คิดปรามาสพระรัตนะตรัย

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย มงคล, 5 พฤศจิกายน 2004.

  1. มงคล

    มงคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    62
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    ผู้ถาม
    กราบเรียนหลวงพ่อที่เคารพ กระผมมีความเคารพนับถือหลวงพ่อเป็นอย่างมาก และมีความเคารพในพระรัตนะตรัยอย่างจริงใจ แต่ว่าในระยะมาไม่นานนี้ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด ในดวงจิตของลูกอยากจะด่าหลวงพ่อ บางครั้งก็อยากจะว่าพระรัตนะตรัย อารมณ์ของจิตอย่างนี้แก้ไม่ตกเลยขอรับ ขอเมตตาจากหลวงพ่อช่วยแก้และอโหสิกรรมด้วยเถิดขอรับ


    หลวงพ่อ
    แก้ตรงไหน...แก้ล่างหรือแก้บน....อารมณ์อย่างที่ว่าเมื่อกี้ที่ เขาเขียนมาเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่มีกันทุกคนนะ มีกันหลายคน อารมณ์อย่างนี้เวลาเจริ_พระกรรมฐานพอเข้าถึงปิติเต็มอัตรา กิเลสมาร เข้าสิงใจ นี่ไม่ใช่อารมณ์เดิมเขานะ พยายามหักห้ามใจไปตามระยะก็แล้วกัน ไม่ช้าก็หาย นี่ของธรรมดานะ ฉันเองก็เคยเจอะเลย ในตอนต้นมีเหมือนกัน ความจริงจิตเผลอย่อมมีนะ
    นักเจริ_กรรมฐานนี่บางคนแล้วก็บางวาระ จิตเป็นปฏิปักษ์ต่อพระศาสนา เห็นพระพุทธรูปบางทีอยากจะด่า อารมณ์อย่างนี้เขาเรียกว่า "กิเลสมาร"เข้าสิงใจ มันเป็นเฉพาะเวลา บางเวลาก็จากหายไป บางเวลาก็มีอารมณ์อย่างนี้ เป็นอยู่สักพักหนึ่งไม่นานนัก สัก 2-3เดือนก็จะหายไป


    ผู้ถาม
    อย่างนี้เราจะขอขมาโทษต่อพระรัตนะตรัยทุกวันดีไหมครับ....?


    หลวงพ่อ
    อย่างนั้นดีลูก...เวลาบูชาพระ ขอขมาโทษทุกวันเลยเป็นการป้องกัน เรื่องนี้พระพุทธเจ้าก่อนจะบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิ_าณ ตอนท่านจะตัดราคะ โทสะ โมหะ ก็โดนท่านมาราธิราชสอบ มาท้าทาย
    แต่ความจริงเรื่องจริงๆ แล้วไม่มีตัว มันเป็นอารมณ์ ในปฐมสมโพธิ เขาเขียนให้มีตัวมีตนขึ้นมา ตอนนั้นกิเลสตีกลับ เขาเรียก กิเลสมาร ก็เกิดอารมณ์รัก ต่อมาก็โทสะเกิดโดยไม่มีเหตุผล ต่อมาท่านก็ตัดได้ เมื่อได้วิชชาสามแล้ว ต่อมาท่านก็บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิ_าณ


    (หลวงพ่อบอกในภายหลังว่า พระยามาราธิราชท่านมาสะกิดข้างๆ เท่านั้น ไม่ได้ยกทัพให_่โตตามภาพเขียน)




    จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปั_หาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม 5

    http://www.praruttanatri.com/member/htm/kpmp.html
     
  2. มงคล

    มงคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    62
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    "มาร 5 อย่าง"

    ผู้ถาม
    เวลาปฏิบัติพระกรรมฐาน พอจิตเริ่มสงบสงัดความแค้นก็เกิดขึ้นทันที แล้วก็แก้ไม่ตกสักที ของหลวงพ่อแก้แค้นให้หน่อยเจ้าค่ะ


    หลวงพ่อ
    อ้อ...นี่ไปแค้นใคร เอาชื่อมาให้ฉัน ฉันจะฝังดินให้


    ผู้ถาม
    (หัวเราะ) พอจิตไม่สงบก็ไม่แค้น พอสมาธิสงบ แหม...มันก็แค้น!


    หลวงพ่อ
    เรื่องนี้ดีมาก ที่ญาติโยมถาม ถามดี...การเจริญพระกรรมฐานต้องพิจารณาถึง "มาร 5 อย่าง" ให้มาก


    ผู้ถาม
    เป็นไงครับหลวงพ่อ มาร 5 อย่าง...?


    หลวงพ่อ
    มาร แปลว่า ผู้ฆ่า ใช่ไหม....มาร 5 อย่าง คือ...

    1. กิเลสมาร

    2. มัจจุราช

    3. อภิสังขารมาร

    4. เทวปุตตมาร

    5. ขันธมาร


    มาร แปลว่า ผู้ฆ่าความดี พระพุทธเจ้าท่านบอกมี 5 อย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีความสำคัญๆ ก็คือ "กิเลสมาร" กับ "ขันธมาร" รบกวนเราเรื่อย

    ขันธมาร หมายความว่า เวลาจะทำความดี ปฏิบัติพระกรรมฐาน ทำสมาธิจิตหรือทำบุญทำทาน ไอ้ความป่วยไข้ไม่สบายมันเข้ามาขวาง อย่างนี้เรียกว่า "ขันธมาร"

    อย่างที่โยมถามมาเมื่อกี้นี้เป็น "กิเลสมาร" ตัวนี้สำคัญ ต้องถือว่าคนนี้เป็นคนที่น่าชมมาก คนดีนะคนนี้ เพราะอะไร...เพราะยามปกติไม่โกรธใช่ไหม...แสดงว่าอารมณ์หยาบหมดไป ไอ้กิเสลหยาบที่โกรธหมดไป

    ทีนี้เวลาที่ทำจิตละเอียด เกิดความแค้นขึ้นมา กระตุ้นขึ้นมา ตัวนี้ไอ้กิเลสที่เป็น "อนุสัย" ตัวละเอียด อย่างนี้ถือว่า เขาชนะมากแล้วนะคนนี้ อย่างนี้ถือว่าชนะหยาบต่อสู้กันละเอียดแล้ว ถ้าต่อสู้กับละเอียดชนะก็จะเด็ดขาดเลย วิธีทำแบบนี้ก็เคยมีมาด้วยกันทุกคนนะ ฉันก็เคยเจอมา


    ผู้ถาม
    หลวงพ่อก็เคยมีเหมือนกันเหรอครับ...?


    หลวงพ่อ
    มี...ทุกอย่างที่ถามมามีทุกอย่าง


    ผู้ถาม
    อ้อ...มีครบเลยนะ


    หลวงพ่อ
    มีครบถ้วน...เพราะเลวมีครบถ้วน!


    ผู้ถาม
    เป็นพระมีเลวเหมือนกันหรือครับ...?


    หลวงพ่อ
    เลว...ถ้าพระไม่เลว บวชอยู่ไม่ได้


    ผู้ถาม
    เอ๊ะ! เป็นยังไงครับหลวงพ่อ...?


    หลวงพ่อ
    ถ้าพระดีเขาไม่ต้องบวช ไปนิพพานเลย


    ผู้ถาม
    อ้อ...


    หลวงพ่อ
    เป็นอรหันต์ใช่ไหม...?


    ผู้ถาม
    ครับ....


    หลวงพ่อ
    ฉันมันเป็นกังหันนี่ หมุนดะ...แต่ว่าเมื่อกี้ถามว่ายังไงนะ วิธีแก้ใช่
    ไหม...?


    ผู้ถาม
    ครับวิธีแก้


    หลวงพ่อ
    ถ้ารู้สึกตัวมา ถ้าอารมณ์ระงับก็ถอยหลังคิดว่า อารมณ์จิตอย่างนี้ไม่น่าจะมีกับเรา เพราะว่าตามปกติเราก็ให้อภัยอยู่แล้ว ทำไมเวลาจิตสงบสงัดจะต้องมาคิดอย่างนี้ ให้คิดว่าอันนี้ไม่ควรอารมณ์อย่างนี้ ให้คิดแค่นี้ว่าอันนี้ไม่ควร อารมณ์อย่างนี้มันจะมีไม่นานนัก ถ้าเวลาเลิกจิตสบายแล้วก็คิดว่า อันนี้มันผิดไปแล้ว ไม่ควรจะทำให้เศร้าหมองแบบนี้ ความดีที่มีอยู่จะคุ้มครองไม่ได้ เมื่อเวลาตาย ถ้าเวลาตายจิตเศร้าหมองแบบนี้ เราต้องลงอบายภูมิ 2-3 ครั้งมันจะหาย ค่อยๆ เรื่อยๆ ไปไม่ช้ามันจะหาย
    อันนี้ดีมาก ต้องขอชม คนนี้กิเลสหยาบเฉพาะโทสะ ผ่านไปแล้ว อันนี้น่าต้องคิด


    ผู้ถาม
    ควรแก่การอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง


    หลวงพ่อ
    ใช่...ควรแก่ก่รรับ "ทาน"


    ผู้ถาม
    เอ๊ะ....!


    หลวงพ่อ
    อ้าว...พระ "ให้" ไม่มี...มีแต่ "ขอ" อย่างเดียว


    ผู้ถาม
    อ๋อ....


    บทความเกี่ยวเนื่อง "คิดปรามาสพระรัตนะตรัย"


    จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม 5

    http://www.praruttanatri.com/member/htm/m5y.html
     
  3. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,244
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,001
    ครับ มีคนเป็นไอ้อาการนี้เยอะ ขอบคุณครับ อยากให้คนที่เป็นอยู่ได้มาอ่านจัง จะได้รู้วิธีเเก้อย่างถูกต้อง
     
  4. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    โมทนาสาธุ กับธรรมะดีๆ ที่ท่านเจ้าของกระทู้นำมาให้อ่านเป็นธรรมทาน
    ซึ่งเป็นประโยชน์มากครับ เพราะสิ่งนี้ถือว่าเป็นข้อสอบสำคัญข้อหนึ่ง
    ของผู้ปฏิบัติธรรม และก็ผ่านยากมาก ถ้าไม่ได้รับคำแนะนำจาก
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อ เพราะคนที่เจอข้อสอบนี้ส่วนมากจิตจะตก
    กำลังใจลดลง เกิดจิตเศร้าหมอง ถ้าตายตอนนั้นอันตรายมากครับ
    ถ้ายังแก้ไม่ตกหรือยังไม่หายขาดก็กินยาประทังไปก่อน
    ได้แก่การขอขมาโทษต่อพระรัตนตรัย พระเดชพระคุณหลวงพ่อ
    ท่านเคยแนะนำไว้ทุกครั้งที่สวดมนต์หรือเจริญพระกรรมฐาน
    ควรขอขมาโทษต่อพระรัตนตรัยครับ

    ศูนย์พุทธศรัทธา
    สำนักปฏิบัติพระกรรมฐานสาขาวัดท่าซุง
    เชิญท่านแวะชมและโมทนาบุญ
    มีข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มจากเดิมอีกหลายรายการครับ


    [​IMG]
     
  5. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,244
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,001
    ครับ ใจจริงผมอยากให้ทางเวปพลังจิตนํากระทู้นี้ปักหมุดไว้เลยครับ เพราะผมเชื่อว่ายังมีคนอีกมากที่เป็นอยู่กับอาการนี้ เเละไม่มีทางออก ถ้าไม่มีใครเเนะนําเขา จิตจะตกไปเรื่อยๆจนไม่อยากเข้าวัดอีก อันนี้น่ากลัวครับ เห็นมีคนโพสกระทู้เกี่ยวกับอาการนี้มาสามครั้งได้เเล้วถ้าผมจําไม่ิผิด ควรนํากระทู้นี้ปักหมุดไว้ดีที่สุดครับ คนอื่นที่กําลังผจญกับเรื่องนี้อยู่จะได้มีทางออกที่ชัดเจนครับ อนุโมทนาครับ
     
  6. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,244
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,001
    มาร

    "มาร" แปลว่า ผู้ฆ่า มีกิเลสมาร เทวปุตตมาร ขันธมาร

    กิเลสมาร คือ อารมณ์ชั่ว อารมณ์ ที่เป็นอกุศลเข้า มันเศร้าหมอง ที่เราจะชนะมัน มันก็หาทางแกล้งไม่ให้ชนะมัน ถึงเวลาอารมณ์มันเผลอมันเป็นอย่างนั้นนะ ใช่ไหม ค่อยๆ ข่มนะ ไอ้ตัวมารมันจะเข้ามาตัดทอนความดีเรา คิดอยากจะด่าพระอยากจะด่าเจ้า อยากจะด่าพระพุทธเจ้า อันนี้เรารู้สึกตัวก็ข่มใจ นี่มารเข้าแทรกจิตน่ะ แสดงว่าจิตละเอียดลง ถ้ามาถึงจุดนี้แสดงว่าจิตละเอียด เราจะเริ่มชนะมันใช่ไหม มันจะเอาลงนรกไม่ได้ มาหาทางแกล้งให้เราเผลอ ก็เป็นกันหลายคน จะสังเกตได้ว่าเวลาที่เราจับอารมณ์ใจละเอียดขึ้น จะดีขึ้นน่ะ โดยเฉพาะชนะจิตได้ หมายความว่า อารมณ์มันสูงไป มันดึงลงไม่ได้ คือถึงที่สุดแล้ว

    ขันธมาร คือ ร่างกาย เวลาที่เราจะทำความดีให้เกิดขึ้น มันจะป่วยไข้ไม่สบาย ปวดโน่นเจ็บนี่ มันหาทางกลั่นแกล้งเรื่อย

    พระท่านบอกว่า อกุศลเก่า ตัวอกุศลเดิม ไอ้ตัวอกุศลนี่มันจะดึงเราลงนรกให้ได้ ความดีนี่เขาจะต้องดึงขึ้นสูงให้ได้ ก็แย่งกัน พอเข้าช่วงกลางมันทำอะไรไม่ได้แล้วนี่ เหลืออย่างเดียว หาทางด่าพระถึงจะลงนรกได้ ในเมื่อเรารู้สึกขึ้นมา เราก็ขออภัยพระ ใช่ไหม หลวงพ่อเคยเป็น เป็นเอา 3 ปีทั้งๆ ที่เป็นพระนี่แหละ ก็นึกว่าเป็นแต่ฉัน ที่ไหนได้ บานเลย

    เรารู้สึกตัวเมื่อไหร่ก็ขอขมาพระเมื่อ นั้นนะ เมื่อเวลามันเข้าสิง เราก็เคลิ้มไปตามมันเป็นเรื่องของมัน แต่ว่าถ้าเราชนะตัวนี้ได้แล้ว มันดึงเราลงนรกไม่ได้แน่นอน นี่น่ะมันช่วงสุดท้ายนะ ถือว่าเป็นอันดับสุดท้าย เราเรียกอะไร "เทกระเป๋า" สงครามเทกระเป๋า ใช่ไหม
    ......................................................
    คัดลอกมาจาก : หนังสือ "พ่อสอนลูก" คำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดจันทราราม (ท่าซุง)อุทัยธานี โดยคุณปาริชาต แสงหิรัญ ชมรมวิชชุเวทย์ธรรมปฏิบัติ
     
  7. jiwcrop

    jiwcrop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +792
    ขอบคุณครับตัวกระผมเอง ปีสองปีมานี้ จะเหมือนว่ามี ความคิดเข้ามาในหัวทีี่ลบหลู่้ผู้ที่เราเคารพ พระต่างๆ เหมือนอาการที่กระทู้บอก ตอนนั้นไม่รู้ว่าเป็นอะไรเหมือนกันก็เครียดมากเลย
    ด่าตัวเองอยู่บ่อยๆว่า ตัวเองมัน เอี้ย ทำไมถึงมีความคิดลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราเคารพ ตอนนี้ก็ยังมีอยู่นะครับ ยังไม่ชนะซะทีเดียวแต่ก็ไม่ได้เครียดมากเหมือนตอนแรกๆ ก็อาศัยคำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำที่เผยแผ่ที่เว็บนี้หล่ะครับ
    อนุโมทนาสาธุครับ
     
  8. เจ้าหญิงแพร

    เจ้าหญิงแพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    378
    ค่าพลัง:
    +390
    เป็นประจำเลย เหอๆ -*-
     
  9. - เงาะป่า -

    - เงาะป่า - เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +565
    เป็นเหมือนกันครับ

    อนุโมทนาครับ
    -----------------------------------------------------------------------------------------------
    "จงจำไว้นะ เมื่อยังไม่ถึงเวลา เทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้ ครั้นถึงเวลา ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่ จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดินเมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครไหนมาช่วยเจ้า"
    -----------------------------------------------------------------------------------------------
    ขอเชิญบริจาค โครงการสร้างทรัพยากรมนุษย์ผู้ด้อยโอกาส กับ หลวงปู่บุญ วัดทุ่งเหียง
    --> http://palungjit.org/showthread.php?t=151788
    ร่วมสร้าง " อุโบสถเงิน" วิหารทานที่ในครั้งนึงในชีวิตไม่ควรพลาดครับ
    --> http://palungjit.org/showthread.php?t=140433
    ร่วมสร้าง พระธาตุอินทร์แขวนจำลอง พระธาตุประจำปีจอ ตามคติทางล้านนา
    --> http://palungjit.org/showthread.php?t=160823
    ขอความเมตตา สร้างชีวิตใหม่ ช่วยน้องผ่าตัดใบหน้า ให้สดใสเหมือนเดิม
    --> http://palungjit.org/showthread.php?p=1440317
    มาลองทำสังฆทานอย่างง่ายๆ ด้วยตนเองกันครับ
    --> http://palungjit.org/showthread.php?t=144881
     
  10. อวิชานาคา

    อวิชานาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    268
    ค่าพลัง:
    +345
    ผม ก็เป็นครับ ทั้งๆที่ ใจก็ นับถือเคารพพระรัตนตรัสอย่างยิ่ง และไม่มีวิกิจอิจฉา(ความสงสัยในคุณพระรัตนตรัสว่ามีจริงรึเปล่า)ในใจแม้แต่น้อย

    แต่ดวงจิต กลับ ซ่า คิดปรามาสอยู่เรื่อง ต้องคอยห้ามไม่ให้คิด และ ขอขมาโทษอยู่เรื่อยๆ มันเป็นจริงๆ ครับ

    จนจะเป็นโรคประสาทอยู่แล้วเนี่ย ^^''
     
  11. ศุภกร_ไชยนา

    ศุภกร_ไชยนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    627
    ค่าพลัง:
    +1,122
    ก็คิดว่าเป็นอยู่คนเดียว ไม่ได้ตั้งใจปรามาส แต่ จิตมันเร็วเหนือสิ่งอื่นใด เผลอปรามาศเป็นประจำ

    ผมคิดนะเมื่อก่อนทำไมเราไม่เห็นปรามาศ แต่ทำไมพอมาสนใจศึกษาปฏิบัติ คิดถึงพระเหมือนคิดถึงแฟน แล้วทำไมมันยังเผลอปรามาศได้

    เอางี้ดีไหม โยโทโส ไปเรื่อยๆ แล้วลดการคิดถึงดู มันก็หายไปแปป แต่พอจะมาปฏิบัติกับเผลอปรามาศอีก

    ขอบคุณหลวงพ่อมากคับ
     
  12. silently melody

    silently melody สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2009
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +12
    เหมือนกันเลยค่ะทุกวันนี้ก็คิดปรามาสพระรัตนตรัยอยู่ทุกวันนะคะ เป็นมาตั้งแต่ศึกษาพระพุทธศาสนาจริงๆจังๆอ่ะค่ะ จะเป็นบ้าอยู่แล้วค่ะ

    นี่ไม่ใช่แค่พระรัตนตรัยนะคะ แม้แต่เทวดาที่นับถือ สิ่งศักดิ์ที่เราเข้าไปเกี่ยวข้อง ปรามาสท่านหมดเลยค่ะ

    สังเกตว่ายิ่งเอาใจเข้าไปฝักใฝ่มากก็จะยิ่งเป็นมาก

    ทั้งๆที่ไม่ได้อยากจะคิด แต่จิตมันเร็ว

    คงจะเป็นเพราะจิตเรามันมีกิเลสที่สะสมมามาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2009
  13. คิมห์นิพพ์

    คิมห์นิพพ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +9
    ผมก็เป็นครับ ตอนแรกนึกว่าเป็นอยู่คนเดียว ผมก็เครียดเหมือนกัน สักเกตดู เวลาที่เราเคารพมากๆ จะมีความรู้สึกอยากลบหลุ๋ขึ้นมา และก้อย่างที่ความเห็นด้านบนบอก จิตมันเร็วกว่าความคิด ห้ามไม่ทัน แต่ก่อนจะชอบแขกหัวตัวเอง แต่หลังๆ เจ็บมากเลยไม่ทำครับ 55 คิดว่าการใช้บทขอขมาต่อพระรัตนตรัยเหมือนตอทำวัตรเย็นจะช่วยได้ครับ

    ยังไงก็ตามผมก็ไม่ค่อยสบายใจเวลาเกิดอาการแบบนี้ขึ้นมาครับ
     
  14. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ปรามาสพระรัตนตรัย

    ขึ้นชื่อว่าความคิดนั้น เราห้ามไม่ได้ เดี๋ยวก็คิดดี คิดชั่วทั้งวัน
    ขึ้นชื่อว่าจิตย่อมไหลไปหาเหตุ และก็ดับเป็นธรรมดาเมื่อหมดอารมณ์ชนิดนั้น
    ก็ย่อมซัดส่ายหาอารมณ์ชนิดใหม่ตลอดเวลาอันเป็นธรรมชาติของจิต

    แรกเริ่มเดิมที... จิตก็ไม่ได้ปรามาส ทุกอย่างเริ่มมาจากไม่มีมาเป็นมีก็เพราะสะสม
    เพราะไม่รู้ ขึ้นชื่อว่ากิเลส ก็คือ อวิชา ตัณหา อุปทาน

    เราไม่สามารถแก้ปัญหาด้วยการกดข่มจิตด้วยสมาธิ เพราะเท่ากับการสร้างเขื่อน
    ภายในใจให้ยิ่งใหญ่มากขึ้น ก่อร่างสร้างกำแพงใจให้ยิ่งใหญ่มากยิ่งขึ้น

    เมื่อสมาธิมีกำลังก็พอกดข่มใจได้ แต่พอเขื่อนเอ่อล้นมากขึ้น
    ความที่ไม่อยากคิดชั่ว
    ความที่ติดดี ไม่อยากล่วงเกิน ไม่อยากปรามาส

    ก็กลับเข้ามาทำลายจิตตนเองเพราะการกดข่ม การหนีอารมณ์

    เราหนีความจริงแห่งอารมณ์ชนิดนี้ไม่ได้

    ขึ้นชื่อว่าดีก็เป็นธรรม ชั่วก็เป็นธรรม
    ขึ้นชื่อว่าโลกธรรม๘ก็มีทั้งสิ่งสองอย่างเป็นคู่

    เรามารู้ธรรมสองสิ่งเพื่อพบธรรมอีกสิ่งหนึ่งคือ เป็นเอก เข้าสู่ความเป็นกลาง
    ไม่เอาทั้งดีและชั่ว

    ขอเพียงแต่ไม่กดข่มใจ ไม่หนีอารมณ์ หันหน้ากลับมาสู้กับความจริงอย่างกล้าหาญ

    ในจุด ในตำแหน่งของใจที่รู้สึกตัว ว่า จิตไหลไปหาเหตุ ...

    จิตไหลเข้าไปแวบนึงและเห็นรูปนามปรากฏ อารมณ์เป็นสิ่งที่ถูกรู้เป็นรูป
    จิตผู้รู้สึกเห็นจิตเป็นนาม...

    เราจะตื่นขึ้นอย่างฉับพลัน จิตที่มีสภาพแห่งอกุศลจะถูกจิตที่เป็นมหากุศล
    ที่เป็นสิ่งที่แตกต่างกันเข้าไปรู้และเข้าไปปัดอารมณ์ชนิดนั้นด้วยการเห็นโทษ เห็นทุกข์ด้วยสติที่อบรมมาดีแล้ว

    ขึ้นชื่อว่าอริยสัจ๔ ต้องแจ้งทุกข์เพื่อละ สมุทัยคือตัณหา ที่หิวอารมณ์และไม่อยากให้มีอารมณ์ชนิดนี้ปรากฏ

    ถ้าเราเอาแต่หนี กดข่มใจ ใช้สมาธิเข้าข่ม ก็จบ แก้อย่างไรก็ไม่มีทางที่จะพ้น
    ใจตนเองได้แน่นอน...

    ดังนั้น มีแต่สติเท่านั้น ที่จะเตือนตน เพราะเมื่อมีสติที่รู้สึกตัวปรากฏ...
    ย่อมมีศีลสังวรปรากฏ จิตที่มีศีลย่อมปราศจากการเบียดเบียนเพราะจิตที่มีศีล
    มีความสะอาด บริสุทธิ์ มีกำลัง

    เราต้องชินกับจิตซึ้งเป็นวิเสสลักษณะ เราต้องเรียนรู้จิตชนิดนี้
    จิตที่ทำให้ใจขุ่นมัว เศร้าหมอง จิตที่ไม่มีศีล ไม่มีหิริ โอตัปปะ เราต้องเข้าไปเรียนรู้ เข้าไปจดจำ เพื่ออะไร

    ชั่วก็เป็นธรรม...ปลุกเราให้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาได้

    สิ่งที่เพื่อนๆเป็นกันอยู่นี้คือ การกลัวบาป กลัวการล่วงเกินพระรัตนตรัย กลัวว่าจะไปนรก แต่สิ่งที่เพื่อนๆลืมก็คือ การกลัวก็เป็นจิตที่มีลักษณะชนิดหนึ่ง
    จิตที่ไม่มีศีลก็มีลักษณะชนิดหนึ่ง จิตที่ไม่มีหิริ โอตัปปะ ก็เป็นจิตชนิดหนึ่ง

    มันฝังรากลึกอยู่ในสันดานของพวกเรา เป็นเชื้อ เป็นภพ

    ถ้าเรามาศึกษาธรรม ก็ขออย่าลืมว่า...
    เรามารู้ทั้งดี และไม่ดี เพื่อให้จิตมันตื่นขึ้นมากับความจริงที่ปรากฏตามจริงของธรรมชาติ เรามาเรียนรู้ธรรมชาติตามจริง และเราจะหนีธรรมชาติ

    ที่จิตเราเข้าไปยึดมั่นถือมั่นได้เช่นไร

    จิตที่เกิดขึ้นกับอารมณ์ชนิดนี้ เราวางไม่ได้ ถ้าจิตมันไม่เห็นความจริงบ่อยๆ
    จนมันตื่นขึ้นมาและเห็นเป็นทุกข์เป็นโทษ แต่ในขณะที่เราเห็นทุกข์ที่ปรากฏ

    ใจมันยังมีอุปทานในขันธ์๕ปรากฏ ถ้าเราเอาแต่หนี เราก็ไม่มีวันรู้และละมันได้

    ขอให้เพื่อนๆพึงพิจารณาตามจริงเช่นว่านี้...

    ผิดหรือถูก ข้าพเจ้าก็เคยมีอารมณ์ชนิดนี้คือติดดี แต่ล่วงเกินพระรัตนตรัย
    แต่เพราะไม่หนีอารมณ์ ในวิกฤตมักมีโอกาส ถ้าจะทำให้จิตเป็นกลางถึงที่สุด
    เราจึงต้องเรียนรู้ธรรมคู้ทั้งดีและเลว

    ปลุกสติให้ตื่นอย่างบริบูรณ์และเข้มแข็ง เพื่อ ดีก็ไม่หวั่นไหว เลวก็ไม่คล้อยตาม
    มหาสติจึงมีสุขเวทนาปรากฏและมีอุเบกขาปรากฏ

    จิตที่เราพัฒนาด้วยสมาธิในอารมณ์หนึ่งจนเข้าสู้เหนือธรรมชาติแห่งการปรุงแต่ง
    คิดนึก เข้าสู่สภาพจิตรวมกลายเป็นใจที่มีสภาพเป็นกลาง เที่ยงธรรม
    และให้ใจที่ยังมีอุปทานในขันธ์๕เข้าไปขัดเกลากิเลสที่ปรากฏทั้งดีและเลว

    ก็ย่อมเห็นความจริงว่า มีปต่รูปนาม มีแต่ความไม่เที่ยงเป็นอนิจลักษณะ
    มีสภาพคงอยู่ทนไม่ได้เป็นทกุข์ลักษณะ และเป็นอนัตลักษณะที่ขันธ์ทั้งหลาย
    ไม่ใช่เราย่อมดับสลายเสื่อมไปเมื่อหมดเหตุนั้นๆ

    ข้าพเจ้าขอเอาแปะกระทู้ของตนด้วยเพื่อสอนเพื่อนๆน้องๆนะครับ

    ผิดพลาดขออภัย...
     
  15. zonedd

    zonedd Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +98
    ผมคนนึงแหละที่เป็น หุหุ
    ผมขอขมาทุกเช้าเย็นเลยครับ
     
  16. wara43

    wara43 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2006
    โพสต์:
    9,108
    ค่าพลัง:
    +16,130
    fairy3(f)ขอโมทนาสาธุครับ สาธุ...(f)fairy3<!-- google_ad_section_end -->
     
  17. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ที่นำธรรมะ ดี ๆ มาให้อ่านครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ<O:p</O:p
     
  18. catthongmuan

    catthongmuan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +26
    การคิดปรามาสพระรัตนตรัยจะใช้สมาธิกดขี่ไม่ได้เพราะเป็นการสร้างเขื่อน

    มันจะยิ่งแย่ปล่อยเลยตามเลยมันก็ยิ่งแย่จะยิ่งปรามาสเข้าไปใหญ่ ต้องใช้การดูจิต(เวทนานุปัสสนาญาณ) ที่คุณชัชวาล เพ่งวรรธนะกล่าว ช่วงแรกได้อ่านก็ไม่เข้าใจ

    แต่หลังได้ศึกษาก็คิดว่าคงจะหมายถึง อย่างเช่นการคิดปรามาสพระรัตนตรัย มันเกิดจากการสั่งสมมาแต่อดีตชาติ


    จิตที่มีศีลก็เป็นจิตชนิดหนี่ง จิตที่ไม่มีหิริโอตัปปะก็เป็นจิตชนิดหนึ่ง พิจารณาได้ดังนี้ก็เข้าใจว่าจิตเป็นสภาวะธรรม และเข้าไปรู้และยอมรับธรรมะอันเป็นธรรมดาว่าดีหรือเลวก็เป็นธรรม

    เช่นนี้ ไม่ทราบว่าเข้าใจถูกหรือไม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2009
  19. Tequila

    Tequila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +1,733
    ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วแก้ไม่หาย ตอนตายจิตตกแล้วไม่ไปอบายภูมิหรือคะ แล้วยิ่งปรามาสพระเจ้าด้วย กลัวไม่ได้ผุดได้เกิดค่ะ ใครเคยเป็นแล้วหาย ช่วยบอกวิธีหน่อยสิคะ
     
  20. catthongmuan

    catthongmuan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +26
    การคิดปรามาสพระพุทธมีผลต่อจิตค่ะแม้ไม่ได้ตั้งใจ มันทำให้จิตเศร้าหมอง
    แต่แก้ปัญหาได้ด้วยการขอขมาพระรัตนตรัยค่ะ (นะโม 3 จบ แล้วตามด้วย สัพพัง อปราธัง...)

    ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่านะคะแต่พอเพ่งจิตตัวเองแล้วมันดีขึ้นจนสังเกตุได้ ว่ามันคิดน้อยลงมากๆ

    แต่ว่าก็ไม่หายขาดหรอกค่ะ ไปๆมาๆมันก็คิดอีกแล้วก็ต้องมาคอยเพ่ง(กำหนด+กิเลส)อีก

    ...มุดน้ำดำดิน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...