ข้อมูลใหม่ว่านหางช้างของแท้(แก้ไขว่านกันผีที่บางพื้นที่กำลังนิยมฯ)

ข้อมูลใหม่ ขออภัยที่เปลี่ยนชื่อกระทู้

ว่านหางช้างของแท้ ใช้ทำยาสมุนไพร และเชื่อว่าป้องกันผีปอบได้ โดยไม่ต้องปลุกเสก
-ลำต้นมักจะตรงสูง
-ใบจะไม่ออกมันเงา
-ดอกจะเป็นลายสวยงามเหมือนดอกกล้วยไม้
ส่วนว่านพัดแม่ชี ใช้ทำยาสมุนไพร
-ใบจะออกมันเงา
-ดอกจะสีขาวเป็นตูมๆ
-ลำต้นมักจะล้มนอน แผ่ต้นเล็กๆออกไป บางคนเรียกว่านหางไก่
ดอกว่านพัดแม่ชี
ต้นนี้แหละ เรียกกันว่า ว่านหางช้าง บางคนก็เรีัยก ว่านพัดโบก สมัยโบราณทางภาคกลางจะใช้ใบมาคอย พัดวี ให้หญิงที่จะคลอดลูก แต่ปัจจุบันคนไปโรงหมอกันหมด จึงละทิ้งวิธีนี้กันไป
เอาใบแห้งพกติดตัวไป เชื่อกันว่าผีต่างๆ แม้แต่ปอบ ก็ยังไม่กล้ามาใกล้ หรือเข้าสิงเรา ปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมในบางท้องถิ่น กำลังฮิต ปลูกไว้เป็นยาสมุนไพร ต้มดื่มแก้โรคเกี่ยวกับตับ ไตด้วยมั๊ง

เมื่อก่อนในบางท้องถิ่นจะนิยมปลูกว่าน คว่ำตายหงายเป็น หรือบางคนเรียกว่านกันผีปอบ บางคนเรียกต้นธูปเทพ หรือบางคนเรียกว่านเก้าค่ำ ไว้หน้าบ้าน ริมรั้ว และยังทนทาน ปลูกง่าย ใช้เป็นไม้ประดับด้วย บางคนใช้ไหว้บูชาที่เล้าเก็บข้าวเปลือกด้วย
ปลายใบก็แตกต้นใหม่ได้

ดอกชูขึ้นมาสูง
สวัสดี

 

ขอบคุณครับสำหรับเรื่องราวดีๆ ว่านมีหลายจำพวกครับ ตั้งแต่คงกระพัน โชคลาภ กันผี ว่านมีฤทธิ์เพราะมีคนธรรพ์รักษา ถ้าบวกกับคาถาทางวิทยาธรอีก ยิ่งมีพลังครับ บ่างคนไม่เชื่อเพราะคิดว่าเป็นแค่ต้นไม้ใบหญ่า แต่วิชาเหล่านี้เป็นของวิทยาธร ทำให้เกิดอิทธิฤทธิ์ขึ้นมาได้ครับ รอผู้รู้ท่านต่อไป ขอบคุณครับ

 

นี่มันว่านพัดเเม่ชืี หรอครับ เอาไว้กันคุณไสย

 

สมัยนี้เป็นปอบกันเยอะ แทบว่าจะเดินชนกันเลยก็ว่าได้ พระเครื่องดังแค่ไหนก็เอามันไม่อยู่
ใครอยากรู้ว่าตัวเองมีปอบแอบมาสิงสู่อยู่หรือไม่
ท่านว่าให้กลั้นใจเอาขันครอบกลางหัวตัวเอง แล้วเอามีดโกนกรีดไปให้ทั่วๆขันบนหัว
ปอบที่มันมาแอบสิง มันจะร้องกรี๊ดๆเลยล่ะ
แล้วลองสังเกตุคนรอบๆตัวหรือเพื่อนบ้านละแวกเดียวกัน ใครอยู่ๆก็ผมร่วงหรือผมหงอก เฉพาะกลางกระบาล คนนั้นแหละเป็นปอบที่มันแอบมาสิง
ถ้าเจอแบบนี้ ต้องวิ่งโล่ไปให้ท่านท้าวมหาพรหมจัดการให้

 

อันนี้ว่านพัดนางชีครับ/กันนคุณไสยได้เช่นกัน

 

คว่ำตายหงายเป็น: ในทางสมุนไพร ใช้ใบเผาไฟเล็กน้อย หรือตำพอกแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ฝี ตาปลา ใบตำคั้นน้ำแก้บิด ขับปัสสาวะ โรคไขข้ออักเสบ ใบมีรสเย็นเฝื่อน พอกฝีแก้ปวด น้ำคั้นจากใบผสมการบูร ทาถูนวดแก้เคล็ดขัดยอก
สรรพคุณแบบที่ใช้พื้นบ้านอาเซียนที่ใช้ตรงกัน คือใช้ใบสด บดรักษาแผลไฟไหม้ชนิดไม่เป็นมากหรือเล็กน้อย ฝี โรคผิวหนัง เช่นเดียวกับการใช้ในฟิลิปปินส์และอินเดีย โดย เป็นที่รู้จักดีสำหรับการใช้ห้ามเลือดและช่วยให้แผลหาย นอกจากนี้ยังใช้ในการรักษาหูดที่เท้าอีกด้วย
เมื่อนำพืชทั้งต้น และราก มาสกัดด้วยตัวทำละลายแตกต่างกัน ก็พบว่าคว่ำตายหงายเป็น นี้มีองค์ประกอบหลายอย่างในตัวเอง ได้แก่ สารกลุ่ม อัลคาลอยด์ ไตรเทอร์พีนอยด์ ไกลโคไซด์ ฟวาโวนอยด์ สเตียรอยด์ บิวฟาไดอะดีโนไลด์ ไขมันและกรดอินทรีย์ สารเหล่านี้เมื่อทำให้บริสุทธิ์ และมีมากพอในการทดสอบฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา พบฤทธิ์ในการเป็นสารช่วยในด้านผลต่อภูมิต้านทาน ต้านการซึมเศร้า แก้ปวด ต้านจุลินทรีย์ ต้านการอักเสบ แก้แพ้ แก้แพ้แบบเฉียบพลัน ต้านแบคทีเรีย ต้านเชื้อรา ต้านฮิสตามิน ลดไข้ ป้องกันกระเพาะ ไต และตับ กดภูมิต้านทาน ฆ่าแมลง ฆ่าพยาธิ์ ลิชมาเนีย คลายกล้ามเนื้อ และคลายกังวล. อย่างไรก็ดี การใช้ในรูปสารสกัด และการใช้แบบพืชสด จะแตกต่างกัน สารสกัดบางชนิดให้ฤทธิ์ที่ต้องการ แต่มาจากการสกัดด้วยตัวทำละลายเคมีและสกัดตามลำดับส่วน และยังต้องศึกษาความเป็นพิษเพราะนำมาใช้ในแบบการแพทย์สมัยใหม่ และใช้ในปริมาณมาก รวมทั้งยังขาดการวิจัยในมนุษย์ อีกทั้งงานวิจัย ทำในพืชชื่อเดียวกัน แต่อาจจะแตกต่างกันในสายพันธุ์ที่นำมาใช้ ในการศึกษาต้น คว่ำตายหงายเป็น ทำให้นักวิทยาศาสตร์ ได้ทราบถึงความมหัศจรรย์ของพืชที่มีองค์ประกอบหลากหลาย และนำไปสู่การวิจัยหาสาร ใหม่ โดยแยกสารเดี่ยว เพื่อใช้ประโยชน์แก่มนุษย์ในอนาคต. อย่างไรก็ดี จากประโยชน์ของการใช้แบบดั้งเดิม ได้แก่การใช้รักษาแผลไฟไหม้ ผื่นแพ้ หรือลมพิษ เพราะสรรพคุณสารในพืชมีกลุ่มพวก กรดแอสคอบิค รูปแบบธรรมชาติอันจะช่วยรักษาแผลได้ดี อีกทั้งมีซาโปนินมาก และมีแทนนิน ในพืช จะช่วย ห้ามเลือดและรักษาแผล จึงเป็นพืชที่ไม่ควรมองข้าม ผ่านเลยไป นับว่าการแพทย์ดั้งเดิมหรือพื้นบ้าน สามารถช่วยดูแลสุขภาพพื้นฐานได้ดี ในกรณีแผลไฟไหม้ ชนิดรุนแรง ควรได้รับการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลชุมชน หรือ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
-------------------------------------------------------
สรรพคุณของว่านหางช้าง:
1.เนื้อในของลำต้น ใช้เป็นยาบำรุงธาตุ ช่วยทำให้เจริญอาหาร (เนื้อในของลำต้น, เหง้า
2.ลักษณะว่านหางช้างว่านหางช้าง สรรพคุณของเหง้าใช้เป็นยาแก้ไข้ (เหง้า)
3.ช่วยรักษาอาการไอ หรืออาการหอบหืด ด้วยการใช้เหง้าแห้งประมาณ 6 กรัม, ขิงแห้ง 3 กรัม, ลูกพรุนจีน 4 ผล, มั่วอึ้งแห้ง 3 กรัม, โส่ยชินแห้ง 2 กรัม, โงวบี่จี้แห้ง 2 กรัม, จี่อ้วงแห้ง 10 กรัม, จี้ปั้วแห่แห้ง 10 กรัม, และค่วงตังฮวยแห้ง 6 กรัม, นำทั้งหมดมาต้มรวมกัน แล้วเอาแต่น้ำที่ได้มากิน (เหง้า)
4.รากหรือเหง้าสด มีสรรพคุณช่วยแก้อาการเจ็บคอ โดยให้ใช้รากหรือเหง้าสดประมาณ 5-10 กรัม (ถ้าเป็นแห้งให้ใช้ 3-6 กรัม) นำมาต้มกับน้ำรับประทาน หรือจะใช้เหง้าสดประมาณ 15 กรัม ผสมกับน้ำส้มสายชู นำมาตำคั้นเอาแต่น้ำชุบสำลีอมแล้วกลืนแต่น้ำช้าๆ (เหง้า)
5.สรรพคุณว่านหางช้าง เหง้าช่วยขับเสมหะ (เหง้า)
6.ช่วยบำบัดโรคต่อมทอนซิลอักเสบ (เนื้อในลำต้น)
7.ช่วยรักโรคคางทูม ด้วยการใช้เหง้าสดประมาณ 10-15 กรัม นำไปต้มน้ำกินหลังอาหารวันละ 2 เวลา (เหง้า)
8.ทั้งต้นนำมาต้มน้ำดื่ม ช่วยแก้อาการท้องผูก อาหารไม่ย่อยได้ (ทังต้น)[3]
9.ช่วยรักษาอาการท้องมาน ด้วยการใช้เหง้าสดนำมาคั้นเอาแต่น้ำกินบ่อยๆ (เหง้า)
10.ใบใช้เป็นยาระบายอุจจาระ ด้วยการใช้ใบว่านหางช้าง 3 ใบ นำมาปรุงเป็นยาต้มรับประทาน (ใบ)[1],[3],[5],[6] เนื้อในของลำต้นใช้เป็นยาถ่าย (เนื้อในของลำต้น, เหง้า
11.ช่วยแก้ระดูพิการ ประจำเดือนไม่ปกติของสตรีได้เป็นอย่างดี ด้วยการใช้ใบ 3 ใบ นำมาปรุงเป็นยาต้มรับประทาน (ใบ,เนื้อในของลำต้น,เหง้า)
12.ช่วยรักษาผดผื่นคันมีน้ำเหลืองที่ขาเนื่องจากการทำยา โดยใช้เหง้าแห้งใส่น้ำต้มจนเดือดผสมเกลือแกงเล็กน้อย แล้วนำมาใช้ทาบริเวณที่เป็นวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น (เหง้า)
13.ช่วยรักษาฝีประคำร้อย ด้วยการใช้เหง้าแห้ง แห่โกวเช่าแห้ง เหลี่ยงเคี้ยว อย่างละเท่าๆ กัน นำมาบดเป็นผง ใช้ผสมทำเป็นยาเม็ดไว้กินหลังอาหารครั้งละ 3 กรัม (เหง้า)
14.ช่วยรักษาฝีที่เต้านมบวมมีหนองในระยะเริ่มแรก ด้วยการใช้เหง้าแห้ง 1 เหง้า และรากดอกไม้จีนประมาณ 10 กรัม นำมาบดรวมกันให้เป็นผง แล้วใช้ผสมกับน้ำผึ้งกิน (เหง้า)

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของว่านหางช้าง
1.มีฤทธิ์ในการรักษาอาการอักเสบ Tectoridin และ Tectorigenin และยังมีฤทธิ์ในการยับยั้งฤทธิ์ของเอนไซม์ Hyaluronidase จึงช่วยรักษาอาการบวมอักเสบของหนูใหญ่ อันเนื่องมาจากเอนไซม์ Hyaluronidase
2.มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค โดยน้ำต้มที่ได้จากการสกัดหรือน้ำแช่สกัดจากเหง้า มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อกลาก (Tinea) และยับยั้งการเจริญของเชื้อโรคที่ทำให้เกิดหนอง และเชื้อที่ทำให้เกิดคออักเสบ
3.สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์หรือน้ำจากเหง้า มีฤทธิ์ในการช่วยกระตุ้นการหลั่งของน้ำลายในกระต่าย นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นการสร้างเอสโตเจนอีกด้วย แต่ไม่สามารถช่วยป้องกันอาการอักเสบของหนูเล็กที่เกิดจากการฉายรังสีเอ็กซ์ในความเข้มสูงได้ และไม่มีฤทธิ์ในการเสริมฤทธิ์ยานอนหลับ (จำพวกฟีโนบาบิโทน)
4.สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์จากเหล้า เมื่อฉีดเข้ากระต่ายบ้าน จะมีผลทำให้ความดันโลหิตลดลงได้

ประโยชน์ของว่านหางช้าง
1.เนื่องจากต้นว่านหางช้างมีความโดดเด่นสวยงาม มีลำต้นที่สูงยาวสีเหลืองเปรียบเสมือนทอง จึงนิยมใช้ปลูกเป็นไม้ประดับ และมีเชื่อว่าจะช่วยเสริมโชคลาภ ความสง่างาม เสริมสง่าราศีให้แก่เจ้าบ้าน และยังใช้เพื่อช่วยปรับฮวงจุ้ยตามหลักความเชื่อของชาวจีนอีกด้วย
2.มีความเชื่อว่านหางช้างเป็นว่านมหาคุณ เมื่อนำมาปลูกไว้หน้าบ้านจะช่วยป้องกันสิ่งอัปมงคลเข้าบ้าน ช่วยป้องกันภัยจากอันตรายต่างๆ ส่วนทางภาคอีสานเชื่อว่าเป็นว่านสิริมงคล หากแม่บ้านกำลังจะคลอดบุตร ให้ใช้ว่านหางช้างมาพัดโบกที่ท้องก็จะช่วยทำให้คลอดบุตรได้ง่ายขึ้น
3.ประโยชน์ว่านหางช้าง ยังถูกนำมาใช้ในด้านคุณไสยได้อีกด้วย โดยใช้ดอกแก้ไสยคุณที่เกิดจากการกระทำจากผม ส่วนใบใช้แก้ไสยคุณอันเกิดจากการกระทำจากเนื้อ ส่วนต้นใช้แก้ไสยคุณอันเกิดจากการกระทำจากกระดูก
----------------
เอายาทั่งสองอย่างต้มดื่มกิน3เดือนรักษามะเร็งตับและโรคไข้หวัดต่างๆใด้

 

ว่านสบู่เลือดลาว (Bloodroot)ใช้ป้องกันผีและปลุกเสกป้องกันอาวุธต่างๆมีดอกออกตรงกลางใบมันชอบกินสนิมเหล็กเป็นยาด้วยรักษามเร็งผิวหนังใด้ดีมากอยู่ที่ป่าตอนกลางถึงภาคเหนือของประเทศอเมริกามีเยอะเลย

 

ว่านสบู่เลือดลาวตัวเมีย (Sanguinaria Canadensis Multiplex)

 

ของแถมต้นSunchokeหรือJerusalem artichokeผากไปให้ญาติปลูกที่ประเทศไทยหนึ่งต้นใด้หัวเยอะเลยมีรสหวานและคนเป็นเบาหวานทานใด้น้ำตาลไม่ขึ้น

 

ว่านสบู่ดอกสวยจริงๆ

 

ว่านกุมารทอง ก็มีผู้นำหัวของว่านมาปลุกเสก ใช้ป้องกันตัวยามเดินทาง

 

เมื่อตอนเด็กๆชอบเอาใบมาแนบหนังสือ ผ่านไปซักพักรากจะงอกออกมา คว่ำตายหงายเป็น
ว่านกุมารทอง แถวบ้านเรียกว่านตะกร้อ ดอกสวยดี มันขึ้นตอนหน้าฝน แถวศาล สงสัยรุ่นตาปลูก (เดาเอา)


ปล.ดอกว่านทำไมเหมือนออกง่ายจัง สวยด้วยอะ

 

สงสัยว่าทำไมผีจึงกลัวว่านเหล่านี้คะ

 

เป็นคติความเชื่อแต่โบราณ เรื่องของอาถรรพณ์ ว่าผีกลัวว่านเหล่านั้น ก็เหมือนกับใบหนาด ที่ใีความเชื่อกันว่าผีกลัวใบหนาด

 

นึกได้มีว่านอีกอย่างที่ผีกลัว ไพลดำ ไงครับ ต้นคล้ายไพล ข่านี่แหละ แต่เขาบอกว่า ลำต้นจะมีสีคล้ำตรงลำต้นด้านล่าง เลยเรียกไพลดำ ผมไปเที่ยวจังหวัดศรีษะเกษ อำเภอจำไม่ได้แต่ติดอำเภอภูสิงห์ เห็นปลูกไพลดำกันทุกบ้านเลยที่แวะ เขาก็เลยบอกถึงสรรพคุณ โดยเฉพาะปอบกลัวมาก

 

เรื่องแบบนี้ส่วนตัวมองว่าเป็น ปราชญ์ชาวบ้าน
เป็นองค์ความรู้ที่ได้มาจาก ผู้รู้ประจำท้องถิ่นครับ..
คือ เค้าสามารถใช้แก้ ใช้กัน และได้ผลจริงๆในสภาพสังคมนั้นๆมาก่อน...
มาปัจจุบันยุคสังคมออนไลท์เราก็เลยได้รับทราบข้อมูลแบบนี้เพิ่มมากขึ้น..
บางทีก็นึกเสียดายนะครับ หากว่าไม่ได้ทำการบันทึกเก็บเอาไว้
เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้รุ่นหลังๆได้เอาไว้ศึกษาครับ..
บางเรื่อง บางที เราได้ยิน ได้ฟัง ก็ไม่น่าเชื่อครับ..
นอกจากได้เห็นจริงๆกับตา บางครั้งเห็นกับตาแล้วก็ยังแทบไม่น่าเชื่อ
เช่น เป่ารักษาโรคตาแดงที่ปลายเท้า เป่ารักษาเริมที่ปาก งูสวัดที่แขน
ขา ช่วงท้อง หน้าอก ก่อนที่ปลายหัวกับหางจะชนกันเพียง
๓ วันหายเฉยเลย และการใช้ขี้มูกป้ายแผลที่โดนแมลงป่องกัด
แผลจะยุบทันที แต่มีข้อแม้ว่าคนที่ถูกป้ายต้องไม่รู้ว่าเป็นขี้มูกครับ..
ยกตัวอย่าง เรื่องจากบนดอยให้ฟังเล่นๆครับ...

 

ถามอีกนิดนะคะ แม่ว่า คนโบราณไม่ให้ปลูกว่าน เพราะไม่ดี แต่ทำไมบางกลุ่มว่าดีละคะ

 

ขอบคุณที่ช่วยตอบคำถามของเพื่อนสมาชิก

 

น่าจะเป็นพวกว่านโพง

 

คงจะได้คำตอบแล้ว ขออภัยทุกท่านที่เปลี่ยนแปลงข้อมูลในกระทู้ เพื่อความถูกต้อง
ขอบคุณทุกๆท่าน ที่ได้แสดงความคิดเห็น ความรู้ต่างๆเพิ่มเติมเข้ามา