คำแปลบทสัมภาษณ์ "Lacerta" ชาวโลกอีกเผ่าพันธุ์นึง

น่าสนใจมากเลยครับมีรายละเอียดไหม เอามาลงหน่อยสิ

 

ใน ระบบจักรวาล ที่ว่ามา ระบบ ซ้อน ระบบ จะกีระบบก็ตาม ล้วนแต่ เป็นสัตว์มี โลภ โกรธ หลง ดีชั่ว หยาบ ละเอียดแตกต่างกัน ให้สังเกตุนะ

สัตว์ทำกับสัตว์
คน ทำ กับ สัตว์ที่เล็กกว่า
คน ทำกับ คนด้อยพัฒนากว่า
คนต่างเผ่า กระทำกัน
เอเลี่ยน กับ คน

ธรรมชาติ สรรพชีวิต สรรพสัตว์ ในโลก หรือ ใน เอกภพ ทำลายล้าง ช่วยกัน ชิงกัน แย่งกัน หักเหลี่ยมกัน .....ไม่แตกต่างต่างกันเลย ตราบใดที่ เรา กับ เค้า ยังเป็นสัตว์.....การพัฒนา ทางจิต จึงสำคัญ.....เผ่าใด กายกับ จิต เป็นอารยะ มีความดี...จะไม่ทำร้าย ทำลายกันเลย.....

แต่ในเอกภพ มัน ซับซ้อน เปรียบได้ กับ ระบบนิเวศ ที่ใหญ่มาก ทุกที่โยงใยถึงกัน หมด ทุกที่ย่อมไม่พ้น กฎ แห่งกรรม....ไปได้ ครับ...ที่สุดของบางเผ่า..ถึงกับสุญสิ้น..ผมเชื่อว่า..ธรรมชาติ ในระบบ..เอกภพ ...มี..ระบบลงทัณฑ์ มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ พวกพ้อง..บางเผ่า..ใช้เทคโนโลยี อนาถ มาก ถึงกับ ทำลาย ยีน วิวัฒนาการ ของตัวเอง....ไกล้จะสูญสิ้น....

ไม่เคยเชื่อเลย ครับว่ามนุษย์ อย่างเรา จะต่ำต้อย คิดว่ามีดี เหมือนกัน ไม่งั้น พระพุทธเจ้าคงไม่อุบัติมาเป็นมนุษย์หรอก

ไม่ต้องตกใจใดๆ หรอก ผมเชื่อในการก้าวกระโดด ทาง ระบบ โลกทรรศน์ ความคิด ปัญญาวิทยาการ ของคน......อาจมีการ กระเทือน บ้าง ในบาง ช่วง ของเวลา อารยธรรม

กระบวนการ ใหม่ๆ อีกปีก ของความคิด กำลังจะโตขึ้น เขาเรียกว่า นิวเอจ .....กลุ่มต่างๆ ทำให้นึกถึง นิยายวิทยาศาสตร์เลย ครับ เรือง สถาบัน สถาปนา

อาณาจักรแกแลคซี่เก่า กำลังล่ม สลาย แต่ ในท่ามกลางความวิบัตินั้น..จะมี กลุ่มใหม่ กำลังก่อตัวขึ้น.....แทน อาณาจักร เก่า

 

<CENTER>
</CENTER><CENTER></CENTER>

ทฤษฎีสตริงระบุว่า เอกภพที่เราสังเกตการณ์ได้อาจเป็นเพียงดินแดนสุมเสี่ยงท่ามกลางดินแดนอันหลากหลายจนเกือบไม่มีสิ้นสุดในภูมิประทศอันกว้างใหญ่ไพศาลของความเป็นไปได้

ภูมิประเทศของเอกภพตามทฤษฎีสตริง เป็นภาพของเอกภพซึ่งเต็มไปด้วยอินแดนอันหลากหลายเหลือคณานับ อันเป็นผลงานมาจากคำทำนายตามทฤษฎีสตริง ดินแดนเหล่านี้อาจมรมากถึง 10 ยกกำลัง 500(หนึ่งตามด้วยศูนย์ ห้าร้อยตัว) ดินแดนในแต่ละแห่งมีชุดของกฎเกณฑ์ทางฟิสิกส์เฉพาะตัวที่ควบคุมวิถีของฟอง อวกาศที่ครอบคลุมบริเวณอันกว้างขวาง อาณาบริเวณของเอกภพที่เรากำลังสังเกตการณ์ได้ อาจเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ ภายในฟองใดฟองหนึ่งของเอกภพ


เมื่อเรามองดูโลกรอบๆ ตัว เราพบว่า เราไม่ได้ถูกโยนเข้ามาในความไร้ระเบียบอย่างสะเปะสะปะ แต่เราเป็นส่วนหนึ่งของระเบียบอันยิ่งใหญ่ เป็นเพลงซิมโฟนีของชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ทุกๆ โมเลกุลของร่างกายเรา ครั้งหนึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายอื่นๆ ที่มีมาก่อนหน้านี้ ทั้งที่มีชีวิต และไม่มีชีวิตและจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายอื่นๆ ในอนาคตต่อไป ในแง่นี้ร่างกายของเราจะไม่ตาย แต่จะมีชีวิตต่อไป ครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งนี้เพราะว่าชีวิตจะดำรงอยู่ต่อไป...เราเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล เราอยู่กับจักรวาลเช่นเดียวกับอยู่บ้าน ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งนี้ทำให้ชีวิตของเรามีความหมายอันลึกซึ้ง

 

ยังเคยคิดว่าสิ่งที่เอเลี่ยนทำกับคนนั้นเป็นผลกรรมจากการที่มนุษย์ทำกับสัตว์ต่างๆหรือเปล่า อย่างเช่นจับสัตว์มาทดลอง เราก็โดนเอเลี่ยนจับมาทดลองเหมือนกัน

 

.......................






หึ หึ หึ หึ
รู้ความจริงแล้วจะทำยังไงเหรอ พวกคุณจะทำอย่างไรกัน คำสอนสุดท้ายในศาสดาแห่งพวกคุณก็มีแล้วว่า พร้อมให้ถึงด้วยความไม่ประมาท
ใช่แล้วแม้แต่ความตาย ก็จงตายอย่างไม่ประมาท

หึ เศษซากความฉิบหายแต่ครั้งนั้นก็ยังมีอยู่อีกมาก ไอ้ที่ส่องสว่างบนฟ้ายามค่ำคืนในทุกรอบเดือนนั่นก็ใช่
มันเป็นสิ่งจารึกไว้ว่า
"ความต้องการของคนคนเดียว ได้ทำลายทุกสิ่ง"

 

มีมนุษย์ต่างดาวเข้ามาโพสท์ในบอร์ดนี้ด้วยรึเรนี่ย


เป็นไปได้ ........(b-green)

 

เราคือพวกmutant

 

กำเลย
แย่ครับ ขอแสดงความเสียใจด้วย ผลงานที่ทำมาหายอ่ะ

 

หายแล้วก้ดีจิ จะได้ไม่ต้องพาไปหาหมอ

 

555

 

มะเปงไรคับ ผมมีเซฟเก็บไว้ เอามาโพสแล้วด้วย โหถ้าหายไปจริงๆ แล้วไม่ได้เซฟนะ เศร้าเลยกว่าจะนั่งแปลเสร็จตั้งนานแหน่ะ

 

xx

 

เชื่อพระพุทธองค์ดีกว่า

 

ช่วย post ใหม่ให้อ่านได้ไหมครับ หรือจะส่งให้ผมทาง e-mail ก็ได้นะครับ เพราะเห็นว่าน่าสนใจมาก อยากรู้จริงๆ และผมก็คิดเหมือนอย่างที่มีคนแสดงความคิดเห็นไว้ก่อนหน้านี้ว่า มันเหมือนจิ๊กซอที่อาจจะนำเราผู้ซึ่งเสะแสวงหาคำตอบของการเป็นมนุษย์ ให้ได้รับความกระจ่างขึ้นอีกหน่อยหนึ่ง โดยส่วนตัวผมแล้วผมก็ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมพระพุทธเจ้าถึงไม่พูดถึงพระผู้เป็นเจ้าเหมือนศาสนาใหญ่อีกหลายๆศาสนา บางคนก็บอกว่าพระเจ้าของศาสนาต่างๆนั้นถ้าเทียบกับคติทางพุทธแล้วก็อาจเป็นแค่พรหมองค์ใดองค์หนึ่งเท่านั้น แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นหละ ถ้าพระเจ้าคือสิ่งมีชีวิตชั้นสูงจากดาวดวงอื่น อย่างที่คำสัมพาษณ์บอกไว้หละ ก็แสดงว่ามนุษย์บางส่วนก็ถูกหลอก เอ๊ะแต่อาจไม่เชิงถูกหลอกเพราะว่าถ้าเขาเป็นผู้สร้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ขึ้นมาจริงๆ แถมมาสอนให้มนุษย์รักใคร่ปรองดองและดีต่อกันด้วยนี่ ก็น่าจะเป็นพระบิดาได้เหมือนกันนะเนี่ย แต่ก็ไม่แน่หรอกเพราะหนังสืออาจารย์ปริญญา พูดไว้ว่าพระเจ้าไหว้วานให้สิ่งมีชีวิตชั้นสูงจากดาวดวงอื่นมาช่วยปลูกถ่ายสารพันธุกรรมให้แก่บรรพบุรุษของมนุษย์เมื่อนานมาแล้ว เป็นไปได้ว่าความรู้ของผู้ให้สัมภาษณ์เองอาจจะคลาดเคลื่อนก็ได้ จึงไม่รู้ว่าใครผิด-ถูก กันแน่
ก่อนหน้านี้ซักประมาณ 5 - 12 ปีที่ผ่านมา มีผู้แต่งตำราเกี่ยวกับว่าได้รับการสื่อสารผ่านทางจิตจากพระเจ้าเตือนถึงภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นกับมวลมนุษย์ชาติหลายคน เช่นคนที่เรียกตัวเองว่า ครายออนท์ และ อ.ปริญญา ตันสกุล ที่เขียนหนังสือชุดจิตจักรวาลด้วย ทีนี้(ถ้าข้อมูลที่ให้สัมพาษณ์ในกระทู้นี้เป็นความจริงนะครับ)ผมก็พอจะมองเห็นความเชื่อมโยงของสิ่งเหล่านี้ได้อีกอย่างแล้วว่า มันเป็นไปได้ทีเดียวที่กำลังจะเกิดภัยใหญ่หลวงขึ้นกับโลก ด้วยเหตุแห่งสงครามอวกาศนั้นๆ และผมก็รู้สึกว่าหนังสือของอาจารย์ปริญญามีความน่าเชื่อถือขึ้นอีกระดับหนึ่ง ถึงแม้ว่าผู้ที่สื่อสารกับแกจะเป็นพระเจ้าตัวจริงหรือตัวปลอมก็ตาม บางทีเรื่องที่เราคิดว่าไม่น่าเชื่อที่สุดอาจจะเป็นเรื่องจริงขึ้นมาก็ได้

 

RIN

สรุปง่ายๆเลยดีกว่าครับว่า โลกนี้นอกจากเราแล้วยังมีเอเลี่ยนอยู่อีกใช่ปะ มันค่อนข้างเหลือเชื่อนะแต่ก็มีเหตุให้น่าเชื่อ แล้วทำไมล่ะ ทำไมไม่แสดงตัวออกมาให้เห็นกันทั้งโลก แล้วออกมาเตือนว่ามนุษย์ควรทำอย่างไร ถึงจะดำรงเผ่าพันธุ์ของตัวเองเอาไว้ได้ จะได้ไม่ต้องรบกันหรือแก่งแย่งกันอยู่อย่างทุกวันนี้ จะได้สามัคคีกันร่วมใจกันเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ในวันข้างหน้าถ้าเราจะต้องรบกับพวกเอเลี่ยนที่มุ่งร้ายต่อเรา (พูดถึงเอเลี่ยนฝ่ายที่ไม่คิดร้ายนะครับทำไมไม่แสดงตัวออกมา) พวกเขาต้องการอะไรกันแน่ ถึงอ้ำๆอึ้งๆ อยู่ หรืออยากให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ สูญพันธุ์ไปเหมือนไดโนเสาร์

 

ถ้าผมเป็นเอเลี่ยนฝ่ายดีเหล่านั้น อันที่จริงน่าจะบอกว่ายังไม่ร้ายมากกว่า ผมก็คิดว่าจะไม่แสดงตัวอะไรหรอกครับ เพราะผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับมนุษย์ ต่อให้มนุษย์สูญพันธุ์ไปหมดโลกผมก็ว่าไม่ได้แปลกอะไร เพราะผมอาจจะเห็นมาเยอะแล้วที่ดาวทั้งดวงระเบิดเพราะเหตุต่างๆ จนสิ่งมีชีวิตสูญพันธุ์หมดสิ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เป็นเรื่องปกติและธรรมดาที่สุดในจักรวาล ลองนึกภาพดูนะครับว่าจำนวนดวงดาวเฉพาะที่อยู่ในจักรวาลในฟองเดียวกับเรายังมีดวงดาวเท่าที่มีคนประมาณไว้คือ 10 ยกกำลัง 500 ดวง (หรืออะไรทำนองนี้) แล้วเรายังไม่รู้เลยว่าจักรวาลในฟองอื่นๆ ใน level อื่นๆจะมีอยู่อีกเท่าไหร่ บางทีทุกๆ 1 นาทีบนโลกอาจจะมีดาวระเบิดและ/หรือมีสิ่งมีชีวิตบนดาวสูญพันธุ์ยกดาวหลายๆดวงก็ได้ครับ ดูซิ ใครว่ามนุษย์ยิ่งใหญ่มาจากไหนกันหนอ เห็นไหมว่าร่างกายเรา มันก็ไม่ใช่ของเราเลยทั้งในแง่ธรรมะและในแง่วิทยาศาสตร์ตามนัยของกระทู้นี้

 

กดเข้าไปอ่านได้เลยครับ <a href="http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=9821">คำแปลบทสัมภาษณ์ Lacerta รอบที่ 2</a>
ถ้าคุณสนใจเรื่องพวกนี้ เรื่องประสบการณ์ทางจิต ลองหาหนังสือของพวกฝรั่งมาอ่านได้ เดี๋ยวนี้ก็เริ่มมีหนังสือพวกนี้บ้างเหมือนกัน อย่างเช่น หนังสือเรื่อง "วิถีพัฒนาฝ่าชาติภพ" ที่เขียนโดยปาโก ราปาน ก็เป็นอีกมุมมองหนึ่ง

 

น่าสนใจมากเลยค่ะ ขอบคุณที่กรุณาแปลให้ได้อ่านกัน
อยกแปลให้ได้อย่าง Khun Zipper บ้างจัง

 

ทราบว่ามีพวกของมนุษย์ต่างดาวบางกลุ่มเช่นพวกดาวอุมโม(UMMO) ที่แฝงตัวมาปะปนกับชาวโลก มักมาสอดแนมอย่างลับๆ เกี่ยวกับการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ และระเบิดพลาสม่าที่รุนแรงกว่า กระทั่งสามารถระเบิดโลกนี้ให้เป็นจุลได้ในพริบตา แสดงว่าพวกเขาคงมีความเป็นห่วงในเรื่องนี้มากพอสมควร อาจมีผลกระทบกับพวกเขาในระดับจักรวาลก็เป็นได้ หรือมีแผนการบางอย่างในการในอนาคต เพื่อเ้ข้ามาควบคุมระงับความคิดของผู้นำบางคนไม่ให้ก่อการที่เป็นภัยต่อโลก และจักรวาลเป็นแน่...
บางทีเขาอาจรุ้จักกัน เป็นเครือข่ายมนุษย์ต่างดาวนะครับ...!

 

เนื่องจากว่าผมเห็นว่า ระยะนี้ ในเวปพลังจิตไม่ค่อยมีเรื่องอะไรน่าอ่านเลย ผมก็เลยมาดันกระทู้นี้ของคุณ Zipper ขึ้นมาใหม่ เผื่อให้สมาชิกใหม่ๆและคนที่เพิ่งผ่านมารายใหม่ๆ ได้อ่านบ้างครับ เพราะผมคิดว่า มันเป็นเรื่องที่ท้าทายความรู้ ความเชื่อ และความคิดของมนุษยชาติมากๆเลยครับ

ขอขอบคุณคุณ Zipper นะครับ ที่ได้แปลบทสัมภาษณ์นี้ให้พวกเราได้อ่านกัน

(verygood)