ก้อนหิน

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย raming2555, 10 กรกฎาคม 2013.

  1. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    ในแง่มุมที่ผมเห็น อาจแตกต่างจากสิ่งที่หลายๆคนเห็น แต่ก็เป็นเพียงอีกแง่มุมนึง ให้มอง จะชอบใจบ้างก็ดี ไม่ชอบใจบ้างก็ขว้างมันทิ้งไปดีไหม...

    เรื่องการไม่กินเนื้อสัตว์แล้วเป็นการบำเพ็ญเมตตาบารมีนั้น ผมเองไม่ได้เห็นเป็นเช่นนั้น แม้ขณะที่เรานั่งอยู่หน้าคอมฯนี้ เราไม่ได้ฆ่าสัตว์ เรายังเมตตาสัตว์ทั้งหลาย แต่ว่า ณ เวลานี้ มีหมู เป็ด ไก่ ฯลฯ มากมาย รวมทั้งคน ที่ถูกฆ่า ทั้งนี้มิได้ลดลงหรือเพิ่มขึ้น เพราะการที่เรากินเนื้อสัตว์หรือไม่กิน ไม่เพราะการที่เราปราศจากเมตตาก็หาไม่ สิ่งเหล่านี้ มันเกิดขึ้นแล้ว และเกิดขึ้นอยู่ แม้ว่าเราจะกินก็ตาม ไม่กินก็ตาม สัตว์นั้นมีกรรมอันชีวิตได้ล่วงไปแล้ว แม้เราจะเมตตาอย่างแรงกล้าเพียงใดก็ไม่สามารถหยุดยั้ง ระงับได้...

    หลวงปู่มั่นก็ดี หลวงพ่อปาน หลวงพ่อฤษี และพระธุดงค์ที่สอนผมมา ท่านมีเมตตามาก ท่านไม่ฉันเนื้อ 10 อย่างตามพุทธบัญญัติ ...
    ท่านสอนให้พิจารณาอาหารว่า สิ่งเหล่านี้นี่เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติเท่านั้น กำลังเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยอยู่เนืองนิจ...ฯลฯ...

    แต่ว่าพระอุปัชฌาผมท่านฉันมังสวิรัต...
    มีคนเรียนถามท่าน ท่านให้ความเห็นว่า เมื่อเวลาท่านฉันเนื้อแล้วจะมีอาการของโรคงูสวัด กำเริบ ทำให้เจ็บปวดทรมานมาก...อีกทั้งการฉันมังสวิรัต ก็ดีต่อระบบขับถ่ายของท่าน ไม่อึดอัด ง่ายต่อการบำเพ็ญภาวนา...

    ผมเองเวลาได้กลิ่นเนื้อวัวแล้วก็รู้สึกอยากจะอาเจียร...
    ผมถามแขกเวลาเดินผ่านได้กลิ่นหมูแล้วเขาบอกว่าอยากจะอาเจียร...
    แล้วแขกก็ถามผมว่า เวลากินหมูแล้วรู้สึกอย่างไร ผมก็ว่ามันก็เหมือนกับที่คุณกินเนื้อวัวนั่นแหละ มันไม่ได้มีอะไรพิเศษ... แต่ว่าถ้าศาสนาก็ดี สังคมก็ดี เขาพากันรังเกียจสิ่งใด หรือว่าเราบริโภคแล้วยังรังเกียจอยู่ ก็ละสิ่งนั้นเสีย...

    เรื่องการทานเจ หรือมังสวิรัต นั้น โดยส่วนตัวผมเห็นว่า ทานได้ก็ดี...ผมไปอยู่ในหมู่คณะที่ทานเจ ผมก็ทานเจด้วย ไม่เห็นว่าจะขาดสารอาหารอะไร ไม่ได้ทำให้ร่างกายชำรุดทรุดโทรมหรือเป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างไร และไม่มีใครเดือดร้อนจากการกินเจของผม ผมก็ว่าดี...

    ไปอยู่ในหมู่คณะที่กินเนื้อสัตว์ ผมก็กินกับเขา แต่พอประมาณ ซึ่งเนื้อนั้นต้องไม่ใช่ ฆ่าเพื่อผม หรือผมสั่งฆ่า หรือว่ายินดีในการที่เขาฆ่า ถ้าหากไม่ผิดด้วย 3 เงื่อนไขนี้แล้ว ก็พอจะกินได้ เวลากินก็พิจารณาโดยแยบคาบก่อนจึงบริโภค...หมู่คณะเหล่านั้นก็ไม่ลำบากใจกับการเป็นอยู่ของผม...

    เรื่องเมตตาบารมีนั้น หากจะหมายเอาเรื่องการงดเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์นั้นแล้ว ผมเคยพิจารณาถึงผักที่ผมเด็ดกินเข้าไป ผมตัดมันออกมา ไม่นานนักผักนั้นก็เหี่ยว ผักบางชนิดมียางไหลออกมาสีขาว ถ้าเป็นสัตว์คงเป็นสีแดง อันนี้ผมจะพิจารณาว่าผมทำลายชีวิตพืชผักเหล่านี้ได้หรือไม่ สมัยนึงผมเห็นว่าพืชผักเหล่านี้ก็มีชีวิต เราด่าทุกวัน มันยังไม่ยอมโต เราร้องเพลงบ้าง ชื่นชมบ้าง ก็เห็นว่าเติบโตดี คล้ายจะรับรู้เราได้เช่นกัน การไปตัดเอามาบริโภคนี้ ในเวลานั้น ผมรู้สึกสงสารผักพวกนี้ แสลงใจกับการที่ไปทำลายผักเหล่านี้ลงไป ... ลูกสาวคนที่สองผมเห็นเข้าว่าจะต้องตัดผักคะน้าที่ปลูกไว้มากินถึงกับร้องไห้ด้วยความสงสารต้นคะน้า สุดท้ายต้องปล่อยให้แก่ตายไปเอง...นี่จะถือว่าลูกสาวคนนี้บำเพ็ญเมตตาบารมีได้หรือไม่....

    เรื่องการบำเพ็ญเมตตาบารมีนั้น ผมเห็นว่า ต้องมีปัญญาบารมีกำกับด้วย และมีอุเบกขาเป็นเครื่องประคับประคอง มิฉะนั้นก็จะเหมือนเรื่อง ชีปล่อยปลาแห้ง...

    สรุปสุดท้ายนี้...
    ผมมีความเห็นว่า...
    ท่านผู้ใดจะทานเจ ทานมังสวิรัต ด้วยเหตุผลใดก็ดี...ก็ย่อมดี...

    ท่านผู้ใดจะทานเนื้ออยู่บ้าง แต่ไม่ละเมิดด้วยข้อบัญญัติเนื้อ 10 ประการ และไม่ได้ฆ่า ไม่ได้สั่งให้ฆ่า ไม่ยินดีในการฆ่า เนื้อนั้นไม่ได้ฆ่าเพื่อเรา แล้วนั้น ผมก็ไม่ได้ตำหนิว่าท่านไม่ดีแต่อย่างใด...

    แต่ที่จะชื่นชมจากใจ คือ ท่านที่บริโภคอยู่อย่างมีสติ ย่อมมีการพิจารณาอยู่โดยแยบคาย ไม่เป็นไปเพื่อการประดับตกแต่ง ไม่บริโภคเพื่อความเมามันส์ บรรเทิง...
     
  2. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    เอาสักสองรายการนะคะ เย็นนี้สงสัยจะมีเพิ่มหรือเปล่า กรรมจัดสรรจริงๆ....
     
  3. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    [​IMG]
     
  5. THE SEVEN

    THE SEVEN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +870
    คิด เพราะ ปรุงแต่งอายตนะผัสสะ
     
  6. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    หลายคนรู้ว่า"ทุกข์เพราะคิด"
    แล้ว คิดอย่างไร จึงไม่ทุกข์
    หยุดคิดได้ไหม จะได้หยุดทุกข์
    ข่มความคิดไว้ ก็ระงับได้ชั่วคราว
    คิดว่าจะไม่คิด ก็ข่มไว้ ปวดประสาท
    .......
    ในแง่มุมของทางโลก แก้ไขด้วยการ คิดบวก หรือ Possitive thinking...
    การมองโลกในแง่ดี...
    พูดมันง่าย ลองคนที่รักที่แสนดีพึ่งจะข้าวใหม่ปลามัน ตายจากไป จะคิดบวกได้อย่างไร...
    ในทางโลกคิดอย่างไร...
    คนที่รักที่แสนดี เขาเป็นคนดี ตายไป ย่อมไปดี มีความสุขดี เพราะผลแห่งความดี ก็ดีแล้ว ดีกว่าต้องมาทนอยู่กับโลกเน่าๆ ที่มีคนเน่าๆมากมาย...
    เขาตายไปขณะที่เขายังเป็นคนดี คนที่เรารักแสนรัก เขายังฝากฝังความดีงามเอาไว้ในใจเราตลอดไป...หากเขามีชีวิตยืนยาวต่อไปกับเราสัก 50 ปี จะมีวันไหนที่เขาเปลี่ยนใจ นอกใจ ทำเรื่องไม่ดีขึ้น เรื่องซึ่งเรารับไม่ได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลประการใดก็ตาม...เราย่อมเสียใจ รู้สึกแย่กับเขา เมื่อเขาตายลงไปขณะนั้น เราคงไม่เหลือความดีใดๆของเขาให้คิดถึง..ตายตอนที่ยังเป็นคนที่แสนรัก แสนดี นั่นแหละดีที่สุดแล้ว...
    ........

    ในทางธรรม ความคิดนั้นหยุดไม่ได้ เกิดจากสังขารปรุงแต่งตามสัญญาเก่า จิตจึงเปลี่ยนจากสภาวะว่าง ไปเป็นไม่ว่าง ด้วยอารมณ์ที่เสวยอยู่นั้น..
    ตรงนี้เองที่หลวงพ่อเทียนท่านค้นพบว่า หากมีผู้รู้ตามดูความคิด ความคิดนั้นจะดับไปเอง เหมือนหนูเจอแมว
    ท่านไม่ได้สอนให้กดข่มความคิดโดยการเพ่ง หรือการคิดว่าจะไม่คิด...
    ท่านสอนให้ฝึกผู้รู้คือสติที่เปรียบดังแมว ให้มีกำลังมากขึ้น ต่อเนื่องยิ่งขึ้น...
    เมื่อความคิดเกิดขึ้น ผู้รู้คือสติเข้าไปตามรู้ ความคิดนั้นดับลง แต่ความรู้ไม่ได้ดับ..
    ดังนั้นเมื่อเห็นคนสวย ก็รู้ว่าสวย แต่ไม่ปรุงแต่งต่อ...
    เมื่อเห็น ศัตรูผู้ร้าย ก็รู้ว่าศัตรูผู้ร้าย แต่ไม่ปรุงแต่งต่อ...
    ต่อเมื่อจะพิจารณาว่าศัตรูผู้ร้ายนี้ควรทำเยี่ยงไร...
    สติจะเป็นตัวกำกับตลอดเวลาที่พิจารณา อย่างแยบคาย และไม่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นหนทางของปัญญาล้วนๆ ไม่มีคติหรืออคติมาข้องด้วย...
    เพื่อความปลอดภัย เลี่ยงได้ย่อมเลี่ยง
    เป็นไปเพื่อประโยชน์ ตน ประโยชน์ ท่าน...
    ไม่งมงาย ไม่ฟูมฟาย ไม่ตื่นตระหนก ไม่วุ่นวาย...
    ท่านสอนสติ คือ ผู้รู้ เพื่อให้รู้เท่าทันความคิด เมื่อความคิดดับลง จึงเห็นจิต สติจึงตามดูจิตไปเรื่อยๆ...

    หากไม่ยอมฝึกฝนอย่างจริงจังแล้ว ยามเมื่อเกิดภัย มากระทบกระเทือนเข้ากับผู้เป็นเจ้าของนี้แล้ว ย่อมหวั่นไหว หวาดระแวง ทุกข์ใจมาก...นี่เองที่เรียกว่าทุกข์เพราะคิด...
    และหลวงพ่อเทียนท่านบอกวิธีจัดการกับความคิด เมื่อรู้ทันความคิด ดับลงไปแล้ว ทุกข์ย่อมไม่เกิดตามมาได้....ผู้ฝึกฝนย่อมรู้ได้เอง และเมื่อต้องกระทบกระเทือนเข้าแล้ว ย่อมเห็นผลของการปฏิบัติของตนเอง รู้อยู่ด้วยตนเอง เป็นปัจจัตตัง..จะหาท่องหาอ่านเอา ก็ไม่สามารถทำได้ มีแต่เพียงต้องปฏิบัติด้วยตัวเอง ทำให้มาก ทำจนเป็นวสี คือชำนิชำนาญอย่างยิ่งแล้ว ย่อมประคองตัวเองไว้ได้จากกองทุกข์อันเนื่องมาจากความคิด...


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2013
  7. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    [​IMG]

    เจ้ากรรมนายเวร


    เรื่องเจ้ากรรมนายเวรนี้ โดยส่วนใหญ่ทุกท่านจะรู้กันดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเล่าซ้ำอีก หลายๆท่านประสบเข้ากับตัวเอง บ้างก็เห็นคนใกล้ชิด ประสบกับเคราะห์กรรม อันผลจากการกระทำของเจ้ากรรมนายเวรนี้ ได้แก่...

    1. ทำให้ร่างกายเจ็บป่วย...บ้างทุพลภาพ ....

    2. ทำให้ตัวเราต้องตาย ในวัยอันยังไม่สมควรจะตาย...

    3. ความคับแค้นใจ จากคนที่อยู่ข้างกายเราให้ต้อง ทุกข์ใจอยู่ร่ำไป...

    4. ย่อมสร้างความทุกข์ใจ โศกเศร้า ...

    5. ให้ได้พบกับบุคคลที่ไม่พึงจะพบ...แม้ได้ข้าวของก็ต้องมีอันได้ไม่สมบูรณ์บ้าง..ได้น้อยกว่าที่ควรจะได้บ้าง...หรือบางครั้งหนักเข้าก็ไม่ได้ในสิ่งนั้นๆ จะเป็นข้าวของ ...ออเดอร์...เงินที่ควรจะได้รับ..บ้างต้องโดนโกงบ้าง....

    6. ทำให้คนที่เรารัก ต้องตายจากไป หรือเป็นคู่กันอยู่ดีๆ มีอันต้องแยกทางกัน หย่าร้างกันไป ก็มี..

    7. อะไรก็ตามที่เราปรารถนาจะได้มา มีอันต้องไม่ได้...แม้คนที่เรารัก ก็มีอันต้องมีเจ้าของ...สิ่งใดที่คาดหวังว่าจะได้อยู่แล้ว มันกลับไม่ได้มา...หรือกว่าจะได้มาก็เลือดตาแทบกระเด็น..ได้มาแล้วก็มีอันรักษาไว้ไม่อยู่อีก...

    นี่รวมความแล้ว คนเราทั้งหลายที่ถูกเจ้ากรรมนายเวรกระทำเอาเข้านี้ เป็นทุกข์เพียงนี้...
    บ้างก็ไปแก้กรรม ต้องเสียเงินทอง ซื้อหาพระพุทธรูปบ้าง ซื้อข้าวของเพื่อใช้ในการประกอบพิธีกรรมต่างๆบ้าง เพื่อให้เจ้ากรรมนายเวรนี้ อโหสิกรรมให้เรา เพื่อเราจะได้ไม่ต้องเป็นทุกข์ จากข้อต่างๆข้างต้น ดังที่กล่าวมาแล้วนั้น...


    ถึงอีกมุมมองของก้อนหิน
    ให้ถวิลเพรียกหาเจ้ากรรมเอ๋ย
    ที่เคยจองเวรไว้กระไรเลย
    แท้จริงเคยทำกรรมใดไว้..ข้าไม่รู้....


    [​IMG]

    เจ้าจงดูคำสอนของพระท่าน
    เพราะเจ้ากรรมหรือธรรมดาโลก
    ต้องทุกข์โศกเพราะสังขารของเรานั่น
    วิเคราะห์พลันมันไม่ใช่เจ้านายเวร...



    มะยันตัง ธัมมัง สุตฺวา เอวัง ชานามะ.
    พวกเราเมื่อได้ฟังธรรมนั้นแล้ว, จึงได้รู้อย่างนี้ว่า.
    ชาติปิทุกขา. แม้ความเกิดก็เป็นทุกข์.
    ชะราปิทุกขา. แม้ความแก่ก็เป็นทุกข์.

    ทำให้ร่างกายเจ็บป่วย...บ้างทุพลภาพ ....

    มะระณัมปิทุกขัง. แม้ความตายก็เป็นทุกข์.
    ทำให้ตัวเราต้องตาย ในวัยอันยังไม่สมควรจะตาย...

    โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสาปิ ทุกขา.
    แม้ความโศก ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจก็เป็นทุกข์.

    ความคับแค้นใจ จากคนที่อยู่ข้างกายเราให้ต้อง ทุกข์ใจอยู่ร่ำไป...
    ย่อมสร้างความทุกข์ใจ โศกเศร้า ...


    อัปปิเยหิ สัมปะโยโค ทุกโข.
    ความประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รักที่พอใจ ก็เป็นทุกข์.

    ให้ได้พบกับบุคคลที่ไม่พึงจะพบ...แม้ได้ข้าวของก็ต้องมีอันได้ไม่สมบูรณ์บ้าง..ได้น้อยกว่าที่ควรจะได้บ้าง...หรือบางครั้งหนักเข้าก็ไม่ได้ในสิ่งนั้นๆ จะเป็นข้าวของ ...ออเดอร์...เงินที่ควรจะได้รับ..บ้างต้องโดนโกงบ้าง....

    ปิเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข.
    ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รักที่พอใจ ก็เป็นทุกข์.

    ทำให้คนที่เรารัก ต้องตายจากไป หรือเป็นคู่กันอยู่ดีๆ มีอันต้องแยกทางกัน หย่าร้างกันไป ก็มี..

    ยัมปิจฉัง นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง.
    มีความปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้น นั่นก็เป็นทุกข์.

    อะไรก็ตามที่เราปรารถนาจะได้มา มีอันต้องไม่ได้...แม้คนที่เรารัก ก็มีอันต้องมีเจ้าของ...สิ่งใดที่คาดหวังว่าจะได้อยู่แล้ว มันกลับไม่ได้มา...หรือกว่าจะได้มาก็เลือดตาแทบกระเด็น..ได้มาแล้วก็มีอันรักษาไว้ไม่อยู่อีก...

    สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา.
    ว่าโดยย่อ อุปาทานขันธ์ทั้งห้าเป็นตัวทุกข์.



    จริงแล้วหรือ ที่เราเจอคือ เจ้ากรรมนายเวร...
    หรือคือกฎของกรรม...เป็นธรรมดาของโลก...​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2013
  8. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2013
  9. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    เมื่อคืนวานนั้น จนถึงเย็นนี้ ใจมันหนักๆ แน่นๆ อึดอัด มันอัดแน่นไปทั่วเหมือน อกจะแตก (เข้าใจว่าเป็นใจอกุศล เพราะมันไม่สบาย) ไม่เข้าไปดูไปรู้ก็ไม่ได้ มันเด่ออกมาแทบทะลุ ดูไปก็ไม่หายแต่ดูเรื่อยๆ เข้าใจถึงพลังงานของจิตที่เป็นไปในทางลบชัดเจนมาก

    ไปนั่งสมาธิแต่ทำไมผุดคิดได้ว่า เอ .. ถังน้ำของครูบายันต์ยังไม่ครบนี่นา (เกี่ยวกันไหมนี่)

    ก่อนไปก็อ่านธรรมของหลวงปู่ไป "ปฎิบัติแล้วโลภ โกรธ หลง ของแกมันลดลงหรือเปล่า ถ้าลดลงข้าว่าแกใช้ได้"

    อ่านของหลวงตา สอนเรื่องโทสะจริต หลวงตาก็ให้นิ่งเหมือนท่อนไม้ หยุดทั้งกาย วาจา ใจ .. ให้ตั้งสติหยุดก่อน ...

    แต่ตอนเดินเข้างานที่ร้านอาหารและตลอดจนถึงทานอาหารเสร็จจวบจนถึงการเป่าเค้กและจบงาน จำธรรมทั้งหมดไม่ได้เลย :'(

    มีก็แต่ นะ โม พุท ธา ยะ บริกรรมแล้วสบายใจ เลยใช้ซะเลย เย็นดี เห็นเขาเดินมา
    ได้ยินเสียงเขา เราทักทายกัน แหม... เบาลงตั้งเยอะ
    ว่าจะยิ้มแล้วเงียบอย่างเดียว กลายเป็นหัวเราะได้คุยกับคนข้างๆได้..ซะงั้น

    ทุกคนทานเกือบเสร็จ เราเองก็หยิบกระเป๋าตังค์ เขาอยู่โต๊ะข้างหลังรีบลุกไปขอเช็คบิล์ เอ้า ..ไม่จ่ายหรอกจะไปซื้อน้ำข้างนอกต่างหาก เออดีเนาะเงินที่เตรียมมาจะได้ไปเก็บไว้ที่เดิม ชิชิ ..

    มาถึงตอนเป่าเค้กเสร็จถ่ายรูปนี่นะ งั้นเป็นช่างกล้องก็ได้นี่ กะอีแค่ถ่ายรูปเอ้าาา ยิ้มมม... แช๊ะๆๆ มองทางหางตาหน่อยนึงนะ

    ในงานได้ทรงเครื่องจักรพรรดิ์ตั้งหลายรอบ แม้สมาธิไม่เต็มร้อย ถึงเวลาแล้วเนี่ย เปิดเฟสฯครูบาก่อน ... ท่องจักรพรรดิ์ต่อ ก่อนตัดสินใจออกไปข้างนอกไม่ถึงสองนาที กลับมาใหม่เดินตรงไปหาเขา

    "นี่ดูสิวัดที่ฉันได้บอกบุญคราวที่แล้ว ที่ฉันได้ร่วมสร้างเสร็จแล้วนะ ตอนนี้เหลือแต่ถังน้ำ พระท่านต้องการใช้พรรษานี้ (พูดพร้อมโชว์รูปในเฟสฯให้ดู) "...

    สรุปแล้ว ได้เงินในงานมาซื้อถังน้ำให้ "หลุบหลา" ประมาณ 120 เหรียญ

    แหมมมมม ... คุณเธอเพิ่งซื้อคอนโดฯใหม่แค่ 6 แสนกว่าเหรียญเอง รู้งี้น่าจะเตรียมมาสัก สองสามบุญ แต่เอาไว้คราวหน้าดีกว่าเนาะ ...


    พอกลับมาถึงบ้าน นอนลงถามว่าดีใจไหม ใจดิฉันบอกไม่เท่าไหร่ แต่กลับเห็นความไม่เที่ยง ที่ตอนที่เรามีเรื่องกัน จนถึงวันนี้ ... ใจที่มันลุกเป็นไฟในตอนนั้น ก่อนที่ดิฉันจะเก็บกระเป๋าไปถ้ำ แล้วมาถึงอารมณ์ในจุดเยือกของวันนี้ ... ดิฉันมีความเห็นว่าไม่อยากเกิดเป็นคนอีก มันเหมือนกับการเอาความรู้สึกของเราไปโยนเล่นเหมือนลูกบอล เดี๋ยวโดนเตะไปทางซ้าย เดี๋ยวโดนเตะไปทางขวา เดี๋ยวหล่นตุ๊บไปลงที่พื้น
    นี่ถ้าปาดคอแล้วถวายกันไปแล้วจะไม่มีการเกิดอีกต่อไปได้ ดิฉันจะขอเชือดคอตัวเองสดๆในตอนนนั้น ขณะนั้นไปเลย


    ค่ำคืนนี้ ดิฉันได้ชวนคนที่(เคย)เกลียดทำบุญ ขอใช้คำว่าเคยนะคะ เมื่อวานนี้แท้ๆที่เกลียด ตอนนี้กลายเป็นคนเคยเกลียดไปเสียแล้ว

    ดิฉันได้พิสูจน์คำว่า "ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูที่ถาวร"

    ดิฉันได้เห็นธรรมของพระพุทธองค์และครูบาอาจารย์

    ดิฉันฆ่ากิเลสไม่ได้ แต่ดิฉันเอาชนะใจตัวเองได้ (ในครั้งนี้)

    ดิฉันเห็นอานุภาพ (จริตของตัวเอง) ของ นะโมพุทธายะ

    ดิฉันได้เห็นอานุภาพของ"การกระทำ" เช่น คนใกล้ตัวเราและคนที่เรารักมากที่สุด คือคนที่ทำเราเจ็บมากที่สุด เราให้อภัยคนอื่นๆที่ไกลตัวได้เร็วกว่าคนใกล้ตัว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2013
  10. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    รูปถังน้ำ ที่ยังขาดอีกไม่กี่ใบ และรูปกุฎิที่สร้างเกือบเสร็จแล้ว (ยังเหลือเล็กๆน้อยๆ) บน "หลุบเหลา" ที่วัดถ้ำเมืองนะ อำเภอ เชียงดาว จังหวัด เชียงใหม่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ก่อนไปงาน ดิฉันได้ส่งเงินไปร่วมทำหนังสือธรรมะกับคนรู้จัก 50 เล่ม พร้อมค่าจัดส่งอีกเล็กน้อย ขออนุญาติเอาบุญมาฝากกันนะคะ สาธุ
     
  12. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,031

    เป็นคนนึงที่แอบสงสารเจ้ากรรมนายเวรมานานแล้วค่ะ ฐานที่ว่า ใครต่อใคร (เราเองด้วย..เง้ออ) มักก่นตำหนิท่านเจ้ากรรมนายเวร
    ว่านี้คือประการแรกของความเจ็บช้ำ ระทมทุกข์ ผิดหวัง เจ็บไข้ได้ป่วย ในชีวิต ฯลฯ...จนหลงลืมมองตน

    ปอลิง..diya ขออนุญาตแชร์ลง facebook นะค๊าท่านraming..ไม่รอคำตอบ ลงไปเรียบร้อยแล้วค่า หุหุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2013
  13. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    สามจังหวะไหมคะ กระทบ รู้ วาง หรือ กระทบ รู้ ดับ อันนี้ก็เดาเอานะคะ เผื่อถูก.. ฮั่นแน่ เรียนมามากแต่ดิฉันทำมาน้อยค่ะ นี่แหละค่ะ ที่นักปฎิบัติพากันไม่ผ่าน เพราะใจเร็วด่วนได้ เมื่อยังไม่เล่นซ่อนหา หนูกับแมว มันเลยเบื่อ ...
    และข้อนี้ใครก็ช่วยใครไม่ได้ด้วยถ้าขี้เกียจ



    "รู้มาก ก็ยากนาน...รู้น้อย พลอยรำคาญ"
    เอารู้เฉยๆ ไม่ต้องวิตก ไม่ต้องวิจารณ์...


    ก่อนไปก็อ่านธรรมของหลวงปู่ไป "ปฎิบัติแล้วโลภ โกรธ หลง ของแกมันลดลงหรือเปล่า ถ้าลดลงข้าว่าแกใช้ได้"

    อ่านของหลวงตา สอนเรื่องโทสะจริต หลวงตาก็ให้นิ่งเหมือนท่อนไม้ หยุดทั้งกาย วาจา ใจ .. ให้ตั้งสติหยุดก่อน ...


    การปฎบัติธรรมนั้น ไม่ได้มุ่งเน้นที่จะเหาะเหินเดินอากาศได้ หรือไปเที่ยวสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน...แต่หากทำไปเพื่อ ลด ละ เบื่อหน่าย คลายกำหนัด เพื่อออกจากกาม...แม้เบื้องต้นจะยังคงเป็นเพียงหินทับหญ้า ก็อย่าพึ่งไปนึกดูแคลน ทับมันไปนานๆเข้า ถ้าไม่ยกก้อนหินนี้ออก หญ้าใหม่ก็งอกไม่ได้ แม้ยกออกเป็นครั้งคราว หญ้าใหม่ที่งอกก็งอกน้อย งอกได้ช้า เราอาศัยปัญญาเพียงไม่มากก็กำจัดได้...(ที่พูดมานี่เพียงแต่นำเสนอความเห็นนะขอรับ ไม่ได้หมายเอาว่าจะเป็นผู้บรรลุธรรมแต่ประการใด สิ่งใดไม่ดี เห็นไม่ตรง ก็อ่านข้ามๆไปนะ)

    รูปถังน้ำ ที่ยังขาดอีกไม่กี่ใบ และรูปกุฎิที่สร้างเกือบเสร็จแล้ว (ยังเหลือเล็กๆน้อยๆ) บน "หลุบเหลา" ที่วัดถ้ำเมืองนะ อำเภอ เชียงดาว จังหวัด เชียงใหม่

    โมทนาบุญด้วยครับ...ทางขึ้นก็ชัน กว่าจะขนขึ้นไปทำได้จนเสร็จนี่กำลังใจและกำลังกายต้องเข้มแข็งจริงๆ...เสียดายที่หลวงตาท่านไม่เน้นภาวนา แต่จะเน้นสวดมนต์เสียมากกว่า ซึ่งก็เหมาะกับยุคสมัย ที่กำลังใจของผู้ปฏิบัติยังมีกำลังไม่พอ การสวดมนต์ไปอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน...

    ปอลิง..diya ขออนุญาตแชร์ลง facebook นะค๊าท่านraming..ไม่รอคำตอบ ลงไปเรียบร้อยแล้วค่า หุหุ

    ตามสบายเลยจ้า...จะค่อยๆลง เรื่อง การทำแท้ง , ทำคุณคนไม่ขึ้น....ในแง่มุมหนึ่ง...ลงติดๆกัน ไม่ไหว...คนอ่านจะเบื่อซะก่อน..
     
  14. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    การปฎบัติธรรมนั้น ไม่ได้มุ่งเน้นที่จะเหาะเหินเดินอากาศได้ หรือไปเที่ยวสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน...แต่หากทำไปเพื่อ ลด ละ เบื่อหน่าย คลายกำหนัด เพื่อออกจากกาม...แม้เบื้องต้นจะยังคงเป็นเพียงหินทับหญ้า ก็อย่าพึ่งไปนึกดูแคลน ทับมันไปนานๆเข้า ถ้าไม่ยกก้อนหินนี้ออก หญ้าใหม่ก็งอกไม่ได้ แม้ยกออกเป็นครั้งคราว หญ้าใหม่ที่งอกก็งอกน้อย งอกได้ช้า เราอาศัยปัญญาเพียงไม่มากก็กำจัดได้

    :cool::cool::cool: ขอบคุณมากค่ะที่พูดให้กำลังใจ และจุดสำคัญที่แท้จริงดิฉันว่ามันอยู่ตรงนี้จริงๆค่ะ ... มันเป็นจุดเริ่ม แล้วใครจะรู้ดีไปกว่าตัวเราล่ะคะ เมื่อวานเราเป็นไง วันนี้เราเป็นไง พรุ่งนี้เรามีแนวโน้มจะเป็นยังไง ถ้าเริ่มขึ้นทางชันแสดงว่าเราเริ่มออกจากที่ราบบ้างแล้ว จะมามัวน้อยใจทำไมวาสนา พอตื่นขึ้นและเห็นทางเดินแล้วจะไปสนใจทำไมว่าใครเดินนำหน้าไปไหนต่อไหนแล้ว ...

    เรื่องการปฎิบัตินั้นดิฉันเคยให้คนพูดดูถูกมาแล้ว จะว่าไม่ใส่ใจคงจะผิดศีลแล้ว มันก็มีบ้างในใจ ..
    แต่ดิฉันกลับเห็นคนที่บอกว่าไปไกลแล้วนั่นนี่ โลภ โกรธ หลง ก็ยังเท่าเดิมนี่ แถมมาปกปิดด้วยคำพูดสวยหรูซะ เอ้ออ ..อันนี้เก็บไว้กับอกอีแป้นดีกว่าดูสิว่ามันจะแตกเมื่อไหร่ ชิชิ

    แต่มันก็ผ่านไปแล้ว ไม่ติดใจหรอกค่ะ คิดเสียว่า เขาคงเป็นห่วงเราน่ะ ฮี่ๆ

    ดิฉันชอบหินก้อนหนึ่งของท่าน ที่เขียนด้วยประโยคที่ว่า " ความลำบากสร้างคน ความจนทำให้คนขยัน" เพราะมันทำให้ดิฉันรู้สึกว่าตัวเองมีค่าขึ้นไปอีก เมื่อย้อนมองไปดู อดีต กับตอนนี้ และดิฉันเองก็ว่าดิฉันมันจนจริงๆ ทั้งทรัพย์ทางโลกและทางธรรม ไหนๆก็มีโอกาสเกิดมาแล้ว เลยต้องหัดขยันกับเขาหน่อย

    ดิฉันคิดเอาเองว่า ตัวเองตายไปเมื่อปีที่แล้ว และเกิดใหม่เมื่อวานนี้ .... ตั้งแต่นี้ต่อไป จะขอพายจ้ำ พายจ้ำ ...
    แต่ไม่แข่งกับใคร นอกจากจิตใจของตัวเอง นะคะ นะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กรกฎาคม 2013
  15. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ตามสบายเลยจ้า...จะค่อยๆลง เรื่อง การทำแท้ง , ทำคุณคนไม่ขึ้น....ในแง่มุมหนึ่ง...ลงติดๆกัน ไม่ไหว...คนอ่านจะเบื่อซะก่อน..

    คนอ่านคงไม่เบื่อหรอกค่ะ ว่าแต่คนเขียนจะเหนื่อยหรือเปล่า แต่ เล็กๆ น้อยๆ เป็นการจุดประทีปทางปัญญา ดิฉันว่าคนเข้ามาอ่าน และแอบอ่าน ได้อะไรๆเพียบเลย
     
  16. philosophi

    philosophi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +1,895
    สรุปว่า.ผมต้องขอบคุณเจ้ากรรมนายเวรครับ.
     
  17. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    เราต้องขอบคุณการเรียนรู้ของตัวเราเองด้วยหรือเปล่าคะ ...

    เมื่อมีความทุกข์ เราอยู่กับทุกข์ เราเจอทุกข์ แล้วเดินไปหาธรรม เราต้องขอบคุณความทุกข์ ด้วยใช่ไหมคะ ...

    บางคนไม่ต้องเจอทุกข์ก็เดินเข้าหาธรรม แต่ดิฉันเจอทุกข์แล้วเดินเข้าหาธรรม ดิฉันหนีร้อนมาพึ่งเย็น และเมื่อเห็นทาง ก็จะเดินให้มันสุดทาง ... แม้ว่ามันจะยาวนานแค่ไหนก็ตาม ...


    สาธุค่ะ
     
  18. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    ข้ามไปข้ามมา กว่าจะได้อ่าน ก็คิดอยู่่ว่า เวปพลังจิตนี่ แค่ชื่อกระทู้สั้้นๆ ง่ายๆ อย่างชื่อกระทู้นี้ (ก้อนหิน) คงไม่ธรรมดา พอเข้ามาอ่านดูก็ไม่ธรรมดาจริงๆ ทุกวันนี้ดีใจที่คนหันมาสนใจในธรรมมะ กันมากขึ้น ไม่ได้หมายเอาเฉพาะในเวปนี้หรือเวปไหนๆ ผมสังเกตเอาที่อำเภอที่ผมอยู่ คนก็ให้ความสนใจในธรรมกันมากขึ้น ว่าจะบ่นให้มากกว่านี้แต่ลูกกวนมากแล้ว พอแค่นี้ดีกว่า เจริญในธรรมครับ
     
  19. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ว่างๆก็เข้ามาบ่นให้กันฟังมั่งนะคะ ในโลกนี้สิ่งที่เราต่างไม่รู้ไม่ได้เจอก็มีอีกเยอะ สิ่งที่ไม่เห็นก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอยู่ สิ่งที่รู้ บางทีก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด ..
    มีสิ่งใดก็เอาออกมาแลกเปลี่ยนกันได้นะคะ ...

    เจ้าของกระทู้ยังไม่เข้ามา แต่แก้วที่ว่างเปล่าอย่างดิฉันและแก้วใบอื่นๆ ยังยินดีที่จะรับน้ำเข้ามาเติมในแก้วอยู่ค่ะ

    (ขออนุญาตรับแขกแทนเจ้าของกระทู้นะคะ)
     
  20. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    ธรรมที่คุณพูดทำให้ผมนึกถึงธรรมที่องค์สมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบันที่พระองค์ท่านทรงยกตัวอย่างให้ฟังว่า (อาจไม่เป๊ะนะครับเอาเป็นใจความตามนี้ละกัน แล้วก็ไม่ใช่ผมนะครับพระองค์ท่านกล่าวกับลูกศิษย์ของพระองค์ท่าน)
    พระองค์ท่านถามว่า "คุณเคยเห็นเิงินหนึ่งล้านบาทไหม"

    บุคคลที่ถูกถามตอบว่า "เคยเห็นครับ"

    แล้วพระองค์ท่านก็กล่าวกว่า "คุณก็เลยรู้ว่ามันมีอยู่จริง"

    พระองค์ท่านถามต่อ "แล้วเงินหนึ่งพันล้านคุณว่ามันมีจริงหรือเปล่า"

    ตอบว่า "มีอยู่จริงครับ"

    พระองค์ท่านก็เลยกล่าวต่อว่า "คุณเคยเห็นหรือ เงินหนึ่งพันล้าน ในเมื่อคุณไม่เคยเห็นแล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่าเงินหนึ่งพันล้านมันมีอยู่จริ
    ง"
    แต่เราๆ ท่านๆ ก็รู้กันอยู่ว่าเงินหนึ่งพันล้านมันมีอยู่่จริงใช่ไหมครับ

    ว่างเปล่าแน่หรือครับ ผมว่าคงจะเป็นแก้วที่เต็มแล้วล้นออกมาให้แก้วของผมมากกว่า
    เจริญในธรรมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...