ทำไมคนมีธรรมะศึกษาธรรมะ ส่วนใหญ่หน้าตาผิวพรรณไม่ดีกว่า คนที่หมกหมุ่นในโลกียะ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย คนขายเทียน, 14 มกราคม 2008.

  1. คนขายเทียน

    คนขายเทียน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    157
    ค่าพลัง:
    +518
    [​IMG].. [​IMG]



    เคยคิดกันไหมครับว่า ทำไมคนมีธรรมะ ศึกษาธรรมะ ส่วนใหญ่หน้าตา ผิวพรรณไม่ดีกว่าคนที่อยู่ในโลกียะล้วนๆ ศีลไม่เคยรักษา วัดไม่เคยเข้า ส่วนใหญ่ หน้าตา ผิวพรรณดีกว่า

    จากที่อ่านๆมา เราจะเห็นว่า คนมีหน้าตา และผิวพรรณดีเป็นเพราะผลของกุศล จากการให้ทานด้วยศรัทธา รักษาศีลอย่างดี แต่บุคคลหลายๆคนที่ผมเจอ กลับไม่มีสิ่งเหล่านี้อยู่ในจิตใจเลย วันๆหมกหมุ่นอยู่แต่เรื่องโลกียะ คุยเรื่องเพศ เรื่องสัปดนกัน เวลาพูดเรื่องธรรมะขึ้นมา เขาจะมองว่าเราแปลกประหลาด หรือ ทำนองให้เราเป็น"มหา" ทำให้เป็นเรื่องตลกโปกฮาไป

    แต่เขาเหล่านี้กลับมีหน้าตา และ ผิวพรรณดีมาก รวมถึงบุคคลในวงการแสดงส่วนใหญ่ล้วนแต่มีจิตใจที่หมกหมุ่นในโลกียะ ไม่มีการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาสักนิดเลย ซึ่งถ้าหากรูปร่างหน้าตาเป็นผลของกุศลที่เขาได้ทำมาแล้ว ทำไมคนเหล่านี้จึงไม่มีเชื้อธรรมะในจิตใจ สมกับที่เคยได้ทำเมื่อชาติก่อนๆ ที่จะเป็นปัจจัยให้มาบำเพ็ญบุญกุศลในชาตินี้บ้าง

    ท่านใดตอบได้ช่วยตอบให้กระผม และผู้ที่สงสัย คลายข้อข้องใจหน่อยครับ? [​IMG]

    ____________________________________________

    เราลองมาฟังต้นเหตุของผู้มีรูปงามกันในรูปของผลของการทำกุศลล้วนๆในทาน ศีล ภาวนา ว่าต้องมีเหตุอย่างไรบ้างกันนะครับ

    ขอขอบพระคุณที่มา : http://multimedia.dungtrin.net/siadai.html

    ส่วนท่านที่มีความคิดเห็นใดๆเกี๋ยวกับเรื่องนี้ก็แสดงออกมาได้เต็มที่เลยครับ
    ขอให้เจริญในธรรมทุกท่านครับ [​IMG]

    [music]http://palungjit.org/attachments/a.268367/[/music]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2008
  2. purelife

    purelife Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +47
    whatever

    ไม่เคยคิดค่ะ เพราะการที่คนๆนึงจะศึกษาธรรมหรือไม่ศึกษาไม่เห็นจะเกี่ยวกับหน้าตาเลยซักนิดมันอยู่ที่ใจค่ะ เเละคำว่าคนหรือมนุษย์นั้น มันก็มีทั้งดีเเละไม่ดีค่ะ ไม่มีดีไปหมดหรอก คนที่คุณ คนขายเทียนเจอ นั้น คุณรู้ได้อย่างไรล่ะว่าเค้าศีลไม่เคยรักษา วัดไม่เคยเข้า คนๆนั้นอาจจะทำบุญ หรือสวดมนต์ก่อนนอนทุกวันก็ได้ เเละอีกอย่าง คนเราเกิดมาอยู่ในสิ่งเเวดล้อมไม่เหมือนกันค่ะ ไม่ใช่ว่าเพราะหน้าตา ดิชั้นคิดว่าคุณเชิงเทียนควรจะมองตัวเองที่เป็นอยู่ก่อนดีกว่านะคะ เเล้วค่อยหันไปมองคนอื่นๆ ว่าเขาดีพอหรือยัง
    ปล. เวลาเข้าวัดคนหน้าตาก็มีเเต่ดีๆทั้งนั้นนะ ยิ้มเเย้มเเจ่มใส ผิวพรรณดี
     
  3. pongky_pong

    pongky_pong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2007
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +352
    ถ้าจะมองแล้ว คิดแบบโบราณๆ ที่ ปู่ ย่า ตา ยาย ชอบพูดกัน ก็มักจะบอกว่า เมื่อชาติ ที่แล้ว เขาทำบุญมาดี มั้งค๊ะ แต่นั่นมั่นก็เป็นเรื่องของชาติที่แล้ว แต่ชาติปัจจุบันนี้ ก็อีกเรื่องนึง คนพวกนั้น อาจจะยังอยู่ในช่วงหลง ระเริง อยู่ก็ได้ เลย ยังไม่นึกถึง ศาสนา น่ะค่ะ
     
  4. u n u n

    u n u n เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +163
    ใจเย็นนะครับ อย่างที่เข้าใจนะครับ รูปร่างหน้าตาเกิดจากผลกรรม รวม ด้วยทำให้เป็น แบบนั้นแบบนี้ การที่เรา ยังเห็น ว่า คนนี้ สวย คน นี้ หล่อ อันนั้น คือ กาย ภาย นอก ที่กรรมดีสร้างให้เป็น เช่นนั้น นะครับ(องค์ประกอบนะครับ) คือ ต้องยอมรับ อย่างนึงนะครับว่า เราทุกคนยังเป็น แค่มนุษย์ ยังมีกิเลสในจิตใจ (ผมเองก็ยังมีครับ) ดังนั้น ค่อยๆนะครับ มองอย่างมีเหตุและผล ร่วมๆกันครับ แล้วจะรู้สึกถึงสิ่งที่ดีกว่า (รูปร่างหน้าตาที่แสดงภายนอก) คนที่รักษาศีล หรือ ประพฤติดี (เราจะรู้สึกได้เองครับ) ว่า คนนี้ ดีจัง ถึงจะหน้าตาธรรมดาแต่เราอยากคุยกับเขา อยู่ไกล้ๆก็จะรู้สึกดี (ถ้าจิตยังไม่สงบ)ลองปล่อยใจให้นิ่งๆ สงบๆ ดู นะครับ ค่อยๆมองสิ่งรอบๆตัวก่อนนะครับ ค่อยๆมองว่านี้ คือธรรมดาของโลกนะครับ ส่วนตัวผมจะนึกถึงพระพุทธชินราช(ยังหลงในรูปบ้าง) **คือเวลาเรานึกถึงพระ จะทำให้เรา สงบ จิตใจได้บ้างนะครับ ** แล้วแต่ วิธี ของเเต่ละคน ก็ลองดูนะครับ ขออนุโมทนาต่อสิ่งดีๆครับ
     
  5. ตระกูลศักดิ์

    ตระกูลศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +1,371
    อืม .....ผมขอแสดงความคิดหนึ่งด้วยคนครับ ....เอาเป็นว่าผมมีกลอนบทหนึ่งที่สอนใจผมให้ยึดมั่นในความเป็นจริงและเป็นไปด้วยเหตุผลเลยไม่หวั่นไหวหรือสงสัยลังเลกับความสวยงามแบบที่เห็นภายนอก หรือการกระทำที่แสดงออกเท่าใหร่ทั้งผู้หญิงหรือชาย อยากจะให้ทุกท่านลองอ่านดังๆๆนะครับว่า คนจะงามงามที่ใจใช่ใบหน้า คนจะสวยสวยจรรยาใช่ตาหวาน
    คนจะแก่แกความรู้ใช่อยู่นาน คนจะรวยรวยศิลทานใช่บ้านโต
    คิดอย่างนี้โครตสบายใจ คิดดี พูดดี ทำดี ย่อมเจริญครับพี่น้องไม่เสื่อมแน่นอน
     
  6. ตระกูลศักดิ์

    ตระกูลศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +1,371
    แสดงความคิดเห็นครับผม

    (good) อืม .....ผมขอแสดงความคิดนิดหนึ่งด้วยคนครับ ....เอาเป็นว่าผมมีกลอนบทหนึ่งที่สอนใจผมให้ยึดมั่นในความเป็นจริงและเป็นไปด้วยเหตุผลเลยไม่หวั่นไหวหรือสงสัยลังเลกับความสวยงามแบบที่เห็นภายนอก หรือการกระทำที่แสดงออกเท่าใหร่ทั้งผู้หญิงหรือชาย อยากจะให้ทุกท่านลองอ่านดังๆๆนะครับว่า คนจะงามงามที่ใจใช่ใบหน้า คนจะสวยสวยจรรยาใช่ตาหวาน
    คนจะแก่แก่ความรู้ใช่อยู่นาน คนจะรวยรวยศิลทานใช่บ้านโต
    คิดอย่างนี้โครตสบายใจ คิดดี พูดดี ทำดี ย่อมเจริญครับพี่น้องไม่เสื่อมแน่นอน
    [/quote]
     
  7. golf135

    golf135 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +652
    ขอค้าน จขกท นิดนึงนะคับ .... คนรักธรรมะ ถือศีล เข้าวัด แล้วมีหน้าตา ผิวพรรณดีมีอยู่ๆ ... รับรองๆ อิอิอิ....
     
  8. คนขายเทียน

    คนขายเทียน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    157
    ค่าพลัง:
    +518
    ครับผมไม่ได้ว่าคนมีธรรมะ ศึกษาธรรมะ ไม่ได้มีหน้าตาดีนะครับ แต่ส่วนใหญ่ถ้าลองเทียบกัน เอาคนหน้าตาดี ผิวพรรณดี รูปร่างดีมา10 คน แล้วถามเขาว่าศึกษาธรรมไหม สนใจธรรมะไหม 1-2 คนจะตอบว่าศึกษา นอกนั้นไม่

    ที่ผมตั้งกระทู้ถามนี้ ไม่ได้ว่าคนที่ศึกษาธรรมะหน้าตาไม่ดีนะครับ แต่จะสื่อว่าคนที่เกิดมาหน้าตาดี รูปร่างดี ผิวพรรณดี ทำไมไม่ยอมหันมาทางธรรมะกัน เพราะผลจากหน้าตาดี ผิวพรรณดี รูปร่างดี ก็มาจากผลของกุศล จากการให้ทานด้วยศรัทธา การรักษาศีลที่สะอาดบริสุทธิ์ การไม่มักโกรธ มีจิตใจเมตตา
    เขาเหล่านั้นก็น่าจะมีเชื้อธรรมะในจิตใจฝังมาจากภพชาติก่อนบ้างในเรื่องเหล่านี้มากกว่าคนหน้าตาธรรมดา

    อย่างเปรียบเทียบได้ชัดเจนคือ ดารา นักแสดง ที่ชื่อว่าหน้าตา รูปร่าง ผิวพรรณดี แต่มี% น้อยมากจริงๆ ที่จะหันมาศึกษาธรรมะ หรือ เคร่งครัดกับการให้ทาน รักษาศีล

    นี่ก็แสดงว่า รูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ ไม่ได้เกิดมาจากอนิสงส์ของ ทาน ศีล อย่างเดียว มาจากการอธิษฐานก็ได้ ว่าชาติหน้าขอให้เกิดมารูปร่างหน้าตา ผิวพรรณงามนั่นเอง เพราะฉะนั้นบางคน หน้าตา รูปร่าง ผิวพรรณดี แต่ไม่ได้มีจิตน้อมทางธรรมเลย แถมยังมักโกรธเป็นนิสัย ซึ่งดูหลายๆอย่างแล้วไม่น่าจะเกิดจากผลของกุศลของทาน ศีล และเมตตาเลย จริงไหมครับ [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2008
  9. k.nuch

    k.nuch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +146
    แนะนำให้เข้าไปดูที่นี่นะคะ จากหนังสือ เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน ของดังตฤณ ค่ะ
    บทที่ ๔ - เหตุใดจึงเป็นผู้มีรูปงาม?<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>

    http://dungtrin.com/whatapity/05.htm

    จะคัดลอกมาก็ไม่สะดวก เพราะข้อความยาวมากค่ะ จิตที่เป็นกุศลภายใน
    จะส่งผลออกมาถึงบุคคลิกภายนอก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2008
  10. ซาตานคลั่ง

    ซาตานคลั่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,449
    แรกๆก็แปลกใจคล้ายๆกับคุณเจ้าของกระทู้อะแหละ แต่ลองทบทวนดูอีกที ลองคิดแบบนี้ดูนะว่าจริงหรือเปล่า
    คนที่มีธรรมะ สนใจและทำความเข้าใจกับธรรมะ เขาส่วนใหญ่จะเข้าใจกับคำว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แน่ๆ ทุกอย่างไม่เที่ยง ความสวยความหล่อก็ไม่เที่ยง พวกเขาจะมองว่า ความสวยความหล่อ กว่าจะสวยกว่าจะหล่อก็ต้องแต่งหน้าประทินผิวใช้เครื่องสำอางกันยกใหญ่กว่าจะหล่อจะสวย บางคนหมดไปเป็นแสนก็มี มันก็ยังไม่จีรัง แก่ตัวมาก็เหี่ยวเฉาและก็ต้องตายเหมือนกันทุกคน
    แล้วจะมัวแต่งหน้าเสริมหล่อเสริมสวยกันไปทำมัย เร่งศึกษาธรรมะเพื่อมรรคผลจะดีกว่า พวกเขาจึงไม่ใส่ใจที่จะประทินโฉมกันนัก จึงมีหน้าตาที่เป็นธรรมชาติไม่หล่อไม่สวย จะมีบ้างที่หล่อที่สวยตามบุญเก่าและตามยีนที่ได้มาจากพ่อแม่ อะไรทำนองนั้น
    ส่วนคนที่สนใจแต่เรื่องทางโลก โลกียะ ส่วนใหญ่ก็คิดแต่กลัวจะจน กลัวจะไม่หล่อจะไม่สวย ก็ประทินโฉมกันทั้งวี่ทั้งวัน ผมก็ยอมรับว่าก็สวยเช้งใสปิ๊งกันทั้งนั้นแหละ แต่อย่าให้แป้งลอกก่อนเวลาอันควรละกัน กลัวจะอดปล่อยขำก๊ากไม่ไหว ขนาดประทินโฉมกันทั้งวัน ก็ยังไม่วายมีหลายๆคนที่เสริมหล่อเสริมสวยแล้วก็ยัง....อะนะ อันนี้ถือว่าบุญเก่าน้อยก็แล้วกัน
    จริงบ้างป่าวเนี่ยที่ผมออกความเห็นมาเนี่ย

    ผมก็โม้ไปเรื่อย
     
  11. piakgear24

    piakgear24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    2,696
    ค่าพลัง:
    +44,505
    แรงอธิษฐานอยากให้ตัวเองเป็นอย่างไรเมื่อชาติก่อนด้วยนะ
    บางคนทำบุญมาดีแต่ว่าไม่อยากให้ตัวเองหลงรูปก็ไม่ได้ต้งใจให้หน้าตาดีเพราะกลัวจะหลงตัวเองเกินไปก็มี
     
  12. vajrapaniputr

    vajrapaniputr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2006
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +340
    ความเป็นผู้เบิกบานทำให้หน้าตาผ่องใส ไรล่ะที่ทำให้เป็นผู้เบิกบาน
     
  13. จารุง นิ่มนวล

    จารุง นิ่มนวล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +105
    จงอย่าใส่ใจเราผู้มีธรรมควรปล่อยวาง
     
  14. vnoen

    vnoen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +827
    ส่วนตัวครับ ผู้ที่หน้าตาดีในทางโลกียะก็มีทุกข์พอสมควร เป็นภัยต่อตัวเองพอสมควร(ผมไม่เคยเห็นสาวบริการหรือหนุ่มบริการขี้เหล่เลยนะ) อยากให้คิดเสียว่าเราอยู่กับคนแบบไหนแล้วใจเป็นสุข ได้ปัญญา พ่อ-แม่ไม่หล่อ ไม่สวยแต่ผมก็รักคร้าบบบบบบ .....
     
  15. นายจั๊บ

    นายจั๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    419
    ค่าพลัง:
    +1,109
    ไม่นี่ครับ คนหน้าตาดีเยอะไปที่ใฝ่ธรรม
     
  16. jaya

    jaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,110
    ค่าพลัง:
    +2,183
    คนที่เกิดมาคราวนี้มีรูปร่างผิวพรรณดี ก็มีส่วนมาจากบุญทำกรรมแต่งมาก่อน เพียงแต่ว่าในคราวนี้ กำลังบุญของเขาเหล่านั้นไม่พอหรืออ่อนแรงจึงทำให้พวกเค้า หลงรูป หลงกายที่ภายนอก และเพราะสภาพสังคมที่เปลี่ยนไปด้วย จึงทำให้พวกเค้า หลงและงมงายกับสิ่งที่เป็นอยู่ ดิฉันคิดว่าอย่างนี้ค่ะ บุญทำก็ส่วนหนึ่ง กรรมแต่งก็อีกส่วนหนึ่ง สิ่งที่มีมากเพราะบุญเราทำ ส่วนที่เป็นอยู่เพราะกรรมเราแต่ง
     
  17. Bacary

    Bacary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,212
    ค่าพลัง:
    +23,196
    คำตอบนี้ง่ายนิดเดียว

    ขอยกตัวอย่างให้เห็นได้ชัดๆ หลงรูปกายผู้อื่นยังไม่พอ ยังมาหลงรูปกายตัวเองนี่ซี้
    แล้วจะละสักกายะทิฏฐิได้อย่างไร

    แหละผู้ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์บางท่าน ก็อยู่ในชนชั้นที่สูงส่ง เป็นเพศบรรพชิตบ้าง หรือฆราวาสบ้างท่านที่ได้ปฏิบัติธรรม แต่ก็แฝงไปด้วยบุญฤทธิ์ดูน่าเกรงขาม สัมผัสได้ถึงพลังแห่งกระแสธรรมที่ท่านสร้างมาดีแล้ว
    และหรือพร้อมที่จะสร้างบารมีธรรมให้อยู่เหนือกรรมดีกรรมชั่ว จะมาสนใจทำไมล่ะเพียงรูปกาย

    โดยที่อยู่เหนือความงามในรูปธรรมคืองามภายนอก แต่งามในนามธรรม คืองามภายใน
     
  18. pom980095

    pom980095 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2008
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +181
    ขออนุญาติคุยด้วยค่ะ
    ดิฉันสังเกตคนที่ปฏิบัติกรรมฐานเป็นเวลานานๆแล้ว ผิวพรรณงามทุกๆท่านเลยค่ะ หน้าผ่องใส ยิ้มละไม ละความโกรธได้และมีเมตตา ส่วนผู้ศึกษาธรรมะ แต่ไม่ได้ปฏิบัติธรรมก็อีกเรื่องหนึ่งอาจจะไม่งามก็ได้ แต่งามที่จิตใจมากกว่า
    ดิฉันปฏิบัติกรรมฐานมา 5 ปี ยอมรับว่าปฏิบัติแล้วหน้าตาจะผ่องใสมากแทบไม่ต้องแต่งหน้าทาแป้งเลยค่ะ แต่ถ้าช่วงใหนไม่ปฏิบัติกรรมฐานหน้าจะหมองมากออกคล้ำ จนคิดว่าคนดวงตกหน้าหมองขนาดนี้หรือเปล่าหวา สงสัยเจ้ากรรมนายเวรจะมาทวงกรรมกับเราแล้ว ต้องรีบไปทำกรรมฐานทันที หน้าก็กลับมาผ่องใสดังเดิมค่ะ

    ประสบการณ์ส่วนตัวค่ะ
    ด้วยความเคารพ
     
  19. ตระกูลศักดิ์

    ตระกูลศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +1,371
    นานาจิตตัง...........เน้อ
     
  20. คนขายเทียน

    คนขายเทียน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    157
    ค่าพลัง:
    +518

    ขอบคุณมากครับ เป็นคำตอบที่ให้ผมคลายสงสัยได้มากทีเดียวครับสำหรับ คนที่ปฏิบัติธรรมแล้วผองใสจากภายในสู่ภายนอก ซึ่งบางทีก็แตกต่างจากคนที่ศึกษาธรรมะอย่างเดียวจริงๆครับ แต่ท่านเหล่านั้นจะงามในใจ แต่บารมีสำหรับคนที่ศึกษาธรรมก็ดี ปฏิบัติธรรมะก็ดี จะแผ่ออกมาเป็นราศีให้เราเห็น หรือ รู้สึกก็ดี จะมีความสงบเย็น หรือ เปี่ยมไปในบารมีที่ท่านเหล่าปรารถนาในด้านนั้นๆ มากกว่าคนที่มีแต่รูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณดี อย่างเดียวแน่นอนครับ

    ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นนะครับ ถือว่าเป็นการถกปัญหาธรรมร่วมกันครับ อนุโมทนากับการสนทนาธรรมทางเวปบอร์ดในทุกๆเวปทุกๆท่าน เพื่อที่จะให้เราสั่งสมบารมีให้บริบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็น 10ประการ 20 ประการ 30ประการ ครับ สาธุ (good)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...