วันเพ็ญ เดือนสิบสอง วันคล้ายวันนิพพานของพระสารีบุตร

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย MBNY, 24 พฤศจิกายน 2007.

  1. MBNY

    MBNY Administrator ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2003
    โพสต์:
    6,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +22,504
    [​IMG]




    พระสารีบุตร นิพพานเมื่อวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ที่บ้านของท่านเอง ด้วยโรคปักขันทิกาพาธ (ถ่ายจนเป็นเลือด) ดังมีเรื่องเล่าว่า

    วันหนึ่ง ท่านเข้าผลสมาบัติอยู่ในที่พักกลางวันของท่านในวัดเชตวัน เมืองสาวัตถี แคว้นโกศล ออกจากผลสมาบัติแล้วพิจารณาเห็นว่าพระอัครสาวกย่อมนิพพานก่อนพระพุทธเจ้า ดังนั้นท่านจึงได้ตรวจดูอายุสังขารของตนเองและเห็นว่าจะมีชีวิตอยู่ไปได้อีก ๗ วันเท่านั้น ท่านได้พิจารณาต่อไปถึงสถานที่ที่จะไปนิพพาน ก็เห็นว่าควรจะไปนิพพานที่บ้านเกิด ทั้งนี้เพื่อจะได้โปรดโยมมารดาซึ่งยังเป็นมิจฉาทิฏฐิอยู่ให้ได้เลื่อมใสในพระรัตนตรัย อีกทั้งยังเห็นด้วยว่าโยมมารดามีอุปนิสัยสามารถที่จะบรรลุมรรคผลได้เมื่อได้ฟังธรรมที่ท่านแสดง

    เมื่อปลงใจได้ดังนั้นแล้ว ท่านจึงแจ้งพระจุนทะผู้เป็นน้องชายให้ทราบ และบอกพระจุนทะให้แจ้งแก่บรรดาศิษย์ของท่านให้ทราบด้วย เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วท่านได้เก็บกวาดเสนาสนะ แล้วออกมายืนอยู่ที่หน้าเสนาสนะนั้น ท่านมองดูทุกสิ่งทุกอย่างเป็นครั้งสุดท้าย แล้วพาพระจุนทะและพระบริวาร ๕๐๐ รูปเดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้า

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Y6052711-0.jpg
      Y6052711-0.jpg
      ขนาดไฟล์:
      142.9 KB
      เปิดดู:
      13,808
    • 60.jpg
      60.jpg
      ขนาดไฟล์:
      19.3 KB
      เปิดดู:
      306
  2. MBNY

    MBNY Administrator ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2003
    โพสต์:
    6,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +22,504

    .

    ฝ่ายนางสารีโยมมารดาเมื่อได้ทราบว่า พระลูกชายพาพระบริวารมาเยี่ยม ก็รู้สึกดีใจเป็นกำลัง จึงสั่งคนงานในบ้านให้จัดการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ จัดที่พักและตามประทีปไว้พร้อมสรรพ และเมื่อได้ทราบว่าท่านประสงค์จะพักในห้องที่ท่านเกิด นางสารีก็จัดให้ตามประสงค์

    แต่ในขณะเดียวกันก็สงสัยอยู่ว่า ทำไมพระลูกชายจึงได้พาพระบริวารมามากมายเพียงนี้ หรือว่ามาเพื่อจะสึก เมื่อท่านพร้อมด้วยพระจุนทะและพระบริวารเข้าพักในสถานที่ที่โยมมารดาให้คนจัดให้ตามประสงค์แล้ว

    ตกดึกคืนนั้นเองท่านได้เกิดป่วยเป็นโรคปักขันธิกาพาธ (ถ่ายจนเป็นเลือด) อย่างปัจจุบันทันด่วน ท่านได้รับทุกขเวทนาอย่างแสนสาหัส พระจุนทะและพระบริวารได้ช่วยกันพยาบาลอย่างใกล้ชิด ฝ่ายโยมมารดาเห็นว่าท่านอาพาธหนัก จึงมาเฝ้าดูอาการด้วยความเป็นห่วง

    ขณะนั้น เทวดาองค์สำคัญๆ ต่างมาเยี่ยมอาการป่วยของท่านตามลำดับ คือ ท้าวมหาราชทั้ง ๔ ได้แก่ ท้าวธตรฐ ท้าววิรูปักข์ ท้าววิรุฬหก และท้าวเวสสุวรรณ ผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ท้าวสักกเทวราช (พระอินทร์) ผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ท้าวสุยามา ผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์ชั้นยามา ท้าวดุสิต ผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์ชั้นดุสิต ท้าวสุนิมมิตะ ผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์ชั้นนิมมานรดี และท้าวปรนิมมิตวสวัดดี ผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัดดี รวมทั้งท้าวมหาพรหมแห่งพรหมโลก ชั้นสุทธาวาสก็ได้มาเยี่ยมอาการป่วยของท่านด้วย เทวดาและท้าวมหาพรหมนั้นแต่ละองค์ล้วนมีรัศมีเปล่งปลั่งงดงาม ต่างพากันมาเยี่ยมอาการป่วยของท่านด้วยความเป็นห่วงและด้วยความเคารพอย่างยิ่ง

    นางสารีเห็นเหตุการณ์นั้นตลอด เมื่ออาการของพระเถระค่อยบรรเทาลง นางได้เข้าไปหาและสนทนาด้วย โดยได้ถามถึงเทวดาองค์สำคัญๆ ที่มาเยี่ยมซึ่งนางไม่ทราบว่าเป็นใคร ท่านได้บอกให้โยมมารดา ได้ทราบตามลำดับจนกระทั่งถึงท้าวมหาพรหม

     
  3. บุษบากาญจ์

    บุษบากาญจ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    9,476
    ค่าพลัง:
    +20,271
    ขอบคุณค่ะ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกแล้ว วันนี้ใครลอยกระทงก็คิดถึงพระสารีบุตรพระสาวกเบื้องขวาของพระพุทธองค์ และรำลึกถึงคุณความดีที่ท่านได้ปฏิบัติไว้ดี ปฏิบัติไว้ชอบแล้วด้วยนะคะ อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  4. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    เอ ผมชักสับสน คำว่า"ปรินิพพาน" กับคำว่า"นิพพาน"
    คำว่า "ปรินิพพาน" น่าจะใช้เฉพาะสำหรับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    คำว่า "นิพพาน" น่าจะใช้เฉพาะสำหรับพระสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    แต่ถ้าเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ผมไม่แน่ใจ
    ผมขอรบกวนท่านผู้รู้ช่วยให้วิทยาทานด้วยครับ
    ขออนุโมทนาบุญจากการให้วิทยาทานของท่านผู้ตั้งกระทู้ และอนุโมทนาบุญจากการร่วมอนุโมทนาของทุกๆท่านนะครับ
    สาาาาา...ธุ
    สาาาาา...ธุ
    สาาาาา...ธุ
    ให้ดังไปถึงพระนิพพาน<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2007
  5. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    อนุโมทนาสาธุค่ะ.....ขอบคุณค่ะเพิ่งจะทราบก็วันนี้ค่ะ
     
  6. 2499

    2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    450
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,033
    http://th.wikipedia.org/wiki/นิพพาน



    นิพพาน หมายถึง สภาพที่ดับกิเลสและกองทุกข์แล้ว ภาวะที่เป็นสุขสูงสุด เพราะไร้ทุกข์ เป็นอิสรภาพสมบูรณ์

    "นิพพาน" จากบาลี Nibbāna निब्बान ประกอบด้วยศัพท์ นิ(ออกไป, หมดไป, ไม่มี) + วานะ (พัดไป, ร้อยรัด) รวมเข้าด้วยกันแปลว่า ไม่มีการพัดไป ไม่มีสิ่งร้อยรัด คำว่า "วานะ" เป็นชื่อเรียกกิเลสตัณหา กล่าวโดยสรุป นิพพานคือการไม่มีกิเลสตัณหาที่จะร้อยรัดพัดกระพือให้กระวนกระวายใจ อันเป็นจุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา

    พระอนุรุทธาจารย์ ผู้รจนาคัมภีร์อภิธรรมมัตถสังคหะ ได้พรรณนาคุณของนิพพานว่า ปทมจฺจุตฺ มจฺจนฺตํ อสงฺขตมนุตฺตรํ นิพฺพานมีติ ภาสนฺติ วานมุตฺตามเหสโย "พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ผู้พ้นแล้วจากตัณหาเครื่องร้อยรัด ทรงตรัสถึงสภาวะธรรมชาติหนึ่งที่เข้าถึงได้ เป็นธรรมชาติที่ไม่จุติ พ้นจากขันธ์ 5 ไม่ถูกปรุงแต่งด้วยปัจจัยใด ๆ เลย หาสภาวะอื่นเปรียบเทียบไม่ได้ ว่าสภาวธรรมนั้นคือพระนิพพาน"
    คัมภีร์พระไตรปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตกะกล่าวถึงนิพพาน 2 ประเภท คือ
    • สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ นิพพานธาตุยังมีอุปาทิเหลือ ยังเกี่ยวข้องกับเบญจขันธ์ กล่าวคือดับกิเลสแต่ยังมีเบญจขันธ์เหลือ
    • อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ นิพพานธาตุที่ไม่มีอุปาทิเหลือ หรือนิพพานที่ไม่เกี่ยวข้องกับเบญจขันธ์ กล่าวคือดับกิเลสไม่มีเบญจขันธ์เหลืออยู่อีก
    ปรินิพพาน แปลว่า การดับรอบ ความปราศจากกิเลสที่ร้อยรัด คือ การดับสนิท ดับด้วยไม่เหลือแห่งกิเลสและกองทุกข์ มีความหมายเดียวกับคำว่า นิพพาน
    บางครั้งใช้หมายถึง สอุปาทิเสสนิพพาน แปลว่า การดับกิเลสพร้อมทั้งเบญจขันธ์ ("สอุปาทิเสสนิพพาน" คู่กับ "อนุปาทิเสสนิพพาน" ซึ่งแปลว่าดับกิเลสแต่ยังดำรงชีวิตอยู่)

    ปรินิพพาน นิยมใช้หมายถึง การดับขันธ์ของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ส่วนของพระอรหันตสาวกที่เหลือนิยมใช้ นิพพาน เฉย ๆ ทั้งนี้ นัยว่าเพื่อเป็นการยกย่องพระพุทธเจ้า
    แต่ในภาษามคธใช้เหมือนกันทั้งสองศัพท์ คือ ใช้สลับกันก็มี
    ปรินิพพาน สำหรับพระพุทธเจ้านิยมเพิ่มคำว่า "เสด็จดับขันธ์" หรือ "เสด็จดับขันธ" ไว้หน้าด้วย เช่นใช้ว่า "พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานที่สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา"

    (good) โมทนา
     
  7. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    (bb-flower ขออนุโมทนาสาธุการ กับคุณ 2499 อธิบายได้เยี่ยมมากเลยครับ

    สาาาาา...ธุ<O:p</O:p
    สาาาาา...ธุ<O:p</O:p
    สาาาาา...ธุ<O:p</O:p
    ให้ดังไปถึงพระนิพพาน<O:p</O:p
     
  8. *จอมขมังเวทย์*

    *จอมขมังเวทย์* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +280
    ประทีปนี้ไม่มีวันดับ
    เมื่อครั้งพุทธกาล มีหญิงขอทานชรานางหนึ่ง
    นางมักจะเฝ้าดูกษัตริย์ ราชบุตร และประชาชน
    นำของมาถวายแด่พระพุทธองค์และพระสงฆ์สาวก
    ไม่มีสิ่งใดที่นางปรารถนายิ่งไปกว่าจะได้กระทำดุจเดียวกันนี้
    แต่นางทำได้เพียงไปขอได้น้ำมันมาหน่อยหนึ่งเพื่อเติมประทีปได้ด วงเดียวเท่านั้น
    นางนำประทีปนั้นไปจุดถวายเบื้องพระพักตร์ พลางตั้งจิตอธิษฐานว่า
     
  9. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    โมทนา...สาธุท่านสมาชิกและผู้มาเยือน

    ทุกข์เพราะใจffice

    คนที่จะพ้นทุกข์ได้
    <O:p</O:pพ้นจากโลกนี้ได้ พ้นจากกรรมได้<O:p</O:p
    ก็เพราะใจอันเดียว<O:p</O:p
    จงยึดถือใจเป็นสำคัญ<O:p</O:p
    จะมากเกิดก็เพราะใจ<O:p</O:p
    เป็นทุกข์ก็เพราะใจ<O:p</O:p
    ถ้าใจไม่ทุกข์ ใจไม่ยึดถือ<O:p</O:p
    ปล่อยทิ้งเสีย<O:p</O:p
    กายอันนี้ก็ไปตามเรื่องของกาย<O:p</O:p
    ใจก็เป็นตามเรื่องของใจ<O:p</O:p
    หมดเรื่องหมดราวกันที<O:p</O:p

    : bat: : bat: : bat: : bat: : bat: : bat: : bat: : bat: : bat: : bat: : bat: : bat: : bat:
    (จากหนังสือเทสโกวาท ๑00 ปี หลวงปู่เทศก์ เทสรังสี)<O:p</O:p
     
  10. kobporn

    kobporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    279
    ค่าพลัง:
    +782
    อนุโมทนาค่ะ เป็นความรู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่เพิ่มปัญญาให้ค่ะ
     
  11. เด็กอนุบาล

    เด็กอนุบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    689
    ค่าพลัง:
    +4,156
    “ข้าแต่พระบรมศาสดา ข้าพระองค์สู้สร้างบารมีมาช้านานนับได้ ๑ อสงไขยกับ ๑๐๐.๐๐๐ กัป ก็ด้วยตั้งใจจะได้ถวายบังคมพระบรมบาท”

    เด็กอนุบาลขอโมทนาสาธุในพระกตัญญูกตเวทิตา ของพระสารีบุตรที่มีต่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ ประโยคนี้กินใจเหลือเกิน
     
  12. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,129
    อ นุ โ ม ท น า ส า ธุ
     
  13. นางสาววาสนา

    นางสาววาสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +137
    อนุโมทนาสาธุคะ

    อยากให้ทุกท่านได้ตระหนักเกี่ยวกับพระสารีบุตร เมื่อศึกษาดูแล้วจะพบว่าท่านกล่าวเกี่ยวกับเรื่องราวและในโอกาสต่างๆ กันดังนี้

    เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวของท่านขณะบำเพ็ญสมณธรรม ท่านกล่าวว่า

    ผู้ใดสมบูรณ์ด้วยศีล สงบระงับ มีสติ คิดชอบ เพ่งพินิจธรรมอยู่เป็นนิตย์ ไม่ประมาท ยินดีอยู่กับการเจริญกรรมฐานในภายในตัวเอง มีใจมั่นคงอย่างยิ่ง อยู่ผู้เดียว ยินดีด้วยปัจจัยตามมีตามได้ นักปราชญ์ทั้งหลายเรียกผู้นั้นว่า ภิกษุ

    เกี่ยวกับการฉันอาหาร ท่านกล่าวว่า

    ภิกษุฉันอาหาร จะเป็นของสดหรือของแห้งก็ตาม ไม่ควรฉันให้อิ่มจนแน่นท้อง ควรมีสติฉันแต่พอประมาณ เมื่อรู้ว่าอีก ๔-๕ คำจะอิ่ม ควรงดเสียแล้วดื่มน้ำแทน เพราะฉันเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เพื่อความอยู่อย่างสบาย ของภิกษุผู้มีใจเด็ดเดี่ยว มุ่งมั่นต่อนิพพาน

    เกี่ยวกับความชั่ว ท่านกล่าวว่า

    ภิกษุผู้ไม่มีกิเลส แสวงหาความสะอาดอยู่เป็นนิตย์ ย่อมมองเห็นความชั่วเพียงเท่าปลายขนทราย ปรากฏเป็นของใหญ่เท่าก้อนเมฆในท้องฟ้า

    เกี่ยวกับชีวิตและความตาย ท่านกล่าวว่า

    ความเป็น ความตาย เราไม่ยินดี เราจักละทิ้งร่างกายนี้ไปอย่างผู้มีสติสัมปชัญญะ ความเป็น ความตาย เราไม่ยินดี เรารอแต่ให้ถึงเวลา คล้ายลูกจ้างรอให้หมดเวลาทำงาน ความตายนี้มีแน่ ไม่เวลาแก่ก็เวลาหนุ่ม แต่ที่จะไม่ตายไม่มีหรอก (deejai) (deejai) (deejai) (deejai)
     
  14. ราศีสิงห์

    ราศีสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    815
    ค่าพลัง:
    +2,118
    ธรรมะใดที่ท่านเปิดเผย ธรรมะใดที่ท่านเผยแพร่ นั่นแหล่ะคือพุทธธรรม
    ขอให้บุญกุศลทั้งปวงจงสำเร็จแก่ท่านในกาลทุกเมื่อเทอญฯ
     
  15. a_piyamart

    a_piyamart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +172
    อนุโมทนากับทุกๆ คนค่ะ
    ..................................
    ขอบคุณที่ให้ความรู้เพิ่มเติมนะคะ
     
  16. ตระกูลศักดิ์

    ตระกูลศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +1,371
    อ นุ โ ม ท น า ส า ธุ ด้วยครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  17. Oken

    Oken สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +20
    [b-wai] saathu!​
     
  18. Oken

    Oken สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +20
    saatana huora
     
  19. lasomchai

    lasomchai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +2,035
    ขออนุโมทนากับเจ้าของกระทู้และ
    ผู้ร่วมอนุโมทนาทุกๆท่านเป็นอย่างยิ่งครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
     
  20. CrazyD

    CrazyD สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +18
    เพิ่งรู้นะครับ อ่านไปน้ำตาคลอเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...