ปัญญามี แต่บารมีไม่เต็ม ก็ไปไม่ได้

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นักรบธรรม, 22 กันยายน 2014.

  1. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    -ให้คิดถึงความตายตลอด คือ ไม่ให้ประมาท มัวเมาลุ่มหลงในการมีชีวิตอยู่

    -เชื่อในพระรัตนไตร คือ ให้มีศรัทธาต่อครูบาอาจารย์ ต่อคำสอนก่อน

    -ศิล 5 บริสุทธิ์ คือ ให้รู้จักสำรวมกายวาจาใจให้เรียบร้อย ให้เป็นสัปปายะเสมอ

    -คิดถึงพระนิพพานตลอด คือ อะไรที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยไปสู่ความหมดจดจากกิเลสจริง ๆ ก็ให้สมาทานศึกษาไปในทางนั้นเสมอ อย่าให้ขาดหรือหย่อนยาน

    ท่านให้สมาทานทั้ง ๔ ข้อนี้เอามาปฏิบัติอย่างจริงจังจริงใจ ส่วนผลจะออกมาอย่างไร ก็ให้ขึ้นกับการกระทำเหตุนั้นเอง :)
     
  2. ใจของกาย

    ใจของกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2014
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +213
    ถ้า สี่ข้อนี้ มีเป้าหมายเดียวคือ ชำระอวิชชา แล้วล่ะก้อ
    สี่ข้อนี้ เยอะไปมั้ยครับ
     
  3. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    อยู่ที่แต่ละบุคคลจะมีความสมบูรณ์พร้อมต่อการชำระอวิชชาได้มากน้อยแค่ไหน เบื้องต้น ท่ามกลาง หรือที่สุด หรือเป็นบัวเหล่าใดครับ
     
  4. ใจของกาย

    ใจของกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2014
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +213
    คุณพูดมาก็ถูกแล้วนี่ครับ คุณพูดไงครับ อันนี้คือคุณพูด คุณเข้าใจ เลยตอบได้ ว่าแต่ หลวงพ่อท่านที่เป็นผู้พูด ท่านเข้าใจได้เหมือนที่คุณเข้าใจนี่หรือเปล่าล่ะ เพราะเรากำลังกล่าวถึง ความเข้าใจของหลวงพ่อ โน่นครับ

    ส่วนคุณเข้าใจถูกแล้วครับ
     
  5. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    อ้อ!!
     
  6. ใจของกาย

    ใจของกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2014
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +213
    ก็ถ้าอ้างว่าหลวงพ่อ สามารถ หาเงินได้มาก ร้อยล้าน พันล้าน เพราะหลวงพ่อดีจริงๆ
    อย่างงั้น คนที่เขามีเงิน สี่หมื่นเจ็ดพันล้าน เพราะขายดาวเทียว เขาก็ยิ่ง ดีกว่าหลวงพ่อ ไม่รู้กี่เท่าสินะ แต่ตอนนี้ ยังเร่ร่อน อยู่นอกประเทศเลย

    หรือเณรคำ ไม่รู้มีกี่ร้อยล้าน ก็ยังอยู่นอกประเทศเลย เณณคำก็หาเงินเก่งนะครับ คนมีดี ของเขาเน๊าะ
     
  7. ใจของกาย

    ใจของกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2014
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +213
    ระหว่าง ปัญญามีแต่ บารมีไม่เต็ม

    กับ บารมีเต็ม แต่ปัญญาไม่มี ผมว่า ที่ผมพูดน่าจะสมเหตุสมผลกว่านะครับ

    เพราะในความหมายของผมก็คือ ปัญญาก็คือปัญญา แต่บารมีคือการมีครบกายใจพร้อมแต่ขี้เกียจ ดังนั้น มีบารมี ไช่ว่ามีปัญญา หรอกนะครับ

    คนที่มีปัญญาจริง เขาไม่ต้องรอให้บารมีเต็มก็ไปได้ครับ เพราะ พระนิพพาน เขาเอาปัญญาไปครับ ไม่ได้เอา บารมีไปด้วยหรอกนะครับ
     
  8. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    คิดรวมกันได้ไง

    ถามจริงๆ แยกไม่ออกหรือ ว่าแตกต่างอย่างไร เหอๆ
     
  9. ใจของกาย

    ใจของกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2014
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +213
    ไอ้ความแตกต่างน่ะรู้ อยู่ ว่าแต่คุณคิดได้แค่ความแตกต่างงั้นหรือ

    คุณเห็นความเมือนกัน มั้ยล่ะ
     
  10. ใจของกาย

    ใจของกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2014
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +213
    หลวงตามหาบัว ท่านหาเงินเข้าคลังหลวงได้เยอะ แสดงว่าท่านดีกว่าทุกหลวงพ่อในโลกสิ เอาแบบนี้หรือเปล่า ล่ะ ใครหาเงินได้เยอะคือมีดี มีความวิเศษในตัวมากกว่าคนอื่น เอาแบบนี้มาตัดสินมั้ย ว่าใครหาเงินได้เยอะ แสดงว่า มีวิชาดี ของเขาดีจริงๆ
     
  11. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +708
    *-*
     
  12. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    คนมีพละกำลังจึงจะแบก ของหนักได้ คนมีปัญญาได้แต่เฝ้านั่งคิด ให้ก้อนหินมันขยับ คนที่มีพละกำลังและปัญญา ใช้กำลังกายและสติปัญญายกเอาหินไปได้ ทั้งกำลังกายและกำลังสติปัญญา ต้องใช้การสั่งสมอบรม ผ่านภพชาติ จะยกภูเขากองทุกข์ กองกิเลส ใช่ว่า มันจะยกออกกันง่ายๆ
    เมื่อเรารู้ทุกข์ รู้โทษมันแล้ว ก็เป็นก้าวแรก พาเราไปสู่การสิ้นทุกข์ สิ้นภพ สิ้นชาติในที่สุด
     
  13. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ควรเข้าใจก่อนว่า ตามภาวะที่แท้จริง นิพพานมีอย่างเดียวเท่านั้น แต่ที่แยกออกประเภทออกไป ก็เพื่อแสดงอาการของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนิพพานบ้าง พูดถึงนิพพานโดยปริยาย คือความหมายบางแง่บางด้านบ้าง

    นิพพาน การดับกิเลสและกองทุกข์ เป็นโลกุตรธรรม และเป็นจุดหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา . ดู นิพพานธาตุ


    นิพพานธาตุ ภาวะแห่งนิพพาน, นิพพานหรือนิพพานธาตุ ๒ คือ

    ๑. สอุปาทิเสสนิพพาน ดับกิเลสมีเบญจขันธ์เหลือ (ดับกิเลสได้หมดแล้ว แต่ยังมีชีวิตอยู่)

    ๒. อนุปาทิเสสนิพพาน ดับกิเลสไม่มีเบญจขันธ์เหลือ (ดับกิเลสได้หมดด้วย สิ้นชีวิตไปแล้วด้วย พูดเข้าใจง่ายๆ หมดกิเลสแล้วตายไปแล้ว เช่น พระพุทธเจ้า และพระอรหันตสาวกทั้งหลาย เป็นต้น อาจมีคำถามว่า พระอรหันต์ตายแล้วไปไหน ? ถามกลับให้คิดว่า ประทีปที่ที่หมดเชื้อดับลง ไฟอยู่ที่ไหนล่ะ )
     
  14. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ต่อจาก คคห. โน้น ความหมายคำว่า กิเลส ซึ่งต้องกำจัดให้หมดไปด้วยสิกขา ๓ ตามลำดับแล้วภาวะของจิตที่หมดกิเลสนั่นแหละเรียกนิพพาน

    กิเลส สิ่งที่ทำใจให้เศร้าหมอง , ความชั่วที่แฝงอยู่ในความรู้สึกนึกคิด ทำให้จิตใจขุ่นมัวไม่บริสุทธิ์ และเป็นเครื่องปรุงแต่งความคิดให้ทำกรรม ซึ่งนำไปสู่ปัญหา ความยุ่งยากเดือดร้อนและความทุกข์,

    กิเลส ๑๐ (ในบาลี เดิม เรียกว่ากิเลสวัตถุ คือ สิ่งก่อความเศร้าหมอง ๑๐) ได้แก่ โลภะ โทสะ โมหะ มานะ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา ถีนะ อุทธัจจะ อหิริกะ อโนตตัปปะ,


    ในอรรถกถา ท่านนิยมจำแนก กิเลส เป็น ๓ ระดับ ตามลำดับขั้นของการละด้วยสิกขา ๓ (เช่น วินย.อ.1/22…) คือ

    ๑. วีติกกมกิเลส กิเลสอย่างหยาบ ที่เป็นเหตุให้ล่วงละเมิดออกมาทางกาย และวาจา เช่น เป็นกายทุจริต และวจีทุจริต ละด้วย ศีล (อธิศีลสิกขา)

    ๒. ปริยุฏฐานกิเลส กิเลสอย่างกลางที่พลุ่งขึ้นมาเร้ารุมอยู่ในจิตใจ ดังเช่น นิวรณ์ ๕ ในกรณีที่จะข่มระงับไว้ ละด้วยสมาธิ (อธิจิตตสิกขา)

    ๓. อนุสัยกิเลส กิเลสอย่างละเอียดที่นอนเนื่องอยู่ในสันดาน อันยังไม่ถูกกระตุ้นให้พลุ่งขึ้นมา ได้แก่ อนุสัย ๗ ละด้วยปัญญา (อธิปัญญาสิกขา)
     
  15. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    อีกหน่อย

    กิเลสกาม
    กิเลสเป็นเหตุใคร่, กิเลสที่ทำให้อยาก, เจตสิกอันเศร้าหมอง ชักให้ใคร่ ให้รัก ให้อยากได้ ได้แก่ ราคะ โลภะ อิจฉา เป็นต้น


    กิเลสานุสัย กิเลสจำพวกอนุสัย, กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสันดาน จะปรากฏเมื่ออารมณ์มายั่วยุ เหมือนตะกอนน้ำที่อยู่ก้นโอ่ง ถ้าไม่มีคนกวนตะกอนก็นอนเฉยอยู่ ถ้ากวนน้ำเข้าตะกอนก็ลอยขึ้นมา


    กิเลสมาร มารคือกิเลส, กิเลสเป็นมาร โดยอาการที่เข้าครอบงำจิตใจ ขัดขวางไม่ให้ทำความดี ชักพาให้ทำความชั่ว ล้างผลาญคุณความดี ทำให้บุคคลประสบหายนะและความพินาศ

    กิเลสวัฏฏ์ วนคือกิเลส, วงจรส่วนกิเลส, หนึ่งในวัฏฏะ ๓ แห่งปฏิจจสมุปบาท ประกอบด้วย อวิชชา ตัณหา และอุปาทาน
     
  16. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    คุณวดีปฏิบัติได้แล้ว ลองตอบสิครับ
     
  17. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ต่อจาก คคห.ของตนเองนี้ครับ :)

    ควรเข้าใจก่อนว่า ตามภาวะที่แท้จริง นิพพานมีอย่างเดียวเท่านั้น แต่ที่แยกออกประเภทออกไป ก็เพื่อแสดงอาการของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนิพพานบ้าง พูดถึงนิพพานโดยปริยาย คือความหมายบางแง่บางด้านบ้าง

    นิพพาน การดับกิเลสและกองทุกข์ เป็นโลกุตรธรรม และเป็นจุดหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา . ดู นิพพานธาตุ


    นิพพานธาตุ ภาวะแห่งนิพพาน, นิพพานหรือนิพพานธาตุ ๒ คือ

    ๑. สอุปาทิเสสนิพพาน ดับกิเลสมีเบญจขันธ์เหลือ (ดับกิเลสได้หมดแล้ว แต่ยังมีชีวิตอยู่)

    ๒. อนุปาทิเสสนิพพาน ดับกิเลสไม่มีเบญจขันธ์เหลือ (ดับกิเลสได้หมดด้วย สิ้นชีวิตไปแล้วด้วย พูดเข้าใจง่ายๆ หมดกิเลสแล้วตายไปแล้ว เช่น พระพุทธเจ้า และพระอรหันตสาวกทั้งหลาย เป็นต้น อาจมีคำถามว่า พระอรหันต์ตายแล้วไปไหน ? ถามกลับให้คิดว่า ประทีปที่ที่หมดเชื้อดับลง ไฟอยู่ที่ไหนล่ะ )
     
  18. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    การปฏิบัติธรรม ไม่จำเป็นจะต้องบารมีเต็มก็เข้าถึงพระนิพพานได้
    เพราะถ้าบารมีเต็ม ก็เห็นจะมีแต่พระพุทธเจ้า
    แต่ บารมี คุณธรรม จะต้องมีเพียงพอที่จะส่ง ผู้ปฏิบัติธรรม ให้พ้นจากการร้อยรัดของกิเลส
    จึงต้องสร้าง บารมี ให้เพียงพอที่จะส่งตนไปตาม ภูมิ

    เช่น ทานบารมี อาจจะไม่ต้องถึงกับ ให้ลูกให้เมีย ดังพระพุทธเจ้า แต่เป็นคนรู้จักการเสียสละ และให้ประโยชน์ต่อผู้อื่น ไม่เห็นแก่ตัว

    บารมี จึงน่าจะเป็นเครื่องหนุนนำให้ผู้ที่ปราถนาจะเป็นพระพุทธเจ้ามีกำลังใจ ทำหน้าที่ของตนพาขนสัตว์โลกจนสำเร็จ
    ส่วนบารมีของสาวก เป็นเครื่องส่งเฉพาะตัวของสาวก ก็เป็นกำลังใจที่จะพาเพียงตนนั้นไปสู่นิพพาน
     
  19. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ที่ตอบ คคห.ไหนครับ อ้างอิงมาด้วย
     
  20. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    นิพพาน ตามที่คุณวดีเข้าใจ คือ ยังไง ออกแนวไหน
     

แชร์หน้านี้

Loading...