ชีวิตของชัยพล

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย nunoiyja, 28 กรกฎาคม 2013.

  1. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    ชีวิตของชัยพล

    บทความโดย “บรรณศาลา” ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๓

    คัดลอกมาจากหนังสือ “เทวดาองครักษ์หลวงตา” โดย คุณหลวงและคณะ

    “ชัยพล” หรือที่ใครๆ ในละแวกบ้านเรียกว่า “ชัย” อายุประมาณ ๓๐ ปี ใน พ.ศ.๒๕๓๐ บ้านของชัยมีอาชีพปลูกอ้อย ไร่ของครอบครัวชัยมีเนื้อที่ประมาณ ๑๕ ไร่ ถึงแม้จะเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ที่ญาติๆ อยู่อาศัยรวมกัน แต่ความเป็นอยู่ของครอบครัวชัยก็ไม่ขัดสนมากมายนัก


    ค่ำคืนในฤดูฝน คืนหนึ่งในปี พ.ศ. ๒๕๒๘ ฝนตกติดต่อกันมาหลายชั่วโมงแล้วตั้งแต่เย็น ชัยเป็นห่วงฝูงวัวในคอกท้ายไร่อ้อย จึงตั้งใจว่าเช้าวันรุ่งขึ้นจะรีบออกไปดู
    รุ่งสางเช้าวันใหม่ ชัยจึงเดินไปท้ายไร่อ้อย เหตุการณ์ทุกอย่างเป็นปกติดีทุกอย่าง ไม่มี่องรอยความเสียหายใด ก่อนจะกลับ พลันสายตาของชัยก็ไปกระทบกับวัตถุบางอย่าง เขาเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ก็พบว่าวัตถุอย่างที่ว่านั้นคือ เศียรของพระพุทธรูปที่ผุดขึ้นเหนือจอมปลวกขนาดใหญ่ซึ่งถูกน้ำฝนชะล้างทำให้ยุบตัวลง


    ข่าวการพบพระพุทธรูปหินทราย แพร่ขยายเป็นวงกว้างออกไป ผู้คนหลายหมู่บ้านเดินทางมากราบไหว้ ผู้ใหญ่บ้านขอแรงชาวบ้านมาช่วยกันทำเพิงไม้ ป้องกันแดดฝนให้พระพุทธรูป ทุกคนในหมู่บ้านลงความเห็นว่าควรย้ายพระพุทธรูปองค์นี้ออกไปไว้ที่วัดประจำหมู่บ้าน

    เมื่อตกลงกันเช่นนั้นจึงต้องมีการขุดฐานพระพุทธรูปที่ฝั่งอยู่ในดิน วันที่ทุกคนช่วยกันขุดฐานพระพุทธรูปนั้น ชัยก็มาดูอยู่ด้วย นาทีที่ฐานพระพุทธรูปถูกยกขึ้นพ้นจากดินภาพของเทวดาซึ่งสลักอยู่ด้านล่าง ๔ องค์ก็ทำให้เจ้าหน้าที่จากกรมศิลปากร สรุปได้ว่าเป็นภาพสลักของท้าวจตุโลกบาลซึ่งทำหน้าเป็นอารักษ์เทพปกปักรักษาพระพุทธรูปองค์นี้

    ชาวบ้านพากันปลาบปลื้มดีใจ ที่พระพุทธรูปหินทรายที่พบในพื้นที่หมู่บ้านของตนมีอายุเก่าแก่หลายร้อยปี และเริ่มมีเสียงคัดค้านไม่ต้องการให้เคลื่อนย้ายพระพุทธรูปหินทรายองค์นี้ไปไว้ที่วัดประจำหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานราชการต่างๆ ที่มาจากในเมืองก็เห็นเช่นนั้นด้วย เพราะการเคลื่อนย้ายพระขนาดใหญ่อาจทำให้เกิดการชำรุดได้

    อีกประการหนึ่ง เจ้าหน้าที่ต่างก็ออกความเห็นว่าบริเวณพื้นที่ดังกล่าว น่าจะเป็นพื้นที่ที่ในอดีตมีอารยธรรมเก่าแก่ จึงประกาศให้พื้นที่บริเวณโดยรอบที่ขุดพบพระพุทธรูปหินทรายนั้นเป็นเขตขุดค้นทางโบราณคดี

    ชาวบ้านทุกคนเห็นด้วย แต่ครอบครัวของชัย กลับได้รับผลกระทบโดยตรง พื้นที่ปลูกอ้อยเพียง ๑๔ ไร่ ไม่ได้มากพอที่จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวนี้สุขสบายนัก เมื่อถูกประกาศเป็นพื้นที่ขุดค้นทางโบราณคดี ๔ ไร่ เป็นเหตุให้ชัยเริ่มรู้สึกไม่ดีกับพระพุทธรูปหินทราย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2013
  2. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    ไม่นานนัก ชาวบ้านและผู้คนต่างพื้นที่ ก็ค่อยๆ ลืมเลือนและไม่ได้มาดู มากราบไหว้พระพุทธรูปหินทรายองค์นี้เหมือนเช่นแรกพบ ความคึกคักเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่และเงียบหายไปเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
    ย่าของชัยเป็นเพียงคนเดียว ที่มากราบไหว้และปัดกวาดเพิงไม้ของ “หลวงพ่อ” ทุกวัน และจะนั่งอยู่ที่เพิ่งไม้นั้นวันละหลายชั่วโมง บ่อยครั้งที่ชัยต้องเดินมาตามย่าให้กลับบ้าน
    ปี พ.ศ.๒๕๒๙ ย่าของชัย เริ่มมีอาการป่วยจากความชราบ่อยครั้งขึ้น ย่าไม่ค่อยมีแรงเดินไปเพิงของหลวงพ่อเช่นแต่ก่อน แต่ย่าก็จะออกปากให้ชัยไปปัดกวาดเช็ดถูเพิงของหลวงพ่อแทน

    “หลวงพ่อท่านศักดิ์สิทธิ์มากนะชัย วันก่อนฝันเห็นท่าน และเทวดา ๔ องค์ที่ฐานของท่านมาเยื่ยมย่าด้วย” ย่าบอกกับชัยในวันหนึ่ง
    “โอ๊ย...ย่าฝันเรื่อยเปื่อย ก็ย่าพูดถึงทุกวันอย่างนี้ ก็เก็บเอาไปฝันเท่านั้นเอง” ชัยโพล่งขึ้น
    “ไม่หรอก ย่าไม่ได้ฝันเรื่อยเปื่อย เทวดาของหลวงพ่อท่านบอกว่า เมื่อย่าตายย่าจะได้ไปเกิดบนสวรรค์และครอบครัวของเราจะมีลูกหลานที่จะเป็นผู้ช่วยคนได้มากหลวงพ่อจึงมาโปรด” ย่าพูดพลางยกมือไหว้ท่วมหัว
    “โปรดยังไงล่ะย่า มาโปรดทีไร่เราหายไป ๔ ไร่ ยังงี้เรียกว่าโปรดรึเปล่า” พูดเสร็จชัยก็เดินหนีลงบันไดบ้านไปทันที

    นอกเหนือจากต้องช่วยพ่อทำงานในไร่อ้อยแล้ว ชัยยังมีหน้าทีดูแลวัวของครอบครัว ซึ่งชัยเป็นคนเริ่มเลี้ยงเพราะชัยเป็นสัตวแพทย์ บางครั้งจึงมีชาวบ้านขอให้ชัยไปดูอาการเจ็บป่วยของสัตว์เลี้ยงในหมู่บ้านบ้าง และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ชัยต้องเดินไปคอกวัวทุกวัน และเห็น “หลวงพ่อ” ในเพิงทุกวัน
     
  3. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    ก่อนวันเข้าพรรษาปี พ.ศ.๒๕๒๙ ย่ามีอาการไม่มีแรง และไม่สามารถกินอะไรได้ ลูกหลายจะพาย่าเข้าไปหาหมอ แต่ย่ากลับไม่ยอม ย่าว่าจะคอยพระรูปหนึ่งซึ่งท่านกลับจากธุดงค์ และจะกลับมาจำพรรษาที่วัดในหมู่บ้าน

    เมื่อพระรูปนั้นกลับมาจำพรรษาที่วัดในหมู่บ้านแล้วอาการของย่าก็ดีขึ้นตามลำดับ หลังจากที่พระรูปนั้นมาเยี่ยมย่าที่บ้านย่าบอกกับลูกหลานในวันใกล้ออกพรรษาว่าอยากจะถวายที่ดิน ๔ ไร่ตรงเพิง “หลวงพ่อ” ให้พระท่านใช้เป็นที่พักสงฆ์ เพราะวัดในหมู่บ้านไม่มีที่พักเพียงพอ และไม่ค่อยสงบเท่าใดนัก อีกอย่างโครงการขุดค้นโบราณสถานที่ไม่มีอะไรคืบหน้า

    สำหรับพ่อของชัยแล้ว อะไรที่เป็นความสุขของย่า พ่อไม่เคยปฏิเสธ ลูกหลานคนอื่นก็เช่นกันไม่มีใครคัดค้านความคิดของย่า แต่สำหรับชัยแล้ว เขารู้สึกว่าการที่ต้องเสียที่ดิน ๔ ไร่ไปกับการสร้างที่พักสงฆ์นั้น มันทำให้ฝันในการที่จะสร้างฟาร์มวัวนมของเขาสลายไปต่อหน้าต่อตา
     
  4. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    ตั้งแต่ที่ย่าพูดกับทุกคนในครอบครัวว่าจะยกที่ดิน ๔ ไร่นั้น สร้างที่พักสงฆ์ ชาวบ้านแวะเวียนมาอนุโมทนาบุญ

    ทำให้ย่ามีแรงที่จะลุกเดินไปยังเพิงของหลวงพ่ออย่างกระฉับกระเฉง หลังจากที่ป่วยไม่มีแรงอยู่หลายเดือน ชัยเก็บความไม่พอใจอยู่ลูกๆ วันหนึ่งหลังจากดูแลวัวนมเสร็จแล้ว

    เขาแวะเข้าไปที่เพิงของหลวงพ่อ เขาพิจารณาดูพระพุทธรูปที่แกะสักจากหินทรายองค์นั้นอยู่นาน ก่อนที่จะระบายความอัดอั้นใจออกมา เขาถามหลวงพ่อว่า รู้บ้างหรือไม่ว่าการปรากฏขึ้นของหลวงพ่อมันทำให้ความฝันที่จะมีฟาร์มวัวนมของเขาค่อยๆ เลือนหายไป

    เขาถามว่าเขาทำผิดอะไรหรือหลวงพ่อถึงต้องมาพรากความฝันนั้น หลวงพ่อเองถ้ามีความศักดิ์สิทธิ์จริงทำไมไม่ไปอยู่ในที่ๆ มีคนต้องการ
     
  5. พาขวัญ15

    พาขวัญ15 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2013
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +166
    รออ่านต่ออยู่คะ:cool:
     
  6. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    เทวดา ๔ องค์ก็ไม่พ้นจากคำตัดพ้อของชัย ชัยเพ่งมองไปที่ฐานของหลวงพ่อ แล้วตั้งคำถามเหมารวมกับเทวดาทั้งหมดนั้นว่า การปรากฏขึ้นของพวกท่านทำไมถึงนำความเปลี่ยนแปลงในทางเลวร้ายแก่เขา เขาทำผิดอะไรหรือ

    ไม่มีคำตอบจากทั้ง “หลวงพ่อ” และเทวดาอารักษ์ทั้ง ๔ นั้น ชัยเดินกลับบ้านด้วยท่าทีเศร้าสร้อยเต็มที เมื่อถึงบ้าน ย่าถามชัยว่า วันนี้ชัยได้ไปปัดกวาดเพิงให้หลวงพ่อหรือเปล่า

    ความน้อยใจที่อัดอั้นมานาน ทำให้ชัยตอบย่าไปว่า ชัยไปปัดกวาดแค่คอกวัวเท่านั้น ส่วนหลวงพ่อ ถ้าย่าศักดิ์สิทธิ์จริง เดี๋ยวท่านก็ใช้อิทธิฤทธิ์ปัดกวาดเช็ดถูเองแหละ คำตอบของชัยทำให้ย่าตกใจเป็นอย่างมาก ย่าโกรธว่าชัยกำลังลบหลู่หลวงพ่อ ชัยระบายความในใจออกไปว่าเพราะอะไรที่ทำให้ชัยต้องคิดอย่างนั้น

    ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา อาการของย่าก็กลับมาแย่ลง ทุกคนในบ้านเห็นว่าเป็นความผิดของชัยที่ไปต่อปากต่อคำกับย่าในวันนั้น พ่อดุด่าชัยอย่างรุนแรง ทั่งที่ปกติพ่อจะไม่เคยดุด่าชัยตั้งแต่แม่เสียชีวิตไป เหตุการณ์ในบ้านเริ่มตึงเครียดในความรู้สึกของชัย ทุกคนในบ้านมองชัยแปลกแยกไปทุกที
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2013
  7. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    พ่อกับคนอื่นๆ ในบ้านเป็นห่วงอาการของย่าเป็นอย่างมาก จึงเที่ยวตระเวนทำบุญตามวัดทั้งในหมู่บ้านแล้วในเมือง ด้วยหวังจะต่ออายุให้ย่า โดยเฉพาะกับ “หลวงพ่อ” นั้น พ่อจะนิมนต์พระจากวัดในหมู่บ้านมาทำบุญถวาย พร้อมทั้งประกาศว่าจะยกที่ดินบริเวณนี้สร้างถวายเป็นที่พักสงฆ์ ตามความต้องการของย่า แม้ชัยจะพูดอธิบายเหตุผลที่ต้องการที่ดินสำหรับสร้างฟาร์มวัวนม แต่พ่อก็ไม่สนใจ พ่อกลับต่อว่าชัยว่าเป็นต้นเหตุให้ย่าต้องป่วยหนักเช่นนี้

    ชัยเก็บความเคียดแค้นไว้ในใจ เขามุ่งหน้าไปยังเพิงของหลวงพ่อ แล้วคำพูดมากมายก็หลั่งไหลออกมาจากปากชัย ชัยพูดกับหลวงพ่อว่าทุกวันนี้ทุกคนในบ้านมองเขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้ย่าป่วยหนัก ชีวิตเขาทำไมต้องมาเจอเรื่องอะไรอย่างนี้ ความหวัง ความฝันที่จะสร้างฐานะของเขาต้องสลายไปพร้อมๆ กับการปรากฏขึ้นของหลวงพ่อ

    ท้องฟ้ามือครึ้มผิดไปจากทุกวัน แล้วฝนหลงฤดูก็ตกลงมาอย่างหนัก ในความรู้สึกของชัย ฝนที่ตกในวันนี้มันช่างเหมือนเมื่อวันที่ “หลวงพ่อ” ปรากฏขึ้นบนผิวดิน สายฟ้าสว่างวาบพร้อมเสียงคำรามกึกก้อง แสงของสายฟ้าทำให้ชัยเห็นใบหน้าของเทวาประหนึ่งว่ามีชีวิต ใบหน้าที่สงบเงียบมาตั้งแต่ที่ชัยเคยเห็น ณ ขณะนั้น แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง รอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้าเหมือนรอคอยคำท้าทาย และโดยทันทีทันใดเช่นกัน ชัยท้าทาย “หลวงพ่อ” และเทวดาทั้งสี่ว่า หากมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์จริง ขอจงทำให้เขาเห็นปาฏิหาริย์จริงๆ ในชีวิตของเขาด้วย
     
  8. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    คราวนี้เป็นชัย ที่แสยะยิ้มพร้อมๆ กับสายฝนที่ซาลงเกือบหยุด ชัยก้าวเดินออกจากเพิงมุ่งหน้ากลับบ้าน คืนนั้นชัยกระสับกระส่ายนอนไม่หลับ เมื่อนึกถึงใบหน้าของเทวดาทั้งสี่นั้น

    เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น คนในบ้านพากันอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่นกยังไม่ร้อง มีเพียงชัยคนเดียว ที่ไม่รู้ว่าวันนี้จะมีงานบุญใหญ่ที่เพิงของหลวงพ่อ ชาวบ้านพากันเดินไปจนถึงเพิง ชะโงกหน้าออกมาจากห้องเมื่อได้ยินเสียงเอะอะ เขาเห็นย่าใส่เสื้อลูกไม้คอปกตัวใหม่เอี่ยม นุ่งผ้าถุงลายลูกแก้วสีน้ำเงินเข้มตัดกับสีเสื้อ ท่าทางย่ากระฉับกระเฉงจนเขารู้สึกประหลาดใจ

    ย่าส่งเสียงเรียกเขาให้ไปท้ายไร่ด้วยกัน ชัยถามย่าว่ามีอะไรหรือ ย่าว่าวันนี้ย่าจะถวายที่ดินให้เป็นที่ธรณีสงฆ์ ชัยปฏิเสธคำชวนย่าโดยไม่สนใจแม้แต่จะหันมามองว่าย่ามีสีหน้าอย่างไร

    บ่ายวันนั้นหลังจากที่ย่ากลับมาจากท้ายไร่ ลูกหลานทุกคนมารวมตัวกันพร้อมกับชาวบ้านที่แวะมาร่วมทำบุญย่าขอตัวขึ้นไปนอนชั้นบนโดยที่ทุกคนไม่ได้คิดว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นย่า

    ชัยเดินสวนกับย่าที่ชั้นบนของบ้าน ย่าเดินเข้าไปจับแขนชัยแล้วบอกกับชัยว่า “บุญอันใดที่ย่าได้ทำแล้วในวันนี้ ขอหลานย่าจงเป็นผู้มีส่วนบุญนั้นด้วยนะ”

    ชัยไม่กล่าวอะไรแต่ก็เข้าไปสวมกอดย่าครั้งหนึ่ง ชัยไม่เคยคาดคิดว่าการกอดย่าครั้งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้าย เขาเห็นใบหน้าของย่ามีรอยยิ้มและแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุข
     
  9. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    เย็นวันนั้น เมื่อเล็กลูกของอาขึ้นไปตามย่ามากินข้าวก็พบว่าย่าเสียชีวิตแล้ว ทุกคนในบ้านเสียใจเป็นอย่างมาก ด้วยนึกไม่ถึงว่าย่าจะด่วนจากไปอย่างนี้

    พ่อเสียใจเป็นอย่างมากและโทษชัยว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ย่าตาย ชัยโกรธแค้น “หลวงพ่อและเทวดา” มากขึ้น เขาคิดว่าอย่างไรเสียหลวงพ่อและเทวดา เป็นปีศาจที่นำความเลวร้ายเข้ามาในชีวิตของเขา

    ชัยหยิบจอบติดมือขณะวิ่งลงจากบ้าน เขาวิ่งไปถึงเพิงของ “หลวงพ่อ” พร้อมกับนึกในใจว่า อย่างไรเสียวันนี้เขาก็จะทำลายรูปสลักหินนี้ให้ได้

    ที่เพิงธูปเทียนจำนวนมากที่ชาวบ้านแวะเวียนกันมากราบไหว้ในพิธีตอนเช้าดับหมดแล้ว เหลือเพียงเทียนขนาดใหญ่ ๒ ต้น ขนาดเท่าเทียนพรรษาที่ยังติดอยู่


    เขาเดินเข้าไปใกล้หลวงพ่อมากขึ้นและในขณะที่กำลังจะเงื้อมมือเอาจอบฟาดลงไปนั้น ปรากฏว่ามีแมวตัวหนึ่งวิ่งมาชนเทียนล้มลง

    เปลวไฟจากเทียนขนาดใหญ่นั้นลามเลียไปโดนผ้าม่านลูกไม้ที่ชาวบ้านนำมาประดับถวายหลวงพ่อ ไฟลุกอย่างรวดเร็วจนขึ้นไปถึงหลังคาที่มุงด้วยจาก

    ชัยตกใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมาก เขามองหาของรอบตัวที่พอจะดับไฟได้ แต่ก็มีเพียงกระป๋องพลาสติกเล็กๆ ที่เอาไว้ใส่ดอกไม้ถวายหลวงพ่อเท่านั้น

    ชัยเททั้งน้ำและดอกไม้ลงไปที่เปลวไฟแต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับดับไฟ เขาวิ่งไปที่คอกวัวเพื่อตักน้ำมาราดดับไฟ
     
  10. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    แต่เพราะด้านหลังของเพิงเป็นดงอ้อย และมีหญ้าแห้งอยู่รอบบริเวณทำให้การดับไฟเป็นไปโดยยากลำบาก ชัยวิ่งไปตักครั้งแล้วครั้งเล่าจนหมดแรง

    เมื่อไฟมอดลง ชัยก็แทบหมดแรง คานหลังคาถูกไฟไหม้จนเกรียม ชัยหันไปคว้าจอบที่ติดมือมากระทุ้งให้คานนั้นตกไปทางอื่นเพื่อไม่ให้ตกถูกหลวงพ่อ

    เพิงทั้งหลังและบริเวณรอบๆ ถูกไฟไหม้เป็นพื้นที่พอสมควร แต่กับองค์หลวงพ่อแล้ว กลับไม่ปรากฏความเสียหายใดๆ เมื่อเห็นว่าไฟมอดหมดแล้ว ชัยจึงเดินลากจอบหลับบ้านซึ่งไม่มีคนอยู่ เนื่องจากทุกคนกำลังเอาศพย่าไปไว้ที่วัดในหมู่บ้าน

    ด้วยความเหนื่อยล้า ชัยล้มตัวลงนอน กว่าจะรู้สึกตัวอีกครั้งก็เป็นช่วงสายของอีกวันหนึ่งแล้ว เขาได้ยินเสียงผู้คนเป็นจำนวนมากบริเวณใต้ถุนบ้านจึงเดินลงไปดู ชาวบ้านกำลังจับกลุ่มคุยกันถึงเรื่อง“หลวงพ่อแสดงปาฏิหาริย์”
     
  11. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    ชัยฟังเสียงอยู่เงียบๆ ได้ความว่าชาวบ้านไปพบว่าเพิงของหลวงพ่อเกิดไฟไหม้ ด้วยเพราะเทียนที่จุดถวายล้มลง

    แต่ด้วยเพราะบารมีของหลวงพ่อทำให้ไฟไม่สามารถทำอันตรายใดๆ แก่หลวงพ่อได้ ขนาดคานหลังคาตกลงมายังไม่ถูกองค์หลวงพ่อแม้แต่น้อย เหมือนเทวดามาปัดออกไปไม่ให้โดน

    เขาตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เล็กญาติผู้น้องฟัง แต่เล็กกลับไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด เล็กนำเรื่องนี้ไปเล่าให้อาฟัง

    แล้วชั่วเวลาไม่ถึงชั่วโมงคนทั้งบ้านรวมทั้งชาวบ้านก็มองเห็นว่าชัยเป็นคนเลวร้ายของหมู่บ้านที่กล้าลบหลู่ในปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อ
     
  12. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    ชัยตัดสินใจหลบหน้าผู้คนเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปหาเจ้าประคุณ

    ที่นั่นชัยได้ระบายความอัดอั้นใจให้เจ้าประคุณ ซึ่งชัยเคยมาอาศัยท่านอยู่ที่วัดนี้ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลับ

    ความที่ชัยเห็นว่าตนเองเป็นฝ่ายถูกกระทำขณะนั้นเขาจึงไม่มีสติพอที่จะรับฟังคำสั่งสอนตักเตือนของเจ้าประคุณ

    เขาค้างคาใจในความเชื่อของย่า ของครอบครัวของผู้คนรอบข้าง ที่เป็นพลังตัดทอนตัวเขา

    เขาอยากได้คำตอบจากเจ้าประคุณ ซึ่งตัวเขาและทุกคนที่เป็นศิษย์ต่างก็อยากจะได้รับในเวลาที่มีปัญหา

    แต่เจ้าประคุณไม่เคยตอบคำถามใคร ในเวลาที่เจ้าของคำถามยังไม่มีใจจะรับฟังคำตอบ

    บ่อยครั้งเราถามท่านว่าเพราะอะไรท่านจึงไม่ตอบคำถามคนเหล่านั้น

    ท่านเมตตาสอนเราว่า ที่เราคิดไปว่าเขาต้องการคำตอบบางทีเขาไม่ได้ต้องการ

    บ่อยครั้งที่คนมานั่งตั้งคำถามอยู่ตรงหน้าเขาแค่ต้องการระบายสิ่งที่อั้นอยู่ในใจ

    “ถ้าไม่รู้จักแยกแยะความต้องการในจิตใจของผู้คน เราจะไม่สามารถเป็นครูที่ดีของเขาได้” คืออีกประโยคหนึ่งที่ท่านเมตตาให้สติ
     
  13. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    สำหรับชัย วันที่เขาตั้งคำถามกับเจ้าประคุณนั้น ท่านไม่ได้ตอบคำถามของชัยแม้แต่ข้อเดียว สิ่งเดียวที่ท่านพูดในวันนั้นคือ

    “ให้ใจเธอตกตะกอนเสียก่อนแล้วค่อยคุยกัน”
    สำหรับตัวปัญหาที่ชัยตั้งคำถามเจ้าประคุณนั้น ท่านก็แนะแต่เพียงว่าชัยต้องเลิกเพลินกรอบเสียก่อนจึงจะสามารถเข้าใจอะไรๆ ได้ตามความเป็นจริง

    ช่วงเวลาที่ชัยมาอยู่กรุงเทพประมาณ ๒ อาทิตย์ มันทำให้เขารู้สึกสงบขึ้น

    เขาเริ่มพยายามตีความในสิ่งที่เจ้าประคุณบอกเตือน
    “เป็นนกอย่าเพลินกรง เป็นคนอย่าเพลินกรอบ”

    ประโยคที่ดูแล้วไม่น่ายาก แต่ชัยคิดว่าเหมือนมีเส้นอะไรบางๆ มาปิดบังตัวรู้ของเขาอยู่
    “กรอบ” ที่ล้อมรอบตัวนั้น มันคืออะไร

    ก็ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เขารู้จักมาทั้งชีวิตนั้น มันต้องเป็นสิ่งที่เขาเคยเห็น เคยจับต้อง เคยสัมผัส รู้ที่มา รู้ที่ไป รู้เหตุ และรู้ผล ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขามันเป็นอย่างนี้ทั้งสิ้น


    แล้วการที่จู่ๆ จะให้เขายอมรับกัอนหินแกะสลักว่าเป็นสิ่งที่มีอิทธิฤทธิ์สามารถดลบันดาลให้ชีวิตเขาแปรเปลี่ยนได้

    เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจทำใจยอมรับได้ ก็ในเมื่อสิ่งที่เขาร่ำเรียนมา

    "พุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งหลักของเหตุและผล ไม่ใช่ศาสนาแห่งศรัทธาหรือเทวนิยม"

    นั่นเป็นสิ่งที่เขาเข้าใจถูกต้องไม่ใช่หรือ ยังจะมีพลังอำนาจเร้นลับใดในโลกนี้อีกที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้ คือคำถามที่ชัยครุ่นคิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2013
  14. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    ด้วยภาระที่ต้องกลับไปดูแลวัวนม ทำให้ชัยต้องลาเจ้าประคุณกลับบ้าน แต่เมื่อกลับไปบ้าน

    เล็กบอกกับเขาว่า พ่อเขาขายวัวไปทั้งหมดแล้วเพราะเห็นว่าเขาเป็นคนอกตัญญูที่แม้แต่งานศพย่าก็ยังไม่มา

    เหมือนสายฟ้าฟาดกลางใจของชัย จู่ๆ เขาก็กลายเป็นคนไร้ครอบครัว ไม่มีใครเข้าใจ

    เขาเดินไปท้ายไร่ วันนี้สภาพเพิงของหลวงพ่อเปลี่ยนไป เขารู้จากเล็กว่า พ่อนำเงินที่ขายวัวของเขามาซื้อวัสดุในการสร้างศาลให้กับหลวงพ่อ และชาวบ้านได้ร่วมแรงกันสร้างศาลใหม่ขึ้น

    ศาลใหม่แห่งนี้ปูพื้นด้วยกระเบื้องอย่างดี มีประตู และบานหน้าต่างเป็นไม้เนื้อแข็ง หลังคาปูด้วยกระเบื้อง เกล็ดปลา

    ควันธูป และเปลวเทียนบนราวปัก คละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ชาวบ้านต่างพากันมากราบไหว้ ไม่แต่เฉพาะคนในหมู่บ้านเท่านั้น

    แม้แต่คนต่างอำเภอก็ทยอยกันมากราบไหว้ไม่ขาดสาย ด้วยเพราะทุกคนเลื่อมใสศรัทธาในปาฏิหาริย์ที่ไฟไม่สามารถทำอันตรายใดๆ แก่องค์หลวงพ่อได้แม้แต่น้อย


    เพียงผ่านไป ๒ อาทิตย์ ชีวิตชัยเปลี่ยนไปอย่างที่ไม่เคยนึกฝันมาก่อน เขารู้สึกเจ็บในทุกครั้งที่ได้ยินใครต่อใครพูดถึงปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อ

    บ้างก็ว่าเป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ของอารักษ์เทพที่ฐานหลวงพ่อมาช่วยดับไฟ ไม่ให้ไหม้ไร้อ้อยที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทองคำเปลวที่ชาวบ้านนำมาปิดนอกเหนือจากองค์หลวงพ่อแล้ว ยังลามไปปิดถึงเทพทั้งสี่องค์ที่สลักอยู่ที่ฐานด้วย

    โต้ง กับเชื้อ นักเลงหัวไม้ประจำหมู่บ้าน แปรเปลี่ยนสภาพมาเป็นคนดูแลศาลหลังใหม่ ทำหน้าที่ขายดอกไม้ธูปเทียน

    และคอยกำชัยห้ามไม่ให้ใครต่อใครมาปิดทองบริเวณใบหน้าของหลวงพ่อและเทวดาทั้งสี่ เพราะคนทรงเจ้าประจำหมู่บ้านทักไว้ว่าห้ามปิดเพราะจำให้ท่านมองไม่เห็น

    สายตาของทุกคนที่ชัยรู้จัก มองชัยเหมือนกับว่าชัยไม่มีตัวตน เขาทำตัวไม่ถูกและไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับเขา เมือเขาเดินกลับเข้าบ้าน พ่อได้ออกปากไล่เขาไม่ให้เข้าบ้าน

    ความน้อยใจเสียใจทำให้ชัยเพิ่มความโกรธแค้นหลวงพ่อกับเทวดาทั้งสี่มากขึ้น เขาเดินหันหลังให้กับบ้านที่เขาอยู่มาตลอดชีวิต
     
  15. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    คืนนี้เป็นคืนเดือนมืด เมฆลอยเกลื่อนท้องฟ้าบดบังแสงดาว ในความมือสนิทนั้นชัยก้าวออกมาจากป่าอ้อยช้างทางพร้อมกับไม้ขนาดถนัดมือ

    เขาค่อยๆ เดินอย่างเงียบเชียบและเชื่องช้า เพื่อจะเข้าไปทำลายหลวงพ่อ นั่นคือความตั้งใจของเขา แต่เมื่อเขาเดินย่องเข้าใกล้ศาล

    เขาก็เห็นโต้งกับเชื้อยืนคุยกันอยู่หน้าศาล ชัยหลบเข้าเงาไม้ใหญ่ใกล้ศาล โต้งสั่งให้เชื้อไปซื้อยากันยุงในหมู่บ้าน เชื้อรับคำแล้วถีบจักรยานออกไป

    ชัยไม่กล้าที่จะออกมาเผชิญหน้ากับโต้งเพราะโต้งนั้นเป็นนักเลงหัวไม้อันดับหนึ่งของหมู่บ้าน เขาจึงค่อยหมอบตัวลงนอนกันผืนดินอย่างเงียบเชียบ

    โต้งนั่งเอนหลังอยู่หน้าศาลอย่างสบายอารมณ์ ทันใดนั้นเองมีชาย ๒ คนเข้ามาประชิดตัวโต้ง และรุมทำร้ายด้วยไม้หน้าสาม

    เมื่อโต้งสลบแล้ว ทั้งสองคนเดินเข้าไปในศาลพยายามจะช่วยกันยกหลวงพ่อแต่ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้

    ชายคนแรกถามอีกคนว่าทำไมหัวหน้าถึงอยากได้พระองค์นี้ ชายคนที่สองตอบว่าเพราะมีข่าวล่ำลือว่าท่านสามารถป้องกันไฟไหม้ได้

    ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันไปและหาทางสกัดฐานพระเพื่อจะยกออกไปนั้น พลันสติของทั้งสองก็แทบจะหลุดออกจากร่างไปเกือบจะพร้อมกัน
     
  16. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    เรื่องกำลังสนุกเลยค่ะ ติดตามด้วยคนนะคะ ขออนุโมทนาสาธุด้วยค่ะ
     
  17. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    ใช่แล้ว เป็นฝีมือของชัยที่แอบย่องเข้ามาโดยที่ทั้งสองไม่ทันรู้ตัว ไม้ขนาดเขื่องที่ชัยเอาติดมาด้วยหวดลงตรงบริเวณทัดดอกไม้ของคนแรก

    และที่ก้านคออย่างแรงของคนที่สอง ทั้งสองคนสลบลงไปกองตรงหน้ากระถางธูปพอดี ขณะที่ชัยกำลังจัดการคนร้ายทั้งสองอยู่นั้น

    เขาได้ยินเสียงหมาที่อยู่ในบ้านเขาเห่าแว่วมาแต่ไกล นั้นทำให้เขารู้ว่า เชื้อน่าจะกลับมาจากซื้อยากันยุงแล้ว

    ชัยไม่มีเวลาพอที่จะจัดการในสิ่งที่เขานึกคิดมาตั้งแต่ต้นได้ เขาจึงรีบเร้นกายหลบออกไปจากศาล เดินลัดเลาะเข้าไปในดงป่าอ้อย ปล่อยให้ความมือกลืนเขาหายไปในค่ำคืนนั้น


    ข่าวหลวงพ่อหินทรายแสดงอิทธิฤทธิ์ปราบโจร แพร่สะพัดรวดเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำคนร้าน

    เขาก็สารภาพกับตำรวจว่าจะเข้าไปลักขโมยหลวงพ่อตามที่มีผู้ใหญ่สั่งมา แต่ที่ทำให้ทุกคนเห็นว่าน่าจะเป็นเทวดาอารักษ์มา ปกปักรักษาก็เพราะคนร้ายคนแรกให้การว่าจู่ๆ ก็หมดสติไปไม่ทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น

    อีกคนก็ให้การว่าเห็นเงาดำใหญ่เงื้อตะบองมาฟาดเข้าที่ก้านคอโดยไม่ทันตั้งตัว ผนวกกับสภาพของโต้งที่นอนหมดสติอยู่ที่หน้าศาล ทำให้ทุกคนเชื่อว่าเป็นเพราะบารมีของหลวงพ่อและเทวดาทั้งสี่ที่สำแดงปาฏิหาริย์ปราบโจร
     
  18. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    ครับสนุกและได้ข้อคิดต่างๆ มากมาย คุณรู้ไหมครับว่า "เจ้าประคุณ" พระองค์นั้นเป็นใคร เขียนแบบนี้คงจะเดาได้แล้วนะครับว่า "เจ้าประคุณ" คือใคร
     
  19. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    ชัยตัดสินใจออกจากหมู่บ้านเขารู้สึกว่ายิ่งเขาคิดจะทำร้ายหลวงพ่อหินทรายครั้งใดกลับกลายเป็นว่าเขาจะต้องเข้าไปปกป้องหลวงพ่อหินทรายทุกครั้ง

    เขาเข้าใจว่าเป็นเพราะความบังเอิญที่ไม่น่าให้อภัยนี้ทำให้เขาไม่สามารถแก้แค้นหลวงพ่อได้ซักที ทั้งกลับยิ่งสร้างความศรัทธาให้ผู้คนหลงงมงายกับหลวงพ่อมากขึ้นไปอีก

    แต่ข่าวหลวงพ่อหินทรายสำแดงปาฏิหาริย์ปราบโจรครั้งนี้โด่งดงข้ามจังหวัดไปแล้วผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามากราบไหว้หลวงพ่อ

    จากหมู่บ้านที่ชาวบ้านทำอาชีพเกษตรกรไร่อ้อยมีรายได้พอเลี้ยงชีพไปวันๆ ก็เริ่มมีอาชีพรำแก้บน ร้อยพวงมาลัย ขายดอกไม้ธูปเทียน สภาพความเป็นอยู่ในหมู่บ้านเริ่มดีขึ้น

    ถนนหนทางในหมู่บ้านได้งบพัฒนาจากจังหวัดมาทำใหม่ให้ดีขึ้น


    ภายในศาลหลวงพ่อวันนี้ ตู้รับบริจาคถูกนำมาตั้งเรียงรายให้ผู้คนที่ศรัทธาในองค์หลวงพ่อช่วยกันบริจาคเพื่อนำไปใช้ก่อสร้างตามวัตถุประสงค์ต่างๆ

    หนึ่งในโครงการนั้นคือการก่อสร้างที่พักสงฆ์ซึ่งเป็นความตั้งใจของย่าของชัยนั่นเอง

    หลังจากวันที่โต้งถูกทำร้าย เวลาผ่านไปได้ ๒-๓ ปี ผู้คนยังคงหลั่งไหลมากราบไหว้หลวงพ่อหินทรายอย่างต่อเนื่อง

    ไม่ใช่มากอย่างบ้าคลั่งตามกระแส แต่เหมือนสายน้ำนำธารที่ไม่เคยแห้ง เงินบริจาคที่ได้จากการหยอดตู้ในศาลของหลวงพ่อนั้น ถูกนำไปใช้สร้างโรงเรียนประจำตำบล ๑ แห่ง

    สถานีอนามัย ๑ แห่ง เมรุเผาศพของวัดในหมู่บ้าน ๑ หลัง และที่พักสงฆ์หลังศาลหลวงพ่อหินทรายก็เป็นอีกหนึ่งในหลายโครงการนั้น


    และวันนี้ อารักษ์เทพทั้งสี่องค์ ก็มีผู้ศรัทรานำหุ่นปั้นจำลองเข้ามาถวายหลวงพ่อ เทพทั้งสี่หรือท้าวจตุโลกบาล

    ถูกอัญเชิญไว้ยังทิศทั้งสี่ของวิหารซึ่งวันนี้ถูกสร้างขึ้นแทนศาลหลังเดิมที่ไม่สามารถรองรับคนจำนวนมากได้ องค์หลวงพ่อหินทรายถูกอัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนพื้นหินอ่อนสีขาวดูสง่างาม

    ทองคำเปลวที่ปิดองค์หลวงพ่อและรูปสลักท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่อย่างหนาแน่นนั้นทำให้ไม่สามารถเห็นเนื้อเดิมของหินทรายได้เลย
     
  20. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    ย้อนกลับไปตามหา “ชัย” ในวันที่เขาตัดสินใจออกจากหมู่บ้านนั้น เขาเดินทางขึ้นรถไฟไปอย่างไร้จุดหมาย

    และปลายทางของรถไฟในขบวนที่เขานั่งทำให้เขาต้องลงจากรถไฟที่สถานีไทรโย กาญจนบุรี เขานั่งคิดพิจารณาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในช่วงเวลาที่ผ่านมา

    เขานึกถึงดวงหน้าอันเอิบอิ่มด้วยเมตตาของเจ้าประคุณ ที่สุดแล้วเสียงของเจ้าประคุณก็ดังขึ้นเตือนสติเขาอีกครั้ง “อย่าเพลินกรอบ”
    ๑ ปีเศษ หลังจากวันที่ชัยได้เข้าไปกราบเจ้าประคุณครั้งหลังสุด วันนี้ “ชัย” ตัดสินใจที่จะนำพาตนออกจากกรอบความเชื่อเดิมๆ

    เขาไม่เคยเห็นด้วยแม้กับการสวดมนต์อย่างนกแก้วนกขุนทองท่องบ่นโดยไม่รู้ความหมาย แต่วันนี้วันที่เขาตัดสินใจเดินออกจากกรอบความคิดเดิมๆ

    เขาเลือกที่จะทำตัวเดียงสาเหมือนเด็กที่ไม่มีความรู้ใดๆ เขาเริ่มเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างใหม่จากมุมมองนอกกรอบ

    เขาเคยพบประสบการณ์ที่แปลกประหลาดในครั้งหนึ่งซึ่งทำให้เขาเห็นภาพการเป็นอิสระจากกรอบได้ชัดเจนขึ้น

    ในวันที่เขาลงจากรถไฟที่สถานีไทรโยกนั้น เขาเดินทางเข้าป่าแถวนั้นด้วยความเคยชิน เพราะเขาเคยมาเทียวที่นี่หลายครั้งแล้ว เขาเลือกที่จะไปขอพักอาศัยอยู่กับชาวป่าในที่ไม่ห่างไกลนัก


    วันหนึ่ง หลังจากที่เขาเดินทางมาถึงไทรโยคได้ ๑๕ วัน เขาเห็นลูกของชาวป่าคนหนึ่งอายุประมาณ ๑ ขวบกำลังนั่งเล่นอยู่ใต้ต้นไม้โดยมีพี่ๆ เล่นอยู่ห่างๆ

    งูเหลือมขนาดใหญ่ตัวหนึ่งเลื้อยลงมาจากต้นไม้นั้น มันตรงเข้าหาเด็กน้อยผู้ไม่เดียงสา หัวใจเขาเต้นระส่ำและก่อนที่เขาจะก้าวออกไปช่วยเด็กคนนั้น

    เสียงจากายในหัวใจของเขาดังอยู่ภายใน เสียงนั้นสั่งให้เขาสังเกตกิริยาอาการของเด็กคนนั้น ในขณะที่พี่ๆ พากันรัองเสียงหลงบางคนก็วิ่งไปตามผู้ใหญ่

    บางคนวิ่งหาไม้จะมาช่วยเด็กคนนั้น ในขณะที่ทุกคนกำลังสับสนวุ่นวาย เด็กน้อยกลับไม่ร้อง หรือกระวนกระวายใดๆ

    มีเพียงเสียงอ้อแอ้เล็กน้อยออกมาให้ได้ยิน แววตาแห่งความไร้เดียงสานั้นไม่มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับเจ้างูเหลือมตัวนั้นเลย


    เมื่อชัยได้สติจากการสังเกตกิริยาของเด็กน้อยนั้นแล้วเขาเข้าใจในสิ่งที่เจ้าประคุณสั่งสอนโดยทันที

    เขาเข้าไปใช้ไม้เขี่ยให้เจ้างูเหลือมตัวนั้นถอยห่างเด็กน้อยออกไปก่อนที่เขาจะเข้าไปอุ้มเด็กคนนั้นออกมา

    เจ้าเด็กน้อยนั้นก็ยังส่งเสียงหัวเราะอ้อแอ้ไปตามเรื่องตามราว โดยไม่รู้ว่าตนเองพ้นจากช่วงเวลาอันตรายอย่างหวุดหวิด

    ที่จริงแล้วการที่เด็กน้อยคนนั้นไม่แสดงอาการหวาดกลัว หรือร้องไห้ตกใจ กลับเป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตของเด็กน้อยคนนั้นจากเจ้างูเหลือมได้ดีในระดับหนึ่ง

    เพราะหากเด็กน้อยคนนี้เรียนรู้ว่า เจ้างูเหลือมตัวนี้คือสิ่งที่เป็นอันตรายและเขาต้องพยายามขอความช่วยเหลือด้วยในภาวะที่เขายังเดินไม่ได้

    การที่เด็กกระดุกกระดิกมากๆ จะเป็นการกระตุ้นให้เจ้างูเหลือมเข้าประชิดตัวและตัดสินใจทำร้ายเด็กได้เร็วขึ้น

    อีกประการหนึ่งสัญชาตญาณการเป็นนักล่าของงูเหลือมนั้น มันจะใช้ลิ้นในการวัดอุณหภูมิของเหยื่อ

    หากเหยื่อมีอุณหภูมิร่างกายที่เปลี่ยนแปลงขึ้นลงเร็วๆ จะเป็นการกระตุ้นสัญชาตญาณและการตัดสินใจเข้าจู่โจมให้รวดเร็วขึ้น ดังนั้นการที่เด็กน้อยคนนี้ไม่รู้สึกตกใจถึงภัยจากงูเหลือมที่ใกล้เข้ามา

    อุณหภูมิในร่างกายไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง เด็กไม่ขยับเขยื้อนมากมาย ปัจจัยเหล่านี้เป็นเหตุให้งูเหลือมไม่ตัดสินใจเข้าจู่โจม
     

แชร์หน้านี้

Loading...