ช่วยด้วยครับ เครียดมาก คุมความคิดไม่ได้ ขอความกรุณาด้วยครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย pacharapeace, 21 พฤศจิกายน 2014.

  1. pacharapeace

    pacharapeace สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอบคุณมากๆครับ ผมก็ลองทำอยู่ครับ ก็เลยสงสัยว่าตัวพูดมาก นี่ ใช่จิตเราเองหรือเปล่าครับ
     
  2. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ ถูกต้องแล้วครับ และตัวนี้แหละที่มันพูดอยู่ตลอดเวลาว่า "ตัวกูของกู" และตัวมันเองในขณะนี้ก็คือ "กิเลส" ตัวจริงที่รวม "โลภะ ราคะ โทสะ โมหะ" ทั้งหมดเอาไว้ในที่เดียวกันโดยไม่จำเป็นที่จะต้องไปแยก แต่หลัก ๆ ในขณะนี้ของคุณมักจะมี "โมหะ" เป็นลักษณะเด่น

    +++ หากจัดการกับมันได้ (7 ข้อ) ก็จะพ้นออกมาได้เองนะครับ

    +++ ต้องขอตัวไปทำภาระกิจก่อน ชั่วคราว นะครับ
     
  3. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    จขทก. ปฏิบัติเหมือนการเสี่ยงเซียมซี ต่างกันหน่อยตรงที่โยนหัวโยนก้อยนี่แหละ : )
     
  4. momogo

    momogo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    570
    ค่าพลัง:
    +1,158
    เป็นเหมือนกันเลยค่ะ มีช่วงหนึ่งที่หลงมาก เพราะคิดว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    แต่แท้จริงแล้ว ไม่ใช่ กลายเป็นเจ้ากรรมนายเวรแปลงมาหลอกลวง หลายคร้งที่เขาพูดมา แล้วเราทุกข์ใจ เลยรู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว

    อย่าไปยึดติดในเสียง ได้ยินแล้วก็ผ่านเลยไป ไม่ต้องเก็บมาคิด พิจารณาแค่ว่า คำๆนี้มีประโยชน์กับชีวิตไหม ทำให้เราทุกข์ใจไหม ทำให้เราหลงไปไหม นำคำสอนของพระพุทธองค์มาใช้ประกอบการตัดสินใจ

    มีผู้หนึ่งเคยบอกข้าพเจ้าว่า "ความร้ายกาจไม่มีบนสวรรค์" เพราะฉะนั้นอย่าเชื่ออะไรง่ายๆ

    แก้ไขเบื้องต้น ขอขมาพระรัตนตรัย บำเพ็ญบารมี 10 ทัศน์ ตามกำลัง

    อธิษฐาน ขอให้บุญนี้ ทำให้เราเกิดปัญญา สามารถอบรมตนเองได้
    และให้รู้เห็นตามสภาพความเป็นจริง อย่าให้หลงทาง ขอให้เป็นผู้มีสัมมาทิฐิตลอดไป

    สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ เคยพลาดมา ได้รับคำแนะนำจากผู้ใจดี มาบอกต่อ
    ขอให้มีสติปัญญาที่เข้มแข็ง ทำใจให้ผ่องใส อย่าหลงตามเจ้ากรรม
    ที่อยากให้เราทุกข์ใจ เป็นกังวล เดือดร้อน เริ่มใหม่นับจากนาทีนี้ เป็นคนใหม่
    ฉันเป็นคนดี ฉันมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง เทพเทวาคุ้มครองรักษาฉัน
    ฉันมีกัลยาณมิตรที่ดี ทุกคนเป็นกำลังใจให้ฉัน (คิดดี ทั้งตอนเช้า และก่อนนอน)
    ปรับโลกทัศน์ และจิตสำนึกตนเองใหม่ ให้มีความสุขที่สุด ขยายใจให้ใหญ่
    ทำทุกข์ให้น้อยและหายไป คุณเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกค่ะ

    สู้ๆนะคะ
     
  5. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    1. ความคิดเห็นและวิธีปฏิบัติของคุณเปรียบเป็นน้ำเก่า ที่เต็มในขวดในแก้วหรือภาชนะ หากต้องเอาสิ่งใหม่เข้าไป ก็ต้องเทน้ำเก่าออก สรุปให้วางไว้ก่อน อย่าพึ่งเอาเข้ามาปะปนกันกับฌานสมาบัติ
    2. วิธีปฏิบัติฌานสมาบัติ เบื้องต้นต้องรู้จักจุดมโนทวารก่อน จุดนี้หลวงปู่แสดงว่าอยู่ที่จุดดั้งจมูกหักระหว่างดวงตาทั้งสองข้าง เป็นทางเข้าออกของความคิดของกิเลส การปฏิบัติให้ระลึกรู้ที่จุดนี้ เรียกจ้องดูก็ได้ ภาษาธรรมเรียกว่าเพ่ง ระหว่างปฏิบัติจะกำหนดอะไรร่วมหรือไม่กำหนดอะไรเลยก็ได้
    3.การปฏิบัติให้ตั้งใจว่าจะเข้าที่จุดให้ได้ หากเข้ามาถึงแล้วจะรักษาให้อยู่ที่จุดให้นานที่สุด หลุดออกมาก็เข้าไปใหม่ ไม่ต้องรีบไม่ต้องเร่ง ทำได้เพียงใดเอาแค่นั้น ให้ปฏิบัติในทุกอริยบทเท่าที่จะทำได้
    4. ให้ทิ้งอารมณ์อื่นทั้งหมด เมื่อเริ่มจะมีความรู้สึกว่ายากที่จะเข้าหาที่จุด จะมีพลังต้านทานอย่างรุนแรง มีเวทนามึนงง เบลอๆ หนักบ้างเบาบ้าง ก็อย่ากลัว หากเข้าไม่ได้ก็ดูอยู่ห่างๆ แล้วก็ขยับเข้าไปเรื่อยๆ ในสภาพอุปมาอุปไมยคล้ายคุณเป็นเรือลำน้อยที่หลงในทะเลหลวงอันกว้างใหญ่
    5. ต้องมีความตั้งใจว่า อะไรจะเกิดก็ชั่ง เจ็บก็ชั่ง ปวดก็ชั่ง หรือตายก็ชั่ง ก็จะทำตามหน้าที่อย่างที่บอกต่อไป
    6. ต้องทำต่อเนื่องอย่างน้อย 1 อาทิตย์ขึ้นไปจึงจะได้ผลครับ
    7. หลักปฏิบัติควรรู้ให้น้อย เอาแค่นี้ก็พอ รู้มากก็เก็บไปวิตกวิจารณ์ เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติ ให้คุณผ่านตรงนี้ไปก่อน อยากรู้อะไรค่อยมาว่ากันต่อไป อย่าลืมอย่างน้อยต้อง 1 อาทิตย์ทำติดต่อกัน และทำได้ทุกอริยาบทนะครับ
    เจริญในธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2014
  6. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    ให้ดูเรื่องศีลก่อนครับ
     
  7. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    กลับไป ปฏิบัติพื้นฐานกรรมฐาน ภาวนา พุทธโธ ตามปรกติ ครับ

    พวกสิ่งอื่นๆ เสียงต่างๆ นิมิตอะไรก็แล้วแต่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกรรมฐาน ให้ละเสีย อย่าไปสนใจ ให้มี สติ อยู่กับตัวเอง อยู่กับคำภาวนาครับ

    แก้ไข ให้ตัวเอง มีสติ มีกำลังให้มากๆ ขึ้นมาก่อน ถึงจะหายนะ จขกท.

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2014
  8. teww

    teww เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    604
    ค่าพลัง:
    +1,534
    ของคุณอาจเป็นเคสนี้ก็ได้นะ ลองอ่านดูลิ้งค์ข้างล่าง

    ฝันว่าเป็นพระพุทธเจ้ามาเกิดหลังรับแสงทิพย์จากองค์ต้นธาตุต้นธรรม และความจริงที่น่าเศร้าของสายพุทธวงศ์

    เมื่อรู้ตัวเองเป็นใคร ต่อไปจะนึกออกว่าได้รับมอบหมายภาระกิจอะไรจากสมเด็จพ่อพระบรมบิดาองค์ต้นธาตุต้นธรรมให้ลงมาเกิดเพื่อกระทำการนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2014
  9. ตั้งฉาก

    ตั้งฉาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    495
    ค่าพลัง:
    +573
    นิมิต แสดงตัวออกได้หลายทาง ตาม อายตนะ เช่นกัน ได้แก่ ภาพ เสียง กลิ่น รส การกระทบกระเทือนของกาย และ ทางใจ

    ของท่านนั้น แสดงออกมาทาง เสียง
    ถ้าเป็นกุศลธรรม ก็ลองดำเนินตามทดสอบดู
    ถ้าเป็นอกุศลธรรม ก็ละ ทิ้ง ไม่สนใจใส่ใจ

    ไม่ว่านิมิตใดๆ จะแจ่มแจ้งต่อเมื่อ ได้ จตุตถฌาน แล้ว (ข้อนี้สำคัญ)
    หากยังไม่ถึง นิมิตเหล่านี้อาจจริงหรืออาจไม่จริง กลายเป็นสิ่งรบกวนไป จะยังไม่สามารถแยกแยะความถูกต้องได้ เมื่อแยกแยะไม่ได้ก็เปล่าประโยชน์ที่จะไปสนใจ

    พระพุทธเจ้าเองท่าน ก็ให้ละ นิมิตทุกนิมิต (หมายถึงไม่ไปยึดถือ หรือ เกี่ยวโยง เข้ามาพัวพัน ต่อ สมถะ)

    พระพุทธเจ้า มิให้ถือ การเสี่ยงทาย
    การบรรลุธรรม หรือ การเข้าถึงธรรม ไม่ได้อยู่ที่เหรียญ ออกหัว ออกก้อย
    แต่อยู่ที่ การดำเนินตามคำสอนของพระพุทธเจ้า อันได้แก่ ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา

    แก้ไขด้วย สัมมาทิฏฐิ ปรับความเข้าใจให้เป็นไปตามแนวทางคำสอนของพระพุทธเจ้าเสียก่อน อันไหนยังไม่แจ่มแจ้ง ไม่เข้าใจ ก็ให้เข้าสนทนาธรรมกับพระสงฆ์

    ส่วนหนึ่งในคำสอน ได้แก่ ไตรลักษณ์ คือ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา (เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป) [ สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ ย่อมแปรปรวนไป เป็นปกติธรรมดา จึงไม่เป็นสาระแก่นสารเพื่อการยึดถือ ]
     
  10. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,195

    ขอถามหน่อยนะคะ คืออย่างนี้คะ สนใจคำว่า "ตัวพูดมาก" คะ

    ไม่รู้เข้าใจถูกหรือเปล่า

    ถ้าวันไหนเกิดอารมณ์โกรธ หรือ ความเครียดลังเลสับสนตัดสินใจไม่ถูก
    หรือทำอะไรผิดไป แล้วเราก็รู้ทันมัน แต่ รู้ทุกอาการ อาจจะสติตั้งมั่นไม่พอ
    ทำให้เห็นการทำผิดเป็นสิ่งที่ควรทำมากกว่า จึงตัดสินใจทำไป ทั้ง ๆ ที่ใจ
    ก็รู้สึกผิดในบางครั้ง เป็นเพราะอะไรคะ

    เพราะรู้สึกมีทุกข์ จึงอยากนั่งสมาธิ ระหว่างที่นั่งอยู่ รู้สึกว่า ตรงระหว่าง
    กลางอก มีตัวหมุนที่มีแรงเหวี่ยงอย่างรุนแรง เหมือนกับลูกบอลที่ลอย
    อยู่กลางห้อง ความแรงของแรงเหวี่ยง ทำให้ไปกระทบผนังเหวี่ยงไปมา
    ยิ่งเหวี่ยงมากทำให้รู้สึกเหนื่อนและอ่อนล้า

    หากนั่งสมาธิแบบเพ่งอย่างเดียว หรือ กำหนดให้สงบอย่างเดียว
    ไม่สงบเลยคะ ก็ยังเห็นแรงเหวี่ยงหมุนระหว่างกลางอก และ ความเหนื่อยล้าคงเดิม
    (หรืออาจเป็นเพราะว่า เรายังนั่งไม่นานพอ)


    แต่ ถ้าหากนั่งกำหนดความรู้สึกตัว พร้อมกับ มีเสียงพร่ำสอนตัวเองไปด้วย
    ความรู้สึกระหว่างกลางอก เริ่มลดแรงเหวี่ยงน้อยลง ลดแรงกระแทก
    เริ่มหมุนนิ่ง ๆ รู้สุข เบาสบาย ความเครียด อ่อนล้าหายไป

    แต่แรงเหวี่ยงตรงกลางระหว่างหน้าอก ก็ยังหมุนอยู่ไม่ได้ส่ายไปมา เหมือนอย่างเดิม
    แต่ยังมีแรงหนืดอยู่ ตรงนี้เขาเรียกว่าอะไรคะ แล้ว....

    คำพูดที่บอกสอนตัวเองนี่ใช่ "ตัวพูดมากไหม" ถ้าไม่ใช่ คือ อะไร

    มีบางคนบอกว่า ฟุ้งซ่าน ตัวสังขาร หรือ มารสังขาร หรือ อภิสังขาร

    แต่...ไม่น่าจะใช่ เพราะมีสัมปชัญญะตลอด และ มีความตั้งมั่นด้วย
    เพราะนอกจากจะสงบสุขแล้ว ยังค่อย ๆ ปรับความเห็นเราด้วยคะ
    และที่บอกว่า ถ้ารู้จักใช้ ก็มีคุณอนันต์ ใช่สิ่งนี้ไหมคะ ถ้าไม่ใช่
    หมายความว่าอย่างไรนะคะ
     
  11. ตั้งฉาก

    ตั้งฉาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    495
    ค่าพลัง:
    +573
    ยิ่งขยายความมาก ก็ยิ่งไปไกล จาก พุทธวจนะ


    ในปฐมฌาน จะประกอบด้วย วิตก วิจารณ์ ปิติ สุข เอกอัคคตา
    อันผสมปนเปกันไป อันนั้นมาก อันนี้น้อย อันโน้นน้อย อันนู้นมาก วนเวียนไปตลอดเวลา
    ในขณะที่จิตยังไม่ละเอียดพอ จะยังจับไม่ได้ ว่าอะไรเป็นอะไร
    พอมันปนไปปนมา จึง งง เมื่อพยายามใช้สมองเข้าไปมีส่วนร่วม
    แล้วยิ่ง นิวรณ์5 เข้ามาปนอีก ยิ่ง งงงวย ไปกันใหญ่
    (แต่ก็ยังดีกว่าพวกที่ เจอ เอกอัคคตา แค่แวบเดียว แล้วอุปทานไปว่า ตัวเองถึงแล้วจบแล้ว แบบนี้มีเยอะ ... ยังปฐมฌานอยู่เล้ยยยย)

    ในปฐมฌานเบื้องต้น ท่านจึงให้ ทำวิตกวิจารณ์ เป็นการบริกรรมโดยอาจจะใช้ คำบริกรรม หรือ กสิน หรือ อารมภ์ แล้วแต่ความยากง่ายที่จะทำให้จิตจดจ่อกับสิ่งนั้นได้


    อาการต่างๆทางกายที่ปรากฏอยู่ จัดอยู่ในเรื่องของปิติ ที่มีเป็นหมื่นเป็นแสนอาการ มันจะปรากฏเยอะไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งเราเลิกสนใจมัน ปิตินั้นๆ ก็จะดับลงสิ้น

    อาการโกรธนั้น มันเป็นกิเลสขั้นอภิมหามาร การหยุดมันนั้น ต้องใช้วิปัสสนาอย่างหยาบ(แม้จะยังไม่ถึงฌาน4 ก็ตาม) หาดู เหตุและปัจจัยของมัน มันมีต้นตออย่างไร แล้ว สืบค้นลึกเข้าไปเรื่อยๆ สดุดตรงไหนก็พิจารณาก่อนว่า
    1. โกรธ นั้น ให้อภัยได้ไม๊ (อโหสิกรรม)
    2. โกรธ นั้น แลกได้ด้วยเมตตาไม๊ (พรหมวิหาร4)
    3. โกรธ นั้น ให้เป็นทานได้ไม๊ (ขอบิณทบาตร)

    ถ้ายังไม่ได้ สืบค้นลึกเข้าไปอีกว่า ทำไมเราจึงทำ 3 สิ่งนี้ไม่ได้
    เราขาดอะไรไป (ศีลพอหรือยัง สมาธิพอหรือยัง เป็นต้น)
    ถ้ายังละก้อ ต้องกลับไปเริ่มที่ ทาน เลย
    ทำทานบ่อยๆ แล้ว กรวดน้ำ
    กรวดน้ำบ่อยๆ บ่อยๆ บ่อยๆ บ่อยๆ (ไม่จำเป็นต้อง ทาน หนึ่งครั้ง กรวดหนึ่งครั้ง อาจกรวดไปเรื่อยๆ ขวดแล้วขวดเล่า จนใจโปร่งโล่งสบาย ก็ได้)
    (แล้ว วันนึงจะพบว่า จิตขณะกรวดน้ำปล่อยไปขณะนั้น มีสภาพอย่างไร สภาพนั้นแหละ เอามาเป็นองค์บริกรรม ในสมาธิ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2014
  12. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ เป็นเพราะ "รู้กายานุปัสสนา แต่ ไม่รู้ ธรรมานุปัสสนา" คุณ jityim รู้เฉพาะฝ่าย "รูป" กาย-จิต แต่ยังไม่รู้ฝ่าย "นาม" เวทนากาย-เวทนาจิต จึงได้ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็น "รู้ทั้งรู้ แต่ยังทำ"

    +++ "ตัวหมุน" เป็นผลลัพธ์มาจาก "อาการดู ของ ตัวดู" ควบคุมที่ "ตัวดู" ได้เมื่อไร ก็จะ "ควบคุม" การหมุนทุกจุด

    +++ "นั่งนาน" ไม่ใช่เรื่องจำเป็น แต่สิ่งที่จำเป็นคือ "นั่งถูก"

    +++ ความสงบ "เป็นผล" มาจาก การเดินจิต "ที่ถูกต้อง" ต้อง "รู้วิธี" ที่เมื่อทำแล้วความสงบจึงเกิด ไม่ใช่ "บังคับ" ให้สงบ ทั้งหมดเป็นเรื่องของ "การอยู่ ทางจิต"

    +++ อยู่เป็นก็ "อยู่เป็นสุข" อยู่ไม่เป็นก็เป็นพวก "อยู่ไม่เป็นสุข"

    +++ เป็นอาการที่ "ถูกต้อง" สิ่งที่ควรตรวจสอบตรงนี้คือ "เมื่อความรู้สึกตัวมาก แรงเหวี่ยงจะน้อยลง" และ "เมื่อความรู้สึกตัวน้อยลง แรงเหวี่ยงจะเพิ่มขึ้น"

    +++ ส่วน "เสียงพร่ำสอน" นั้น ยังมีอยู่ จะดับหรือหยุดได้ ก็ต่อเมื่อ "หยุดตน" ได้แล้วเท่านั้น (นิโรธสมาบัติ ลองหาดู หลวงปู่ดูลย์ ท่านเคยกล่าวไว้)(คนที่ไม่ได้ฝึก หรือ ฝึกไม่ถึง จะไม่มีโอกาสที่จะ รู้จัก ตัวนี้ได้เลย)

    +++ จะเรียกว่าอะไรก็ตาม "อย่าไปเกี่ยงกับคำศัพท์" ให้มากเกินไป แต่ที่แน่ ๆ คือ "มันไม่ใช่ตัวของ jityim" ใช่ป่าว

    +++ ใช่ มันคือ "ตัวพูดมาก" หากจะให้มัน สวดมนต์ มันก็สวด จะให้มัน ท่องพุทโธ มันก็ท่อง จะให้มันทำอะไร มันก็ทำ

    +++ "เราใช้มัน" มันก็ทำให้ แต่ ถ้าเผลอให้ "มันใช้เรา" เมื่อไรก็ "ซวย" เมื่อนั้น

    +++ "ตัวพูดมาก" เป็น "ขันธ์" ชนิดหนึ่ง และ หลวงปู่สิม พุทธาจาโร (ถ้ำผาปล่อง) ท่านเรียกมันว่า "วจีจิตตะสังขารขันธ์"

    +++ ผู้ที่ "เห็น" มันได้ ย่อมจัดว่าเป็นผู้ที่เห็น "ขันธ์" เช่นกัน

    +++ จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ "จิตที่ฝึกดีแล้ว นำสุขมาให้" ของพระพุทธเจ้า "จิตเห็นจิต เป็นมรรค" ของหลวงปู่ดูลย์ "เห็นจิต ฝึกจิต ใช้จิต" ของหลวงพ่อสุวัจจ์ สุวโจ

    +++ "ใช้จิตได้" ก็มีคุณอนันต์ แต่ถ้าหาก "โดนจิตใช้" ก็มีโทษมหันต์

    +++ หากคุณ jityim ต้องการรายละเอียดเกี่ยวกับ "วิธีปฏิบัติ" ในเรื่องของ "ตัวพูดมาก" ก็ควรเข้าไปดูในห้อง XP จะสะดวกกว่า เพราะห้อง "ฝึกปฏิบัติ" ที่ผมดำเนินอยู่ มีเรื่องที่เกี่ยวกับตรงนี้มากพอสมควร

    +++ แต่ถ้าหากชอบ "แนวคิดเห็นหลากหลาย" ก็อยู่ในห้องนี้ไปก่อนเรื่อย ๆ เพราะห้องนี้มีแนวที่เหมาะสมกับ "ความคิดแยะหลายหลาก" สามารถ shopping ได้ตามสะดวก นะครับ
     
  13. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    เครียดตรงอยากไม่อยากนี่แหละครับ จะรีบไปนิพพาน เครียดจุง

    สมมติอยากไปสนามหลวงนั่งสาย70จากประชาชื่นไปด้วยเหตุ รถติดบ้างไรบ้าง เดี๋ยวก็ถึงเนาะถ้านั่งถูกทางละ เช็คเส้นทางละ มันจะรถติดบ้างไรบ้างก็ตามธรรมดา
    เราจะไปควบคุมจราจรก็ทำไม่ได้เนาะ

    สมมติไปสนามหลวงเช็คเส้นทางGPSแล้ว จะโยนหัวก้อยเสี่ยงทายอีกไหม
     

แชร์หน้านี้

Loading...