พระพุทธเจ้าจะไม่ทรงห้ามและอนุญาตในสิ่งนี้

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Samarnl, 19 มีนาคม 2014.

  1. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    เป็นประเพณีของอัครสาวกที่จะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน

    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บัดนี้ข้าพระองค์จะสิ้นอายุแล้ว
    การที่ข้าพระองค์จะได้กลับมาถวายอภิวาทพระยุคลบาทของพระองค์อีกนั้น
    เป็นอันไม่มีอีกแล้ว การถวายอภิวาทครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายพระเจ้าข้า
    ชีวิตของข้าพเจ้าเหลือน้อยแล้ว

    เมื่อนับล่วง ๗ วันนับจากวันนี้ไป ข้าพระองค์จะทอดทิ้งร่างกาย
    ที่เหมือนการวางของหนัก พระเจ้าข้า ขอพระพุทธเจ้าจงทรงอนุญาต
    แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด เวลานี้เป็นเวลาที่ข้าพระองค์จะปรินิพพาน
    ข้าพระองค์ได้สละอายุสังขารแล้ว พระเจ้าข้า

    คำกราบทูลลาปรินิพพานของพระอัครสาวกนั้น
    พระพุทธเจ้าทั้งหลายจะไม่ตรัสวาจา ๒ อย่างนี้ คือ

    ถ้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายตรัสว่า "เธอจงปรินิพพานเถิด"
    พวกมิจฉาทิฏฐิจะกล่าวติเตียนได้ว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลายสรรเสริญความตาย

    ถ้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายตรัสว่า "เธออย่าปรินิพพานเลย"
    พวกมิจฉาทิฏฐิจะกล่าวติเตียนได้ว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายสรรเสริญคุณแห่งวัฎฎะสงสาร

    ด้วยเหตุนี้พระพุทธเจ้าทั้งหลายจึงตรัสขึ้นว่า
    ดูก่อน เธอจะปรินิพพานที่ใด และอนุญาตแสดงธรรมอภินิหารแก่ภิกษุทั้งหลายก่อนเถิด
     
  2. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ที่พุทธองค์ไม่กล่าวแนยๆว่าจงไปเถิดจงอยู่เถิด
    เพราะ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความตายได้
    สาวกมาลา ไม่ได้มาขออนุญาติ
    ส่วนพุทธองค์นั้นก็รู้ดี ความตายหลีกเลี่ยงมิได้
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    เนื้อหาที่นำมาลงค่อนข้างดีครับส่วนตัวก็ชอบอ่าน
    ..ถ้าอ้างอิงแหล่งที่มาด้วยจะนี้กว่านี้มากกว่านี้เลยครับ
    และก็จะไม่ได้ถือว่าเป็นการเสียมารยาท ถือว่าให้เครดิตแหล่งข้อมูลด้วยครับ.
    อีกอย่างนะครับเผื่อว่าจะลืม..


    ห้องนี้เป็นห้องที่อยู่ในหมวดพุทธศาสนา
    ชื่อว่าห้องอภิญญา และกรรมฐาน
    เรื่องเกี่ยวกับ พุทธศาสนาในเชิงเกี่ยวข้องกับการขั้นตอนการฝึกพลังจิต
    การฝึกสมาธิทุกรูปแบบ วิชา สาม มโนมยิทธิ อภิญญาตั้งแต่กรรมฐาน๔๐กอง
    ถึงวิปัสสนาสติปัฎฐาน ๔ เพื่อมรรคผลนิพพาน ตั้งแต่ beginner - advance
    .ก่อนจะตั้งกระทู้ในห้องนี้ ควรคำนึกถึง


    1. เนื้อหาในห้อง อภิญญา - กรรมฐาน เกี่ยวกับเรื่องของ สมาธิ ญาณ ฌาณ นิมิต ฤทธิ์ อภินิหาร
    การฝึกสมาธิแบบต่าง ๆ กรรมฐาน๔๐ สติปัฏฐาน๔ และ อะไรต่าง ๆ
    ที่เกี่ยวกับพระอริยเจ้าหรือการบรรลุมรรคผล

    ส่วนตัวมองว่าถ้าไม่ใช่การรู้จากความสามารถพิเศษส่วนตัวของตัวเอง.
    หรือประสบการณ์ต่างๆที่ตนเองได้ประสบด้วยตนเอง.
    หรือตนเองปฏิบัติมาแล้วอยากจะมาขอคำแนะนำข้อชี้แนะต่างๆ
    .ซึ่งประเด็นว่าจะใช่หรือไม่ใช่ จะผิดจะถูกก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง.สามารถมาแสดง
    ความเห็นโต้แย้งจากประสบการณ์ส่วนตนได้ครับ..
    เพราะฉนั้นควรให้ความสำคัญของแหล่งที่มาของข้อมูลด้วยครับ..


    ยิ่งห้องนี้อะไรแปลกๆ.พิเศษคอยดูเยอะครับ..
    พวกประเภทเก็บสัมพะเวสีเร่ร่อน ตามต้นไม้ใหญ่เอามาเลี้ยง.แล้วเที่ยวไปคุย
    อวดสาวๆว่าตนเองมีเมตตาอะไรเนี่ย(แค่บางส่วน)..ผมบอกตรงๆว่ารำคาญมากบุคคลแบบนี้
    ไม่อยากเห็นเห็นคำตอบที่ไร้สาระ.ที่ไม่มีในตนเอง..

    ปล.ผมขออภัยนะครับ ลุงหมาน ชุดล่าสุดผมไม่ได้พูดถึงท่านนะครับ.
    เจ้าตัวคงรู้ตัวเองดี..ขอบคุณครับ...


    .
     
  4. e20ehq

    e20ehq เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    334
    ค่าพลัง:
    +770
    คนที่เขาปฏิบัติจริงๆ เขาไม่ค่อยมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระสักเท่าไรนักครับ โดยมากเพ้อเจ้าไร้สาระเสียมากกว่าครับ พิจารณาเลือกรับเอาแต่สิ่งดีๆ ไปครับ
     
  5. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ขาดแหล่งข้อมูลครับ เพราะใช้ความวิเคราะห์พิจารณาตามหลักเหตุผล
    ด้วยปัญญาที่มีอันน้อยนิด...ผิดถูกก็พิจารณาเอาเองตามเหตุผล

    โปรดใช้วิจารณญาณในอ่าน
    ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 มีนาคม 2014
  6. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    เอหิภิกขุอุปสัมปทา เป็นชื่อเรียกวิธีอุปสมบทเป็นภิกษุในสมัยพุทธกาลยุคต้นๆ
    โดยพระพุทธเจ้าประทานให้ด้วยพระองค์เอง
    ด้วยการตรัสว่า "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" ซึ่งแปลว่า
    "จงมาเป็นภิกษุเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว ท่านจงประพฤติพรหมจรรย์
    เพื่อทำที่ดีที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบเถิด"

    คำว่า เอหิ ภิกขุอุปสัมปทา นั้นจะไม่มีสาวกใดๆนำไปใช้ได้เลย
    จึงเป็นคำเฉพาะพระพุทธเจ้าทั้งหลายเท่านั้น
    เป็นคำพูดที่ศักดิ์สิทธิ ที่ไม่มีใครที่ลอกเลียนแบบได้

    ผู้ได้รับการอุปสมบทว่า เอหิภิกขุ
    บาตรจีวรสำเร็จด้วยฤทธิ์ จะเกิดมีเฉพาะแก่เอหิภิกขุผู้ที่จะสำเร็จเป็นพระอรหันต์
    ในชาติปัจจุบันเท่านั้น ผู้นั้นต้องได้เคยทำบุญถวายอัฐบริขารมาแล้วในอดีต
    แม้ขณะที่ขอบวชแบบเอหิภิกขุ จะยังเป็นปุถุชนอยู่ ก็จะมีบาตรจีวรสำเร็จด้วยฤทธิ์เกิดขึ้นเช่นกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...