อาจเป็น เดจาวู แม้มีคุณวิเศษขาด สติ ก็เพียงได้เห็น

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย 108man, 13 ธันวาคม 2007.

  1. 108man

    108man เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +1,794
    เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2550 ที่ผ่านมา ในขณะที่กำลังจะพาบิดาของข้าพเจ้า ที่กำลังหายใจไม่ออกไปโรงพยาบาล แต่เมื่อเข้าไปประคองท่านหงายขึ้น ท่านก็เหมือนหมดลมไป แม้จะพยายามปั้มก็ไม่อาจช่วยท่านเสียในมือผมก่อนที่จะได้พาไปโรงพยาบาล ก็ประมาณ 14.40 น. เมือไปถึงโรงพยาบาลก็ไม่อาจช่วยฟื้นท่านได้ ก็เป็นอันลงไว้ว่าท่านไปตอน 15.05 น. ด้วยอาการหัวใจล้มเหลว

    เมื่อย้อนกลับไปหนึ่งเดือน ในระหว่างที่สวดมนต์ที่บ้าน หรือ ระหว่างเดินทางไปทำงาน ก็มีประมาณ 4 - 5 ครั้ง ที่มันเกิด เป็นนิมิตร เห็นว่าเราได้จัดงาน ศพพ่อ ที่วัดใกล้บ้าน มีคนมาร่วมงาน มากเนื่องจากทั้งพี่น้อง ทำงานบริษัทใหญ่ ๆ ทั้งหมด คือเห็นภาพงานศพ แต่ทุกครั้ง ก็จะด่าตัวเอง ว่าเป็นลูกอกตัญญู คิดให้พ่อเสีย ทำได้อย่างไร ก็พยามสลัดภาพออกไป ทิ้งมันไปจากสมอง ก็จะทำอย่างนี้ทุก ๆ ครั้งไป แล้วก็มีความรู้สึกว่าเป็นคนบาป เหมือนว่าพ่อยังไม่เสียแต่คิดถึงแต่เรื่องพ่อเสียอยู่ได้ ตอนนั้นคิดว่าตัวเองบาปมาก ๆ ในใจลึก ๆ ไม่รักพ่อหรือไร เพราะพ่อท่าน แข็งแรงดี เป็นปกติ และเรื่องนี้ก็เก็บเอาไว้ในใจเพียงคนเดียวไม่ได้บอกใครเลย

    เมื่องานศพมาถึง มันก็เป็นเช่นภาพที่เราเห็น แม้ศาลาก็เป็นอันเดียวกัน พวงหรีด ก็ มีจำนวนและการจัดเรียง เหมือนกัน และ ก็มีคนมาเยอะมาก เกินความคาดหมาย เช่นเดียวกับภาพ ที่เคยเห็น

    เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้ เพื่อเป็นบทเรียนสำหรับท่านอื่น ๆ ที่มีคุณวิเศษ ใช้สติ พิจารณาสักนิด ให้ดีก่อนใช้ อารมณ์หรือเหตุผลทางโลกตัดสิน จนไม่อาจทำอะไรได้ อย่างน้อยถ้าผมเอะใจ ถึงรู้ว่าเลี่ยงไม่ได้ก็สามารถทำดีเพื่อพ่อให้มากที่สุด ในช่วงเดือนสุดท้ายที่เราอยู่กับท่าน เท่านั้นก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดี

    แล้วท่านละทำดีกับพ่อแม่ที่มีชีวิตอยู่ ให้มากที่สุดหรือยัง ผมรู้แต่ว่าผมน่าจะทำได้ดีกว่านี้ตอนที่ท่านอยู่ มันรู้ค่าจริง ๆ ก็ตอนที่ท่านจากไปนั่นแหละอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้

    แต่สำหรับท่านที่ทำบุญและสร้างบารมีได้มากได้ดีได้ตรงอันเป็นเจตนาดีต่อพระพุทธศาสนาแล้ว แม้ท่านจะไปแล้ว ท่านไม่มีโอกาศได้ทำบุญมาก ๆ ตอนที่ท่านอยู่ แต่บุญที่เราทำไป ก็สามารถไปเปลี่ยนภพภูมิให้กับท่านได้ จากบุญของเราโดยให้ท่านอนุโมทนา ซึ่งผมได้ทำแล้วมีอาจารย์และให้ท้าวเวสสุวรรณช่วยพาบุญไปให้ ทำให้ท่านได้ไป สุขติภูมิได้ มันเป็นไปได้นะครับ เหมือนมีการไปขอนำจิตวิญญาณท่านที่ผู้มาพาไปกำลังนำไปตามผลกรรม โดยพาท่านไปรอที่หนึ่งแล้วนำบุญช่วงที่เราทำทั้งก่อนหลังท่านเสียไปให้ท่าน รับรู้และอนุโมทนาก่อน พร้อมกับมีการสอนธรรมะให้ หลังจากนั้นจะตัดสินอีกครั้งหนึ่งว่าได้เปลี่ยนภพที่สูงขึ้นและไปไหน ท่านที่ไม่เชื่อก็ถือว่าเป็นเรื่องเล่าให้ฟังเป็นข้อมูลแล้วกัน

    เสียอีกอย่างที่จะบอก ผมเคย Post คาดว่าผมอาจจะตายในปีนี้หรือถ้าจะพ้นก็เดือนเกิดไปแล้ว แต่ กลับกลายเป็นคนในครอบครัว แสดงว่าเรื่อง แบบนี้ เป็นเรื่องที่รู้กันตรง ๆ ไม่ได้ ต้องมีพลังสติอย่างมากถึงจะเอะใจ หรือ ตีความได้ตรงกว่า คนอื่นเราช่วยได้ แต่ คนในครอบครับเป็นเรื่องที่ ยากจริง ๆ นี่แหละ ที่บอกว่า ทุกอย่างไม่มีความแน่นอน เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป

    ก็ขอเล่าเท่านี้ จริง ๆ มีลางและเรื่อราวที่คนได้บ้านได้รับ ให้รู้ก่อนเป็นเดือนแต่ไม่มีใครสนใจลางสังหรณ์เหล่านั้นเลย ...........

    ขอบคุณ ทุกท่านที่อ่าน

    และขอส่งบุญที่เกิดจากเรื่องราวดี ๆ เป็นประโยชน์ ที่ผมได้ Post ในเวปพลังจิตอันเป็นบุญกุศล และที่ได้ร่วม เงิน ทำบุญกับทุก ๆ ท่าน ผ่าน เวปหลังจิตนี้ จงถึงแก่ บิดาของข้าพเจ้า ในบัดนี้เทอญ

    อนุโมทนา สาธุ
     
  2. คีตเสวี

    คีตเสวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2007
    โพสต์:
    980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +750
    ขอแสดงความเสียใจด้วยครับที่ต้องเสียคุณพ่อไป
    บุญกุศลใดที่ข้าพเจ้าได้กระทำแล้วขอบุญกุศลนั้นนำให้คุณพ่อไปสู่สุขติภพด้วยเทอญ
     
  3. O๐.AnGle.๐O

    O๐.AnGle.๐O เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +861
    ~เดจาวู~

    ผมก็เคยเป็นครับ ผมว่าทุกคนก็ต้องเคยเป็น

    - เดจาวู คือ อยู่ดีๆ เราก็รู้สึกเหมือนว่าเหต์การณ์ใน ขณะนี้ เสี้ยววินาทีนี้

    มันเคยเกิดขึ้นแล้ว มันจะคุ้นๆ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว เหมือนเคยเกิดขึ้นมาแล้ว
     
  4. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,801
    ค่าพลัง:
    +7,939
    นึกไปนี้ เกิดสดๆต่อหน้าต่อตาก็มีเหมือนกัน

    ตอนนี้ทบทวนดู ก็แจ่ม เลยขอตั้งขอสังเกตุนะ

    ตอนที่เกิดแดจาวูสดๆ ขณะเราลืมตานี้ พยายามอย่าไปตกใจ ให้ทำความคิดให้นิ่ง ไม่พยายามหาความหมาย หรือ หาเหตุผล หรือ ตกอกตกใจ

    ทำไมนะเหรอ มันเหมือนกับการปฏิบัติธรรมนั่งทำจิตนุสติปัฏฐานไม่มีผิดเลย

    พอเจอสถานที่ หรือ เหตุอะไรใกล้เคียง เจ้าดวงจิต ที่ไม่ใช่ของเรา ที่เราคบคุมมันไม่ได้มันจะทำงานของมันเอง ไปรู้ ไปดู ไปเห็นอะไรของมันเอง โดยเหมือนเราถอยออกมาเป็นผู้ดู ( ตรงนี้แหละ เหมือนนั่งดูจิต )

    เรียกกันตามภาษาคือ จิตมันรวมลงไปที่จุดๆเดียว เล่นเอาแขนขาหาย ตัวลอยๆ โลกหมุนๆ อาการติ้วๆๆๆๆๆ ถ้าไม่เอาความคิดไปจับ มันจะทำงานต่อ ได้หลายขณะจิตเสียด้วย หลังจากเลิกแดจาวูก็จะเหนื่อยๆนะ ใครเคยเป็นลองนึกไปดูสิว่าเป็นแบบนี้ไหม ไตร่ตรองดูนะ ถ้าจะให้ดีตอนเกิดแดจาวูต้องลองพิสูจน์ดู

    ปล่อยไปจนกระทั่งเราเริ่มรู้สึกว่า ไอ้หย๋า กายก็ไม่ใช่เรา จิตก็ไม่ใช่เรา ถ้าปล่อยไปอีกสักครู่มีอาการจะอ๊วกนะ .... ( เราฝื้นอาการเทียบได้แค่นี้ )

    จะกล่าวว่าถ้าปล่อยไปอีกสักครู่นี้อะไรจะเกิดต่อหน้าต่อตาเรานี้ สงสัยยังพูดไม่ได้ เรายังไม่ได้เห็นจริง

    ใครที่ได้แดจาวูแบบลืมตานี้ ลองปล่อยกายปล่อยใจดูนะ ถ้าไม่กลัวตายนี้

    สงสัยว่าจะได้พบประสบการณ์ที่เป็นผลตอบแทนจากความเพียรมาแสนยาวนาน

    **** ตั้งเป็นข้อสังเกตนะ ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2007
  5. vibe

    vibe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    731
    ค่าพลัง:
    +3,146
    ผมเองก็เสียพ่อไปเมื่อไม่นานนี้ ผมไม่ได้ฝันหรือมีลางอะไรมาบอกเลย เเต่เเฟนผมฝันก่อนหน้าพ่อเสียไม่กี่เดือน
    การเสียพ่อไปเป็นการเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต เเต่พ่อก็ไม่ได้ไปปล่าว พ่อทิ้งธรรมะไว้ให้ผม สามข้อหลังจากท่านไป

    ข้อเเรก......."ทุกข์" ก้าวเเรกของ อริยสัจสี่
    ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยทุกข์ก่อนเสียพ่อ เเต่ผม "มัวเมา"กับทุกข์เเละสุขมาทั้งชีวิต จนเเยกเเยะไม่ออกมากกว่า
    หลังจากพ่อจากไป ผมเห็นทุกข์ชัดขึ้น ว่านี่คือทุกข์ ช่วงเเรกๆ ผมไม่มีอันจะทำอะไรเลย จนมีการพยายามที่จะนำธรรมมาคิด เพื่อให้ตัวผมเองพ้นทุกข์ตรงนี้
    เเละก็ได้พี่ websnow นำธรรมข้อนึงมาให้เห็นจึงโปล่งเเจ้ง เข้าใจ "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา"
    ไม่ใช่ผมจะไม่เคยอ่าน หรือศึกษามาเลย ผมเคย เเต่ตอนนี้รู้เเล้วว่า การอ่าน หรือการศึกษา จะเข้าใจระดับนึง เเต่พอมาเจอกับตัวเอง จะไม่เเค่เข้าใจ เเต่เรียกว่าซึมซับเข้าจิตจะดีกว่า

    ทุกข์ก็คือความเป็นธรรมดา เหมือนๆกับสุข เป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบเเล้วหลีกเลี่ยงมาตั้งเเต่เกิดเหมือนมนุษย์คนอื่นๆ ตอนนี้ผมไม่หลีก เเต่ผมหาสาเหตุที่มา เเล้วดับมัน ผมทุกข์ที่พ่อผมไม่อยู่ เพราะผมยึดติดว่าเขาเป็นพ่อ"ของผม" เขาต้องอยู่กับผม ตลอดกาล ทั้งๆที่ที่ผมเข็นเข้าเมรุคือขันธ์ของเขา ไม่ใช่เขา
    พ่อผมต้องไปต่อตามบุญกรรมที่เขาทำไว้ ร่างเขาไม่อยู่เท่านั้น เเละเขาก็คือพ่อที่ผมรักเเละนับถือตลอดไป เเต่ผมอยุดยึดเเล้ว เพราะนั้นคือบ่อเกิดของทุกข์นี้
    ผมกำจัดบ่อเกิด ผมก็ไม่ทุกข์

    ข้อที่สอง......เกิดเเก่เจ็บตาย
    พ่อผมไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า ออกกำลังกายเสมอ ไม่อ้วน เเต่มาเสียเพราะหัวใจล้มเหลวในสวนหลังบ้านผมในขณะที่เขามาทำสวน
    พ่อผมชอบใช้เวลาทำสวน ใช้เครื่องตัดหญ้า ปลูกโน้นนี่ สร้างห้องเก็บของ ทั้งบ้านท่านเอง บ้านผม เเละที่บ้านน้องสาว บางทีผมกลับบ้านมาจากทำงานก็เห็นรถท่านมาจอดอยู่หน้าบ้านเเต่ท่านอยู่หลังบ้าน ท่านถือว่าเป็นการออกกำลังกาย เเละผ่อนคลาย

    พ่อไม่เคยต้องเข้าโรงพยาบาล หรือมีปัญหาร่างกายหนักๆเลย เเต่อยู่ๆก็มาเสียไป
    เเล้วผมละ คุณละ เมื่อไหร่ วันนี้? พรุ่งนี้? อีก 2 อาทิตย์? 6เดือน? 5ปี? 15ปี? เมื่อไหร่? ผมไม่เคยคิดว่าการคิดถึงความตายเป็นการเเช่ง
    เเต่เป็นการทำให้เราตาสว่างมากกว่า อยุดประมาทกับชีวิต

    ชีวิตไม่เเน่นอนเพราะผมเเละคุณเองยังไม่รู้เลยว่าจะตายเมื่อไหร่ เเต่คือที่รู้ตายเเน่ๆ
    คนเราลงทุน มีความไม่เเน่นอนอยู่ ที่อาจจะทำให้ขาดทุนหรือเจ๊ง ยังไม่เสี่ยงทำเลย
    นี่ชีวิต ไม่เเน่นอน ผมมาหลงมัวเมามันทำไม ผมอ่านมาเยอะ เเต่พอมาเห็นมาเจอเอง มัน"ซึมซับ"จึงเข้าใจมากขึ้น

    ผมเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนา ไม่อย่างนั้นคงกำลังโพสผิดเว็บ ผมกราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    ผมเชื่อว่าตายไปเอาอะไรไปไม่ได้ นอกจากกรรมที่มีทั้งดีเเละไม่ดี บุญเเละบาป (ไอ้ตัวบาปนี้ไม่อยากได้เท่าไหร่)
    เกิดมาเพื่อเห็นธรรม เเละปฎิบัติให้หลุดพ้นจากการเกิด การจุติ เวลาที่เหลืออยู่ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าอีกนานเเค่ไหน "มันไม่เเน่นอน" ผมขอรักตัวเอง ผมขอเห็นเเก่ตัว ศึกษาปฎิบัติเพื่อหลุดพ้น เพราะผมจะดีจะเลว ตายไปผมก็ไปตามทางของผม ทำไมผมต้องมาคอยสนใจ ยุ่งกับคนอื่น เสียเวลา ยกเว้นก็เเต่หน้าที่บนโลกที่มีก็ต้องดูเเลต่อไปจนกว่าจะถึงจุดจบของมัน เป็นลูกที่ดีคอยดูเเลเเม่ เป็นพี่ที่ดีคอยดูเเลน้อง เป็นสามีที่ดีคอยดูเเลภรรยาเเละลูกๆ เป็นมิตรที่ดีต่อคนรู้จัก นอกนั้นผมไม่สน


    ข้อสุดท้าย..............ทุกอย่างบนโลกนี้ไม่มีอะไรเเน่นอน

    พอพ่อผมเสีย เพื่อนเอย คนรู้จักเอย มารุมทึ้งทรัพสินท์ บางคนไม่เจอกันเป็นสิบๆปี ก็โทรมา คุยเรื่องเงิน บอกว่าพ่อเคยติดค้างโน้นนี่ มาหาครอบครัว มาหวานใส่ผมเพราะรู้ว่าพ่อทิ้งทรัพไว้
    ผมน่าขยะเเขยง ไม่ใช่พวกเขาเเต่ความอยาก ความโลภต่างๆของพวกเขา ตรงนี้ทำให้ผมมองเห็นกิเลสของมนุษย์ได้ชัดขึ้น โดยเฉพาะเวลาที่มันเกิดกับตัวผมเอง เกิดในใจผม อ๋อ......นี่เหรอกิเลส.........จากเมื่อก่อน ผมอยากได้ ผมหา อยากมี ผมหา สนองมันเข้าไปเเต่ไม่สังเกตุมัน

    พ่อผมทิ้งเงินไว้เยอะพอสมควร เเต่ทำไมผมไม่เห็นค่าของมันเลย ไม่ต่างจากเงิน $2 ในกระเป๋าสตางค์ผม ไม่ต่างจากกระดาษธรรมดาเลย
    ผมกลับไม่ต้องการมัน เพราะการมาของมันเเลกด้วยชิวิตบิดาของผม สุดท้ายเงินก็เเสดงค่าที่เเท้จริงของมันมาให้ผมเห็น.......คือไม่มีค่าเลย ทั้งๆที่ผมยังไม่ทันตายที่จะรู้เลยว่า เงินไม่มีค่า เอาไปด้วยไม่ได้

    ผมก็ยังต้องทำงานหาเงินอยู่เพื่อมาเลี้ยงตัวเเละครอบครัว เพียงเเต่ว่า ตอนนี้ผมมองเงินต่างจากเก่า
    ไม่ใช่เเค่เงินเเต่ทุกสิ่งในโลก ไม่มีอะไรเเน่นอนเลยเเม้เเต่อย่างเดียว ผมมองมันเเต่งต่างจากเดิมหมด

    ถ้าผมได้ล่วงเกินท่านใดไปจากการโพสครั้งนี้ ผมขอขมากรรมล่วงหน้าไว้ด้วยนะครับ ขอให้ท่านอโหสิกรรมให้เเก่ผมด้วย เพราะการล่วงเกินท่านไม่ใช่เจตนาในการโพสครั้งนี้เลยเเม้เเต่นิดเดียว

    ผมหวังว่าโพสนี้ของผมจะช่วยผ่อนเบาความทุกข์ของผู้อ่านที่สูญเสียคนรักไป ให้มีกำลังใจต่อไป เเละหวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยกับผู้ที่ได้อ่านนะครับ
    ผลบุญที่เกิดขึ้นจากการโพสพูดคุยธรรมะ ซึ่งถือเป็นธรรมทานในครั้งนี้ ผมขออุทิศให้เเก่บิดาที่ล่วงลับไปเเล้วของคุณ 108manเเละบิดาที่ล่วงลับไปเเล้วของข้าพเจ้า ขอให้ท่านเเละบิดาที่ล่วงลับไปเเล้วของข้าพเจ้าได้รับบุญกุศลที่เกิดขึ้นทั้งหมดเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2007

แชร์หน้านี้

Loading...