สภาวธรรมทั้งหลายทั้งปวง ล้วนไม่ควรยึดมั่น

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย sukhawadee, 28 มิถุนายน 2005.

  1. sukhawadee

    sukhawadee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +130
    สภาวธรรมทั้งหลายทั้งปวง ล้วนไม่ควรยึดมั่น
    [​IMG]ตอน ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นสิ่งเดิมๆ


    [font=Arial, Helvetica, sans-serif]ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นสิ่งเดิมๆ สะสมอยู่บนโลกธาตุ มั่นย้อนกลับมาดูธรรม แล้วนําธรรมมาใช้ในชีวิตประจําวัน ขยันพิจารณาดูจิตเป็นประจําต่อเนื่องเป็นวัน เป็นเดือน [​IMG]ตลอดทั้งปี ได้ทุกเวลา จนสามารถควบคุมได้อย่างแม่นยําเป็นหนึ่งเดียวกัน สั่งได้เป็นสูตรท่องจนขึ้นใจ แม้ปัจจุบันก็ยังไม่ลืม เรียกได้ว่า สูตรอยู่ที่จิต ถามเหตุอะไรก็ตอบได้ทันที นําไปใช้งานได้
    ธรรมก็เช่นกัน หากฝึกพิจารณาดูจิตอย่างต่อเนื่อง สิ่งทั้งหลายก็จะให้เห็นเป็นธรรมได้ตลอดทั้งวัน ธรรมก็จะอยู่ที่จิต จิตจะอยู่ที่ธรรม ธรรมกับจิตหลอมเป็นหนึ่งเดียวกัน ช่วยให้จิต
    มีกําลังทางธรรมมากยิ่งขึ้น สามารถวางใจเป็นกลางได้ง่าย มองเห็นธรรม โดยไม่หวั่นไหวเมื่อเผชิญกับปัญหาต่างๆภายนอก จนคุ้นเคยเป็นปกติ เห็นสิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง ทนอยู่สภาพเดิมไม่ได้
    เห็นการเกิด-ดับ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นที่พึ่งของชีวิตได้อย่างแท้จริง ในทุกสถานการณ์ เห็นสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง ยอมรับความเป็นจริง จิตก็จะละอุปทานไปเอง ทําให้
    ไม่เกิดการยึดมั่นเห็นถูกเป็นผิดไป จิตก็จะไม่หลงโลก จิตไม่ได้เป็นสมบัติของโลก ไม่เหมือนธาตุทั้งสี่ ที่เป็นสมบัติของโลก ธาตุสี่จึงไม่มีวันพ้นจากโลกไปได้ แต่ใจที่ไม่หลงโลกหรือหลงธาตุสี่ ไม่ไป
    ยึดติดกับมัน ปล่อยวางได้ จิตก็พ้นจากโลกไปเอง
    เมื่อเรายังต้องมีชีวิตอยู่ในโลก ที่ต้องทําหน้าที่ให้สมกับความรับผิดชอบที่มีอยู่ ก็สามารถพัฒนาจิตจากภายใน นํามาประยุกต์ใช้ได้ทุกสถานะที่จะต้องเผชิญได้ตลอด
    หน้าที่ต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อยู่ได้ด้วยความเกื้อกูลต่อชีวิตตนและสังคมแวดล้อม โดยให้อาหาร ที่พักพิง ที่ทํางานหาเลี้ยงปากท้อง ต้องดูแลรักษาไว้ซึ่งปกติแห่งธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
    เพื่อคนรุ่นลูกรุ่นหลานจะได้สะดวกต่อการดํารงชีพต่อไปได้สบงร่มเย็นต่อไป
    หน้าที่ต่อบุคคลที่เราสัมพันธ์ด้วย ตลอดทั้งในครอบครัวหรือผู้อื่นในสังคม ต้องให้ความอนุเคราะห์เกื้อกูลตามฐานะ ตามความสัมพันธ์ที่ทางโลกกําหนดไว้ให้ ทําหน้าที่เพื่อหน้าที่ด้วยความจริงใจ แต่ถอดถอน
    ความยึดมั่นทางจิต ด้วยความเข้าใจต่อสาระความเป็นจริงตามธรรมชาติว่า ที่สุดแล้วต้องพลัดพรากจากกันอย่างแน่นอน ต่างกันที่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น ทุกคนต่างก็มีวิถีชีวิตตนเอง มีเหตุของกรรมที่กระทําเป็น
    ของตนเอง เป็นเหตุการเกิด-ดับตลอดไป..........

    หน้าที่ต่อการงานและพันธกิจ เป็นภาระกิจที่แต่ละคนจะต้องมี และได้กระทํากัน ชีวิตที่สามารถเลือกทางเดินเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย กิจกรรมต่างๆ อาชีพการงานทํางานต่างๆ ซึ่งงานบางอย่างก็ไม่สมควรเข้าไป
    เกี่ยวข้องด้วย เป็นกิจกรรมที่ไม่ควรจะทําต่อ ซึ่งจะเป็นผลที่ได้จะไม่คุ้มกับวิบากกรรม ที่จะต้องได้รับตอบสนองตามกฎแห่งกรรม ทุกคนมีเหตุ มีกรรมเป็นแดนเกิด ผู้ใดทําอะไรไว้ก็มีกรรมนั้นๆเป็นสภาวะที่จะต้อง
    เผชิญอยู่ยังวันคํา ฉะนั้นงานมิจฉากิจทั้งหลายจึงห้ามไว้ เช่นการฆ่าสัตว์ การค้ามนุษย์ การส่งเสริมสิ่งเสพติดให้โทษทั้งหลาย การค้าอาวุธ ตลอดจนเครื่องมือทําร้ายสัตว์ และงานที่สร้างแหล่งอบายมุขทั้งหลาย ให้หลีกเลี่ยงเสีย
    นอกจากยังเป็นการเบียดเบียนตนและหรือผู้อื่นอีกด้วย ทุกคนควรทํากิจใดๆก็ให้พิจารณาระมัดระวังอย่างเต็มที่ และกระทําด้วยความรับผิดชอบต่อตนและสังคมต่อไป
    อย่างไรก็ตามให้รู้เสียว่า สิ่งใดที่ผูกติดกับมัน จนเป็นเรา อยู่กับการเวียนว่ายตายเกิดมานับภพชาติไม่ถ้วนแล้ว
    ก็ไม่ควรจะใช้เวลาทั้งชีวิต ให้กับสิ่งเหล่านี้ต่อไปอีกเลย ต้องพยายามปลดวางสัมภาวะ เพื่อเตรียมการเดินทางข้ามวัฏฏสงสารให้ได้
    มิฉะนั้นชีวิตก็จะอยู่ในกองชีวิตที่ทุกข์ของสังสารวัฎ คือการเวียนว่ายตามเกิดตลอดกาล
    หน้าที่ต่อตนเอง ตนเป็นที่พึ่งของตน ผู้ใดเตือนตนได้ ฝึกตนเป็น ก็ใช้ชีวิตที่ใครเปรียบเสมือนได้ ความจริงก็คือธรรมชาติที่จริงแท้แน่นอน
    พึ่งที่เห็นจริง รู้สึกได้กันเอง เพียงลงมือกระทําให้เกิดกับชีวิตตนเอง เป็นหน้าที่ที่สําคัญที่สุด รักษาจิต สุขภาพที่ร่างกายก็สมบูรณ์แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ รักษาธาตุทั้งสี่ ออกกําลังกายสมําเสมอ ชีวิตแข็งแรงตามวัย
    ตามสมควร เพื่อให้ชีวิตที่ยืนยาวตลอดให้มากที่สุด อย่างไรก็ตามให้เข้าใจไว้ว่า ที่สุดร่างกายหรือธาตุสี่ ทั้งของบุคคล สัตว์ หรือวัตถุสิ่งของ บนโลกนี้ ต่างก็เสื่อมถอยไปตามเวลา เราทําได้เพียงชะลอความเสื่อม ยึดอายุยืนยาวอกไป
    ได้ชั่วระยะหนึ่งเท่านั้นเอง
    หน้าที่ดูแลรักษาและพัฒนาจิตใจ สําคัญต่อชีวิตทุกคนที่จะกระทําใดๆต่อไปบนโลกนี้ สิ่งแรกที่จะต้องให้ทุกคนมีภูมิคุ้มกันโรคภัยทั้งภายในจิตใจเองและภายนอกต่อเหตุการณ์บนโลกแล้ว ทุกคนจะต้องทําให้พบที่พึ่งภายในของ
    แต่ละคนเสียก่อน ก่อนที่จะก้าวต่อไปในการศึกษา หรือการทํางานต่อไป บอกทุกคนให้รู้ถึงจิตของคนเราอยู่กลางหน้าอกหลังลิ้นปี่ รู้สึกได้ด้วยตนเอง ใช้ระยะเวลาอันสั้นๆ รู้สึก-เห็นการเกิดดับ เป็นไปอย่างรวดเร็วต่อการเปลี่ยนแปลงภายใน
    ในจิตใจของแต่ละคน รู้ถึงความไม่แน่นอนต่อทุกสิ่ง ตอกยําให้ชีวิตมีการพัฒนาจิตที่ไม่ได้รับการอบรมด้วยธรรมะจะหยาบกร้านลงไปอีก เร่งที่ตื่นจากหลุมดําที่หลงยึดติดกับกระแสแวดล้อมเป็นเวลายาวนาน มากนักต่อนักมาแล้ว
    เต็มไปด้วยความเห็นผิด นําทุกข์โทษภัยมาสู่ตนและหรือผู้อื่นได้ง่าย ยิ่งไปกว่านั้น ยังหลงวนว่ายอยู่ในสังสารวัฏ โดยเฉพาะในอบายภูมิ อันมีแดนเกิดในนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ซึ่งเป็นที่อยู่ของสัตว์โลกจํานวนมากมาย
    ตรงข้ามกับจิตที่ได้รับการอบรมดูจิต และพัฒนาต่อเนื่องให้มีคุณธรรมยิ่งขึ้น จะเป็นจิตที่ควรแก่การงาน และนําสุขมาให้ได้ จะคิด พูด และทําสิ่งใด ก็เป็นไปในทางที่ดี สร้างสรรค์เป็นประโยชน์เกื้อกูลต่อตนเองและหรือผู้อื่น ยิ่งไปกว่านั้น
    ยังสามารถพัฒนาไปจนถึงที่สุด แห่งความดีที่สะอาด สว่าง สงบ สลัดทั้งคืนทั้งวันได้ตลอดเวลา จิตที่ผ่องใสบริสุทธิ์สมบูรณ์ ซึ่งกิเลส ตัณหา อุปาทาน ออกไปจนหมดสิ้น สามารถพาตนให้พ้นกระแสโลกไม่ต้องกลับมา เวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป
    เห็นทุกสิ่งอย่างรู้ทัน เห็นการเกิดดับ เป็นไปด้วยอนิจจัง ทุกข์ อนัตตา ทั้งสิ้น เป็นหน้าที่สําคัญซึ่งผู้มุ่งหวังพ้นทุกข์ จะต้องเพียรพยายามปฏิบัติเป็นปกติอยู่อย่างปล่อยวางให้ถึงที่สุด
    อนึ่ง ร่างกายหรือธาตุสี่ เมื่อหมดอายุขัยก็ตายจากไป แต่จิตไม่มีวันตาย จิตไม่เคยหยุด จิตไม่หลับ จิตจะไปเกิดใหม่ในภพชาติต่อไปตามแรงกรรม พร้อมกับนําเอานิสัยสันดาน รวมทั้งวิบากกรรม ติดไปด้วย
    ดังนั้นถึงแม้ในชาตินี้ ทุกคนอาจจะยังไม่ได้มรรคผล เข้าสู่กระแสพระนิพพาน อันมีตั้งแต่ พระโสดาบัน พระสกิทาคา พระอนาคา และพระอรหันต์
    แต่หากฝึกฝนอย่างต่อเนื่องดูจิตภายในไว้มากๆ จนเป็นนิสัยปัจจัยให้ได้ทําต่อในภพชาติต่อไปอีก นอกจากนี้ยังช่วยปิดประตูอบายภูมิ ในการเกิดภพชาติต่อไปได้อีกด้วย
    ขอให้เพียรพยายามในการพัฒนาจิต ดูจิตอย่าได้ท้อถอย สักวันหนึ่งหรือชาติใดชาติหนึ่ง ก็จะถึงจุดหมายปลายทาง คือความพ้นทุกข์ได้แน่นอน
    กระผมขอความปรารถนาดีของทุกท่าน จงบรรลุถึงกระแสธรรม ถึงจุดหมายในสิ่งที่ท่านได้ตั้งใจเพียรพยายามมาตลอดด้วยดีทุกประการ ขอให้มีแต่ความสุข ความเจริญทั้งทางกาย และจิตใจ เป็นมิตรไมตรีต่อทุกคน เกิดสันติภายในอย่างสงบเย็น
    ต่อทุกสภาพเหตุ เป็นไปตามความปรารถนาดีทุกประการ เทอญ
    [/font]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2005
  2. chanin

    chanin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2005
    โพสต์:
    675
    ค่าพลัง:
    +1,331
    พฺเพ สงฺขารา อนิจฺจาติ
    ยทา ปญฺญาย ปสฺสติ
    อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเข
    เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา . . . ฯ ๒๗๗ ฯ

    "สังขารทั้งปวง ไม่เที่ยงแท้"
    เมื่อใด บุคคลควรเห็นแจ้งด้วยปัญญาดังนี้
    เมื่อนั้น เขาย่อมหน่ายในทุกข์
    นี้เป็นทางแห่งความบริสุทธิ์

    'Impermanent are all conditioned things',
    When thus one sees with wisdom,
    Then is one disgusted with Ill.
    This is the path to purity.

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. R2D2

    R2D2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +133
    ขอบคุณครับ น่าอ่านมาก

    น่าจะลงที่มาหรือแหล่งอ้างอิงเพื่อเป็นเครดิตเจ้าของ หรือเพื่อนที่สนใจจะได้ติดตามงานได้ด้วยนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...