เย็บผ้าก็ภาวนาได้ : หลวงปู่กินรี จันทิโย

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย beverzone, 26 กุมภาพันธ์ 2015.

  1. beverzone

    beverzone เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    589
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +2,174
    [​IMG]

    หลวงปู่กินรี จันทิโย
    วัดกันตศิลาวาส
    ต.ฝั่งแดง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม

    จากประวัติและปฏิปทา “หลวงพ่อชา สุภัทโท” วัดหนองป่าพง

    หลังจากปฏิบัติธรรมในป่าช้าอยู่ ๗ วัน หลวงพ่อชามีอาการจับไข้อย่างหนัก
    เมื่อพักรักษาตัวจนหายดีแล้ว ท่านเดินทางไปขอพำนักกับ หลวงปู่กินรี จันทิโย
    ที่วัดป่าหนองฮี ตำบลหนองฮี อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม
    ศึกษาประพฤติปฏิบัติอยู่กับท่านหลายวันได้กำลังใจคืนมา
    ขณะนั้นเป็นฤดูแล้ง เป็นช่วงเวลาที่เหมาะต่อ การหลีกเร้นภาวนาในป่าตามธรรมชาติ
    หลวงพ่อชาจึงกราบลาหลวงปู่กินรีออกจาริกธุดงค์ต่อไป

    จนกระทั่งย่างเข้าฤดูฝนในปี พ.ศ.๒๔๙๐
    ซึ่งเป็นพรรษาที่ ๙ ของหลวงพ่อชา
    ท่านได้ย้อนกลับมา จำพรรษากับหลวงปู่กินรีที่วัดป่าหนองฮี

    [​IMG]
    (บนขวา) หลวงปู่กินรี จันทิโย, (ซ้ายล่าง) หลวงพ่อชา สุภัทโท,
    (หลังซ้าย) หลวงพ่ออวน ปคุโณ


    หลวงปู่กินรีเป็นครูบาอาจารย์ที่มีปฏิปทาเรียบง่ายน่าเคารพบูชา
    ชอบใช้ชีวิตโดดเดี่ยว มั่นคงในข้อปฏิบัติ มักน้อยสันโดษ
    บริขารเครื่องใช้ของท่าน ล้วนแต่เป็นของปอนๆ เรียบง่าย
    และส่วนใหญ่ท่านทำใช้เอง แม้ไม่สวยงาม
    แต่มันจะถูกใช้จนสึกกร่อนไปตามกาลเวลา

    อุปนิสัยพิเศษอย่างหนึ่งของหลวงปู่กินรี คือ
    ความขยันในการงานทุกอย่างที่พระจะพึงทำได้
    ท่านไม่เคยอยู่นิ่งเฉย นอกจากขณะทำสมาธิภาวนาเท่านั้น
    แม้ในวัยชรา หลวงปู่ก็ยังรักษาปฏิปทานี้ไว้อย่างมั่นคง

    หลวงพ่อชาเล่าถึงปฏิปทาของหลวงปู่กินรีว่า...
    ในพรรษาที่อยู่กับหลวงปู่นั้น
    ตัวท่านเอง (หลวงพ่อชา) ทำความเพียรอย่างหนัก
    เดินจงกรมทั้งวัน ฝนตก แดดออกอย่างไรก็เดินจนทางจงกรมเป็นร่องลึก

    แต่หลวงปู่ (หลวงปู่กินรี) กลับไม่ค่อยเดิน
    บางครั้งเดินเพียงสองสามเที่ยวก็หยุด
    แล้วไปเอาผ้ามาปะ มาเย็บ หรือไม่ก็นั่งทำนั่นทำนี่...


    เราประมาท คิดว่าครูบาอาจารย์จะไปถึงไหนกัน
    เดินจงกรมก็ไม่เดิน นั่งสมาธินานๆ ก็ไม่เคยนั่ง
    คอยแต่จะทำนั่นทำนี่ตลอดวัน แต่เรานี่ปฏิบัติไม่หยุดเลย
    ถึงขนาดนั้นก็ยังไม่รู้ไม่เห็นอะไร
    ส่วนหลวงปู่ปฏิบัติอยู่แค่นั้น จะไปรู้เห็นอะไร
    เรามันคิดผิดไป หลวงปู่ท่านรู้อะไรๆ มากกว่าเราเสียอีก

    คำเตือนของท่านสั้นๆ และไม่ค่อยมีให้ฟังบ่อยนัก
    เป็นสิ่งที่ลุ่มลึกแฝงไว้ด้วยปัญญาอันแยบคาย
    ความคิดของครูบาอาจารย์ กว้างไกลเกินปัญญาของเราเป็นไหนๆ
    ...ตัวแท้ของการปฏิบัติ คือ
    ความพากเพียรกำจัดอาสวะ กิเลสภายในใจ
    ไม่ใช่ถือเอากิริยาอาการภายนอกของครูอาจารย์มาเป็นเกณฑ์...

    ในปีนั้นจีวรของหลวงพ่อเก่าคร่ำคร่า
    จนผุขาดเกือบทั้งผืน แต่ท่านไม่ยอมออกปากขอใคร
    หลวงปู่กินรีก็มองดูอยู่เงียบๆ ไม่ว่ากระไร

    วันหนึ่งหลวงพ่อนั่งปะชุนจีวรอยู่
    ขณะเย็บผ้าคิดอยากให้เสร็จเร็วๆ จะได้หมดเรื่องหมดราว
    แล้วไปนั่งภาวนา เดินจงกรมให้เต็มที่สักที
    หลวงปู่กินรีเดินมาหยุดยืนดูอยู่ใกล้ๆ หลวงพ่อก็ยังไม่รู้
    เพราะจิตกังวลอยากเย็บผ้าให้เสร็จเร็วๆ เท่านั้น


    หลวงปู่ถามว่า “ท่านจะรีบร้อนไปทำไมเล่า”

    “ผมอยากให้เสร็จเร็วๆ”

    “เสร็จแล้วท่านจะไปทำอะไร” หลวงปู่ถามอีก

    “จะไปทำอันนั้นอีก”

    “ถ้าอันนั้นเสร็จ ท่านจะทำอะไรอีก” หลวงปู่ถามต่อ

    “ผมจะทำอย่างอื่นอีก”

    “เมื่ออย่างอื่นของท่านเสร็จ ท่านจะไปทำอะไรอีกเล่า?”

    หลวงปู่กินรีให้ข้อคิดว่า...


    “ท่านรู้ไหม นั่งเย็บผ้านี่ก็ภาวนาได้
    ท่านดูจิตตัวเองสิว่า เป็นอย่างไร แล้วก็แก้ไขมัน
    ท่านจะรีบร้อนไปทำไมเล่า ทำอย่างนี้เสียหายหมด
    ความอยากมันเกิดขึ้นท่วมหัว ท่านยังไม่รู้เรื่องของตัวเองอีก”


    คำพูดสั้นๆ แต่มีความหมายและเจือความปรารถนาดีของหลวงปู่
    ทำให้หลวงพ่อ (หลวงพ่อชา) หูตา สว่างขึ้น
    ท่านปรารภให้ฟังว่า


    “เรานึกว่าทำถูกแล้ว อุตสาห์รีบทำ
    อยากให้มันเสร็จเร็วๆ จะได้ภาวนา
    แต่ที่ไหนได้ เราคิดผิดไปไกลทีเดียว”




    http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=49062
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กุมภาพันธ์ 2015
  2. moonoiija

    moonoiija เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2014
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +198

แชร์หน้านี้

Loading...