ทฤษฎีกายา ไกอา (Gaia Theory ) โลกมีชีวิตในตัวเอง

<TABLE height=1513 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width=569><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thaidetail vAlign=top align=left><TABLE borderColor=#ff6600 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>

​

[font=Arial, Helvetica, sans-serif]ทฤษฎีกายา โลกมีชีวิตในตัวเอง [/font]




​

[font=Arial, Helvetica, sans-serif]ณัฐฬส วังวิญญู​

[/font][font=Arial, Helvetica, sans-serif]สถาบันขวัญเมือง เชียงราย
[/font][font=Arial, Helvetica, sans-serif]Nutt2000@loxinfo.co.th[/font]

[font=Arial, Helvetica, sans-serif]ต้องการเอกสาร word กด > [/font]​

<HR>[font=Arial, Helvetica, sans-serif]การค้นพบทางวิทยาศาสตร์อีกชิ้นหนึ่งที่นำมาซึ่งความมหัศจรรย์ใจในความสามารถ ในการดูแลควบคุมตัวเองได้ของโลก คือ ทฤษฎีกายา (Gaia Theory) [/font]



[font=Arial, Helvetica, sans-serif]ในช่วงปีพ.ศ. ๒๕๐๓ - ๑๒ (๑๙๖๐s) มีการส่งยานอวกาศขึ้นไปสู่นอกโลก เป็นครั้งแรกของมนุษยชาติที่ได้มีโอกาสเห็นภาพอันสวยงามของโลกที่ตัวเองอาศัยอยู่ โลกที่ให้กำเนิดชีวิตทั้งมวล นักบินอวกาศหลายคนยอมรับว่าการที่ได้ขึ้นไปเห็นภาพของดาวเคราะห์ที่มีสีสันในโทนน้ำเงินขาว ล่องลอยอยู่ในอวกาศอันมืดมิดและกว้างใหญ่ไพศาลนั้น เปรียบได้กับประสบการณ์ทางจิตวิญญาณเลยทีเดียว เพราะมีผลให้เปลี่ยนทัศนคติและความสัมพันธ์ของตนที่มีต่อโลกไม่มากก็น้อย ในช่วงเดียวกันนั้นนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาองค์ประกอบทางกายภาพของโลกในด้านต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกลไกการทำงานของดาวโลก และดาวอื่นๆ ในระยะข้างเคียง ได้แก่ ดวงจันทร์ ดาวศุกร์และดาวอังคาร[/font]

[font=Arial, Helvetica, sans-serif]ในช่วงเวลานั้นเอง องค์การนาซ่าได้เชิญนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง ผู้มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับองค์ประกอบทางเคมีของชั้นบรรยากาศโลก คือ เจมส์ เลิฟลอค (James Lovelock) ในการออกแบบอุปกรณ์ตรวจค้นชีวิตบนดาวอังคาร ตามแผนการส่งยานอวกาศไปเก็บตัวอย่างดินจากดาวอังคารมาวิเคราะห์และศึกษาต่อไป[/font]

[font=Arial, Helvetica, sans-serif]จากการศึกษาธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต เลิฟลอคค้นพบว่า คุณสมบัติที่ชีวิตทั้งหลายมีร่วมกันคือ การรับพลังงานและสสาร และถ่ายเทของเสียออก เขาตั้งสมมติฐานว่าในดาวเคราะห์ที่มีสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตในดาวเคราะห์นั้นจะต้องมีการนำเอาสสารและพลังงานจากชั้นบรรยากาศ และมหาสมุทรไปใช้ในเพื่อการดำรงอยู่และผลิตของเสีย ดังนั้น หากดาวอังคารมีสิ่งมีชิวิตอยู่จริง ก็ต้องสามารถตรวจจับองค์ประกอบก๊าซที่สามารถเป็นตัวบ่งชี้ได้ วิธีการนี้สามารถกระทำได้บนโลกและไม่ต้องลงทุนส่งยานอวกาศเดินทางไปสำรวจถึงดาวอังคาร[/font]

[font=Arial, Helvetica, sans-serif]หลังจากทำการทดลอง และเปรียบเทียบข้อมูลเกี่ยวกับองค์ประกอบทางเคมีของชั้นบรรยากาศ ระหว่างโลกกับดาวอังคารดูแล้ว เห็นว่ามีความต่างกันโดยสิ้นเชิง ดาวอังคารนั้นมีปริมาณก๊าซออกซิเจนน้อยมาก มีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูง และไม่มีก๊าซมีเทนเลย ส่วนในชั้นบรรยากาศโลกนั้นประกอบด้วยก๊าซออกซิเจนจำนวนมาก แทบจะไม่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เลย และมีก๊าซมีเทนอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้เลิฟลอคสรุปว่า ในดาวอังคารนั้น เนื่องจากไม่มีสิ่งมีชีวิตมีส่วนร่วมอยู่เลย ปฏิกิริยาเคมีที่เกิดขึ้นระหว่างสารเคมีต่างๆ ได้ดำเนินมาจนสิ้นสุด และกลายเป็นสภาพเสถียรและสมดุลมานานแล้ว ซึ่งตรงข้ามกับโลกโดยสิ้นเชิง เพราะในชั้นบรรยากาศของโลกนั้นเต็มไปด้วยก๊าซออกซิเจน และมีเทนที่มีแนวโน้มที่จะทำปฏิกิริยาทางเคมีอย่างต่อเนื่อง เป็นสภาวะที่ไกลจากสมดุลทางเคมีมาก นอกจากนั้น สิ่งมีชีวิตบนโลกได้ดูดซับเอาก๊าซเหล่านี้ไปใช้ตลอดเวลา พืชและต้นไม้ผลิตก๊าซออกซิเจนอย่างต่อเนื่อง สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ก็ผลิตก๊าซชนิดอื่น ชั้นบรรยากาศโลกจึงเป็นระบบเปิดที่มีการถ่ายเทแลกเปลี่ยนสสารและพลังงานกับระบบอื่นตลอดเวลา ทำให้มีสภาวะของความเคลื่อนไหวและห่างไกลจากจุดสมดุลทางเคมี แต่มีองค์ประกอบทางเคมีค่อนข้างคงที่แน่นอน[/font]

[font=Arial, Helvetica, sans-serif]การค้นพบในครั้งนี้นำมาซึ่งความมหัศจรรย์ใจคล้ายประสบการณ์ของการรู้แจ้งเลยทีเดียว และทำให้เขาตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งมีชีวิตบนโลกไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ผลิตก๊าซต่างๆ อย่างเดียว แต่ยังทำหน้าที่กำหนดควบคุมปริมาณก๊าซต่างๆ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ที่เอื้อต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตเองด้วย เพราะข้อมูลทางฟิสิกส์ดาราศาสตร์ยืนยันว่า อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น ๒๕ นับตั้งแต่สิ่งมีชีวิตได้อุบัติขึ้นในโลก และอยู่ในระดับที่คงที่มาตลอดระยะเวลาสี่พันล้านปีมาแล้ว ซึ่งทำให้เขาตั้งคำถามว่า โลกสามารถควบคุมลักษณะทางกายภาพต่างๆ ของตัวเอง เช่น อุณหภูมิ ระดับความเข้มข้นของเกลือในมหาสมุทร เพื่อให้เหมาะกับการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ได้หรือไม่ เพราะนั่นจะหมายความว่า โลกจะมีระบบการควบคุมตัวเองเหมือนกับระบบชีวิตอื่นๆ เลิฟลอครู้ว่าสมมติฐานนี้กำลังจะพลิกผันความเข้าใจเดิมของวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับโลกเลยทีเดียว[/font]

[font=Arial, Helvetica, sans-serif]ทัศนะเดิมมองโลกว่า ประกอบไปด้วยลักษณะทางกายภาพที่ไร้ชีวิต เช่น หิน ทราย ก๊าซต่างๆ น้ำ ซึ่งมีฐานะเป็นเพียงแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ต่างกับทฤษฎีกายาที่มองโลกแบบองค์รวมและเห็นว่า สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมนั้นเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน และเป็นส่วนที่ก่อให้เกิดระบบกลไกการควบคุมตัวเอง (Self-regulating system)[/font]

[font=Arial, Helvetica, sans-serif]ตอนนั้นนักวิทยาศาสตร์ขององค์การนาซ่าไม่ยอมรับและไม่ชอบการค้นพบของเลิฟลอคเลยทีเดียว ยังดึงดันที่จะส่งกระสวยอวกาศไปสำรวจดาวอังคาร ถึงแม้เลิฟลอคจะบอกว่าไม่มีความจำเป็น เพราะสามารถกระทำได้โดยการใช้กล้องส่องทางไกลคุณภาพสูง เพื่อวิเคราะห์เสปคตรัมของชั้นบรรยากาศบนดาวอังคาร เป็นสิ่งที่ทำได้จากพื้นดิน และในที่สุดนาซ่าก็ส่งยานอวกาศไปถึงดาวอังคาร และค้นพบเพียงร่องรอยของความว่างเปล่า ปราศจากสิ่งมีชีวิตตามที่เลิฟลอคคาดการณ์ไว้[/font]

[font=Arial, Helvetica, sans-serif]ในปี พ.ศ. ๒๕๑๒ เลิฟลอคได้นำเสนอการค้นพบดังกล่าวในการประชุมทางวิทยาศาสตร์ที่ปริ้นซตั้น หลังจากนั้นก็มีนักเขียนวรรณกรรมคนหนึ่งที่เห็นว่าสิ่งที่เลิฟลอคนำเสนอนั้น ตรงกับความเชื่อโบราณของกรีก เกี่ยวกับพระนางกายา (เทียบได้กับพระแม่ธรณี) และเสนอให้เลิฟลอคใช้ชื่อ​

 

โลก

ให้โลกเราสวยพวกเรามาช่วยกันรับรู้ด้วยกันแล้วทำให้โลกนี้สดใส
อยากให้โลกน่าอยู่กว่านี้เป็นโลกที่เราฝันใฝ่จะสวยอย่างไรเป็นไปได้ด้วยมือของเรา







น้องไข่แมงสาบ

 

โลกเราสวยจริงๆ ครับ ........และหนาแน่นด้วยพลังแห่งชีวิต
มานานแสนนานแล้วครับ.....

แม้แต่มนุษย์จากโลกอื่น .....ยังชื่นชมความงามของโลกนี้
และมีมนุษย์จากโลกอื่น .....ต้องการโลกมนุษย์นี้เช่นกัน
เรา ในฐานะเจ้าของโลก..... ต้องรักษา "ความสมดุลย์"
เรา ต้องพิทักษ์รักษาไว้ ......เพราะนี่เป็นโลกของเราเอง

 

หุหุ จะมีสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวต้องการยึดโลกเราด้วยเหรอเนี่ย

 

ตอนแรกผมก็ไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่หรอก ... แต่ตอนนี้ค่อนข้างแน่ใจแล้ว หลังจากที่พวกเราได้ค้นพบระบบสุริยจักรวาลใกล้ๆ กับระบบสุริยจักรวาลที่เราอยู่ อยู่ใกล้เรามาก และตอนนี้พวกเขาก็กำลังเข้าไปสำรวจดวงอาทิตย์ของเราแล้ว ... เจ๋ง จริงๆ

ดวงอาทิตย์ของเรา... เรายังไม่กล้าเข้าใกล้เลย
แต่มนุษย์จากระบบสุริยจักรวาลอื่น ... อาจหาญมาก กล้าเหยียบถ้ำเสือเลยเชียวหล่ะ !!!

เป้าหมายของพวกเขาคือ พลังงานอนันต์ นั่นเอง .... อิอิ !!!

 

งั้นก็มาจากกาแลคซี่อันโดรเมด้าสิเนี่ย !!!

 

ภาพวาดเปรียบเทียบขนาดของระบบสุริยะของเรากับระบบสุริยะจิ๋วที่ค้นพบ

พบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะรวมทั้งสิ้น 12 ดวง

 

อ่า ปู่บอกว่า "ระบบสุริยจักรวาลใกล้ๆ กับระบบสุริยจักรวาลที่เราอยู่ " ไม่ใช่กาแลคซี่นี่หว่า ปล่อยไก่อีกแล้วเรา อิอิอิ ระบบสุริยะที่อยู่ใกล้ที่สุดเนี่ยเราค้นพบกันตั้งแต่เมื่อไหร่หนอ ดูแล้วถ้าปู่หมายถึงระบบสุริยจิ๋วที่เพิ่งค้นพบที่ว่ามีมนุษย์ต่างดาว ร่างกายเค้าก็น่าจะเล็กกว่าร่างกายเรามากเลยสิเนี่ย

 

อาเป็นนายพลUSA ประจำที่อิรัก (ลดตำแหน่งอาอ่ะเปล่าเนี่ย??)
บ้านใครรับอิสระ แล้วเคยอ่านไปรบอิรัก
ก็เข้ามาแจมได้~~~

<img src="http://i41.photobucket.com/albums/e278/jj2jj/littlelamb002.gif"

เปลี่ยนมาเป็นนายทัพ กองทัพพระเจ้าแล้วกัน
US Army เป็นไม่ถึงแต่กองทัพสวรรค์เนี่ย...ถึงแน่ ๆ

 

คงมีซักวันเค้าคงมาให้เราทุกคน(มนุษยชาติ)เห็นกัน

 

มนุษย์ไม่ได้เป็นเจ้าของโลกหรอกนะครับ ในโลกนี้ไม่มีใครเป็นเจ้าของโลกได้หรอก ไม่ว่าเค้าผู้นั้นจะเก่ง ฉลาด หรือ ล่ำรวยท่ีสุดในโลกก็ตาม สำหรับผมแล้ว ทุกๆสรรพสิ่งที่ใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะมีขนาดเท่าใดก็ตาม