ถามเรื่องอรูปฌาน 4

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Gaze from Darkness, 1 กรกฎาคม 2005.

  1. Gaze from Darkness

    Gaze from Darkness สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +20
    ตามหัวข้อนะครับ
    คือว่า จะตั้งการพิจารณาในองค์ฌานอย่างไร
    ที่ประกอบด้วย อากาศ วิญญาณ ไม่มีอะไรเลย และไม่มีวิญญาณนั่นน่ะครับ พอตั้งการพิจารณาเองแล้วมันประหลาดชอบกล หรือว่ามีศีลรองรับไม่พอกันนะ

    ขออภัยหากไม่สุภาพ
    ขอขอบคุณทุกความเห็น
     
  2. ผู้เดินทาง

    ผู้เดินทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +407
    ขออนุญาตตอบนะครับ ไม่แน่ใจว่าจะตรงประเด็นหรือไม่

    ต้องฝึกรูปฌาณให้ทรงฌาณ 4 ได้ก่อนครับ อันได้แก่กสินต่างๆ อานาปานสติ หรืออุเบคขาอัปปมัญญาฌาณ อย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องครบทุกอัน ขณะทรงอยู่นั้นรับรู้ได้ถึงองค์ฌาณในฌาณ 4 คือ สติอันแจ่มชัดมาก และใจอันสงบยิ่งด้วยอุเบคขา ลมหายใจสงบระงับก็รู้ถ้าสังเกตดูุ จากนั้น

    1) เลิกใส่ใจนิมิตนั้นเสีย นึกถึงความว่าง (space) อันไม่กำหนดหมายขอบเขตใดๆ จนจิตรับรู้แต่ความว่างอันไร้ขอบเขตนั้น สติแจ่มชัดมาก ใจสงบนิ่งอุเบคขา (ลมหายใจสงบระงับแต่ไม่รับรู้) ตามสังเกตรู้เห็นอยู่เช่นนี้ (พิจารณาองค์ฌาณได้เช่นนี้) คืออรูปฌาณ 1

    2) เลิกใส่ใจในความว่างอันไร้ขอบเขตนั้นเสีย กำหนดรู้ในสภาวะรู้หรือธาตุรู้ซึ่งปรากฏอยู่ที่เดียวกับสตินั่นแหละ จนจิต(ธาตุรู้)รับรู้แต่ตัวเอง ไม่มีขอบเขต ไม่มีประมาณ สติและธาตุรู้แจ่มชัดมาก ใจสงบนิ่งอุเบคขา (ลมหายใจสงบระงับแต่ไม่รับรู้) ตามสังเกตรู้เห็นอยู่เช่นนี้ (พิจารณาองค์ฌาณได้เช่นนี้) คืออรูปฌาณ 2

    3) เลิกใส่ใจในธาตุรู้ ย่อมไม่เหลืออะไรให้กำหนดรู้ เหลือแต่ความไร้ ไร้รูป ไร้ความว่าง ไร้ความรู้สึกว่ามีธาตุรู้ ไม่มีอะไรเลย ไม่มีเลยจริงๆ ทรงอยู่ในความรู้ว่าไม่มีอะไรเลย ไม่มีอะไรเลย นั้น ใจสงบนิ่งอุเบคขา (ลมหายใจสงบระงับแต่ไม่รับรู้) ตามสังเกตรู้เห็นอยู่เช่นนี้ (พิจารณาองค์ฌาณได้เช่นนี้) คืออรูปฌาณ 3

    4) ตราบใดที่ยังรู้ว่าไม่มีอะไรเลย ไม่มีอะไรเลย ก็ยังมีรู้อยู่ เลิกใส่ใจความไม่มีอะไรเลยนั้น ไม่ขอรับรู้อะไรๆทั้งสิ้น ไม่ขอรับรู้อะไรๆทั้งสิ้น แต่จะพบว่าไม่รับรู้อะไรเลยก็ไม่ใช่ รับรู้ก็ไม่ใช่ ทรงอยู่ในสภาวะไม่รับรู้อะไรเลยก็ไม่ใช่ รับรู้ก็ไม่ใช่ เช่นนั้น คืออรูปฌาณ 4

    อรูปฌาณที่ 4 นี้ ไม่ควรเข้าไปเสพอยู่นาน จะทำให้หลงลืมความจำได้
     
  3. nong0063

    nong0063 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +81
    ในอรูปฌาณ..4 ถ้าไม่ทำ รูปฌาณ4 ให้เข้าออกได้จนชำนาญ และพิจารณา วิปัสสนา...จนมีสติค่อนข้างมากแล้ว อย่าไปรับรู้ หรือ ฝึกเลยครับ ไม่มีประโยชน์ ครูบาอาจารย์ท่านไม่แนะนำให้ไปฝึกเลยครับ
    (b-flower) (b-flower) (b-flower) (b-flower) (b-flower) (b-flower) (b-flower) (b-flower) (b-flower) (b-flower) (b-flower) (b-flower)
     
  4. ผู้เดินทาง

    ผู้เดินทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +407
    สำหรับผู้มีอุปนิสัยในทางเจริญสมถกรรมฐาน เป็นฌาณลาภีบุคคล มีความชำนาญในการเข้าฌาณออกฌาณ กระทำไว้ดีแล้วในรูปฌาณก็ดี อรูปฌาณก็ดี ปราถนาจะเจริญวิปัสสนาให้ก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป อาศัยฌาณที่ตนบำเพ็ญไว้ดีแล้วเป็นบาทฐานนั้น พึงกระทำได้

    เมื่อจิตทรงอยู่ในฌาน อารมณ์จะนิ่งเป็นหนึ่ง ไม่สามารถเจริญ วิปัสสนาได้ เพราะไม่อาจเห็นสภาวะ เกิด-ดับของนามรูปได้ เช่นนี้ทุกๆฌาณตั้งแต่ ฌาณ 1 - 8
    ฌาณลาภีบุคคล เมื่อจะเจริญวิปัสสนา ให้พิจารณาการเกิด-ดับ ของ องค์ฌาณ คือรอยต่อระหว่างฌาณนั่นเองทั้งอนุโลมและปฏิโลม เช่น รอยต่อระหว่าง ฌาณ 2 ไป 3

    ย่อมรู้ชัด ความดับไปของ ปิติ ระหว่าง ฌาณ 3 ไป 4 ย่อมรู้ชัดความดับไปของ สุข ฌาณ 4 กลับไป 3 ย่อมรู้ชัดความเกิดขึ้นของ สุข ฌาณ 3 ไป 2 ย่อมรู้ชัด ความ

    เกิดขึ้นของ ปิติ เป็นต้น

    ฌาณ 4 ไป 5 ย่อมรู้ชัด ความดับไปของรูปสัญญา (ภาวะที่จิตไม่สามารถระลึกถึงรูปใดๆได้อีกต่อไป)

    ฌาณ 5 ไป 6 ย่อมรู้ชัด ความที่สภาวะรู้หรือธาตุรู้เข้าแทนที่ความว่าง space ทั้งมวล (ย่อมรู้ชัด ความดับไปของความรู้ว่าง)

    ฌาณ 6 ไป 7 ย่อมรู้ชัด ความดับไปของความรู้ธาตุรู้ (รู้แต่ความไม่มีอะไรเลย)

    ส่วนฌาณ 7 ไป 8 ไม่สามารถเจริญวิปัสสนาได้ (สัญญาเหลือน้อยแผ่วมาก มีก็เหมือนไม่มี รูปก็ไม่รู้ ว่างก็ไม่รู้ จิตก็ไม่รู้ ไร้ก็ไม่รู้)


     
  5. Gaze from Darkness

    Gaze from Darkness สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +20
    .........................





    ขอบคุณมากครับ
    โดยแท้แล้วผมก็อยากจะให้ลายระเอียดมากกว่านี้ แต่ผมพิมพ์ไม่ค่อยคล่อง
    ผมฝึกสิ่งที่เรียกว่าสมาธินี้มาตั้งแต่รู้แค่ว่านั่งขัดสมาธิ กำหนดลมหายใจเท่านั้น แล้วก็ปฏิบัติด้วยตนเองเพียงลำพังมาตลอด ผมเองเพิ่งมาได้รู้ลายระเอียดในองค์ฌานก็ในที่นี่น่ะครับ ผมได้รู้ว่าในฌาน1~4นั้นผมปฏิบัติจนคล่องมานานแล้ว แต่ผมก็ไม่เห็นจะเกิดปัญญาว่ามันจะมีอะไรมากกว่านี้ นอกเสียจากได้รู้ในสิ่งที่ไม่ควรรู้เท่านั้น ผมไม่สนใจและต้องการในอภิญญาใดๆ สำหรับผมแล้วมันไม่มีประโยชน์
    และผมมีความจำเป็นบางอย่างที่ต้องไปให้ถึงอรูปฌาน4นี้
    ถ้ามีรายละเอียดมากกว่านี้คงจะเหมาะ
    แต่ช่างเถอะ วิธีการกำหนดเองได้
    ขอบคุณยิ่งสำหรับคำเตือน ทว่าชีวิตหรือสิ่งอื่นใดๆสำหรับผมแล้วมันไม่มีความหมายเป็นเพียงของน่าเบื่อ
     

แชร์หน้านี้

Loading...