หากมนุษย์ไม่เลิกทานเนื้อสัตว์ วันล้างโลกมิอาจเลี่ยงได้

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย bamrung, 30 มกราคม 2008.

  1. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    836
    ค่าพลัง:
    +1,524
    ไม่ใช่คุณจะทานเนื้อสัตว์ไม่ได้ (หากมันตายเองและคุณไม่ได้รู้สึกรังเกียจ) แต่ในความเป็นจริงเราไม่ได้ทานสัตว์ที่ตายเอง เมื่ออุปสงค์มีมาก(คนกินมาก) อุปทานต้องเพิ่มขึ้นเพื่อให้อยู่ในระดับเดียวกัน(ฆ่ามาก) ปานาติบาตที่ผู้ร่วมโลกได้กระทำย่อมเกิดพลัง ลบ สะสมในบรรยากาศโลก(รวมกับ พลังลบ ที่มนุษย์ไร้ศีลธรรมสร้างขึ้นด้วย)
    คุณย่อมไม่อาจปฏิเสธผลกระทบนั้นได้เลย ผลของพลังลบนั้น ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว ทำได้เพียงบรรเทาลงเท่านั้น เปรียบเสมือนศาลได้พิพากษาประหารชีวิต แต่เราได้รับสารภาพ สำนึกผิด ศาลอาจลดหย่อนให้เหลือเพียงจำคุกตลอดชีวิต แต่ไม่อาจจะปล่อยไปโดยไม่ลงโทษได้เลย
    บางอย่างผมอยากกล่าวไว้ตรงนี้ แต่ผมไม่อาจกล่าวอะไรได้มากกว่านี้ เพราะ...ท่านไม่อนุญาติ ผมทำได้เพียงเชิญชวนท่านทั้งหลาย เลิกทานเนื้อสัตว์เท่านั้น เพราะท่านทั้งหลายในเวบนี้ก็ล้วนแต่ ปฏิบัติธรรม ตามฐานะของตนเองอยู่แล้ว
    เหตุที่พระผู้ รู้แจ้ง หลายท่าน ได้ญาณเห็นบางสิ่งบางอย่าง เช่นความเป็นไปของโลก ท่านจึงไม่ทานเนื้อสัตว์ เช่น อาจารย์รัตน์ รัตนญาโน สมณโพธิรักษ์ ฯลฯ
    หากโพสนี้ไม่ตรงกับความเห็นของท่านใด ข้าพเจ้าขออภัยมา ณที่นี้ด้วย
     
  2. mamboo

    mamboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +1,973
    copy ข้อความตัวเองจากอีกกระทู้มานะคะ :

    พระพุทธเจ้าไม่ได้ฉันเนื้อเลยยยยยยยยยค่ะ

    เคยสงสัยมั้ยคะว่า ทำไมพระพุทธเจ้า ต้องไปอุบัติ(เกิด) ที่อินเดีย

    ก็เพราะ ประเทศอินเดียนับถือ ฮินดู

    ศาสนาฮินดูไม่กินเนื้อ เพราะเนื้อสัตว์เป็นของชั้นต่ำ

    แล้วพอพระพุทธเจ้าท่านบวช ตรัสรู้ ท่านก็ไม่ได้ทานเลย เพราะรู้สึกมีเมตตา และสงสาร

    เหตุฉะไหน พวกเราถึงได้เห็นเนื้อของสัตว์เป็นของเอร็ดอร่อย

    พระพุทธเจ้าท่านทาน มังสวิรัติค่ะ แล้วท่านไม่ได้บัญญัติเรื่อง กินเจ เพราะ จะทำให้ญาติโยมมีความยุ่งยากในการหาอาหาร

    ถ้าการฉันของพระ ทำให้ญาติโยมต้องยุ่งยาก พระก็จะได้บาปนะคะ

    แต่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์อ่ะ ญาติโยมเอามาให้ ท่านก็ไม่ได้กินชิ้นเนื้อ กินแต่ส่วนที่เป็นผักและน้ำ

    แล้วทีนี้...ขอถามกลับนะคะ

    หลักการง่ายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆที่สุดในโลกก็คือ

    ถ้ามีคนเอาเนื้อคุณไปเป็นอาหาร คุณจะโกรธไหมล่ะ???

    เจ้าของกระทู้อ่ะ ไม่ต้องถามหรอกค่ะว่า บาปหรือไม่บาป

    เพราะของเหล่านี้ มันเป็นสิ่งที่รู้อยู่แก่ใจค่ะ...

    แค่มีคนเอามีดมากรีดเนื้อเรา เราก็ยังโกรธเค้า บางคนก็ไปฟ้องศาล

    แต่พวกเราไปทำกับสัตว์ที่อ่อนแอกว่าอย่างงั้น คุณคิดยังไงล่ะคะ

    เราคิดว่า "มนุษย์บางพวก" เป็นสัตว์ที่เห็นแก่ตัวที่สุดในเอกภพ นี่คือสิ่งที่คิดได้

    ไม่ต้องคิดว่าบาปหรือไม่บาป แค่รู้จักเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา แค่นี้ก็น่าจะรู้แล้วว่า ควรหรือไม่ควรทำ

    ขอบคุณค่ะ

    การเห็นเนือ้หนังของสัตว์อื่น(เพื่อนร่วมโลก) เป็นของอร่อย คงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่..<!-- / message --><!-- sig -->
     
  3. mamboo

    mamboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +1,973
    แต่...ไม่ว่ามนุษย์จะเลิกกินเนื้อสัตว์หรือไม่..

    โลกก็ไม่ถูกล้างค่ะ..

    เพราะธรรมชาติได้กำหนดให้โลกเรามีทั้ง ความดี ความชั่ว

    ความชั่วเป็นของที่มีอยู่ในธรรมชาติ ซึ่งบางครั้งมันก็ทำให้เกิดความสร้างสรรค์

    อย่าไปคิดมากเลยค่ะ โลกไม่แตกหรอก... เพราะ เอกภพไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด

    ทุกๆอย่าง ดำเนินไปพร้อมๆกันหมด

    แต่เราทำดี เราจะได้ดีค่ะ แม้แต่การคิด ก็เป็นการกระทำ ในภาษาอังกฤษ คำว่า think ยังถือเป็น verb เลย

    เพราะงั้น... ไม่เพียงแต่การกระทำที่ต้องดีเท่านั้น ความคิดก็ต้องดีด้วย

    คิดดี ทำดี ย่อมได้ผลดี คนคิดไม่ดี ก็ได้ผลไม่ดี บางที ปลาที่ถูกมนุษย์จับไปกิน ชาติที่แล้วปลาตัวนั้นอาจจะเคยทำแบบนี้กับมนุษย์ผู้นั้นก็ได้

    ขอให้ทุกคน จงรักผู้อื่น เหมือนรักตัวเอง แล้วเราจะไม่เบียดเบียนใครค่ะ ^^
     
  4. com16

    com16 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2005
    โพสต์:
    454
    ค่าพลัง:
    +1,182
    ฮินดู มีสี่วรรณะ พราห์ม กษัตริย์ แพทย์ ศูทร เฉพาะ วรรณะพราห์ม เท่านั้นครับที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์
     
  5. Starsophere

    Starsophere เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +437
    จะมีศาสนาหรือไม่ จะมีคนกินเนื้ออย่างเดียว หรือกินเจ อย่างเดียว จะมีสิ่งมีชีวิตหรือไม่ อย่างไรเสียโลกก็จะต้องพบกับภัยพิบัติต่าง ๆ จะพูดว่าถูกล้างก็ได้ เพราะมันเป็นธรรมชาติของจักรวาลนี้ที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง ชีวิตมนุษย์นั้นสั้นจึงมองไม่ค่อยจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น สุริยะจักรวาลเองอีกสี่พันห้าพันล้านปีต่อไปก็ต้องแตกดับรวมถึงโลกใบนี้ด้วยซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติล้วน ๆ เอาแค่ดวงจันทร์ที่กำลังค่อย ๆ ถอยห่างจากโลกออกไปทีละนิดหากถอยออกจนถึงจุดหนึ่งซึ่งทำให้แรงดึงดูดระหว่างโลกกับดวงจันทร์ลดลงมากจะทำให้แกนหมุนของโลกส่าย เหมือนลูกข่างที่กำลังจะหยุดเพียงแค่นั้นฤดูกาลต่าง ๆ ในโลกจะแปรปรวน เขตร้อน เขตหนาวในโลกจะเปลี่ยนแปลง สิ่งมีชีวิตในโลกจะประสบภัยพิบัติ แต่พวกเราคงไม่ได้เห็นเพราะนานมาก
     
  6. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,792
    ค่าพลัง:
    +7,482
    เราว่ามีอะไรกินก็กินๆเข้าไปเหอะ กินเพื่ออยู่ อย่าไปคิดมากว่ากินผักแล้วจะบรรลุมรรคผล แล้วเรื่องล้างโลกอะไรนี่ก็อย่าไปใส่ใจมากนัก โลกเราเกิดมานานแล้ว มันผันเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อยๆ ก็โลกมันยังหมุนอยู่ทุกวินาที มีกลางวันมีกลางคืน อยู่ทุกๆวัน มันก็ย่อมที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ภัยพิบัติต่างๆ มันก็เกิดขึ้นตลอดทุกวันนั่นแหล่ะ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเจอแจ๊กพอตก่อนกัน ก็เท่านั้นเอง

    ถ้าโลกหยุดหมุนเมื่อไหร่ ค่อยมาคุยถึงเรื่องวันล้างโลกก็แล้วกัน
     
  7. โมกข์ป่า

    โมกข์ป่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +204
    น่าคิดค่ะ น่าคิดเหมือนกัน

    แต่ตามหลักแห่งกรรมแล้ว สัตว์ทั้งหลายที่เกิดมาในโลกนี้ ล้วนเกิดมาใช้กรรมกันทั้งสิ้น ทั้งกรรมดี และกรรมชั่วที่ได้เคยทำไว้ในอดีต

    คนบางคน สัตว์บางตัว เกิดมาเพื่อที่จะถูกฆ่า เพราะชาติภพก่อนได้เคยทำบาปกรรมไว้มาก ต้องเกิดมาชดใช้

    แต่หากเราลดการฆ่าสัตว์เพื่อเอามาเป็นอาหารน้อยลง ก็คงจะพอบรรเทากรรมเหล่านั้นให้บางลงได้ และหากงดได้ ก็คงจะดีมิใช่น้อยเลยทีเดียว

    เปลี่ยนจากฟาร์มเลี้ยงสัตว์เนื้อ มาเป็นแปลงปลูกผักเพื่อบริโภค หรือเป็นสวนผลไม้เพื่อยังชีพ โลกนี้คงสงบสุขขึ้นเยอะเนอะ

    ว่างั้นมั้ย?



    ส่วนเรื่องล้างโลก หากพิจารณากันให้ดีๆ ตอนนี้ธรรมชาติก็ได้เริ่มโครงการล้างโลกแล้วนะ

    ล้างที่ละนิด ทีละหน่อย หากประมาทก็อาจได้เข้าร่วมโครงการโดยไม่รู้ตัว

    โดยส่วนตัว การล้างโลกคงไม่ใช่การล้างครั้งเดียวเสร็จหรอก ธรรมชาติคงจะให้โอกาสมนุษย์ในการเตรียมตัวบ้าง และคงต้องการให้มนุษย์ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น มันเป็นผลของการกระทำของมนุษย์ที่ทำลายธรรมชาติ ทำลายสิ่งแวดล้อม

    และสั่งสอนให้มนุษย์ได้สำนึกด้วยว่า มนุษย์นั่นแหละ ที่เป็นคนวางแผนโครงการล้างโลกกันเอง (โดยไม่รู้ตัว) เพราะมุ่งพัฒนาแต่เทคโนโลยี และวัตถุ เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้แก่มนุษย์ผู้เกียจคร้านทั้งหลาย (รวมทั้งตัวเราด้วยแหละ)

    ล้างโลกหรือไม่? คงขึ้นอยู่กับความคิดของแต่ละคนแล้วล่ะ

    แต่เราว่า ... ตอนนี้ธรรมชาติกำลังกำจัดส่วนเกินต่างๆ ออกไปจากโลกนี้อยู่ เพื่อให้โลกกลับมามีสมดุลอีกครั้ง ซึ่งเรา อาจจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่จะโดนกำจัดไปด้วยก็ได้ ใครจะไปรู้ นอกเสียจากว่า ท่านจะปฏิบัติถึงเท่านั้น จึงจะรู้ได้

    ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน ส่วน ความไม่แน่นอนนั่นแหละ คือความแน่นอนที่สุด เหมือนน้าแอ๊ดแกว่าไว้เลยนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2008
  8. สี่จุด

    สี่จุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    705
    ค่าพลัง:
    +3,658
    อืมม์...เราเองก็ไม่กินเนื้อสัตว์นะ
    แต่.....เราว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
    แรกๆที่ไม่กินเนื้อสัตว์ ก็มองคนที่กินว่า เอ้อ...
    เวรกรรม ทำไม่รู้จักหยุดจักหย่อน
    แต่เดี๋ยวนี้ กลับมองว่า มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
    ที่จะไปบอกให้ใครๆ ไม่กินเนื้อสัตว์ ความต่างจิต
    ต่างใจถึงจะเป็นธรรมชาติของจักรวาลโดยแท้
    มีขาว ย่อมมีดำ
    มีกลางวัน ย่อมมีกลางคืน
    เดี๋ยวนี้ เราไม่เคยว่าใครเลย ใครจะกินหรือไม่
    ก็สุดแท้แต่....
    เพราะสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
     
  9. อมตนคร

    อมตนคร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +299
    ในคืนที่พระพุทธเจ้าจะปริพพานนิพพานนั้น พระองค์ได้ทรงเสวยอาหารที่นายจุนทะเป็นคนนํามาถวายเป็นซึ่งอาหารนั้นทํามาจากสุกรซึ่งเป็นพิษ โดยพระพุทธเจ้าได้ตรัสบอกพระอานนท์ว่า
    พระจอมมุนีทรงประทับ สงบนิ่งด้วยอาการแห่งผู้เจนจบและเข้าใจในความเป็นไปทั้งปวง ก่อนหน้านี้เพียงเล็กน้อย เมื่อพระองค์ผ่านมาทางเมืองปาวา ประทับ ณ สวนมะม่วงของนายจุนทะบุตรแห่งนายช่างทอง นายจุนทะ ทูลอาราธนาพระพุทธองค์รับภัตตาหาร ณ บ้านแห่งตน แล้วจัดแจงขาทนียโภชนียาหารอย่างประณีต รุ่งขึ้นได้เวลาแล้วอาราธนาพระพุทธองค์และภิกษุสงฆ์เพื่อเสวย พระพุทธองค์ทอดทัศนาการเห็นสูกรมัทวะ อาหารชนิดหนึ่งซึ่งย่อยยาก จึงรับสั่งให้ถวายแด่พระองค์แต่เพียงผู้เดียวมิให้ถวายแก่ภิกษุรูปอื่น เมื่อพระองค์เสวยแล้วก็รับสั่งให้ฝังเสีย ดูเถิด ! พระมหากรุณาแห่งพระองค์มีถึงปานนี้ สำหรับพระองค์นั้นมิได้ห่วงใยในชีวิตอีกแล้ว เพราะถึงอย่างไรก็ต้องนิพพานในคืนวันนี้แน่นอน ทรงเป็นห่วงภิกษุสาวกจะลำบากถ้าฉันอาหารที่ย่อยยากชนิดนั้น ประหนึ่งมารดาหรือบิดาผู้เปี่ยมด้วยเมตตาธรรมในบุตรของตน ทราบว่าอะไรจะทำให้บุตรธิดาลำบาก ย่อมพร้อมที่จะรับความลำบากอันนั้นเสียเอง สูกรมัทวะให้ผลในทันที อาการประชวรของพระองค์ทรุดหนักลงอย่างน่าวิตก มีพระบังคนเป็นโลหิต แต่ถึงกระนั้นก็ยังเสด็จด้วยพระบาทเปล่าจากปาวาสู่กุสินารานครดังกล่าวแล้ว

    "อานนท์ ! เมื่อเรานิพพานไปแล้วอาจมีผู้กล่าวโทษจุนทะว่าถวายอาหารที่เป็นพิษ จนเป็นเหตุให้เราปรินิพพาน หรือมิฉะนั้นจุนทะอาจจะเกิดวิปปฏิสาร เดือดร้อนใจตัวเองว่าเพราะเสวยสูกรมัทวะอันตนถวาย พระตถาคตจึงนิพพาน ดูกรอานนท์ ! บิณฑบาตทานที่อานิสงส์มาก มีผลไพศาล มีอยู่สองคราวด้วยกันคือ เมื่อนางสุชาดาถวายเราก่อนจะตรัสรู้ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่งที่จุนทะถวายนี้ ครั้งแรกเสวยอาหารของสุชาดาแล้วตถาคตก็ถึงซึ่งกิเลสนิพพาน คือการดับกิเลส ครั้งหลังนี้เสวยอาหารของจุนทะบุตรนายช่างทองแล้วเราก็นิพพานด้วยขันธนิพพานคือ ดับขันธ์ อันเป็นวิบากที่ยังเหลืออยู่ ถ้าใครๆ จะพึงตำหนิจุนทะ เธอพึงกล่าวให้เขาเข้าใจตามนี้ ถ้าจุนทะจะพึงเดือดร้อนใจ เธอพึงกล่าวปลอบใจให้เขาคลายวิตกกังวลเสีย อาหารของจุนทะเป็นอาหารมื้อสุดท้ายสำหรับเรา"

     
  10. dark-green

    dark-green เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    132
    ค่าพลัง:
    +310
    Sa - tu - na - ka
     
  11. naei

    naei Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +94
    คนเป็นสัตว์ กินพืช ตามหลักสรีระ เรามีฟันไว้บดอาหาร ไม่มีเขี้ยว

    เราไม่มีเล็บที่งุ้มงอ เหมือนสัตว์กินเนื้อ เรามีเล็บแบน

    เรามีลำไส้ ยาวประมาณ 8 - 12 เท่า ของลำตัว ขณะที่สัตว์กินเนื้อ เพียงแค่ 4 เท่าของลำตัว

    เราดื่มน้ำโดยการผ่านริมฝีปาก แต่สัตว์กินเนื้อ ใช้ลิ้นตวัดกินน้ำ

    ชาวเอสกิโม อายุเฉลี่ย อยู่ที่ 35-40 ปี

    ชาวเผ่า hunza กินแต่พืชเป็นหลัก อายุเฉลี่ย 100 ปี

    อีกเยอะนะ แต่จำได้แค่นี้
    -----------------------------------------------------
    เป็นกำลังใจให้กับผู้ไม่ทานเนื้อสัตว์ทุกท่าน
    หยุดเอาชีวิตอื่น มาต่อชีวิตเรา เราอยู่ได้ โดยไม่ทานเนื้อสัตว์ตลอดชีวิตเรา
    ผมไปรู้จักคน นับถือศาสนาซิกซ์ คนนึง เค้าเป็นซิกซ์ที่ไม่ทานเนื้อสัตว์มาตั้งแต่เกิด ตอนนี้เค้าเรียนแพยท์อยู่ เป็นผู้หญิง ก็ไม่ได้โง่ หรือขาดสารอาหารใด ๆ เลย มันเป็นความเข้าใจผิดที่ผู้รู้บางคนว่า ถ้าเราไม่กินเนื้อสัตว์เลยจะขาดสารอาหาร แต่ถ้าเรารู้จักเลือกที่กิน อาหารเจ หรือ มังสวิรัติ ก็ไม่ทำให้ขาดสารอาหารแต่อย่างใด แน่นอน
     
  12. soonram

    soonram เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2007
    โพสต์:
    719
    ค่าพลัง:
    +1,406
    ถ้าเลิกกินได้ก็ขอโมทนา แต่หลวงปู่แหวนบอกว่า ควายกินหญ้ามาตั้งนานยังไม่เห็นมันเป็นอรหันต์ซักตัว..
     
  13. {ผู้ชนะสิบๆทิศ}

    {ผู้ชนะสิบๆทิศ} เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +917

    เจตนาสำคัญที่สุดครับ ถามคว่าควายมีเจตนาจะไม่กินเนื้อหรือไม่ ตอบว่าไม่เพราะเป็นธรรมชาติของมันเอง


    ธรรมชาติควายคือการกินหญ้า สังเกตจากฟัน และระบบย่อยอาหาร


    ธรรมชาติคนก็คือการกินผัก สังเกตจากฟัน และระบบย่อยอาหาร เช่นกัน


    เพราะฉะนั้น คนที่ไม่มีเจตนาจะมีส่วนร่วมในวงจรของการฆ่า ก็จะได้บุญจากตั้งแต่การคิดแล้ว
     
  14. soonram

    soonram เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2007
    โพสต์:
    719
    ค่าพลัง:
    +1,406
    หลวงปู่ท่านพูด อุปมาอุปไมยให้ฟังว่า ถ้าคนเราไม่กินเนื้อสัตว์ แต่กิเลส ตัณหายังอยู่ครบมันก็เท่านั้นแหล่ะ จะเป็นเนื้อสัตว์ เป็นพืช ขออย่าเข้าไปติดในรสเป็นใช้ได้ ถ้าไม่กินเนื้อได้ก็ขอโมทนาครับเพราะจะเป็นประโยชน์ตอร่างกายมาก
     
  15. longhorn48

    longhorn48 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2006
    โพสต์:
    377
    ค่าพลัง:
    +874
    คนกินสัตว์มาก ทำให้ life - stream เพิ่มมากขึ้น
    แต่ในขณะเดียวกัน Shin - ra ก็ทำการดูด Life - stream ขึ้นมาใช้เรื่อยๆ

    ทำให้ life - stream ซึ่งค้ำจุนโลก เหือดหายไปหมด โลกเลยพิโรธ...
     
  16. skyboy

    skyboy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    555
    ค่าพลัง:
    +592
    การกินเนื้อสัตว์มันก็มีส่วนครับ ถ้าจะมองกันว่ามันเป็นการเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น
    แต่ผมมองที่เจตนามากกว่าครับ ทุกวันนี้มีให้กินก็ดีแล้ว 555
    กรรมมุนาวตติโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม...
     
  17. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    836
    ค่าพลัง:
    +1,524
    ขออภัย การใช้คำว่าล้างโลกอาจจะรุนแรงไป มันเหมือนการที่เราทำความสะอาดบ้านที่มันสกปรกมานานนั่นแหละ มันจะมีช่วงเวลา วิกฤติ ช่วงระยะเวลาหนึ่ง มันเกี่ยวกับภัยภิบัติบนโลกนี้ เชื่อมโยงกับพลังลบที่อยู่ในบรรยากาศโลก ส่วนหนึ่งเกิดจากกรรมปานาติบาต และเชื่อมโยงกับการทานเนื้อสัตว์ด้วย คนบนโลกจะรับรู้ได้ ชัดเจนกว่านี้มาก ตอนนี้มันคล้ายๆ แต่ยังไม่ใช่เวลานั้น มันคือความเป็นไปของโลกใบนี้ แต่มนุษย์สามารถแก้ไขตนเองได้ คนที่ทานเนื้อสัตว์และไม่ได้ปฏิบัติธรรมที่ดียากที่จะผ่านวิกฤติช่วงนี้ไปได้ โลกยุคใหม่หลังจากนี้มนุษย์จะไม่ทานเนื้อสัตว์อีก(เป็นไปได้ว่าอาจจะไม่มีเนื้อสัตว์ให้ทานหรือไม่มีคนฆ่าให้ทานก็เป็นได้) คนที่ต้องการเข้าสู่ยุคใหม่ อาจจะต้องฝึกทานมังะวิรัติไว้ก็ดีนะครับจะได้ชิน ความจริงผมไม่อยากกล่าวเรื่องนี้เลย เพราะผมยอมรับว่า พระที่ท่านฉันเนื้อสัตว์ ก็บรรลุอรหันต์ บรรลุธรรมขั้นสูง เป็นคนดี มีมากมาย แต่ในที่นี้ผมจะกล่าวถึงความเป็นไปของโลก ว่า วิกฤติภัยภิบัตินี้เชื่อมโยงกับการทานเนื้อสัตว์ของมนุษย์บนโลกใบนี้ ถ้ามนุษย์ ณ เวลานี้ เลิกทานเนื้อสัตว์ หรือทานเนื้อสัตว์ จะส่งผลต่อ วิกฤตินั้น ให้บรรเทาลง
    วิกฤติ ทางธรรมชาติในช่วงเวลา... อาจเป็นการเตรียม โลกใหม่ซึ่งคนในโลกใหม่นี้ จะไม่ทานเนื้อสัตว์นั่นเอง
    แน่นอนว่าโลกนี้จะล้างหรือไม่ วันหนึ่งเราก็ต้องตายอยู่ดี หลังจากนั้นโลกนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราอีก หวังเพียงประโยชน์แก่บางท่าน(รวมทั้งผม)ที่ยังประมาทในชีวิตว่า เวลาบนโลกนี้มีน้อย จงใช้เวลาที่มีอยู่ยกระดับ จิตใจ (ละชั่ว ทำดี ทำใจให้บริสุทธิ์) หรือเมื่อมีเหตุเกิดขึ้น ก็จะร้อง อ๋อ เคยมีคนกล่าวเรื่องนี้ไว้แล้ว
    เรื่องนี้อาจจะเป็นมรณานุสติ ความกลัวตาย เป็นเหมือนเครื่องเตือนสติ ให้เราแสวงหาธรรมะมากขึ้น
    โดยสรุปคือ ถ้าหากมนุษย์บนโลกนี้ ทานเนื้อสัตว์น้อยลง จะบรรเทา วิกฤติภัยทางธรรมชาติ ลงได้
     
  18. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,129
    จะบรรเทาได้หรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่าคนบนโลกนี้ยากมากที่จะไม่ทานเนื้อสัตว์

    เอาเพียงแค่ประเทศไทย ประชากร ๖๓ -๖๔ ล้านคนจะมีคนที่ทานมังสวิรัติเป็นประจำได้ถึง ๑๐ ล้านคนไหม....ทำใจได้อย่างเดียว

    ถ้าไม่มีภัยพิบัติคงจะเลิกทานเนื้อสัตว์ได้ยากครับ<!-- / message -->
     
  19. mamboo

    mamboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +1,973
    พูดได้ดีค่ะ ถูกใจมาก อิอิ ^^ หลายๆคนควรจะรู้ข้อนี้นะคะ

    พวกเรามีร่างกายเนื้อหนัง ที่เหมาะสมกับการกินพืช

    สังเกตุได้ว่า... กินสัตว์แล้วตัวเหม็น ย่อยยาก มีพิษมากมาย

    ต้นไม้ เราเด็ดมัน มันก็เกิดใหม่ มันไม่มีความเจ็บปวด เพราะมันเกิดมาเพื่อเป็นอาหารของสัตว์

    พืชผักผลไม้ มีคุณค่าสารอาหารครบ 5 หมู่จริงๆ ไม่ต้องเบียดเบียนสัตว์

    เราไม่ได้เกิดมากินสัตว์ด้วยกัน

    ตอนที่เอามีดทุบหัวปลา ก็ลองเอาค้อนทุบหัวตัวเองดูก่อนว่าเจ็บไหม แล้วค่อยไปทุบปลา

    ตอนเชือดคอหมู ก็ลองเอามีดเชือดคอตัวเองดูก่อนว่าเจ็บไหม

    ทำอะไร ไม่ต้องกลัวว่า บาปหรือไม่บาป เพราะถึงพวกคุณรู้ว่าบาป พวกคุณก็ทำอยู่ดี

    เราว่า... เรามาเอาใจเค้าใส่ใจเราดีกว่าไหมคะ

    จะทำอะไรใคร ให้ลองนึกว่า ถ้ามีคนมาทำกับเราแบบนี้ล่ะ

    ถึงเราจะไม่ใช่คนฆ่า ถึงเราจะเป็นแค่คนกิน ก็ลองนึกภาพที่มีคนเอาเนื้อหนังของคุณไปกินเป็นอาหารอย่างเอร็ดอร่อย พวกคุณจะเจ็บปวดแค่ไหน

    แล้วที่เรายังทำกันอย่างงี้ เพราะเราเห็นแก่ตัว ไม่เคยเห็นใจผู้อื่น ไม่เคยเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา ทำอะไรคิดเห็นแต่ตัวเอง

    อะไรจะเห็นแก่ตัวได้ขนาดนี้... ก็มีแค่ มนุษย์ นี่ล่ะค่ะ ดูเอาเหอะ เหอๆๆ ^^

    แล้วทีตัวเองโดนเค้ายิงตาย โดนเค้าเอามีฟัน... ทั้งไปฟ้องศาลจะเป็นจะตาย ทั้งร้องไห้ แต่ว่าตอนทำกับสัตว์ ไม่เคยคิดเลย น่าเหลือเชื่อจริงๆ มนุษย์เหล่านี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มกราคม 2008
  20. mamboo

    mamboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +1,973
    อย่าคิดอย่างงั้นค่ะ ทำตัวเราเองให้ดีที่สุด

    เช่น ภาวะโลกร้อน

    ถ้าทุกคนมัวแต่คิดว่า "เราลดการใช้ถุงพลาสติกคนเดียว จะไปมีผลอะไร?"

    ไม่ต้องไปคิดอย่างนั้นค่ะ... ไม่ว่าการกระทำของเราคนเดียว จะส่งผลหรือไม่ จงทำไป หรือถ้าอยากคิดมากๆ อดไม่ไหวที่จะคิด ก็ขอให้คิดว่า

    "ถ้าทุกคนช่วยกันทั้งโลก ต้องลดภาวะโลกร้อนได้แน่ๆ"

    คิดในแง่บวกสิ่ค่ะ ^^ อย่าไปคิดในแง่ร้าย...

    การคิดดี เป็นจุดเริ่มต้นของการทำดี ไม่ว่าคนอื่นจะเป็นอย่างไร ขอแค่เราทำดี คิดดี แล้วถ้าทุกคนคิดได้แบบเรา ทุกคนเป็นคนดี คิดดี นั่นแหละค่ะ คือผลลัพธ์ของมัน ^^
     

แชร์หน้านี้

Loading...