ผมไม่รู้ว่าจะทำยังดีแล้วครับ

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย tadayoshi, 12 มีนาคม 2014.

  1. tadayoshi

    tadayoshi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +59
    เรื่องก็คือในชีวิตผมเกิดมาแบบไม่มีปัญหาด้าการเงิน พ่อเป้นข้าราชการมีหน้ามีตา แม่เป็นแม่บ้าน บ้านทีเราอยู่เป็นตึกแถว2 ชั้น 3 คูหา มรดกของแม่ พ่อก็มีบ้านอยู่อีกหลัง แล้วก็มีบ้านที่กรุงเทพของปู่ ย่า ตอนเด็กๆผมก็คุณหนูเลยล่ะครับ มีคนขับรถมีโน่นมีนี่อยู่แบบไม่ต้องกังวลปัญหาเรื่องเงินทอง พอ 5 ขวบ พ่อแม่เลิกกันแย่งเอาตัวผมไปอยู่ด้วย สุดท้ายตกลงกันไม่ได้ก็ให้ผมเลือก ผมก็เลือกอยู่กับแม่ครับ พร้อมน้องอีกคนึง หลังจากนั้นมารถรับส่งก็ไม่มี คนขับรถไม่มี ไปโรงเรียนก็ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์แม่ไป อยู่กินแบบลำบากมากขึ้น แต่ก็ยังมีควาสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน ช่วงแรกๆผมก็ยังได้เจอพ่ออยู่บ้าง แต่ทุกครั้งที่ไปเจอพ่อแม่จะไม่สบายใจทุกที หลังๆมาเพื่อความสบายใจของแม่ผมเลยไม่ไปเจอพ่ออีก จนผมขึ้นม.1 พ่อผมมาหาที่โรงเรียน จะเจอกันก็เจอกันที่โรงเรียน พอแม่รู้เข้าก็ไม่สบายใจอีก ผมเลยต้องเปลี่ยนเบอร์มือถือ เจอกันอีกทีก็ม.4 ที่เป็นอย่างนี้เพราะพ่อแม่ผมทะเลาะกันแรงมากขนาดว่าขึ้นศาลสู้กัน เจอกันแต่ล่ะทีก็จะมีเรื่องไม่ให้เจอกัน บางทีผมก็คิดนะว่าเค้าก็ยังติดต่ออยู่ได้ ไม่เกลียดผมไปแล้วเหรอ
    จนตอนผมจะจบม.6 เราต้องขายอาคารพาณิชย์มาใช้หนี้ แม่เหลือเงิน 3 ล้าน ไปซื้อบ้านอยู่ประมาณ 7 แสน แล้วก็ออกจากงาน เค้าบอกเหตุผลว่าเงินเดือนน้อย ตัวเองก็อายุ40 แล้วอยากพักใช้เงินบ้าง หลังจากนั้นบ้านเราก็มีแต่รายจ่ายไม่มีรายรับ อยู่มาได้ 4 ปี แม่บอกว่างเงินหมดแล้ว จะให้ผมไปอยู่กับพ่อ น่าจะดีกว่า ผมได้ยินอย่างนั้นรู้สึกเหมือนตัวเองเ็นลูกหมาเลย เค้าเลี้ยงเพราะเค้าต้องการ พอไม่มีเงินก็เฉดหัวไปอยู่กับพ่อ ผมไม่ได้ติดต่อ ไม่ได้คุย ไม่ได้โทรหาพ่อมา 5 ปีแล้วนะครับ จะให้ผมหน้าด้านไปขออยู่กับเค้าให้เค้าเลี้ยงต่อเหรอ ผมโกรธมากที่แม่ใช้เงินจนหมด ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเค้าไม่ใช้เงินสร้างตัว นอนอยู่เฉยๆไม่ทำอะไร ไม่คิดถึงผมถึงน้องบ้างเหรอ ไม่คิดถึงตัวเองบ้างเหรอ ว่าอีก 10 ปีข้างหน้าจะเป็นยังไง อยู่ไปวันๆ มีให้กินก็กิน ไม่มีก็ตาย ผมไม่อยากไปพึ่งพ่อที่ผมปฏิเสธไม่เจอหน้ามา 5 ปี แล้วก็ไม่อยากจะทิ้งแม่ทิ้งน้องตอนลำบาก ผมเลยต้องไปหางานทำตอนเรยีมหาลัยปี 3 งานแรกที่ได้ทำก็คือเสิร์ฟครับ ผมไม่ได้ดูถกอาชีพนี้ แค่ผมไม่ชอบแล้วก็ไม่คิดว่าตัวเองจะได้ทำ เงินเดือนก็ 5500 อยู่กันสามคนแม่ลูก ผมไม่เข้าใจเหมือกันว่าอยู่มาได้ยังไง บางวนองผมไม่มีเงินไปโรงเรียนต้องห่อข้าวไปกิน ต้องบอกเลยว่าชีวิตผมไ่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ผมโกรธแม่มากจริงๆ พอขายบ้านได้ก็ซื้อบ้านใหม่ที่เล็กลง เหลือเงินตั้งตัว 2 แสน แล้วก็เป็นช่วงที่แม่หางานได้ ผมก็ขึ้นปี 4 ได้งานแคชเชียร์โรงแรมทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยจนจบ เงินเดือน 12000 ก็ส่งให้เค้าเดือนละ 6000
    อยู่มาได้ปีกว่า เค้าก็บอกว่าเงินหมดอีกแล้ว ขายบ้านแล้วจะซื้อรถให้ เงินหมดอีกแล้วครับ ผมไม่เข้าใจว่าเค้าเอาไปใช้ทำอะไรหมดเหมือนกัน พอมีเรื่องนี้บ้านเราก็ทะเลาะกันทุกวัน แม่บอกเบื่อสายตาของผมทีมอง ถ้าผมพูดที่อยู่ในใจออกมาเค้าคงทนฟังไม่ได้หนีออกจากบ้านไปเลยมั้ง ผมก็ทำเต็มที่แล้วนะ ต่อให้ค่าใช้จ่ายในบ้านไม่พอก็ไม่น่าจะหมดเร็วขนาดนี้ 3 วันก่อนน้องผมคุยกับพ่อทางโทรศัพท์บอกว่ารู้ว่าผมเรียนจบแล้ว อยากให้ผมต่อโท กับเนติ พ่อจะส่งเสียเอง แต่ถ้าผมไป แม่คงติดต่อกับผมไม่ได้อีกแล้ว เค้าจะอยู่ยังไงผมก็ยังไม่รู้ ชีวิตเค้ามีแต่ผมกับน้อง ถ้าผมไป เค้าจะอยู่ได้มั้ย โดยเฉพาะไปกับคที่เค้าเกลียดที่สุด เค้าจะคิดว่าผมทิ้งเค้ามั้ย ตอนนี้เงินจะต่อเนติบัณฑิตผมยังไม่รู้จะหาจากไหมาเรียนถ้าไม่ขอพ่อ ผมละอายใจนะพอเดือดร้อนก็ต้องไปหาเค้าคนที่ผมไม่ได้เจอมา 5 ปี ยิ่งละอายหนักเข้าไปอีก ที่ทั้งที่ผมไม่ยอมเจอเค้าแต่เค้าจะส่งผมเรียนต่อ แล้วถ้าผมไปผมก็รู้สึกผิดกับแม่ที่อยู่ด้วยกัน 20 กว่าปี คิดไปคิดมาก็อยากร้องไห้ ไม่รู้จะทำยังไงดี แค่อยากระบายออกมาบ้าง ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ
     
  2. nannapas kulsritaiwong

    nannapas kulsritaiwong Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +29
    สิ่งแรกต้องตัดอดีตก่อน สิ่งที่ล่วงไปแล้วแก้ไขไม่ได้ โกรธ แค้น เคือง เสียดาย ก็เรียกทุกอย่างให้กลับคืนมาไม่ได้ ยิ่งจะทำให้ทุกคนไม่มีความสุข ทำวันนี้ให้ดีที่สุดพอ สิ่งที่ต้องคิดถึงตอนนี้คืออนาคตการเรียนของคุณกะน้อง พ่อยินดีส่งเสียคุณกับน้องก็เป็นเรื่องดีแล้ว แต่ทำไมต้องทิ้งแม่ด้วยละ เรียนด้วยและอยู่ดูแลแม่ต่อไม่ได้หรือ คุณเรียนจบแล้วช่วยเหลือตัวเองได้ แต่น้องคุณล่ะ

    พ่อยินดีที่จะส่งเสียคุณแสดงว่าที่ผ่านมาเขาไม่เคยถือโทษโกรธลูกตัวเองเลยที่ไม่ติดต่อเขา อย่าคิดมากซิ ทำดีกับพ่อ ตอบแทนความหวังดีกับพ่อตอนนี้ก็ยังไม่สายนะ เพราะพ่อคุณยังอยู่ให้ตอบแทน ส่วนแม่ อภัยให้เขาเถอะนะ คนอื่นเรายังยกโทษให้ได้ นี้แม่ผู้ให้กำเนิดเรานะ ทุกข์หรือสุขอยู่ที่ใจของเราค่ะ

    เก็บความโกรธ เกลียด เคียดแค้นไว้กับตัว ไม่เคยทำให้ใครมีความสุข ขอโทษนะคะ ดูตัวอย่าง พ่อกับแม่คุณซิค่ะ เขา 2 คน เก็บมันไว้กับตัวแล้วทุกคนในครอบครัวคุณมีความสุขกันไหม
     
  3. tadayoshi

    tadayoshi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +59
    ที่พ่อให้ผมไปคือไปเรียนกรุงเทพครับ น้องผมเค้าก็จะเอาไป ไปอยู่กับเค้าที่นั่น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะไม่ให้แม่เจอกับผม ถ้าอยู่กับพ่อไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะเอแม่ยากขึ้น แม่ผมเป็นคนจิตตกง่าย เผลอผมไปแค่ 2 อาทิตย์ก็คิดว่าผมทิ้งแล้ว ถ้าขายบ้านได้คงมีเงินเหลือได้ล้านนึง ถ้าแม่คนเดียวคงอยู่ได้ไปอีกไม่ต่ำกว่า 5 ปี ตอนนั้นผมคงพอตั้งตัวได้ ตอนนี้ขนาดผมส่งให้ 6000 ต่อเดือนยังไม่พอให้เค้าใช้เลย พุดตรงๆตอนนี้ผมไม่มีปัญญาที่จะทำให้บ้านอยู่รอดหรอกครับ

    ตอนที่ย้ายไปบ้านที่กำลังจะขาย ผมเชื่อว่ายังไงก็ต้องตัวได้ ยังไงก็ต้องรอด แต่ก็ซ้ำรอยเดิม เค้าไม่ให้เวลาผมตั้งตัวเลย มาบอกตอนเงินหมดทุกที ผมทำใจว่าเค้าอ่อนแอ เค้าเป็นผู้หญิง แต่เรื่องแย่ก็มาอีก มีผู้ชายที่ฐานะดีคนนึงมาชอบน้องผม แม่ก็พยายามพูดให้น้องรักผู้ชายคนนั้นให้ได้ น้องผมบอกยังไงก็ไม่ชอบ เค้าก็ถามว่าผู้ชายคนนั้นไม่ดีตรงไหน ผมว่าถ้าจะยกน้องให้ผู้ชายรวยคนอื่น เอาไปให้พ่อดูแลยังจะไว้ใจได้กว่าอีก เงินเก็บของน้องในบัญชีก็ไปถอนมาใช้ ทั้งๆที่กว่าจะเก็บได้ก็ยากแล้ว หลอกว่าเพื่อนขอกู้เงินให้ดอกร้อยละยี่สิบมีใครมีมั้ยเดี๋ยวได้คืน จริงๆก็พอขายบ้านได้แล้วจะคืนให้น่ะแหละ ไม่ได้หนักเข้าบอกว่าวันที่น้องเจอพ่อถ้าได้เงินมาแม่ขอยืมก่อน 5000 ทั้งที่ผมเพิ่งให้ไปวันี่ 5 ที่ผ่านมา

    คุณก็พูดถูกครับว่าความโกรธมันไม่ทำให้อะไรดีขึ้น ผมไม่ได้ทะเลาะกับแม่มาปีนึงแล้วหลังจากที่เราย้ายมา แต่เรื่องก็เกิดขึ้นอีก ซ้ำรอยเดิมไม่ต่างจากคราวที่แล้วเลย คราวนี้ถ้าเค้าไปอยู่คนเดียผมห่วงการใช้เงินของเค้าจริงๆ จะเหลือถึงตอนที่ผมพอจะดูแลเค้าได้มั้ย
    พ่อกับแม่ผมทะเลาะกันหนักมาก ชาตินี้เผาคงไม่เผาผีกันเลย ถ้าผมไปอยู่กับพ่อที่กรุงเทพแม่คงอกแตกตาย ผมไม่ได้จะทิ้งแม่ครับ แต่มีโอกาสที่เค้าจะคิดว่าผมทิ้งเค้า ทีนี้ที่อยู่ก็ไม่แน่นอน ถ้าแยกกันอยู่ผมอาจหาแม่ไม่เจอแล้วล่ะ
     
  4. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,940
    ท่านจขกท พึงทราบว่าความยากลำบากที่ท่านได้รับมาในอดีต นี้เป็นประสบการณ์ที่เพิ่มความแกร่งให้ท่านได้อย่างที่ไม่มีสถาบันศึกษาใดจะมอบให้ท่านได้ บุคคลผู้แม้ผจญทุกข์อย่างถึงแก่นก็สามารถกอบกู้ดูแลตนและแม่กับน้องมาได้จนถึงปัจจุบันนั้น นับว่าหาได้นากนักในโลกนี้ ท่านสมควรแต่ภาคภูมิใจในสิ่งที่ตนได้กระทำมาด้วยกำลังกาย กำลังปัญญาอันชนส่วนมากไม่อาจทำได้ แม้ใครๆที่ทราบเรื่องราวของท่าน ย่อมมีแต่ชื่นชมสรรเสริญในศักยภาพของการได้เกิดมาในอัตภาพของ"มนุษย์"เช่นท่าน...โดยส่วนเดียว...

    บุคคลเช่นท่านนี้ิ ย่อมไม่หวั่นไหวแม้จะเกิดปัญหาหนักหนาอื่นใดเ้ข้ามาในชีวิต เพราะผ่านประสบการณ์ยากไร้ที่ตนสามารถแก้ไขได้แม้ด้วยวัยน้อยด้วยความอดทน ..

    สำหรับความน้อยใจขุ่นใจในเเม่นั้น ขอให้ท่านลองเอาใจแม่มาใส่ใจตนดูบ้างเถิด ว่า ผู้หญิงที่ต้องเลิกรากับสามี..เข้าถึงปัญหาบ้านแตกสาแหรกขาดนั้น เธอต้องบากหน้าอาดูรในสังคมญาติแลภายนอกเพียงไรกับสถานะ"เป็นหม้าย" ในเวลานั้น ...ความเจ็บช้ำขมขื่นในใจเธอ มีมากเพียงไร ใครรู้้บ้าง?..และเธอยังต้องแบกภาระเลี้ยงลูกตามลำพัง มานาน ท่านจขกท เคยเห็นเธอนอนร้องไห้คนเดียวบ้างใหม?..มีใครปลอบใจเธอบ้างหรือเปล่า...?..ถ้าเธอไม่รักห่วงใยลูก เธอจะเลือกดูแลลูกคนเดียวทำไม?..ท่านจขกท มีชีวิตอยู่มาได้ ไม่ใช่เพราะแม่หรือ?..

    คิดถึงส่วนดีของแม่บ้างอาจลดความคิดงอแงน้อยใจแม่ลงบ้าง อย่างน้อยใจจะไม่เตลิดปรกปรำแม่จนถึงกับตกไปสู่พยาบาทวิตก เลิกเอาธุระในการดูแลแม่ตามที่ควรเสียอันจะเป็นสิ่งที่ไม่เป็นความสวัสดีแก่ตนเลย...บุญอันเลิศที่ท่านจขกท.ทำไว้ด้วยการส่งเสียแม่แม้ในยามที่ท่านยังศึกษาอยู่เป็นสิ่งที่ดีเลิศที่ท่านควรคิดถึงบ่อยๆ...ด้วยความปลื้มใจ..เพราะนี่คือมหากุศลที่ท่านทำแก่แม่ผู้ให้กำเนิดท่านมา..มีอานิสงค์มาก..

    หากและเมื่อพ่ออยู่ในฐานะที่พอจะส่งเสียเลี้ยงดูท่านได้ ท่านจขกท ก็ไม่พึงถือดีเอามานะมาเป็นเครื่อง ขวางกั้นเสีย อย่างหนึ่งคือ นี้เป็นส่วนที่พ่อจะได้ทำบุญด้วยการอุปการะลูกที่ท่านควรรับผิดชอบมาตั้งแต่แรกแล้ว..การเลี้ยงดูบุตรธิดาย่อมเป็นมงคลแก่ตนของพ่อ ใยท่านจขกท จะไปขวางมงคลเช่นนี้เล่า?..ส่วนตัวท่านจขกท เอง ก็ปรารภตั้งใจว่าเมื่อตนขวนขวายสำเร็จการศึกษา สามารถประกอบอาชีพมีรายได้แล้วจะทำการตอบแทนคุณแม่แลพ่อให้ได้ นี้ก็เป็นมงคลที่ตนทำได้ ไม่มีอะไรเสียหายเลย...

    เราทั้งหลาย ต่างมีกรรมเป็นของตน การที่ลำบากก็ไม่ใช่เพราะใครมาทำให้...ที่แท้ เราเองต่างหากประมาททำบาปกรรมมาไว้เองในอดีต จะเที่ยวโทษใครๆที่ใหนย่อมไม่ควร...บัดนี้เราได้เกิดมาในอัตภาพมนุษย์ จึงควรต่อบุญต่อไปด้วยการประพฤติศีลให้มั่นคง แม้ความบริบูรณ์สมปรารถนาย่อมมีได้ด้วยอานิสงค์นี้ ..

    ขอเป็นกำลังใจให้ท่านจขกท พ้นความลำบากใจเข้าถึงความสำเร็จในการศึกษาและกุศลกิจทั้งหลายด้วยความราบรื่นตลอดไป..
     
  5. tadayoshi

    tadayoshi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +59
    ขอบคุณ คุณ ddman มากครับ ขอบคุณจริงๆ ผมไม่ได้คิดมุมกลับ ไม่ได้นึกถึงใจแม่มานานมากแล้ว ผมส่งเงินให้เค้าแค่ ปีครึ่ง แต่เค้าเลี้ยงดูผมมา 20 กว่าปีคนเดียว เป็นความจริงที่ผมเคยคิดได้แต่ลืมไปครับ ส่วนพ่อ ถ้าเค้าเต็มใจจะส่งเสียผมก็ไมน่าดื้อรั้นไม่รับความหวังดีจากเค้า ขอบคุณมากๆครับ
     
  6. Snow_Princess

    Snow_Princess เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +219
    ไม่คิดจะลองเปิดใจคุยกับแม่บ้างหรอคะ อาจจะถามแม่ก่อนก็ได้ว่าคิดอย่างไรอยู่ ณ ตอนนี้ และเราเองก็คิดอย่างไร
     
  7. tadayoshi

    tadayoshi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +59
    ตอนนี้แม่เลี่ยงไม่เจอหน้าผมครับ ผมกลับบ้านมาก็ไม่เห็นหน้าเค้าจนหลับ กลับมาดึก 6 ทุ่มตลอด คงไม่อยากทะเลาะกันครับ ตอนที่หนักจริงๆคืออาทิตย์ก่อนผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองลงตั๋วทนายไม่ทันแล้วเพราะปิดรับสมัคร ต้องช้าไปอีกปี เจ็บใจตัวเองมาก ผมเองถ้าไปกรุงเทพตอนนั้นเงินที่เก็บไว้ฉุกเฉินจะหมด มีแค่ค่าตั๋ว แต่ค่าสมัครสอบไม่มี เครียดมากแล้วแม่ก็หงุดหงิดเหมือนกัน พอคุยกันเข้าหน่อยก็ทะเลาะกันแล้ว จนตอนนี้ยังไม่เข้าทีเลยครับ เป็นอาทิตย์แล้ว วันศุกร์นี้ผมจะไปหาพ่อ คงจะคุยกับแม่หลังจากนั้น
     
  8. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,248
    ค่าพลัง:
    +68,026
    เท่าที่อ่านดู คุณเท่านั้นที่รู้ว่าอะไรมันควรจะเป็นยังไง

    เรื่องการเงิน คุณเองต้องรัดกุมให้มากขึ้นสักนิด ขอให้ลองสอบถามดีๆนะคะว่าคุณแม่มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

    จะได้ประมาณการได้ถูก เพราะคุณแม่ก็ต้องรับรู้ด้วยว่าเงินรายได้มาจากไหน มีเท่าไหร่

    ที่มาที่ไป มันต้องมีค่ะคุณ ส่วนที่ว่า พ่อกับแม่มีปัญหากันนั้น

    ไม่ยอมให้คุณเจอคุณพ่อ ทำยังไงได้คะ หากจำเป็นจริงๆ

    เราก็ต้องไปขอความช่วยเหลือค่ะ ถ้าคุณพ่อยังอยู่ในฐานะที่พอจะช่วยคุณได้

    เราขอความช่วยเหลือจากพ่อ ดีกว่าไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นนะคะ

    สำหรับทางคุณแม่ แม้ว่าท่านจะหลบหน้าคุณ แต่อย่างไรเสีย คุณควรจะแสดงความห่วงใยถามไถ่
    หาอะไรให้ท่านทานบ้างเพื่อให้ลดความตึงเครียดที่มีต่อกันค่ะ

    และอีกอย่างคุณแม่คุณอาจจะมีความเครียดสะสมค่ะ เพราะท่านลำบาก สู้คนเดียวมาตลอด

    คุณลองหาอาหารเสริม วิตามิน ตัวที่ช่วยคลายเครียดมาให้ท่านทานก็ดีนะคะ

    แม่ลูก ตัดกันไม่ขาดหรอก เราเป็นลูกต้องเข้าไปหาก่อนค่ะ

    งดพูดโต้เถียงเสียเถอะ ถ้าทำได้ เพราะคุณรู้ดีอยู่แล้วว่าอะไร ควรจะเป็นไปแบบไหน

    เถียงกันไปก็ไม่จบค่ะ เพราะคุณแม่กับคุณ คิดต่างกันค่ะ

    ขอให้คุณเดินหน้าทำในสิ่งที่คุณคิดว่าควรทำ แต่ไม่แสดงความขัดแย้ง

    เรายืนยันในการทำ เพื่อให้เกิดผลดี กับชีวิตความเป็นอยู่ค่ะ

    หากไม่ทำอะไรเลย เราจะไม่รอดค่ะ ขอให้ใช้ความสงบเยือกเย็นเข้ามาจัดการเรื่องนี้นะคะ

    การมีความร้อนต่อกัน ไม่เกิดผลดีค่ะ

    เอาใจช่วยคุณนะคะ ขอให้เรื่องนี้ค่อยๆคลี่คลาย ให้เกิดความสุขสงบกลับมาโดยเร็วค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2014
  9. Tawan1990

    Tawan1990 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +320
    เข้ามาอ่านครับ เข้าใจความรู้สึกเจ้าของกระทู้เลย
    แต่ก็ไม่รู้จะแนะนำอย่างไรดี เพราะเรื่องตัวเองก็ยังเอาตัวไม่ค่อยจะรอด
    แต่ขอเป็นกำลังใจให้ผ่านพ้นเรื่องราวและอุปสรรค ไปด้วยดีนะครับ
     
  10. tadayoshi

    tadayoshi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +59
    ผมคุยกับแม่แล้วครับ น้องเล่้าให้แม่ฟังก่อนแล้วถึงได้คุยกัน

    แม่บอกว่าแม่ดีใจที่ผมมีโอกาสได้เรียนป.โท เพราะแม่ผมส่งผมไม่ได้แล้ว บอกว่าดีใจแต่ดูหน้าก็รู้ว่าเศร้า

    ผมไม่เคยจากแม่ไปนานเป็นปี แล้วก็ไปอยู่กับพ่ออีก ผมเป็นความหวังของแม่ถึงจะบอกว่ารักผมกับน้องเท่ากัน แต่ผมรู้ยังไงแม่ก็รักผมมากที่สุด

    ใจจริงผมก็ไม่อยากไป แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อ เงินเค้าคงจะหมดเร็วขึ้น ถ้าผมเรียนป.โทจบ ผมสร้างตัวดูแลเค้าได้ ไม่อยากไปก็ต้องไป ผมรักแม่มากนะครับ คิดว่าจะไำปแต่ยังไม่ทันได้ไปก็น้ำตาไหลแล้ว ผมเป็นความหวังเดียวของแม่ ที่ไปก็เพื่อหาทางทำให้ครอบครัวดีขึ้นเท่านั้น
     
  11. comfx22

    comfx22 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2011
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +234
    คิดว่ากำลังผ่านช่วงทุกข์ยากในชีวิตช่วงสั้นๆ ต่อไปถ้ามีความลำบากมากกว่านี้ก็ต้องทนได้ ขอแค่มีธรรมมะในหัวใจ พอมีชีวิตที่สบายช่วงสั้นๆก็ไม่ประมาท ถึงยามป่วยไข้ ล้มหายตายจากใจก็ยังเป็นสุขได้ ฝึกเอาไว้ครับ.
     
  12. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,666
    ค่าพลัง:
    +6,165
    ส่งเงินให้แม่ทุกเดือน
    มีปัญญาให้ได้แค่ไหนก็แค่นั้น
     
  13. ฅนล้านนา

    ฅนล้านนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    264
    ค่าพลัง:
    +1,000
    เป็นความคิดที่น่ารักมากครับ ขอโมทนาเลย
     
  14. karag

    karag Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2008
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +41
    พ่อแม่แยกกันผมอยู่กับพ่อ แม่อยู่กับพี่ผมเรียนกฎหมายไม่จบ แต่ไม่มีใครว่าผมเลย ผมก็ทำงานไปอยู่กับพ่อพร้อมแฟนใหม่ของพ่อ อดีตนั้นทุกข์มาก ใช้ธรรมะเข้ามาอบรมใจจนตอนนี้ ต้องขอบอกว่าพ้นทุกข์ได้เพราะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จริงๆ
    ทุกข์มันไม่เที่ยงครับมันหายได้ จิตเราทนมันมานานมากแล้วขอให้พบความสุขที่แท้จริงครับ
     
  15. tadayoshi

    tadayoshi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +59
    จากใจจริงเลยปกติแล้วผมไม่เคยใช้ธรรมะเพื่อให้พ้นทุกข์ จริงๆแล้วผมก็แค่คนธรรมดาที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้ชาย เป็นเพศที่เข้มแข็ง มีหน้าที่ดูแลปกป้องครอบครัว เป็นสิ่งติดตัวมาแต่เกิด ที่ผมเลือกอยู่กับแม่เพราะรู้ว่าแม่ไม่มีใคร ไม่มีลูกแล้วจะไปพึ่งใครได้ ทีนี้พอเจอเรื่องที่ทำให้รู้สึกว่าผมไม่สามารถรักษาบ้านได้ ดูแลครอบครัวไม่ได้ ก็เลยรู้สึกแย่ไปชั่วครู่ ที่จริงเรื่องที่ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องดูแลแม่กับน้อง ผมคิดได้ตั้งนานแล้วก็ลงมือทำตั้งแต่ไปทำงานเสิร์ฟแล้วครับ ถ้าแม่ไม่ไหวผมจะเป็นคนดูแลครอบครัวเอง

    แต่เอาตามความจริง เรื่องที่ผมเล่ามันเพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน ผมรู้สึกเหมือนมันซ้ำรอยเดิม ที่ตัวเองบอกว่าจะรักษาบ้านไว้ก็ทำไม่ได้ ดูแลครอบครัวให้อยู่รอดก็ไม่ได้ จิตใจผมเลยย่ำแย่ไม่อยากเล่าให้คนรู้จักฟังก็เลยมาระบายปัญหาชีวิตในบอร์ดนี้เผื่อจะมีความคิดดีๆอะไรทำให้ใจผมสู้ขึ้นได้บ้าง แล้วก็ได้จริงๆ

    เรียนกฎหมายเพื่อเป็นผู้พิพากษาเป็นความฝันผมครับ ผมอาจยังไม่มีวาสนากับทางธรรมตอนนี้เลยยังปลงไม่ตก และคงปลงอะไรไม่ได้อีกนานจนกว่าจะทำฝันสำเร็จ ถ้าผมทำฝันไม่ได้ต่อให้ไม่มีใครว่าก็มีคนนึงล่ะครับที่ต้องตำหนิผม ตัวผมเองนี่แหละ

    ตอนนี้ก็ดีเต็มร้อยแล้วครับ ผมไม่อยากจะโทษใครกับเรื่องที่เกิดแล้วครับมันเหนื่อย ได้แต่เดินหน้าต่อ เพราะผมก็มีสิ่งที่ต้องทำ

    ขอบคุณ คุณ ddman อีกครั้ง เมื่อวานที่พิมไปคงเพราะขาดสติ เอาแต่โทษแม่ ไม่ได้คิดถึงใจแม่เลย ขอบคุณที่ทำให้ผมนึกความรู้สึกนั้นได้ครับ ว่าที่ผมทำมาจนถึงทุกวันนี้เพราะไม่อยากให้แม่ลำบาก ไม่อยากให้เค้าตาย เพราะผมก็รักเค้ามากเหมือนกัน
     
  16. tharathan

    tharathan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    816
    ค่าพลัง:
    +7,128
    เป็นกำลังใจให้ คุณ tadayoshi อีกแรงหนึ่งค่ะ ให้ผ่านพ้นปัญหาอุปสรรคนี้ไปให้ได้
    คิดซะว่า ปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น เป็นตัวทดสอบจิตใจของเรา
    ทุกคนมีกรรมของตนเอง และล้วนเกิดมาเพื่อชดใช้กรรม
    ถ้าเราผ่านไปได้แล้ว เราก็จะเข้มแข็งขึ้น และเกิดความภูมิใจในตัวเอง
    และทั้งคุณพ่อ คุณแม่ และน้อง ก็คงจะภูมิใจในตัว คุณ tadayoshi เช่นกันค่ะ
    ที่เป็นลูกที่ดี กตัญญูต่อพ่อแม่ และเป็นพี่ที่ดี ที่ห่วงใยและดูแลน้อง

    พระพุทธเจ้า ตรัสรู้ ทางแห่งความพ้นทุกข์ คือ การเลือกเดินทางสายกลาง
    คุณ tadayoshi ลองเลือกทางที่พอดี ทั้งต่อตัวคุณพ่อ คุณแม่ น้อง
    และที่สำคัญ คือ ต่อตัวคุณ tadayoshi เอง น่าจะเป็นทางที่ดีค่ะ

    tharathan และทุกๆท่านเป็นกำลังใจให้นะคะ
     
  17. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,940
    ท่านจขกท พึงทราบว่า ทุกคนในโลกต่างปฏิบัติธรรมกันทั้งนั้น ต่างกันตรงที่ว่าใครจะปฏิบัติธรรมดีหรือธรรมเลวเท่านั้น..

    ข้อความข้างบนที่high lightไว้คือสิ่งที่แสดงว่า ท่านจขกท กำลังเพียรในการปฏิบัติธรรมอันดีเลิศที่เรียกว่า"กตัญญูกตเวที"อยู่..คนที่มีอายุคราวเดียวกับท่านมากเป็นร้อยล้านบนโลก ที่จะคิดเช่นท่านได้นั้นคงมีเพียงเล็กน้อย ..บางรายนอกจากไม่เอาธุระจะเลี้ยงดูพ่อแม่เเล้ว ยังถึงกับล้างผลาญจนเสียหายถึงที่สุดน่าสังเวชนัก ..ท่านจขกท พึงทราบว่า ท่านไม่ใช่เพิ่งจะมารู้สึกคิดกตัญญูแม่เฉพาะในชาตินี้หรอก แต่เคยสั่งสมอุปนิสสัยในการรู้คุณและคิดตอบแทนมานับชาติไม่ถ้วนแล้ว อุปนิสสัยเช่นนี้จึงมีกำลังปรากฏขึ้นได้....เพราะได้ปัจจัยจากความแร้นแค้นที่บีบคั้นในปัจจุบันเป็นตัวกระตุ้น..

    ท่านพึงภูมิใจในคุณความดีหรือมงคลธรรมที่ตนมีและได้มานี้ ทั้งการกระทำในปัจจุบันย่อมเป็นการสั่งสมสันดานที่ดีเช่นนี้สืบไป ท่านย่อมรักษาตนไว้ในความสวัสดีเพราะธรรมเช่นนี้แน่นอน...



    บุคคลผู้ฉลาด แม้ตนเข้าถึงความทุกข์และแก้ไขด้วยตนไม่ได้ ย่อมคิดหา"กัลยาณมิตร"หรือบัณฑิต เพื่อหาทางแก้ไขสถานการณ์ที่ตนแก้ไม่ตก แม้นี้ก็แสดงความเป็นผู้มีธาตุแห่งปัญญามากที่ท่านจขกท สั่งสมมาดีมากเช่นกัน ชนที่อายุน้อยเช่นท่านส่วนมากนิยมแก้ทุกข์ด้วยวิถีทางแห่งความบันเทิงหรืออบายมุขทั้งหลาย..ไม่อาจเข้าใจสาระแห่งข้อธรรมที่เป็นเครื่องแก้ทุกข์โดยตรง เขาย่อมไม่แสวงหาสาระนั้น แต่ท่านจขกท เป็นผู้สั่งสม"ความฉลาดคิด"(โยนิโสมนัสสิการ)มาดีมาก...จึงได้พบข้อธรรมที่ดีได้จากที่นี้..

    ท่านพึงทราบว่า นี้ย่อมไม่ใช่ความบังเอิญเลย เพราะไม่มีความบังเอิญจริงๆในที่ใหนในจักรวาล สรรพสิ่งล้วนเกิดได้เพราะ"มีเหตุปัจจัย"ประชุมกัน เท่านั้น สิ่งใดเกิดเองได้แบบไม่มีปี่หรือขลุ่ยจึงไม่มีเลย..ความรู้เช่นนี้มีพระพุทธเจ้าเท่านั้นทรง"ค้นพบ"ได้ด้วยพระองค์เอง หาได้"แต่งขึ้นเองเพราะชอบใจไม่..


    [QUOTE=tadayoshi;8855704]...เรียนกฎหมายเพื่อเป็นผู้พิพากษาเป็นความฝันผมครับ ผมอาจยังไม่มีวาสนากับทางธรรมตอนนี้เลยยังปลงไม่ตก และคงปลงอะไรไม่ได้อีกนานจนกว่าจะทำฝันสำเร็จ ถ้าผมทำฝันไม่ได้ต่อให้ไม่มีใครว่าก็มีคนนึงล่ะครับที่ต้องตำหนิผม ตัวผมเองนี่แหละ...[/QUOTE]

    ท่านจขกท ปลงใจที่จะดูแลครอบครัวนั้นเป็น"การปลง"ที่ถูกต้องที่สุดครับ ถ้าว่าท่านเกิด"ปลงตก"แบบปล่อยทิ้ง ไม่เอาธุระ นี่เรียกว่าปลงตกแบบบอดเขลาเป็นเรื่องของคนที่เกิดมาเพื่อฉลาดเท่าเดิม จะเจริญได้อย่างไร ในเมื่อกุศลขั้นพื้นฐานของมนุษย์ยังทำไม่ได้...

    ส่วนความคิดมั่นหมายว่าหากท่านจขกท ทำไม่สำเร็จตามฝันแล้ว ท่านจะตำหนิตนเองนั้น ใคร่กล่าวว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเลย...ข้อนั้นเพราะเหตุไร..เพราะในความเป็นจริงไม่มี
    ครอาจสามารถควบคุมบังคับบัญอะไรๆได้อย่างแท้จริง แม้สิ่งใครๆหมายฝันสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่ก็ใช่ว่าจะต้องสมหวัง ฝันกลายเป็นจริงตลอดเวลาเพราะเงื่อนไขต่างๆที่เกี่ยวข้องไม่อยู่ในอำนาจควบคุมของใครอย่างแท้จริง ...

    นี่ก็เป็นความจริงในธรรมชาติที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบแล้วนำมาบอกสอน เรียกโดยศัพท์ธรรมะว่าเป็นสภาพ"อนัตตา" ..ดังนั้น ท่าทีที่จะหมายมั่นว่าสิ่งนี้นั้นต้องเป็นอย่างนี้อย่างเดียว จึงเป็นท่าทีที่ไม่ถูกต้อง มีแต่สร้างความกดดันหนักใจแก่ตนอย่างยิ่ง ...โดยเฉพาัะหากรูปการณ์ออกมาในลักษณะที่ไม่เป็นไปตามคาดแล้ว อาจถึงกับผิดหวังจิตตก เข้าถึงอาการช็อค แทบบ้าหรือเสียสติไปก็มีให้รู้เห็นมากมายในสังคม..

    ทางที่ดี ท่านจขกท สามารถมุ่งมั่นว่าตนจะใช้ความเพียรเต็มกำลัง ให้ดีที่สุดในการกอบกู้ฐานะและเลี้ยงดูแม่กับน้อง เมื่อตนพยายามเต็มที่แล้วหากไม่สำเร็จ จะโทษตนได้อย่างไร ในเมื่อตนไม่สามารถควบคุมบันดาลอะไรๆได้ตามใจปรารถนา ถึงเวลานั้น การปลงวางว่า กำลังของบาปกรรมทั้งหลายในอดีต อาจยังแรงอยู่ ต้องแก้ไขด้วยความอดทนเเละเจริญกุศลมีการรักษาศีลให้มั่นคงและไม่ท้อแท้เสียในระหว่าง..การก่นด่าตำหนิตนไรๆหาใช่เรื่องของคนมีปัญญาไม่ ทั้งเป็นความเสียเวลาบั่นทอนกำลังใจโดยใช่เหตุ..รู้จักตน เห็นคุณค่าในตนได้ย่อมไม่ตกต่ำ ถ้าเราไม่่ทราบคุณค่าตนตามจริง จะให้แมวที่ใหนมาเห็น จริงใหม?

    ดังนั้น วางท่าทีใหม่ให้ถูกเสียแต่บัดนี้ ย่อมไม่สาย....



    [QUOTE=tadayoshi;8855704]....ตอนนี้ก็ดีเต็มร้อยแล้วครับ ผมไม่อยากจะโทษใครกับเรื่องที่เกิดแล้วครับมันเหนื่อย ได้แต่เดินหน้าต่อ เพราะผมก็มีสิ่งที่ต้องทำ....[/QUOTE]


    นี้เป็นความคิดของบัณฑิตโดยแท้ ขอชื่นชมอย่างยิ่งครับ:cool::cool::cool:

    อนึ่ง ใคร่ขอแนะนำสิ่งที่ดีเลิศยิ่งกว่าอื่นใดในโลกให้ท่านจขกท พยายามขวนขวายหาโอกาสแสวงหามาครอบครองนั่นคือการสดับศึกษาพระธรรมของพระพุทธเจ้า เพราะนี้เป็นสิ่งเดียวที่จะนำปัญญาในการแก้ไขทุกข์ประดามีในโลกมาสู่ตน เว้นจากพระธรรมของพระพุทธเจ้าแล้ว การแก้ทุกข์ไม่อาจมีได้จริง เป็นได้แต่การเปลี่ยนอารมณ์ไปชั่วคราวเท่านั้นซึ่งไม่ใช่การแก้ทุกข์แท้จริงอะไร...ค่อยๆสะสมไปเท่าที่โอกาสอำนวย ไม่นาน ท่านจะสามารถแก้ปัญหาของตนได้เองโดยไม่ต้องพึ่งคนอื่น..คนที่ทราบและประพฤติตามพระธรรมย่อมมีตนเป็นที่พึ่งของตนได้ในที่สุด..

    ไม่มีคำสอนในลัทธิอื่นที่สอนใครให้พึ่งตนเอง มีแต่สอนให้พึ่งอย่างอื่นนอกตัว อันเป็นวิถีทางของการไม่มีอิสระ เฉพาะพระพุทธศาสนาเท่านั้นสอนคนให้เป็นอิสระ อย่างถึงที่สุด คือเป็นอิสระแม้จากตนเอง!..น่าอัศจรรย์นัก!

    เป็นกำลังใจให้ครับ..
     
  18. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    อ่านแล้วอิ่มเอมใจค่ะ กัลยาณมิตรในนี้ช่างจิตใจงามประกอบด้วยปัญญาที่ล้ำเลิศค่ะ ..ขอเป็นกำลังใจให้น้องจขกท.สู้ต่อไปค่ะ ที่น้องสู้มาทั้งหมดก้อเยี่ยมมากแล้วค่ะ ขอแค่ต้องเดินต่อค่ะ ลองค่อยๆแก้ไปทีละอย่าง ลองแยกปัญหาแต่ละอย่างออกจากกันค่ะ ..ปัญหาสำคัญตอนนี้คือเรื่องเงินนะ เรื่องครอบครัวต้องปล่อยวางไปอย่าไปคิดมาก ทำหน้าที่ลูกอย่างที่น้องทำน่ะประเสริฐแล้ว อนุโมทนาสาธุค่ะ
     
  19. phank

    phank เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2008
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +1,278
    เป็นกำลังใจให้ครับ คุณ tadayoshi
    คุณเข้มแข็งและอดทนดีครับ
    เป้าหมายชัดเจน ตั้งใจให้ดี และทำให้ถึงที่สุด
    แต่อย่าผลีผลามใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ ตั้งสติ และตัดสินใจด้วยเหตุและผล
    โชคดีครับ
     
  20. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,631
    สิ่งที่คุณทำอยู่นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรม นั่นคือ กตัญญุตา
    เป็นความดีพื้นฐานในหลักธรรมของการครองเรือน เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมแล้ว
    หลักธรรมทางพุทธศาสนามีทั้งแบบครองเรือนและแบบนักบวช
    ลองหาอ่าน คิหิปฏิบัติ ดูแล้วจะเข้าใจ


    เรื่องของการใช้เงินเปลือง คงต้องคุยกันอย่างจริงจัง
    ลองให้ทำบัญชีการใช้จ่าย แล้วช่วยกันดูว่าอันไหนจำเป็น
    อันไหนสิ้นเปลืองไม่เกิดประโยชน์เป็นไปเพื่อรักษาหน้ารักษาสถานะทางสังคม
    สิ่งใดควรตัด สิ่งใดควรเพิ่ม คุยกันให้เข้าใจ ชี้แจงให้กระจ่าง
    คุณเรียนมาทางเนติ คงจะมีคำพูดที่เป็นเหตุเป็นผลพึงเชื่อได้

    อีกอย่างความในใจของคุณที่ห่วงเรื่องการใช้เงินของคุณแม่ที่เป็นห่วง
    ถ่วงคุณเอาไว้ไม่ให้ตัดสินใจไปเรียนต่อก็คุยซะ บอกให้รู้
    ถ้าลดปัญหาเรื่องการใช้เงินเปลืองได้ก็คงไม่มีปัญหา

    เป็นกำลังใจให้ครับ หวังว่าคงผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
     

แชร์หน้านี้

Loading...