ถือศีล 8 ที่บ้านเนี่ยจำเป็นต้องวันพระไหมครับ

ตามนั้นเลยครับ ผมถือนานๆวันพระที แต่วันไหนวันพระตรงกับวันทำธุระผมก็ถือไม่ได้เลยขอถือพวกวันที่ไม่ใช่วันพระเช่นเสาร์-อาทิตย์พวกนี้ จะได้บุญเท่ากันไหมครับ ขอบคุณมากนะครับ

แล้วขอถามเพิ่มเติมทำไมถือศีล 8 ถึงได้บุญเยอะกว่าถิอศีล 5 มากกว่าเยอะขอรับ

อนุโมทนา สาธุ ขอบคุณนะครับ

 

ศีลแปดเหมาะแก่การภาวนามากกว่าครับ ไม่พูดมาก ไม่เพ้อเจ้อ ไม่ดูสื่อโทรทัศน์ ฟังเพลง เล่นเน็ต หนังสือพิมพ์ ไม่กินข้าวเย็น เป็นต้น

การสำรวมระมัดระวังกายใจ ย้อนมองตนเอง ทำทุกวันก็ได้อานิสงค์ทุกวันครับ

 

รักษาศีล8 ปฏิบัติได้ทุกวันครับ ศีล8 ก็มากกว่าศีล5 ชัดเจนอยู่แล้วบุญย่อมมากกว่า ทั้งนี้ก็อยู่ที่ความสมบูรณ์ของผู้ถือด้วยครับ
ระดับศีล5ที่บริสุทธินี้ก็เป็นศีลของพระอริยะบุคคลระดับพระโสดาบันครับ
เจริญในธรรมครับ

 

รักษาวันไหนก็ได้ตามแต่สะดวกค่ะ บางวัดยังให้ผู้ปฏิบัติธรรมรักษาศีล 8 ทุกวันเสาร์เพื่อความสะดวกแก่คนวัยทำงานให้ได้มีโอกาสสร้างบุญกันค่ะ

 

ท่านรู้จักศีลแปดอยู่แล้วนะครับ ตั้งใจ ระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วนึกน้อมจิตกล่าวดังนี้ " อิมานิ อัฐฐะ (ที่แปลว่าแปดนะครับไม่แน่ใจว่าพิมพ์ถูก) สิกขา ปะทานิ สมาิธิยามิ " 3 ครั้ง ตั้งใจเลยว่าจะถือตั้งแต่เมื่อไรถึงเมื่อไร หรือไปเรื่อย ๆ ก็ได้ หากมีเหตุสุดวิสัยศีลขาด ศีลด่าง ศีลพร่อง ก็ระลึกเริ่มต้นใหม่ได้ หลวงปู่ดู่เคยกล่าวไว้ว่า "รับศีลจากวัดไปแล้ว ไม่ถึงสิบนาที ก็ไปทุบหัวปลา เวลาช่วงนั้นแหล่ะ ก็ถือว่าไดถือศีลแล้ว" จะน้อยจะมากไม่สำคัญสะสมไปดั่งฝนตก ฝนไม่ตกเป็นสายยาว ๆ นะครับ ฝนนะตกทีละเม็ด แต่หลายเม็ดครับ จนเป็นมวลน้ำขนาดใหญ่ได้ในที่สุด เราเองก็ต้องสะสมบุญให้เหมือกับภาชนะสะสมน้ำจนเต็ม อนุโมทนาครับ แค่ท่านคิดก็ได้อานิสงค์ในการถือศีลแล้วครับ อนุโมทนา

 

เวลาจะทำอะไร ต้อง พิจารณาใคร่ครวญให้มี ความลึกซึ้ง อย่า พิจารณา ตรงๆ
เดินตรงแด่ว จน คลายคนเมาหัวทิ่ม !!

ศีล8 มันก็คือ ศีล5 ศีล 227 ก็คือ ศีล 5 เพียงแต่ บัญญัติ ลงรายละเอียด
เป็น " วัตร " ไม่ใช่ศีล เข้ามาประดับ

แต่เวลาผิดข้อวัตร ก็จะพิจารณากลับมาว่า ผิดศีล5

อย่างกรณีพระ เวลาผิดหนักๆ ก็สึก พอสึกแล้ว ถามว่า ผิดอะไร เขาก็จะรู้
กันว่า ถือว่า ผิดศีล5 รับกรรมแบบ ฆารวาส

ในแง่ของคำว่า ศีล มันมีอีกคำหนึ่ง คือ อธิศีล ศีลสิกขา จะมีเรื่อง อธิศีล

อธิศีล หรือ ศีลหนึ่ง ก็คือ " อินทรียสังวรศีล " หากรักษา อินทรียสังวรศีล
ได้ ศีล5 จะบริสุทธิอัตโนมัติ ไม่ต้องไปคำนึงถึง

หากผิด อินทรียสังวรณ์ศีล จะยังไม่ก้าวล่วงไปผิดศีล5 มันจะทรงตัวอยู่
เหนือศีล5 ได้อยู่ ยังมีโอกาสล่วงอบาย

ดังนั้น

ศีลอะไรได้บุญที่สุด ก็ต้อง ศีลหนึ่ง เพราะ ผิดศีลหนึ่ง ยังลอยตัวได้อยู่

แต่ถ้า ศีลหนึ่งทะลุ เริ่มล้นเป็น กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ก็จะเริ่มเข้า
เขตเป็นการผิดศีล5

ก็จะเห็นว่า

ฌาณ4 มีประโยชน์อย่างไร

ฌาณ4 มีประโยชน์ตรงเป็น จังหวะให้สร้างความเข้าใจว่า ศีล1 นั้นอยู่
เหนือขึ้นไปนิดๆ เหนือกว่า ฌาณ แต่ถ้าหลุดฌาณ ส่วนใหญ่ก็จะ
แล่นไปสู่ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ล่วง ละเมิด ด่างพร้อย ในศีล5

ต้องสังเกตดีๆนะ ศีล1 ไม่ใช่ ฌาณ

ศีล1 อยู่สูงกว่า ฌาณ ต้องอาศัย ฌาณ เพื่อการ เขย่ง เฝ้นหา ว่า อยู่ไส
เฮ้ดจังได๋ จึงเป็น จังซี่

 

การทำบุญอะไรก็แล้วแต่ทุกอย่าง เช่นการรักษาศิล ร่วมไปถึง ทาน และ ภาวนา ทำทุกวันก็ได้บุญทุกวันครับ หากรักษาศิลทุกวันไม่ได้ ก็อาทิตย์หนึ่งทำ 4 วัน , 3 วัน หรือ 1 วันก็ได้แล้วแต่สะดวกครับ หรือทำหนึ่งวันไม่ได้ ก็รักษา เป็นชั่วโมง วันละ 8 ชั่วโมง 5 ชั่วโมง แล้วแต่อันนี้ไม่ได้ผิดอะไร หรือไม่วันนี้รักษาศิล 8 ไม่ได้ก็มารักษาหรือถือศิล 5 ก็ได้บุญได้กุศลเช่นกันครับ แล้วถ้ารักษาศิลไม่ได้ก็ยังมีบุญอื่นในบุญกิริยาวัตถุ 10 ให้ทำอีกตั้งเยออะแยะมากมายล้วนได้บุญได้อานิสงส์เช่นกันครับ

ถามว่ารักษาศิล 8 ได้บุญมากกว่ารักษาศิล 5 ใช่ไม ตอบว่าใช่ครับ แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ที่ความบริสุทธิของคนนั้นด้วย เพราะศิลไม่ได้หมายถึงการกระทำเพียงอย่างเดียว แต่หมายรวมไปถึง กาย วาจา และ ใจ ด้วยครับ ยิ่งศิล 8 ด้วย กาย วาจา ใจ ยิ่งต้องสำรวมมากยิ่งขึ้น ถ้าทำได้ อานิสงส์จึงมีมากครับ

..... อ้อก่อนรักษาศิล อย่าลืม อาราธนาศิลก่อนนะครับ

 

ศีล 8 สำหรับพระอนาคามีครับ ถ้าคุณยังเป็นแค่พระโสดาบันคุณก็ถือศีล 5 ก็พอ ศีล 5 คือ 1.ไม่เจตนาฆ่าสัตว์ตัดชีวิต 2.ไม่เจตนาลักทรัพย์หรือถือเอาของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้แล้ว 3.ไม่เจตนาผิดเรื่องทางกามกับคนที่แต่งงานแล้ว 4.ไม่เจตนาในการพูดเท็จ ไม่ประมาทในการพูดให้มีสติ 5.ไม่กินเหล้า และพยายามอย่าสูบบุหรี่มากเกินไป ผมไม่กินเหล้า แต่สูบบุหรี่ 2-3 วันครั้ง ครั้งละ 3-4 มวน การเป็นพระโสดาบันคือเป็นคนดี คนดีดีที่ความคิดและจิตใจ มีศรัทธา ชอบทำบุญ อธิษฐานไม่ประมาท ไม่สบายไปหาหมอ แก้อาการจิตตกด้วยสวดมนต์และฟังเพลง หรือนอนหลับพักผ่อน ต่อไปหลักพระอภิธรรมพระโสดาบัน 1.ละสักกายะทิฏฐิ คือพิจรณากายตนให้เห็นว่ามันเป็นธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ นี่คือไม่ใช่ตัวตน ตัวตนที่แท้จริงของเราคือวิญญาณ 2.วิจิกิจฉา คือไม่ลังเลสงสัยในพระรัตนตรัย เคารพและยึดเป็นสรณะ 3.ศีลลัพพรตปรามาส คือไม่งมงาย และถือศีล 5 ประการต่อไป พระโสดาบันเป็นสัมมาทิฏฐิ คือรู้ว่าอะไรเป็นอกุศลกรรมที่ควรละ อะไรเป็นกุศลกรรมที่ควรทำ ตั้งตนไว้ชอบ รู้จักรุกรู้จักรับ เป็นคนมีน้ำใจและรู้จักให้อภัยและสติ.

 

ฟังความคิดเห็นจากท่านอื่นๆ ได้ แต่อย่าฟังจากฟางว่านนะครับ

 

ท่านๆครับ ฟางว่านเป็นพระอรหันต์ เป็นพระอรหันต์เป็นที่จิต

 

เป็นพระโสดาบันเป็นที่ปัญญา ปฏิบัติธรรมถ้าไม่สบายไปหาหมอ.