จะใช้เสียงดนตรีเป็นเครื่องภาวนาได้หรือไม่?

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย Toutou, 9 พฤษภาคม 2005.

  1. Toutou

    Toutou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2005
    โพสต์:
    1,455
    ค่าพลัง:
    +8,107
    จริตของดิฉันมีอยู่ว่า หากอยู่ว่างๆ หรือรู้ตัวเมื่อไหร่ ในหัวจะมีเสียงเพลงวนไปวนมาอยู่ในหัวตลอดเวลา เปลี่ยนเพลงไปเรื่อย ทั้งๆที่ไม่ค่อยได้ฟังเพลงเท่าไหร่ (ตอนเด็กๆฟังบ่อย แต่ตอนโตไม่ฟังแล้ว ขับรถไปทำงานยังไม่เปิดวิทยุฟังเลย ชอบเงียบๆ)

    เคยอ่านมาว่า ในการนั่งสมาธิโดยใช้คำบริกรรม (เช่นพุทธโธ ยุบหนอพองหนอ ...) ให้ใช้คำอะไรก็ได้ที่จิตเราฝักใฝ่อยู่ขณะนั้น เช่นคิดถึงคนๆไหน ก็บริกรรมชื่อคนๆนั้น คิดเรื่องบ้านก็บริกรรมว่าบ้านๆๆ จะทำให้จิตเราสงบได้ง่าย

    เลยกราบเรียนถามผู้รู้ว่าจะใช้เสียงดนตรีที่ได้ยินในหัวเป็นเครื่องภาวนาได้หรือไม่คะ มันจะยาวไปหรือปล่าว? [b-wai]
     
  2. ดวงแก้ว

    ดวงแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +259
    แล้วเป็นเพลงประเภทไหนจ้ะ

    แต่ที่สำคัญ ลองฝึกให้สติอยู่กับตัวมากขึ้น รู้ว่ามีสิ่งไหนเกิดก็ระลึกรู้ให้ทัน
    เมื่อเราตามทัน มันก็ไม่ล้ำหน้าเรา ถ้าเราตามไม่ทัน มันก็ล่วงหน้าเราไป
    วิ่งตามน่ะ มันหนื่อยนะ

    การใช้คำภาวนาเป็นเสมือนอุบายให้จิตเรามารวมตัวง่ายขึ้น ถ้าเราทำสิ่งไหน
    คำไหน แล้วจิตรวมตัวง่ายขึ้น ตั้งมั่นขึ้นก็ลองทำต่อไปดู แล้วทำให้เกิดความรู้สึกตัวทั่วพร้อมตลอดเวลา แต่ในช่วงขณะนั้น อย่าเปลี่ยนคำภาวนาบ่อยล่ะ ใช้คำไหนก็คำนั้น
    หากเราใช้มากคำ มากความ เราจะจับใจความสำคัญได้เหรอ หากคำน้อยๆเราก็ระลึกได้ง่าย
    จริงไหม๊จ้ะ
     
  3. Karz

    Karz Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2005
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +96
    เห็นด้วยกับคุณดวงแก้วครับ บางครั้งเวลาผมนั่งสมาธิแล้วมีเพลงอยู่ในหัว พยายามพุทโธเท่าไหร่มันก็ไม่หยุดร้อง ก็เปลี่ยนเป็นนั่งดูมันซะเลย จะร้องไปถึงไหนก็ใช้สติตามดูไปเรื่อยๆ ปล่อยมันร้องไปซักสิบนาทีก็สงบครับ ถ้ามีสติจะเห็นชัดเจนว่าตอนไหนหยุดร้อง ตอนไหนที่ความคิดเริ่มหยุดนิ่ง ตอนไหนที่ความคิดเราเริ่มเกิดแทรกขึ้นมา แล้วลองสังเกตุดูลมนะครับ ว่าเป็นยังไง ;)
     
  4. Toutou

    Toutou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2005
    โพสต์:
    1,455
    ค่าพลัง:
    +8,107
    ขอบคุณคุณดวงแก้ว กับคุณ Karz มากค่ะ

    เพลงที่อยู่ในหัวก็เป็นเพลงบรรเลงซะส่วนใหญ่ค่ะ เพราะชอบฟังแนวนี้มังคะ?
     
  5. nong0063

    nong0063 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +81
    อนุโมทนากับคุณKarz แก้ได้เหมือนครูบาอาจารย์ท่านสอนเลยครับ
    ท่านก็แนะนำแบบนี้ นั่งดูมันไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็หยุด ถ้ามันหยุดแล้ว จิตจะรวมตัวเข้าสู่ ความสงบอันล้ำลึก ใจอย่าไปดิ้นตามมัน
    .........หลวงพ่อฤาษี ท่านแนะในทำนองนี่ ครับ[​IMG]
     
  6. :-)

    :-) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2005
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +151
    ลองฟังเสียงธรรมในหัวข้อ
    "เสียงเพลงเป็นธรรม"
    โดย หลวงพ่อ ฤาษีลิงดำ
    http://www.palungjit.org/buddhism/audio/showthread.php?t=6
    ตามที่คุณสายน้ำบอกไว้นะครับ

    -----------------------------------------------------------------------------
    <TABLE id=AutoNumber5 style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#111111 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" background=../images/b_top.jpg border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=115>






    </TD><TD width=200>
    เสียงธรรมเทศนา

    เสียงสวดมนต์, บทเพลง และอื่นๆ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.palungjit.org/buddhism/audio/index.php
     
  7. Karz

    Karz Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2005
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +96
    ขอบคุณคุณสายน้ำครับ

    เห็นว่าคำตอบที่ผมตอบไปนั้นในกระทู้นี้หายไปครับ เลยมาโพสให้ดูใหม่ครับ



    จิตที่เจือด้วยกิเลสยิ่งเป็นสิ่งที่ต้องดูครับ ดูเพื่อกำหนดรู้ พอรู้แล้วก็จะเห็นเป็นของเกิดดับได้ครับ เรียกกว่าการผูกสติให้อยู่กับสภาวะธรรมเพื่อเป็นเครื่องรู้นี้เป็นโพชฌงค์ที่๑ เมื่อเรากำหนดดูไปเรื่อยๆ ก็จะเกิดธัมมะวิจยะคือความเข้าไปวิจัยพิจารณาในสภาวะธรรมนั้นๆ เป็นโพชฌงค์ที่๒ ผู้พิจารณาจะเห็นเอง ว่าเสียงที่ตัวเองฟังนั้น ไม่ได้คงอยู่ถาวรตลอดไป ถ้าหมดเหตุให้เกิดเสียง เสียงนั้นก็จะหายไป มันไม่เที่ยง เป็นอนัตตา ความพอใจในเสียงที่ทำให้อยากฟังก็จะลดลงไป เป็นการละกิเลส

    จิตที่เรียนรู้สภาวะธรรม รู้ทุกข์ และรู้จักปล่อยวาง ผมว่ามีประโยชน์มากกว่าจิตที่นิ่งๆ ไม่รู้จักละกิเลสครับ

    จริงๆแล้วผมไม่ค่อยอยากเฉลยเลยครับ ผู้ลองทำจะเห็นตามนี้เอง

    อ้อ... เหตุที่มันเป็นสภาวะธรรมเพราะว่า เพลงเป็นแหล่งรวมที่เต็มไปด้วยกิเลสครับ เสียงที่ทำให้เรายินดี ทำให้อยากฟัง นั่นเป็นตัณหา เสียงที่ไม่อยากฟังเป็นวิภวะตัณนา ถ้าฟังแล้วคิดตามแล้วไปยึดไว้ ก็เป็นภวะตัณหา ตัณหาเหล่านี้ เมื่อหูได้ฟังเสียงแล้ว เกิดเป็นผัสสะ ก็ทำให้เกิดโสตะวิญญาน เมื่อมีผัสสะ ก็ทำให้เกิดเวทนา แล้วก็นำไปสู่ อุปาทาน มาบำรุงตัณหาอีก ทำให้เกิด ภพ ชาติ ชรา มรณะ โศกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส

    ดังนั้นในการฝึกสติปัฏฐาน ท่านให้เอาสติจับทุกๆอย่างที่ผ่านเข้ามาหาเราครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...