นิพพานเป็นนิพพานตาย

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย thongdee1, 6 พฤศจิกายน 2007.

  1. thongdee1

    thongdee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    339
    ค่าพลัง:
    +1,499
    ละสังโยชน์ 10 ได้แล้วยังไม่ตายก็คือ นิพพานเป็น
    ละสังโยชน์ 10 ได้แล้วตายก็คือนิพพานตาย
    พระอรหันต์ท่านไม่ถามหานิพพานเพราะท่านอยู่ที่ใหนก็เป็นนิพพาน

    ผู้ที่ทรงฌานอยู่นั้นจะไม่ถามหาแดนทิพย์แดนพรหมเพราะอยู่ที่ใหนก็เป็นแดนทิพย์แดนพรหมไปหมด
    จิตที่ฝึกดีแล้วย่อมได้ในสิ่งที่ได้ยาก
    จิตที่ฝึกดีแล้วย่อมนำความสุขมาให้
    สุขอย่างที่สุดและอิสระอย่างที่สุดก็คือสังโยชน์ 10 พังหมดแล้วไม่กลับมากำเริบได้อีก พังหมดแบบไม่เหลือเชื้อ

    ปัจจุบันมีคนถกเถียงกันมากเรื่องของพระนิพพาน
    การถกเถียงกันนั้นเป็นการเสียเวลาเปล่า
    เนื่องจากมีแต่ละสังโยชน์ 10 ได้แล้วเท่านั้นถึงจะรู้และเข้าใจพระนิพพานได้อย่างถูกต้องไม่ผิดพลาด

    การปฏิบัติธรรมเพื่อการพ้นทุกข์นั้น ผลที่ได้รับคือการพ้นทุกข์ไปโดยลำดับๆ
    จนหมดทุกข์ จนไม่มีทุกข์ หรือเศษเสี้ยวของทุกข์หลงเหลืออยู่เลย
    เมื่อปฏิบัติธรรมจนถึงซึ่งความพ้นทุกข์ได้อย่างหมดจดโดยสิ้นเชิงแล้วพระนิพพานก็จะปรากฏขึ้นมาเอง เป็นขึ้นมาเอง
    มีความสุขเหมือนกับพวกที่อยู่ในแดนพระนิพพาน แต่เพราะเหตุที่ยังมีเบญจขันธ์อยู่จึงได้ชื่อว่านิพพานเป็น
    คือยังเป็นอยู่ยังมีชีวิตอยู่ยังไม่ตาย

    เมื่อเบญจขันธ์มันพังไปหมดแล้วคือตายไปแล้วอาทิสมานกายไม่อยู่ในสามแดนโลกธาตุ พ้นเหตุเกิด พ้นเหตุตาย
    แล้วมีสภาวะอยู่ในแดนทิพย์พิเศษที่คนโบราณเรียกว่าเมืองแก้ว หรือแดนพระนิพพาน นั่นแหละถึงได้ชื่อว่านิพพานตาย

    " เกิดกับตายคล้ายกันนั้นจริงแท้ จนวันใดได้นิพพาน "

    ผมเป็นแค่ผู้ที่ลงมาเกิดเพื่อตัดขาดจากการเป็นพุทธภูมิโดยเด็ดขาด
    คือชาตินี้เป็นชาติที่ 7 ชาติสุดท้ายหลังจากลาพุทธภูมิมาได้ 6 ชาติแล้ว เพราะเหตุจากการเป็นผู้มากด้วยปัญญา
    ก็เลยรู้เกินภูมิ ยังไม่เป็นอรหันต์ก็รู้เรื่องของพระอรหันต์ แต่ก็รู้ได้เท่าที่รู้ไม่ได้รู้ทั้งหมดคือรู้แบบพระโพธิสัตว์หนะครับ
    ความเห็นแบบนี้ของผมอาจจะขัดกับความจริงที่ถูกบิดเบือนมานานแล้วและกำลังถูกบิดเบือนในปัจจุบันนี้อยู่บ้าง
    หากเป็นการขัดแย้งกับความคิดเดิมของท่านผมก็ต้องขออภัยด้วยครับ
    ฟังหูไว้หูเถอะครับ

    ก่อนที่ท่านจะคิดโต้แย้ง ผมขอท้าให้ท่านพิสูจน์ความจริงเหล่านี้ด้วยการหาทางละสังโยชน์ 10 ให้ได้เสียก่อน
    ถ้าละสังโยชน์ 10 ได้แล้วไม่เป็นความจริงตามนี้
    ก็เชิญโต้แย้งมาได้เลยครับ

    ธรรมของจริงนั้นต้องทนต่อการพิสูจน์ เมื่อพิสูจน์แล้วก็ต้องปราศจากข้อโต้แย้ง
    เพราะความจริงก็คือความจริง ความจริงที่อยู่นอกเหตุเหนือผล อันผู้รู้ย่อมรู้ได้เฉพาะตนดังนี้
     
  2. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,199
    ค่าพลัง:
    +7,815

    เยี่ยมครับเยี่ยม แต่แล้วทำไมท่านเจ้าของกระทู้ไม่ไปหาทางละสังโยชน์10 ให้ได้ก่อน แล้วค่อยมาท้าให้ชาวบ้านเขาไปพิสูจน์หล่ะขอรับ
     
  3. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,397
    ค่าพลัง:
    +2,985
    บวชอยู่หรือเปล่า วัดไหน จะขอออกวัตถุมงคลสักชุด นาน ๆ จะได้เจอคนบรรลุ จะได้สร้างโรงพยาบาล.....ช่วยเหลือสัตว์โลก

    สาธุ จะพบพระอริยะเจ้าได้ที่ไหนบอกด้วยนะครับ...............อยากเจอเหลือเกิน
     
  4. ดาราจักร

    ดาราจักร ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,707
    ค่าพลัง:
    +10,091
    อยากรู้ ต้องพิสูจน์
     
  5. kobporn

    kobporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    279
    ค่าพลัง:
    +782
    การรู้เห็นในพุทธศาสนานั้น รู้ได้เฉพาะตนนะคะ ของแบบนี้ไม่มีใครอวดอ้างกันหรอกค่ะ หากอวดอ้างแล้วมีประโยชน์มาก พระพุทธเจ้าก็ทรงอนุญาตค่ะ
     
  6. thongdee1

    thongdee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    339
    ค่าพลัง:
    +1,499
    แหม๋บางส่วนผมก็จำขี้ปากพระท่านมาพูดครับ
    ผมยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ครับ
    เพียงแต่ผมรู้แนวทางและมีแผนที่อยู่ในมือ แล้วก็กำลังค่อยๆก้าวเดินไปตามแผนที่ ที่พระท่านวางเอาไว้ให้ครับ
    ผมเดินไปของผมแบบไม่รีบครับ เดินแบบชมนกชมไม้ไปเรื่อย เดินไปแบบเรื่อยๆสบายๆ ทุกข์ที่เคยมีอยู่ก็ค่อยๆลดน้อยลงไปเรื่อยทุกวันทุกเวลานาทีครับ
    แบบนี้เรียกว่าประมาทหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ แต่ทำไงได้ละจิตของผมเค้าเป็นแบบนี้เอง
    คือเค้าชอบแบบสบายๆ แล้วก็ค่อยรู้ละรู้วางของเค้าเอง ไปเรื่อยๆ แบบอัตโนมัติ
    เหนื่อยก็พัก ง่วงก็นอน หิวก็กิน ไม่มีอะไรที่จะต้องไปคิดมากหรือเคร่งเครียด
    มีการปฏิบัติธรรมที่กลมกลืนกับการใช้ชีวิตประจำวันจนดูเหมือนไม่ได้มีการปฏิบัติธรรมที่เป็นกิจลักษณะให้คนทั่วไปสามารถเห็นได้
    บ่อยครั้งที่มีนักปฏิบัติธรรมถามผมเพื่อที่จะรู้ว่าผมนั่งสมาธิตอนใหนแล้วผมตอบไม่ได้
    ที่ตอบไม่ได้ก็เพราะว่าเวลาผมจะเข้าสมาธินี่แค่คิดจิตก็รวมพรึบลงไปไวกว่าแสงแล้วก็อยู่ทรงอยู่ในสมาธิเดี๋ยวนั้นเลย แบบนี้ผมเลยเข้าสู่สมาธิได้ตลอดเวลาที่ต้องการ ไม่จำเป็นต้องไปนั่งทำท่าเคร่งนั่งสมาธิแบบคนทั่วไป แล้วแบบนี้พอเจอคำถามแบบนี้ผมก็เลยไม่รู้จาตอบยังไงดี ตอบไปเดี๋ยวก็จะกลายเป็นอวด เดี๋ยวเด่นเกินไปก็จะไม่ดี
    บ่อยครั้งผมจึงเลือกที่จะไม่ตอบคำถามนี้แล้วนิ่งเสีย

    โชคดีที่ผมยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องวุ่นวายกับการปลุกเสกวัตถุมงคล ให้กับพวกนักสร้างกรรมทั้งหลาย

    โชคดีที่สึกออกมาแล้วรอดตัวจากพวกจ้องใช้งานพระอรหันต์ทำโน่นทำนี่ให้
    เป็นอรหันต์เมื่อไรก็นิพพานได้ทันที สบายๆ

    ถ้าเป็นอรหันต์ตอนอยู่ในผ้าเหลืองนี่จะไม่สามารถทิ้งสังขารเฮงซวยกองนี้นิพพานได้ ต้องรอเวลาแตกดับ เผลอๆเจอต่ออายุมั่ง ขอให้อยู่ต่อมั่งจน
    ต้องมานั่งเนรมิตอวัยวะใหญ่น้อยให้กลับมาคืนดีดังเดิมแล้วต้องทนอยู่ตั้ง 1 กัป แบบนี้ผมขอเลือกปฏิบัติธรรมแบบง่ายๆสบายๆแล้วนิพพานในเพศฆราวาสในชาตินี้ซึ่งเป็นชาติสุดท้ายดีกว่า พอกันทีกับการเกิด พอกันทีกับการหลอกตัวเองว่าเกิดตาย พอกันทีกับการติดอยู่ในสามแดนโลกธาตุ ชาตินี้จักเป็นชาติสุดท้ายแห่งการหลงสมมุติเกิดตายของเรา เราจักไม่หลงสมมุติเกิดตายอีกแล้ว

    " เกิดกับตายคล้ายกันนั้นจริงแท้ จนวันใดได้นิพพาน " ประโยคนี้เกิดขึ้นมาได้เพราะปะโดนธรรมหลวงปู่ขาวที่ผมได้รับความเมตตาจากสมเด็จญานสังวร วัดบวรฯ ที่พระองค์ท่านเมตตาแก้ปะโดนธรรมของหลวงปู่ขาว อนาลโยเสร็จแล้วประทานให้ผมไว้นานแล้ว

    ตอนนี้ข้อสงสัยในใจของหลายๆคนที่ได้แต่คิดสงสัยแต่ไม่กล้าถามน่าจะกระจ่างบ้างแล้ว

    ผมพิมพ์ไม่เก่ง สงสัยกันน้อยๆไม่ต้องคิดสงสัยกันมากก็จะเป็นการดีครับ
    ขี้เกียจมาตอบคำถามในใจของพวกท่านหนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2007
  7. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,199
    ค่าพลัง:
    +7,815
    เอาเข้าไป สรุปก็คือยังละสังโยชน์10ไม่ได้ กำลังค่อยเป็นค่อยไปซินะครับ แล้วก็ฟังมาอีกที อ่านมาอีกทีซินะครับ นิพพานเป็นยังไงก็ไม่เคยรู้ด้วยตนเองซินะครับ
    และเผื่อท่านจะไม่รู้ "แผนที่ และแนวทางที่ว่า"น่ะ ชาวพุทธเขามีกันทั้งนั้นแหล่ะครับ มีมาตั้ง2500ปีกว่าปีแล้วครับ
     
  8. thongdee1

    thongdee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    339
    ค่าพลัง:
    +1,499
    ใช่ครับผมยังละสังโยชน์10 แบบไม่กลับมากำเริบอีกได้ในตอนนี้
    แต่ผมก็ทำให้สังโยชน์แต่ละตัวมันเบาบางลงเรื่อยๆได้
    คือมันเป็นเรื่องของจิตที่เป็นไปเองหนะครับ
    จะเร่งก็ไม่ได้ ต้องเป็นไปตามเวลาครับ
    การละสังโยชน์ 10 ได้ชั่วคราวอย่างน้อยๆก็ทำให้เรารู้เรื่องของพระนิพพานได้แม้เล็กน้อยก็ยังดีกว่ามืดมิดจนไม่เห็นอะไรเลยครับ
    และเพราะการเห็นแจ้งในพระนิพพานแค่แว๊ปๆๆๆๆๆๆไปเรื่อยๆนี่แหละที่ทำให้ผมรู้ว่า นรก สวรรค์ พรหม นิพพานมีอยู่จริง โดยไม่สงสัยในเรื่องนี้อีกต่อไป
    เรื่องของพระนิพพานนี่ผมไม่สงสัยว่ามีอยู่จริงหรือไม่แบบใหนยังไงมานานแล้ว
    ตอนนี้กิจของผมมีอยู่แค่เดินตามทางที่พระท่านวางเอาไว้ให้แล้วเรื่อยๆ จนถึงจุดหมายคือแดนพระนิพพานเท่านั้น
    ชาตินี้เป็นชาติที่ 7 แล้ว ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องถูกบีบให้เป็นอรหันต์อยู่ดี
     
  9. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,199
    ค่าพลัง:
    +7,815
    รวิพัง และ ตุ๊ดตู่ เข้ามาเร็ว มีเพื่อนแล้ว
     
  10. ปุถุชน

    ปุถุชน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +715
    เท่าที่เข้าใจ อาจมีความหมายอีกมุมหนึ่งคือ

    นิพพานตาย ( วิธี, ลักษณะ )
    พระพุทธเจ้าท่านจะปรินิพพาน
    ท่านเข้าสมาบัติแล้วดับกายอื่นหมด แล้วออกจากกายมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อ
    ทรงดับขันธ์เข้าอายตนะนิพพานด้วยกายธรรมสุดละเอียดของท่าน
    กายมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อของท่านทิ้งไว้ให้ มนุษย์ พรหม เทวดา
    ได้สร้างบุญบูชาถวายพระเพลิงพระสรีระ และบูชาพระบรมสารีริกธาตุ

    นิพพานเป็น ( วิธี, ลักษณะ )
    พระพุทธเจ้าที่ทรงสร้างบารมีอย่างพิเศษ ท่านจะปรินิพพาน
    ท่านเข้าสมาบัติแล้วรวมตั้งแต่กายมนุษย์ไปจนถึงกายธรรมสุดละเอียด ทุกกาย เป็นหนึ่งเดียวเข้ามาในกายมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อของพระองค์
    จนทุกกายที่มารวมกันนั้นละเอียดเท่าอายตนะนิพพาน
    ทรง( ไม่ดับขันธ์ )เข้าอายตนะนิพพานด้วยกายที่มีเลือดเนื้อนี่แหละ
    เหมือนพระพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์เอากายมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อ
    ไป( เที่ยว-แล้วกลับ )อายตนะนิพพานทั้งตัว ด้วยกำลังของโลกุตตระอภิญญา
    ไม่มีกายมนุษย์ของท่านทิ้งไว้ในมนุษย์โลก เพราะเป็นธรรมหมดทั้งกาย ทั้งใจ
    เข้านิพพานไปหมดทั้งกายใจ

    พระพุทธเจ้าที่ทรงเข้านิพพานทั้งเป็น คือร่างกายไม่ดับแบบนี้ทรงสร้างบารมี
    ในส่วนละเอียดมามากกว่าพระพุทธเจ้าที่ทรงเข้านิพพานโดยถอดกายเป็นชั้นๆแล้วดับทุกกายที่หยาบกว่า

    ท่านที่สงสัยสามารถกราบทูลถามพระองค์ในนิพพานก็จะทราบรายละเอียดได้
     
  11. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    นิพพานเป็น นิพพานตาย อรหันต์อยู่ที่ใจ

    ทำได้ก็ดี ทำไม่ได้ก็ดี ขอให้จิตตั้งอยู่ที่นิพพานเป็นพอ
     

แชร์หน้านี้

Loading...