่กับเจตนาในการให้ทานนั้น ตามกำลังทรัพย์และกำลังศรัทธาที่ตนมีอยู่

    [​IMG]
     
  5. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    องค์ประกอบข้อที่ ๒ . " เจตนาในการสร้างทานต้องบริสุทธิ์ "

    การให้ทานนั้น โดยจุดมุ่งหมายที่แท้จริงก็เพื่อเป็นการขจัดความโลภ ความตระหนี่เหนียวแน่นความหวงแหนหลงใหลในทรัพย์สมบัติของตน อันเป็นกิเลสหยาบ คือ " โลภกิเลส " และเพื่อเป็นการสงเคราะห์ผู้อื่นให้ได้รับความสุขด้วย เมตตาธรรมของตน

    อันเป็นบันไดก้าวแรก ในการเจริญเมตตา พรหมวิหารธรรมในพรหมวิหาร ๔ ให้เกิดขึ้น ถ้าได้ให้ทานด้วยเจตนาดังกล่าวแล้ว เรียกว่าเจตนาในการทำทานบริสุทธิ์ แต่เจตนาที่ว่าบริสุทธิ์นั้น

    ถ้าจะบริสุทธิ์จริงจะต้องสมบูรณ์พร้อมกัน ๓ ระยะ คือ

    [​IMG]

    ( ๑ ) ระยะก่อนที่จะให้ทาน ก่อนที่จะทานก็จะมีจิตที่โสมนัสร่าเริงเบิกบานยินดีที่จะให้ทาน เพื่อสงเคราะห์ผู้อื่นให้ได้รับความสุขเพราะทรัพย์สิ่งของของตน

    ( ๒ ) ระยะที่กำลังลงมือให้ทาน ระยะที่กำลังมือให้ทานอยู่นั้นเอง ก็ทำด้วยจิตใจโสมนัสร่าเริงยินดีและเบิกบานในทานที่ตนกำลังให้ผู้อื่น

    ( ๓ ) ระยะหลังจากที่ได้ให้ทานไปแล้ว ครั้นเมื่อได้ให้ทานไปแล้วเสร็จ หลังจากนั้นก็ดี นานมาก็ดี เมื่อหวนคิดถึงทานที่ตนได้กระทำไปแล้วครั้งใด ก็มีจิตใจโสมนัสร่าเริงเบิกบาน ยินดีในทานนั้น ๆ

    เจตนาบริสุทธิ์ในการทำทานนั้น อยู่ที่จิตใจโสมนัสร่าเริงเบิกบานยินดีในทานที่ทำนั้นเป็นสำคัญ และเนื่องจากเมตตาจิต ที่มุ่งสงเคราะห์ผู้อื่นให้พ้นความทุกข์ และให้ได้รับความสุขเพราะทานของตน นับว่าเป็นเจตนาบริสุทธิ์ในเบื้องต้น

    แต่เจตนาที่บริสุทธิ์ เพราะเหตุดังกล่าวมาแล้วนี้ จะทำให้ยิ่ง ๆ บริสุทธิ์มากขึ้นไปอีก หากผู้ใดให้ทานนั้นได้ทำทานด้วยการวิปัสสนาปัญญา

    กล่าวคือ ไม่ใช่ทำทานอย่างเดียว แต่ทำทานพร้อมกับมีวิปัสสนาปัญญา โดยใคร่ครวญถึงวัตถุทานที่ให้ทานนั้นว่า อันบรรดาทรัพย์สิ่งของทั้งที่ชาวโลกนิยมยกย่องหวงแหนเป็นสมบัติกันด้วยความโลภนั้น

    แท้ที่จริงแล้ว ก็เป็นเพียงวัตถุธาตุประจำโลก เป็นสมบัติกลาง ไม่ใช่ของผู้ใดโดยเฉพาะ เป็นของที่มีมาตั้งแต่ก่อนเราเกิดขึ้นมา และไม่ว่าเราจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม วัตถุธาตุดังกล่าวก็มีอยู่เช่นนั้น และได้ผ่านการเป็นเจ้าของมาแล้วหลายชั่วคน ซึ่งท่านตั้งแต่ก่อนนั้น ได้ล้มหายตายจากไปแล้วทั้งสิ้น ไม่สามารถนำวัตถุธาตุดังกล่าวนี้ติดตัวไปได้เลย

    จนในที่สุดก็ได้ตกทอดมาถึงเรา ให้เราได้กินได้ใช้ไดยึดถือเพียงชั่วคราว แล้วก็ตกทอดสืบเนื่องไปเป็นของคนอื่น ๆ ต่อ ๆ ไปเช่นนี้ แม้เราเองก็ไม่สามารถจะนำวัตถุธาตุดังกล่าวนี้ติดตัวไปได้เลย จึงนับว่าเป็นสมบัติผลัดกันชมเท่านั้น ไม่จากไปในวันนี้ก็ต้องจากไปในวันหน้า

    อย่างน้อย เราก็ต้องจากต้องทิ้งเมื่อเราได้ตายลงนับว่าเป็นอนิจจัง คือไม่เที่ยงแท้แน่นอน จึงไม่อาจจะยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นของเราได้ถาวรได้ตลอดไป แม้ตัววัตถุธาตุดังกล่าวนี้เอง เมื่อมีเกิดขึ้นเป็นตัวตนแล้ว ก็ต้องอยูในสภาพนั้นให้ตลอดไปไม่ได้

    จะต้องเก่าแก่ ผุพัง บุบสลายไป ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนแต่อย่างไร แม้แต่เนื้อตัวร่างกายของเราเองก็มีสภาพเช่นเดียวกับวัตถุธาตุเหล่านั้น ซึ่งไม่อาจจะตั้งมั่นให้ยั่งยืนอยู่ได้ เมื่อมีเกิดขึ้นแล้วก็จะต้องเจริญวัยเป็นหนุ่มสาวแล้วก็แก่เฒ่าและตายไปในที่สุด เราจะต้องพลัดพรากจากของอันเป็นที่รัก ที่หวงแหน คือทรัพย์สมบัติทั้งปวง

    เมื่อเจตนาในการให้ทานบริสุทธิ์ผุดผ่องดีพร้อมทั้งสามระยะดังกล่าวมาแล้ว ทั้งยังประกอบไปด้วยวิปัสสนาปัญญาดังกล่าวมาแล้วด้วย เจตนานั้นย่อมบริสุทธิ์อย่างยิ่ง ทานที่ได้ทำไปนั้นย่อมมีผลมาก ได้บุญมาก

    หากวัตถุทานที่ได้ทำเป็นของบริสุทธิ์ ตามองค์ประกอบข้อ ๑ ด้วย ก็ย่อมทำให้ได้บุญมากยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก วัตถุทานจะมากหรือน้อย เป็นของเลวหรือประณีตไม่สำคัญ เมื่อเราได้ให้ทานไปตามกำลังทรัพย์ที่เรามีอยู่ย่อมใช้ได้ แต่ก็ยังมีข้ออันควรระวังอยู่ก็คือ " การทำทานนั้นอย่าได้เบียดเบียนตนเอง "

    เช่น มีน้อย แต่ฝืนทำให้มาก ๆ จนเกินกำลังของตนที่จะให้ได้ เมื่อได้ทำไปแล้วตนเองและสามี ภริยา รวมทั้งบุตรต้องลำบาก ขาดแคลน เพราะว่าไม่มีจะกินจะใช้ เช่นนี้ย่อมทำให้จิตเศร้าหมอง เจตนานั้นย่อมไม่บริสุทธิ์ ทานที่ได้ทำไปแล้วนั้น แม้วัตถุทานจะมากหรือทำมาก ก็ย่อมได้บุญน้อย

    [​IMG]
     
  6. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    องค์ประกอบข้อที่ ๓ . " เนื้อนาบุญต้องบริสุทธิ์ "

    คำว่า " เนื้อนาบุญ " ในที่นี่ได้แก่ บุคคลผู้รับการทำทานของผู้ทำทานนั้นเอง นับว่าเป็นองค์ประกอบข้อที่สำคัญที่สุด แม้ว่าองค์ประกอบในการทำทานข้อที่ ๑ และข้อที่ ๒ จะงามบริสุทธิ์ครบถ้วนดีแล้ว

    กล่าวคือ วัตถุที่ทำทานนั้นเป็นของที่แสวงหาได้มาด้วยความบริสุทธิ์ เจตนาในการทำทานก็งามบริสุทธิ์พร้อมทั้งสามระยะ แต่ตัวผู้ที่ได้รับการทำทานเป็นคนที่ไม่ดี ไม่ใช่ผู้ที่เป็นเนื้อนาบุญที่บริสุทธิ์ เป็นเนื้อนาบุญที่เลว ทานที่ทำไปนั้นก็ไม่ผลิดอกออกผล

    เปรียบเหมือนกับการหว่านเมล็ดข้าวเปลือกลงในพื้นนา ๑ กำมือ

    แม้เมล็ดข้าวนั้นจะเป็นพันธุ์ดีที่พร้อมจะงอกงาม ( วัตถุทานบริสุทธิ์ )

    และผู้หว่านคือกสิกรก็มีเจตนาจะหว่านเพื่อทำนาให้เกิดผลิตผลเป็นอาชีพ ( เจตนาบริสุทธิ์ ) แต่หากที่นานั้นเป็นที่ที่ไม่สม่ำเสมอกัน เมล็ดข้าวที่หว่านลงไปก็งอกเงยไม่เสมอกัน โดยเมล็ดที่ไปตกในที่เป็นดินดี ปุ๋ยดี มีน้ำอุดมสมบูรณ์ดี ก็จะงอกเงยมีผลิตผลที่สมบูรณ์

    ส่วนเมล็ดที่ไปตกบนพื้นนาที่แห้งแล้ง มีแต่กรวดกับทรายและขาดน้ำก็จะแห้งเหี่ยวหรือเฉาตายไป หรือไม่งอกเงยเสียเลย การทำทานนั้น ผลิตผลที่ผู้ทำทานจะได้รับก็คือ " บุญ " หากผู้ที่รับการให้ทานไม่เป็นเนื้อนาที่ดีสำหรับการทำบุญแล้ว ผลของทานคือบุญก็จะได้เกิดขึ้น แม้จะเกิดก็ไม่สมบูรณ์ เพราะแกร็นหรือแห้งเหี่ยวเฉาไปด้วยประการต่าง ๆ

    ฉะนั้น ในการทำทาน ตัวบุคคลผู้รับของที่เราให้ทาน จึงเป็นเงื่อนไขที่สำคัญที่สุด เราผู้ทำทาน จะได้บุญมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับคนพวกนี้

    คนที่รับการให้ทานนั้น หากเป็นผู้ที่มีศีลธรรมสูง ก็ย่อมเป็นเนื้อนาบุญที่ดี ทานที่เราได้ทำไปแล้วก็เกิดผลบุญมาก หากผู้รับการให้ทาน เป็นผู้ที่ไม่มีศีลไม่มีธรรม ผลของทานก็ไม่เกิดขึ้น คือได้บุญน้อย

    ฉะนั้น คติโบราณที่กล่าวว่า " ทำบุญอย่าถามพระ หรือ ตักบาตรอย่าเลือกพระ " เห็นจะใช้ไม่ได้ในสมัยนี้

    เพราะว่า ในสมัยนี้ ไม่เหมือนกับท่านในสมัยก่อนๆ ที่บวชเพราะมุ่งจะหนีสงสาร โดยมุ่งจะทำมรรคผลและนิพพานให้แจ้ง ท่านจึงเป็นเนื้อนาบุญที่ประเสริฐ

    แต่ในสมัยนี้ มีอยู่บางคนที่บวชด้วยคติ ๔ ประการ คือ " บวชเป็นประเพณี บวชหนีทหาร บวชผลาญข้าวสุก บวชสนุกตามเพื่อน " ธรรมวินัยใดๆ ท่านไม่สนใจ เพียงแต่มีผ้าเหลืองห่มกาย ท่านก็นึกว่าตนเป็นพระและเป็นเนื้อนาบุญเสียแล้ว

    ซึ่งป่วยการจะกล่าวไปถึงศีลปาฏิโมกข์ ๒๒๗ ข้อ แม้แต่เพียงศีล ๕ ก็ยังเอาแน่ไม่ได้ว่าท่านจะมีหรือไม่ การบวชที่แท้จริงแล้ว ก็เพื่อจะละความโลภ ความโกรธ ความหลง ปัญหาว่า..

    ทำอย่างไร จึงจะได้พบกับท่าน ที่เป็นเนื้อนาบุญที่ประเสริฐ ข้อนี้ ก็ย่อมขึ้นอยู่กับวาสนาของเราผู้ทำทานเป็นสำคัญ หากเราได้เคยสร้างสมอบรมสร้างบารมีมาด้วยดีในอดีตชาติเป็นอันมากแล้ว

    บารมีนั้น ก็จะเป็นพลังวาสนาน้อมนำ ให้ได้พบกับท่าน ที่เป็นเนื้อนาบุญที่ประเสริฐ ทำทานครั้งใดก็มักโชคดี ได้พบกับท่าน ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบไปเสียทุกครั้ง

    หากบุญวาสนาของเราน้อย และไม่มั่นคงในพระรัตนตรัย (คือยังมีบางครั้งบางคราว ที่เหไปนับถือเทพเทวดา ราหู เจ้าพ่อเจ้าแม่ ภูตผีปีศาจ เรียกว่าออกนอกแนวพระศาสดา ไปหาสารพัดสิ่งบ้าง) ก็จะได้พบกับท่านที่เป็นเนื้อนาบุญบ้าง ได้พบกับอลัชชีบ้าง คือดีและชั่วคละกันไป

    [​IMG]

    เช่นเดียวกับ การซื้อสลากกินแบ่งสลากกินรวบ หากมีวาสนาบารมี เพราะได้เคยทำบุญให้ทานฝากกับสวรรค์ไว้ในชาติก่อน ๆ ก็ย่อมมีวาสนาให้ถูกรางวัลได้

    หากไม่มีวาสนา เพราะไม่เคยทำบุญทำทานฝากสวรรค์เอาไว้เลย ก็ไม่มีสมบัติสวรรค์อะไรที่จะให้เบิกได้ อยู่ ๆ ก็จะมาขอเบิก เช่นนี้ก็ยาก ที่จะถูกรางวัลได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2013
  7. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    [​IMG]

    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ว่า แม้วัตถุทานจะบริสุทธิ์ดี เจตนาในการทำทานจะบริสุทธิ์ดี จะทำให้ทานนั้นมีผลมากหรือน้อย ย่อมขึ้นอยู่กับเนื้อนาบุญเป็นลำดับต่อไปนี้ คือ

    ๑ . ทำทานแก่สัตว์เดรัจฉาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่มนุษย์ แม้จะเป็นมนุษย์ที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรมเลยก็ตาม ทั้งนี้เพราะสัตว์ย่อมมีวาสนาบารมีน้อยกว่ามนุษย์และสัตว์ไม่ใช่เนื้อนาบุญที่ดี

    ๒ . ให้ทานแก่มนุษย์ที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรมวินัย แม้จะให้มากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่ผู้ที่มีศีล ๕ แม้จะให้เพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๓ . ให้ทานแก่ผู้ที่มีศีล ๕ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่ผู้มีศีล ๘ แม้จะให้เพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๔ . ให้ทานแก่ผู้ที่มีศีล ๘ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานแก่ผู้มีศีล ๑๐ คือสามเณรในพุทธศาสนา แม้จะได้ถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๕ . ถวายทานแก่สามเณรซึ่งมีศีล ๑๐ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานดังกล่าวแก่พระสมมุติสงฆ์ ซึ่งมีศีลปาฏิโมกข์สังวร ๒๒๗ ข้อ

    พระด้วยกัน ก็มีคุณธรรมแตกต่างกัน จึงเป็นเนื้อนาบุญที่ต่างกัน บุคคลที่บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนามีศีลปาฏิโมกข์สังวร ๒๒๗ ข้อนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่ตรัสเรียกว่าเป็น " พระ " แต่เป็นเพียงพระสมมุติเท่านั้น เรียกกันว่า " สมมุติสงฆ์ "

    ๖ . ถวายทานแก่พระสมมุติสงฆ์ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานแก่ - พระโสดาบัน แม้จะได้ถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม ( ความจริงยังมีการแยกเป็นพระโสดาปัตติมรรคและพระโสดาปัตติผล ฯลฯ เป็นลำดับไปจนถึงพระอรหัตผล แต่ในที่นี้จะกล่าวแต่เพียงย่นย่อพอให้ได้ความเท่านั้น )

    ๗ . ถวายทานแก่พระโสดาบัน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระสกิทาคามี แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๘ . ถวายทานแก่พระสกิทาคามี แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระอนาคามี แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๙ . ถวายทานแก่พระอนาคามี แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระอรหันต์ แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๑๐ . ถวายทานแก่พระอรหันต์ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๑๑ . ถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแด่พระองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๑๒ . ถวายทานแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายสังฆทานที่มีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะถวายสังฆทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๑๓ . การถวายสังฆทานที่มีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่า " การถวายวิหารทาน " แม้จะได้กระทำแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม " วิหารทาน ได้แก่การสร้างหรือร่วมสร้างโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ศาลาโรงธรรม ศาลาท่าน้ำ ศาลาที่พักอาศัยคนเดินทางอันเป็นสาธารณะประโยชน์ที่ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน "

    อนึ่ง การสร้างสิ่งที่เป็นสาธารณประโยชน์ หรือสิ่งที่ประชาชนใประโยชน์ร่วมกัน แม้จะไม่เกี่ยวเนื่องกับกิจในพระพุทธศาสนา เช่น " โรงพยาบาล โรงเรียน บ่อน้ำ แท็งก์น้ำ ศาลาป้ายรถยนต์โดยสารประจำทาง สุสาน เมรุเผาศพ " ก็ได้บุญมากในทำนองเดียวกัน

    ๑๔ . การถวายวิหารทาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ( ๑๐๐ หลัง ) ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการให้ " ธรรมทาน " แม้จะให้แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม " การให้ธรรมทานก็คือการเทศน์ การสอนธรรมะแก่ผู้อื่นที่ยังไม่รู้ให้รู้ได้ ที่รู้อยู่แล้วให้รู้ยิ่งๆขึ้น ให้ได้เข้าใจมรรค ผล นิพพาน ให้ผู้ที่เป็นมิจฉาทิฐิได้กลับใจเป็นสัมมาทิฐิ ชักจูงผู้คนให้เข้าปฏิบัติธรรม รวมตลอดถึงการพิมพ์การแจกหนังสือธรรมะ "

    ๑๕ . การให้ธรรมทาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการให้ " อภัยทาน " แม้จะให้แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม การให้อภัยทานก็คือ " การไม่ผูกโกรธ ไม่อาฆาตจองเวร ไม่พยาบาทคิดร้ายผู้อื่นแม้แต่ศัตรู " ซึ่งได้บุญกุศลแรงและสูงมากในฝ่ายทาน เพราะเป็นการบำเพ็ญเพียรเพื่อ " ละโทสะกิเลส " และเป็นการเจริญ " เมตตาพรหมวิหารธรรม " อันเป็นพรหมวิหารข้อหนึ่งในพรหมวิหาร ๔ ให้เกิดขึ้น

    อันพรหมวิหาร ๔ นั้น เป็นคุณธรรมที่เป็นองค์ธรรมของโยคีบุคคลที่บำเพ็ญฌานและวิปัสสนา ผู้ที่ทรงพรหมวิหาร ๔ ได้ย่อมเป็นผู้ทรงฌาน ซึ่งเมื่อเมตตาพรหมวิหารธรรมได้เกิดขึ้นแล้วเมื่อใด ก็ย่อมละเสียได้ซึ่ง " พยาบาท " ผู้นั้น จึงจะสามารถให้อภัยทานได้ การให้อภัยทาน จึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและยากเย็น จึงจัดเป็นทานที่สูงกว่าการให้ทานทั้งปวง

    อย่างไรก็ดี การให้อภัยทานแม้จะมากเพียงใด แม้จะชนะการให้ทานอื่น ๆ ทั้งมวล ผลบุญนั้นก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า " ฝ่ายศีล " เพราะเป็นการบำเพ็ญบารมีคนละขั้นต่างกัน

    [​IMG]
     
  8. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ศีล

    " ศีล " นั้น แปลว่า " ปกติ " คือสิ่งหรือกติกาที่บุคคลจะต้องระวังรักษาตามเพศและฐานะ ศีลนั้นมีหลายระดับคือ ศีล๕ ศิล ๘ ศิล ๑๐ และ ศีล ๒๒๗ และในบรรดาศีลชนิดเดียวกันก็ยังจัดแบ่งออกเป็นระดับธรรมดา มัชฌิมศีล ( ศีลระดับกลาง ) และอธิศีล ( ศีลอย่างสูง ศีลอย่างอุกฤษฏ์ )

    คำว่า " มนุษย์ " นั้น คือผู้ที่มีใจอันประเสริฐ คุณธรรมที่เป็นปกติของมนุษย์ที่จะต้องทรงไว้ให้ได้ตลอดไปก็คือศีล ๕

    บุคคลที่ไม่มีศีล ๕ ไม่เรียกว่ามนุษย์ แต่อาจจะเรียกว่า " คน " ซึ่งแปลว่า " ยุ่ง " ในสมัยพระพุทธกาลผู้คนมักจะมีศีล ๕ ประจำใจกันเป็นนิจ

    ศีล ๕ จึงเป็นเรื่องปกติของบุคคลในสมัยนั้น และจัดว่าเป็น " มนุษย์ธรรม " ส่วนหนึ่งในมนุษย์ธรรม ๑๐ ประการ ผู้ที่จะมีวาสนาได้เกิดมาเป็นมนุษย์จะต้องถึงพร้อมด้วยมนุษย์ธรรม ๑๐ ประการเป็นปกติ ( ซึ่งรวมถึงศีล ๕ ด้วย )

    การรักษาศีล เป็นการเพียรพยายามเพื่อระงับโทษทางกายและวาจา อันเป็นเพียงกิเลสหยาบมิให้กำเริบขึ้น และเป็นการบำเพ็ญบุญบารมีที่สูงขึ้นกว่าการให้ทาน

    ทั้งในการถือศีลด้วยกันเองก็ยังได้บุญมากและน้อยต่างกันไปตามลำดับต่อไปนี้ คือ

    ๑ . การให้อภัยทาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถือศีล ๕ แม้จะถือเพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๒ . การถือศีล ๕ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถือศีล ๘ แม้จะถือเพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๓ . การถือศีล ๘ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถือศีล ๑๐ คือการบวชเป็นสามเณรในพระพุทธศาสนา แม้จะบวชมาได้เพียงวันเดียวก็ตาม

    ๔ . การที่ได้บวชเป็นสามเณรในพระพุทธศาสนา แล้ว รักษาศีล ๑๐ ไม่ให้ขาด ไม่ด่างพร้อย แม้จะนานถึง ๑๐๐ ปี ก็ยังได้บุญน้อยกว่าผู้ที่ได้อุปสมบทเป็นพระในพระพุทธศาสนาที่มี ศีลปาฏิโมกข์สังวร ๒๒๗ ข้อ แม้จะบวชมาได้เพียงวันเดียวก็ตาม

    ฉะนั้น ในฝ่ายศีลแล้ว การที่ได้อุปสมบทเป็นพระในพระพุทธศาสนาได้บุญบารมีมากที่สุด เพราะเป็นเนกขัมบารมีในบารมี ๑๐ ทัศ ซึ่งเป็นการออกจากกามเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติธรรมขั้นสูง ๆ คือการภาวนาเพื่อมรรค ผล นิพพาน ต่อ ๆ ไป ผลของการรักษาศีลนั้นมีมาก ซึ่งจะยังประโยชน์สุขให้แก่ผู้นั้นทั้งในชาตินี้และชาติหน้า

    เมื่อได้ละอัตภาพนี้ไปแล้ว ย่อมส่งผลให้ได้บังเกิดในเทวโลก ๖ ชั้น ซึ่งล้วนแต่ความละเอียดประณีตของศีลที่รักษาและที่บำเพ็ญมา ครั้นเมื่อสิ้นบุญในเทวโลกแล้ว ด้วยเศษของบุญที่ยังคงหลงเหลืออยู่แต่เพียงเล็กๆ น้อยๆ หากไม่มีอกุลกรรมอื่นมาให้ผล ก็อาจจะน้อมนำให้ได้มาบังเกิดเป็นมนุษย์ที่ถึงพร้อมด้วยสมบัติ ๔ ประการ เช่น อานิสงส์ของการรักษา ศีล ๕ กล่าวคือ

    ๑ . ผู้ที่รักษาศีลข้อที่ ๑ ด้วยการไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ด้วยเศษของบุญที่รักษาข้อนี้ เมื่อน้อมนำมาเกิดเป็นมนุษย์ก็จะมีพลานามัยที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัย ไม่ขี้โรค อายุยืนยาว ไม่มีศัตรูเบียดเบียนให้ต้องบาดเจ็บ ไม่มีอุบัติเหตุต่างๆที่จะทำให้บาดเจ็บหรือสิ้นอายุเสียก่อนวัยอันควร

    ๒ . ผู้ที่รักษาศีลข้อที่ ๒ ด้วยการไม่ถือเอาทรัพย์ของผู้อื่นที่เจ้าของมิได้เต็มใจให้ ด้วยเศษของบุญที่น้อมนำมาเกิดเป็นมนุษย์ ย่อมทำให้ได้เกิดในตระกูลที่ร่ำรวย การทำมาหาเลี้ยงชีพในภายหน้ามักจะประสบกับช่องทางที่ดี ทำมาค้าขึ้นและมั่งมีทรัพย์ ทรัพย์สมบัติไม่วิบัติหายนะไปด้วยภัยต่างๆเช่น อัคคีภัย วาตภัย โจรภัย ฯลฯ

    ๓ . ผู้ที่รักษาศีลข้อที่ ๓ ด้วยการไม่ล่วงประเวณีในคู่ครอง หรือคนในปกครองของผู้อื่น ด้วยเศษของบุญที่รักษาศีลในข้อนี้ เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ ก็จะประสบโชคดีในความรัก มักได้พบกับรักแท้ที่จริงจังและจริงใจ ไม่ต้องอกหัก อกโรย และอกเดาะ

    ครั้นเมื่อมีบุตรธิดา ก็ว่านอนสอนง่าย ไม่ดื้อด้าน ไม่ถูกผู้อื่นฉุดคร่าอนาจารไปทำให้เสียหาย บุตรธิดาย่อมเป็นอภิชาตบุตร ซึ่งจะนำเกียรติยศชื่อเสียงมาสู่วงศ์ตระกูล

    ๔ . ผู้ที่รักษาศีลข้อที่ ๔ ด้วยการไม่กล่าวมุสา ด้วยเศษของบุญที่รักษาศีลข้อนี้ เมื่อนำมาเกิดเป็นมนุษย์ จะทำให้เป็นผู้ที่มีสุ้มเสียงไพเราะ พูดจามีน้ำมีนวลชวนฟัง มีเหตุมีผลชนิดที่เป็น พุทธวาจา มีโวหารปฏิภาณไหวพริบในการเจรจา จะเจรจาความสิ่งใดก็มีผู้ฟังและเชื่อถือ สามารถว่ากล่าวสั่งสอนบุตรธิดาและศิษย์ให้อยู่ในโอวาทได้ดี

    ๕ . ผู้ที่รักษาศีลข้อที่ ๕ ด้วยการไม่ดื่มสุราเมรัย เครื่องหมักดองของมึนเมา ด้วยเศษของบุญที่รักษาศีลข้อนี้ เมื่อนำมาเกิดเป็นมนุษย์ ย่อมทำให้เป็นผู้ที่มีสมอง ประสาท ปัญญา ความคิดแจ่มใส จะศึกษาเล่าเรียนสิ่งใดก็แตกฉานและทรงจำได้ง่าย ไม่หลงลืมฟั่นเฟือนเลอะเลือน ไม่เสียสติวิกลจริต ไม่เป็นโรคสมอง โรคประสาท ไม่ปัญญาทราม ปัญญาอ่อน

    [​IMG]

    อานิสงส์ของศีล ๕ มีดังกล่าวข้างต้น สำหรับศีล ๘ ศีล ๑๐ และศีล ๒๒๗ ก็ย่อมมีอานิสงส์เพิ่มพูนมากยิ่ง ๆ ขึ้นตามระดับและประเภทของศีลที่รักษา แต่ศีลนั้นแม้นจะมีอานิสงส์เพียงไรก็ยังเป็นแต่เพียงการบำเพ็ญบุญบารมีในชั้นกลาง ๆ ในพระพุทธศาสนาเท่านั้น เพราะเป็นแต่เพียงระเบียบหรือกติกาที่จะรักษากายและวาจาให้สงบ ไม่ให้ก่อให้เกิดทุกข์โทษขึ้นทางกายและวาจาเท่านั้น ส่วนทางจิตใจนั้นศีลยังไม่สามารถที่จะควบคุมหรือทำให้สะอาดบริสุทธิ์ได้

    ฉะนั้น การรักษาศีลจึงยังได้บุญน้อยกว่า การภาวนา เพราะการภาวนานั้น เป็นการรักษาใจ รักษาจิต และซักฟอกจิตให้เบาบางหรือจนหมดกิเลสคือ ความโลภ ความโกรธ และความหลง อันเป็นเครื่องร้อยรัดให้บรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลายต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสงสารวัฏ การภาวนา จึง เป็นการบำเพ็ญบุญบารมีที่สูงสุด ประเสริฐที่สุด ได้บุญมากที่สุดเป็นกรรมดีอันยิ่งใหญ่เรียกว่า " มหัคคตกรรม " อันเป็นมหัคคตกุศล

    [​IMG]
     
  9. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ภาวนา

    การเจริญภาวนา นั้น เป็นการสร้างบุญบารมีที่สูงที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดในพระพุทธศาสนา จัดว่าเป็นแก่นแท้และสูงกว่าฝ่ายศีลมากนัก

    การเจริญภาวนานั้น มี ๒ อย่างคือ " สมถภาวนา หรือ การทำสมาธิ " และ " วิปัสสนาภาวนา หรือ การเจริญปัญญา "

    การทำสมาธิ เป็นการสร้างบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่ ลงทุนน้อยที่สุดเพราะไม่ต้องเสียเงินเสียทอง ไม่ได้เหนื่อยยากต้องแบกหามแต่อย่างใด เพียงแต่คอยระวังรักษาสติ คุ้มครองจิตมิให้แส่ส่ายไปสู่อารมณ์อื่น ๆ โดยให้ตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์เดียวเท่านั้น

    การทำทานเสียอีก ยังต้องเสียเงินเสียทอง การสร้างโบสถ์ วิหาร ศาลาโรงธรรมยังต้องเสียทรัพย์ และบางทีก็ยังต้องเข้าช่วยแบกหามเหนื่อยกาย แต่ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการทำสมาธิอย่างเทียบกันไม่ได้

    [​IMG]
     
  10. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
  11. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ของฝากในวันพระ วันจันทร์ที่ ๑๘ กพ. ๒๕๕๖

    [​IMG]

    02:00:00
    พุทธวจนสนทนา ช่วงหลังฉัน วันอาทิตย์ที่ 17 ก.พ. 2556 ณ วัดนาป่าพง

    http://media.watnapahpong.org/video...หลังฉัน-วันอาทิตย์ที่-17-กพ-2556-ณ-วัดนาป่าพง

    186 View(s)
    วัดนาป่าพง1
    01:00:00
    พุทธวจนสนทนา ช่วงก่อนฉัน วันอาทิตย์ที่ 17 ก.พ. 2556 ณ วัดนาป่าพง

    http://media.watnapahpong.org/video...ก่อนฉัน-วันอาทิตย์ที่-17-กพ-2556-ณ-วัดนาป่าพง

    196 View(s)
    วัดนาป่าพง1
    02:00:00
    พุทธวจนสนทนา ช่วงหลังฉัน วันเสาร์ที่ 16 ก.พ. 2556 ณ วัดนาป่าพง

    http://media.watnapahpong.org/video...วงหลังฉัน-วันเสาร์ที่-16-กพ-2556-ณ-วัดนาป่าพง

    162 View(s)
    วัดนาป่าพง1
    01:00:00
    พุทธวจนสนทนา ช่วงก่อนฉัน วันเสาร์ที่ 16 ก.พ. 2556 ณ วัดนาป่าพง

    http://media.watnapahpong.org/video...วงก่อนฉัน-วันเสาร์ที่-16-กพ-2556-ณ-วัดนาป่าพง

    256 View(s)
    วัดนาป่าพง1
    01:52:58
    สนทนาธรรมค่ำวันเสาร์ 16 ก.พ. 2556

    http://media.watnapahpong.org/video/OK92OUN3WHBA/สนทนาธรรมค่ำวันเสาร์-16-กพ-2556

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2013
  12. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ศูนย์บริการมัลติมีเดีย วัดนาป่าพง - พุทธวจนสนทนา ช่วงหลังฉัน วันเสาร์ที่ 16 ก.พ. 2556 ณ วัดนาป่าพง

    [​IMG]

    " แต่ทีนี้ ใครล่ะ เจอความไม่ตายจริง พระพุทธเจ้าบอก ตถาคตนี่เจอจริง ทีนี้เราจะเชื่อไหม ตถาคตเจอจริง เราก็ต้องมาเพ่งพิสูจน์ไง

    ท่านก็ให้เปรียบเทียบ ให้พิสูจน์ แล้วก็ไล่เรียง ฉะนั้น พระพุทธเจ้ายืนยันเลยว่า ธรรมะของพระองค์ ทนต่อการเพ่งพิสูจน์

    อย่างความเชื่อว่าโลกแบน ไม่ทนต่อการเพ่งพิสูจน์ใช่ไหม พอต่อมา เขาก็เจอว่าโลกมันกลม อย่างนี้ไม่ทน

    ดังนั้น ความเชื่อของปริพาชก วตโกตุรมงคลต่างๆ โยมว่า รดน้ำมนต์แล้วมันดี บังสุกุลแล้วมันดี เปลี่ยนชื่อแล้วมันดี เปลี่ยนชื่อแล้วไม่ตายรึไง ตาย ถูกปลดมีไหม มี

    มีหมดนะ เปลี่ยนชื่อมาหลายรอบแล้ว บางคนนะ มันอนิจจัง ทีนี้ พวกนี้ก็แสวงหาไป จนกว่าจะเจอความจริง ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ นี่ก็อยู่ที่กรรมของคนนะ มันจะมาเจอของจริงรึเปล่า ใช่ไหม

    มันก็อยู่ที่เหตุปัจจัยเขา วิธีช่วยก็คือ หนึ่ง..เราต้องเป็นกัลยาณมิตร ชวนเขามาฟังธรรม ให้เขาได้ฟังธรรมของตถาคตให้ได้ ให้เขามีศรัทธาในตถาคต

    ไม่ใช่มาฟังธรรมะอาจารย์คึกฤทธิ์ มาฟังธรรมะพระศาสดา ที่ถูกถ่ายทอดโดย อาจารย์คึกฤทธิ์ หรือพระรูปใดรูปหนึ่งก็ได้ ที่จำคำตถาคตมา แล้วมาถ่ายทอด เหมือนกัน "
     
  13. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    จากกระทู้นี้

    ถาม-ตอบ“สัตตานัง” - Buddhism Audio

    อนุโมทนากับคุณ คิดดีจัง นำข้อมูลคำตอบจากข้อข้องใจเรื่องธรรมะมาเผยแพร่

    พุทธวจน คำถาม คำตอบ

    [​IMG]

    ตัวอย่างคำถาม

    เวลาจะตาย ควรตั้งจิตไว้อย่างไร

    สิกขาบท ๒๒๗ ข้อ มาจากไหน, ศีลของพระมีกี่ข้อ, เพิกถอนสิกขาบทเล็กน้อยได้แค่ไหน

    การจัดงานศพ ตามพุทธวจน ทำอย่างไร

    การไหว้เจ้า ในวันตรุษจีนถูกต้องหรือไม่ ตามหลักพุทธวจน

    http://www.watnapahpong.com:8080/faq/other/86-daily-life/247-05-02-0058

    พระสงฆ์ต้องบิณฑบาตรทุกวันหรือไม่

    http://www.watnapahpong.com:8080/faq/principle/249-03-00-0020

    สาเหตุที่ทำให้ฟังธรรมไม่รู้เรื่อง คืออะไร

    http://www.watnapahpong.com:8080/faq/other/86-daily-life/242-05-02-0026

    เป็นไปได้หรือไม่ ที่วิบากของกรรมที่เราทำในภพก่อน จะส่งผลในภพนี้

    http://www.watnapahpong.com:8080/faq/other/87-karma/238-05-01-0013

    ชีวิตก็ดีอยู่แล้ว ทำไมต้องนิพพาน , ทำไมต้อง ไม่เกิด

    http://www.watnapahpong.com:8080/faq/other/86-daily-life/236-05-02-0050

    การขอ อโหสิกรรม หรือ ขอขมา มีในพุทธวจนหรือไม่

    http://www.watnapahpong.com:8080/faq/other/86-daily-life/232-05-02-0057

    การฆ่าสัตว์ไหว้เจ้าในวันตรุษจีน

    http://www.watnapahpong.com:8080/faq/other/86-daily-life/211-05-02-0051

    การฆ่าตัวตาย มีผลอย่างไร

    http://www.watnapahpong.com:8080/faq/other/86-daily-life/229-05-02-0040

    เวลานั่งสมาธิแล้วเห็นกรรมไม่ดีที่เคยทำไว้ผุดขึ้นมา เราควรทำอย่างไร

    http://www.watnapahpong.com:8080/faq/practice/84-new-practice/228-01-01-0097

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2013
  14. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ศูนย์บริการมัลติมีเดีย วัดนาป่าพง - พุทธวจนสนทนา ช่วงหลังฉัน วันเสาร์ที่ 16 ก.พ. 2556 ณ วัดนาป่าพง

    [​IMG]

    ถาม : พระสงฆ์ที่ไปเป็นประธานงานบูชาร่างทรงเจ้าแม่กาลี คอยรดน้ำมนต์และครอบครูให้ร่างทรง..ถือว่าท่านไม่ได้นับถือศาสนาพุทธแล้วหรือเปล่า ?

    ตอบ : อันนี้ก็ไปกระทำเดรัจฉานวิชา ตามที่พระพุทธเจ้าบัญญัติแล้วตรงๆ ก็ถือว่า ท่านยังหวั่นไหวในองค์พระศาสดา ไม่ใช่อริยบุคคลแน่นอน เพราะอริยบุคคลจะไม่ยอมมอบตนในทางที่ผิด ด้วยการไปประกอบมิจฉาอาชีวะ

    ภิกษุมีศีลสมบูรณ์เป็นอย่างไร พระองค์จะตรัสไว้ ดูหมอ ดูฤกษ์ ดูยาม ทรงเจ้า เข้าผี เชิญผีเข้ามาถาม เชิญเทวดาเข้ามาถามพวกนี้ เดรัจฉานวิชาทั้งหมด นี่ ลูกศิษย์พระพุทธเจ้าเสื่อมหมด หวั่นไหวในศาสดาตนเอง

    มันเป็นมิจฉาอาชีวะจริงๆ โยม พระพุทธเจ้าบอก พระมีกิเลส กำลังหาเลี้ยงชีวิตตนเอง ผิดแล้ว มันได้เงินไง ได้ลาภปัจจัยเข้ามา นี่มันถูกทำโดยพระที่แต่งเครื่องแบบลูกศิษย์พระพุทธเจ้า แต่ไปทำสิ่งที่พระพุทธเจ้าห้าม "

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2013
  15. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    มิตรย่อมปรารถนาดีต่อมิตร
     
  16. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    เข้ามาอนุโมทนาสาธุ  กับคุณพนมกุเลนด้วยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04700.JPG
      DSC04700.JPG
      ขนาดไฟล์:
      467.4 KB
      เปิดดู:
      52
  17. e20aoa

    e20aoa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +364
    อย่าลืม กาลามสูตร นะครับ พิจารณากันให้ดี เราเป็นชาวพุทธที่แท้จริง ไม่เชื่อใครง่ายเกินไป
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    รับทราบ ใครใคร่ยึดคำสาวกที่แต่งขึ้นใหม่ หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน จากพระไตรปิฎกฉบับไหน ก็ยึดไป

    ส่วนคนโพส ขอยึดคำพระตถาคต จากพระไตรปิฎก ฉบับสยามรัฐ ที่วัดนาป่าพง นำมาเผยแผ่ ก็แล้วกัน

    และที่มาโพสเป็นกระทู้ยาวๆ นี้ ก็ไม่ได้เกิดจากการนั่งเทียน นึกคิดเอาเอง แต่เกิดจากการไปวัด ไปเรียน ไปรู้ ไปดู ไปเห็น ไปกาลามสูตรมาด้วยตัวเอง

    ทุกคนมีสิทธิ์ใช้ปัญญา ใช้สติ มาวิเคราะห์กันตามสะดวก อย่างเป็นอิสระและเสรี

    ว่าแต่คุณ e20aoa เคยไปเรียน ไปรู้ ไปดู ไปเห็น ไปกาลามสูตร ที่วัดนาป่าพง ด้วยตัวเองสักครั้งหรือยัง หรือว่าตัวเองก็จำคำเขามา ฟังเขาเล่ามา ฟังเขาลือมา ต่อๆ กัน ?

    ศูนย์บริการมัลติมีเดีย วัดนาป่าพง - พุทธวจนบรรยาย ณ เพชรบุรี 20 ก.พ. 2556

    [​IMG]
     
  19. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    สมาชิกเวปนี้ ไปวัดนาป่าพง เพื่อพิสูจน์คำตถาคตด้วยตัวเองแล้ว..มีอยู่ เช่น คุณหนูตา , คุณคิดดีจัง

    คุณ e20aoa ลองถามเขาดีกว่าไหมว่า เขาได้อะไรกลับมาบ้าง และถ้าว่าง ก็เชิญคุณ e20aoa ไปกาลามสูตรด้วยตัวเองดู

    [​IMG]

    ถาม-ตอบ“สัตตานัง” - Buddhism Audio

    12-02-2013, 10:53 AM #1
    NoOTa
    Super Moderator



    วันที่สมัคร: Jun 2005
    โพสต์: 22,408

    ถาม-ตอบ“สัตตานัง”

    วันที่ ๑๐ ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสผ่านไปทางปทุมธานี
    เคยตั้งใจไว้ว่า..จะเข้าไปกราบพระอาจารย์ ไม่อยากพลาดโอกาสนี้ ที่จะแวะเข้าไปที่วัดนาป่าพง

    ลุ้นสุดๆ จะเจอท่านมั๊ยนะ..!?

    และก็ได้นั่งฟังพุทธวจนสนทนา ช่วงหลังฉันจากพระอาจารย์
    ลุ่มลึก แตกฉาน (ความรู้สึกจากที่นั่งฟัง)

    เนื้อหาที่พอจับใจความตามสติปัญญาที่มี ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของ “สัตตานัง”

    หลังจากฟังแล้ว รู้สึกปิติ ปลาบปลื้ม
    ธรรมของพระพุทธเจ้า ไพเราะในเบื้องต้น ไพเราะในท่ามกลาง และไพเราะในที่สุด แล้วจริงๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กุมภาพันธ์ 2013
  20. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    กฐินอย่างพุทธกาล

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=DEnyL4zd33Y]กฐินวัดนาป่าพง_16Oct2011 - YouTube[/ame]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=tCQbjj6giiQ]กฐินวัดนาป่าพง_ช่วงที่1_2012-11-04 - YouTube[/ame]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=EB4DMOa-LlY]กฐินวัดนาป่าพง_ช่วงที่2_2012-11-04 - YouTube[/ame]
     

แชร์หน้านี้

Loading...