พระพุทธองค์ทรงมีชัยชนะเหนือพกาพรหมผู้มีฤทธิ์

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมมะใจ, 15 พฤษภาคม 2015.

  1. ธรรมมะใจ

    ธรรมมะใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    3,133
    ค่าพลัง:
    +5,485
    มิจฉาทิฎฐิเป็นตัวหลงอันร้ายกาจ สามารถนำมาซึ่งอกุศลกรรมอย่างมากมายเพราะเมื่อเห็นผิดเป็นชอบแล้ว ทั้งกายกรรม มโนกรรม วจีกรรมก็ผิดไปทั้งหมด ตามความเห็นที่ผิดนั่นเอง ดั่งเรื่องราวของท้าวพกาพรหมในพุทธประวัตินี้..


    พระพุทธองค์ทรงมีชัยชนะเหนือพกาพรหมผู้มีฤทธิ์

    สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับอยู่โคนต้นรังใหญ่ในสุภควัน ใกล้เมืองอุกกัฏฐา ทรงตรวจดูด้วยสัพพัญญุตตาญาณ ก็เห็นว่าท้าวพกาพรหม
    มีมิจฉาทิฎฐิ หลงเชื่อว่า พรหมโลกนี้เที่ยง ยั่งยืน มั่นคง มีความไม่เคลื่อนเป็นธรรมดา และพระพรหมนี้ไม่ต้องเกิด ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่เคลื่อน ไม่อุบัติ การได้เกิดเป็นพรหมนี้พ้นทุกข์เหตุที่ท้าวพกาพรหมมีมิจฉาทิฐินี้ ก็เนื่องจากสมัยท่านเกิดเป็นมนุษย์ ได้บวชเป็นพระดาบส ประกอบกุศลกรรมและรักษาฌาณสมาบัติ เมื่อสิ้นชีวิตแล้วจึงมาอุบัติในพรหมโลกเมื่อแรกมาอุบัติในพรหมโลกนั้น


    ท้าวพกาพรหมอุบัติในพรหมโลกชั้นที่10คือ...
    เวหัปผลาพรหมภูมิ มีอายุ500กัป เมื่อจุติจากเวหัปผลาพรหมภูมิก็ไปอุบัติยังพรหมโลกชั้นที่9 คือสุภกิณหาพรหมภูมิ มีอายุได้64กัป เมื่อจุติจากสุกิณหาพรหมภูมิ
    ก็อุบัติยังพรหมโลกชั้นที่6คือ ชั้นอาภัสราพรหมมีอายุ อีก8กัปรวมแล้วท้าวพกาพรหมอุบัติเป็นพรหมมาแล้วมากกว่า500 กัปด้วยเวลาอันยาวนานมากจนไม่อาจจดจำ
    อดีตของตนว่าได้กระทำกรรมอะไรจึงได้เป็นพรหม แล้วหลงเข้าใจอีกว่าตนนั้นมีมาอยู่ก่อนสิ่งใด พรหมนี้เที่ยง ไม่มีเกิด แก่ ดับ สุขอื่นยิ่งกว่าพรหมอีกไม่มี

    เมื่อพระพุทธเจ้าทรงทราบวาระจิตของท้าวพกาพรหมแล้ว พระองค์จึงหายไปจากโคนต้นรังใหญ่ เสด็จถึงพรหมโลกเพียงครู่เดียว
    เหมือนบุรุษมีกำลังเหยียดแขนออกแล้วคู้แขนเข้าฉะนั้น


    ท้าวพกาพรหมเห็นพระโลกเชษฐ์เสด็จมา ก็กราบทูลพระพุทธองค์ว่า…
    "ดูกร ท่านผู้มิรทุกข์ เชิญท่านมาสู่พรหมโลกนี้เถิด พรหมโลกนี้เที่ยง ยั่งยืน มั่นคง แข็งแรง มีความไม่เคลื่อนเป็นธรรมดา พรหมโลกนี้
    ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่อุบัติ สุขอื่นกว่าพรหมโลกนี้ไม่มีอีกแล้ว"

    พระพุทธเจ้าจึงตรัสตอบว่า…
    "ดูกร พรหมผู้เจริญ ท่านกล่าวว่าสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าเที่ยง กล่าวว่าสิ่งที่ไม่ยั่งยืนว่ายั่งยืน กล่าวว่าสิ่งที่ไม่มั่นคงว่ามั่นคง กล่าวว่าสิ่งที่ไม่แข็งแรงว่าแข็งแรง
    กล่าวว่าสิ่งที่มีความเคลื่อนเป็นธรรมดาว่ามีความไม่เคลื่อน พรหมโลกนี้มีทั้งเกิด ทั้งแก่ ทั้งตาย ทั้งจุติ ทั้งอุบัติอยู่เป็นปกติ แต่ท่านกลับกล่าวว่าพรหมโลกนี้
    ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่อุบัติ ดูกร ท่านผู้เจริญท่านกำลังหลงในอวิชชาแล้วหนอ"
    ท้าวพกาพรหมกล่าวแย้งว่า..


    "ข้าแต่พระโคดม พวกข้าพระองค์มี72คน ล้วนได้ทำบุญมาดีแล้ว มีอำนาจเหนือคนเหล่าอื่น ก้าวล่วงพ้นจากความเกิดและความแก่ การเกิดเป็นพรหมนี้ชื่อว่าถึงพระเวทแล้ว ข้าแต่พระโคดม การเกิดเป็นพรหมนี้ เป็นการเกิดครั้งสุดท้าย ความสุขยิ่งกว่าพรหมนี้ไม่มีอีกแล้ว"

    ครั้งนั้น..มารก็เข้าสิงกายของพรหมบริวารผู้หนึ่ง กล่าวกับพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า"ดูกรสมณะ ท่านอย่ารุกรานท้าวพกาพรหมนี้เลย พกาพรหมผู้นี้เป็นมหาพรหม เป็นพรหมผู้เป็นใหญ่ปกครองพรหมโลก เป็นผู้สร้างโลกและสรรพสัตว์ เป็นบิดาของสรรพสิ่งทั้งหลาย

    ดูกรสมณะ สมณะและพราหมณ์เหล่าใด เป็นผู้ติเตียนดินเกลียดดิน เป็นผู้ติเตียนน้ำ เกลียดน้ำ เป็นผู้ติเตียนไฟ เกลียดไฟ เป็นผู้ติเตียนลม เกลียดลม
    เป็นผู้ติเตียนสัตว์เกลียดสัตว์ เป็นผู้ติเตียนเทวดา เกลียดเทวดา เป็นผู้ติเตียนพรหม เกลียดพรหม ว่าพรหมนี้ไม่เที่ยง สมณะและพราหมณ์เหล่านั้นเมื่อกายแตกดับไปแล้ว ล้วนต้องไปเกิดในอบาย

    ดูกรสมณะ สมณะและพราหมณ์เหล่าใด เป็นผู้สรรเสริญดินชมเชยดิน เป็นผู้สรรเสริญน้ำ ชมเชยน้ำ เป็นผู้สรรเสริญไฟ ชมเชยไฟ เป็นผู้สรรเสริญลม ชมเชยลม
    เป็นผู้สรรเสริญสัตว์ชมเชยสัตว์ เป็นผู้สรรเสริญเทวดา ชมเชยเทวดา เป็นผู้สรรเสริญพรหม ชมเชยพรหม ว่าพรหมนี้เที่ยง สมณะและพราหมณ์
    เหล่านั้นเมื่อกายแตกดับไปแล้วก็ได้ไปอุบัติในพรหมโลก

    ดูกรสมณะ เพราะเหตุนั้น ท่านจงทำตามคำที่พกาพรหมบอกแก่ท่านเท่านั้น ท่านอย่าฝ่าฝืนคำของพกาพรหมเลย"

    พระชินสีห์ทรงทราบว่ามารเข้าสิงสู่ในพรหมผู้นั้น จึงมีพุทธดำรัสตอบโต้มารว่า…
    "นี่แน่ะมาร ท่านอย่าเข้าใจว่าเราไม่รู้จักท่าน เรานี้รู้จักท่าน และไม่อยู่ในอำนาจของท่านดั่งเช่นพรหมที่ท่านครอบงำอยู่"



    มารฟังคำของพระทศพลแล้วจึงหนีไป

    ส่วนท้าวพกาพรหมนั้น ได้เจรจาอวดอ้างฤทธาธานุภาพของตนว่าเหนือกว่าผู้ใดตนนั้นเป็นผู้สร้างทุกสรรพสิ่งและไม่มีสิ่งใดในสากลจักรวาลซ่อนเร้นทิพยจักษุของเราได้
    จึงมีดำริคิดต่อกรท้าทายพระพุทธเจ้าว่า จะหายตัวไปไม่ให้พระพุทธเจ้าทรงมองเห็นได้ พระพุทธองค์ทรงรับคำท้าแล้ว พกาพรหมก็หายตัวไปเพียงครู่เดียว

    ครั้งแรกท้าวพกาพรหมจำแลงตนเป็นนก เพียงครู่เดียวพระพุทธเจ้าก็มีพุทธดำรัสว่า พกาพรหมท่านต้องการเป็นนกหรือ?
    ครั้งที่สองก็จำแลงตนเป็นผึ้ง เพียงครู่เดียวพระพุทธเจ้าก็มีพุทธดำรัสว่า พกาพรหมท่านต้องการเป็นผึ้งหรือถึงได้เที่ยวตอมดมดอกไม้อยู่
    ครั้งสุดท้ายพกาพรหมได้จำแลงตนให้ละเอียดลงถึงขั้นกลายเป็นเม็ดสอดแทรกในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ถึงกระนั้นเพียงครู่เดียวก็มีพระพุทธดำรัสว่า
    พกาพรหมท่านไม่ต้องการเสวยสุขบนสวรรค์แล้วหรือจึงได้ไปแฝงตัวซ่อนเร้นอยู่ในเม็ดทรายในมหาสมุทร

    พกาพรหมนั้น ยังไม่ละทิฐิ ท้าทายให้พระพุทธองค์ทรงหายตัวบ้างพระพุทธองค์ก็หายตัวไปทันใด! พกาพรหมนั้นก็ได้เข้าฌาณส่องทิพยจักษุญาณไปยังโลกธาตุต่างๆ เข้าไปยังนิคม ในบ้าน ในราชฐาน ในภูเขา ในแผ่นดินฝากโน้นแผ่นดินฝากนี้ ในแอ่งน้ำ แม่น้ำ ในมหาสมุทร ในโลกมนุษย์ ครั้นไม่พบก็ ส่องทิพยจักษุญาณไปยังโลกธาตุอื่น ในอบายภูมิ ในเทวโลกทั้ง6ชั้น ส่องไปในพรหมโลกทั้งหลาย ตลอดจนโลกธาตุและธาตุอันละเอียด ก็หาพระจอมไตรไม่พบ จึงยอมพ่ายแพ้ กล่าวขอให้พระผู้มีพระภาคเจ้าปรากฏตัวออกมา

    ทันใดนั้น พระโลกนาถก็ตรัสขึ้นว่า "พกาพรหม ตลอดเวลาที่ท่านหาเราอยู่นั้น เราเดินจงกลมอยู่เหนือเศียรของท่าน "
    และพระพุทธเจ้าก็ทรงแสดงพระสัทธรรมด้วยพระสุรเสียงอันไพเราะยิ่ง

    พระพุทธเจ้าทรงแสดงกุศลธรรมของท้าวพกาพรหมว่า...

    "ดูก่อนท่านผู้เจริญ เรานี้รู้อดีตของท่าน ก่อนนี้ในกัปหนึ่ง ท่านเกิดเป็นดาบสอยู่ในทะเลทรายที่กันดาร ได้เนรมิตน้ำให้พ่อค้าเกวียน500เล่มที่หลงทาง
    นี้เป็นกุศลของท่านก่อนนี้ท่านเป็นดาบสอาศัยอยู่ชายป่า มีโจรลงมาจากเขา มาปล้นชาวบ้านแล้วจับเอาคนจำนวนมากขึ้นไปบนเขา ท่านแปลงกายเป็นพระราชา
    พร้อมกองทหาร ขับไล่โจรไปแล้วช่วยชีวิตชาวบ้านเอาไว้ นี่เป็นกุศลของท่านก่อนนี้ท่านเป็นดาบสอยู่ริมฝั่งน้ำ ชาวเรือทิ้งเศษอาหารลงไปในน้ำทำให้พระยานาคโกรธ
    ขึ้นมาจะทำลายเรือ ท่านแปลงเป็นครุฑขับไล่ พระยานาคไป

    นี้เป็นกุศลของท่านดูกรพรหมผู้เจริญ เรารู้บุญกรรมของท่านดุจนอนหลับแล้วตื่นขึ้น"
    พระพุทธเจ้าทรงแสดงความไม่เที่ยงต่อไปว่า...

    "ดูก่อนพกาพรหม ความจริงอายุของท่านไม่มากเลย ท่านอย่าสำคัญว่าอายุของท่านมาก อายุของท่านเหลือเพียงหนึ่งแสนนิรพุทเท่านั้น"
    ในที่สุดท้าวพกาพรหมจึงยอมจำนน เมื่อนั้น เหล่าพรหมทั้งหลายกล่าวว่า องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าชนะท้าวพกาพรหมแล้ว

    บรรดาพรหมทั้งหลายที่ชุมนุมอยู่ ณ. ที่นั้นจึงยอมประนมมือถวายนมัสการชื่นชมในอิทธิปาฏิหาริย์ที่สูงกว่าเทพยดาและพรหมทั้งหลาย
    ยังผลให้พวกพรหมทั้งหลายจำนวนหนึ่งหมื่นองค์บรรลุโสดาปัตติผล โดยกล่าวสรรเสริญพระรัตนตรัยละเลิกจาก มิจฉาทิฎฐิอันเคยหลงยึดติดมา…แต่กาลก่อน


    (ที่มา:facebook/dekd.com)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • unnamed (1).jpg
      unnamed (1).jpg
      ขนาดไฟล์:
      42.9 KB
      เปิดดู:
      267
    • unnamed (2).jpg
      unnamed (2).jpg
      ขนาดไฟล์:
      44.3 KB
      เปิดดู:
      757
    • pk03.jpg
      pk03.jpg
      ขนาดไฟล์:
      14.9 KB
      เปิดดู:
      171
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2015
  2. ลูกพ่อโต

    ลูกพ่อโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +304
    พระพุทธองค์ ผู้เลิศที่สุดในสามโลก ลูกขอกราบเบึ้องบาทองค์พระพุทธองค์ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  3. ธรรมมะใจ

    ธรรมมะใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    3,133
    ค่าพลัง:
    +5,485
    ผู้เข้าใจสิ่งทีไม่เป็นสาระ

    ว่าเป็นสาระ และเห็นสิ่งที่เป็นสาระ

    ว่าไม่เป็นสาระ เขามีความดำริผิดเป็นโคจร

    จึงไม่ประสบสิ่งที่เป็นสาระ ”



    (พุทธพจน์)
     
  4. ธรรมมะใจ

    ธรรมมะใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    3,133
    ค่าพลัง:
    +5,485
    ทุกข์..ต้องกําหนดรู้

    เมื่อรู้แล้วให้ละเสีย..ไปไว้มันทําไม "


    (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)
     
  5. ธรรมมะใจ

    ธรรมมะใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    3,133
    ค่าพลัง:
    +5,485
    คนเอาแต่หมกหมุ่นทำการงาน

    ไม่สร้างกุศลเอาไว้
    ตายไปชีวิตก็สูญเปล่า อาจเกิดเป็นควายก็ได้

    เพราะอุตส่าห์ได้มีปัญญา แต่กลับใช้ปัญญา

    รับใช้เป็นทาสกิเลสสถานเดียว แทนที่จะยกจิตให้สูงขึ้น

    คนโลภมากก็จะกลายเป็นเปรต เพราะไม่รู้จักอิ่มไม่รู้จักพอ

    มัวแต่หาเงินตายไป เอาอะไรไปไม่ได้นอกจากความดีและความชั่ว "



    (อาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกล-เตโชวิปัสสนาสถาน)





     
  6. ธรรมมะใจ

    ธรรมมะใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    3,133
    ค่าพลัง:
    +5,485
    ศีลเป็นเบื้องต้นเป็นที่ตั้ง เป็นบ่อเกิดแห่งคุณความดีทั้งหลาย

    และเป็นประธานแห่งธรรมทั้งปวง..เพราะฉะนั้น พึงชำระศีลให้บริสุทธิ์ "



    (พุทธพจน์)
     
  7. ธรรมมะใจ

    ธรรมมะใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    3,133
    ค่าพลัง:
    +5,485
    ที่ทุกข์ที่สุขนี่ เราไปคิดเอาเองจนเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต จนกลายเป็นยึดมั่น

    ถือมั่นว่าจากเราไปไม่ได้ ทั้งๆที่ทุกสิ่งทุกอย่างมันจากกันได้หมด ไม่มีอะไรติด

    อยู่ในตัวเราเลยจะมีก็ “ทาน ศีล ภาวนา” ที่จะติดอยู่ในใจเราได้สิ่งนี้แหละ

    ที่จะส่งเราไปถึงพระนิพพาน นอกจากนั้นไม่มีเลย ไปไม่ถึงนิพพาน

    เป็นของหล่นอยู่กับโลกหมด กลายเป็นของที่ถูกคนอื่นนำไปใช้ต่อ.. "



    (หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ)
     
  8. ธรรมมะใจ

    ธรรมมะใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    3,133
    ค่าพลัง:
    +5,485
    ความเห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

    จะช่วยคุ้มกัน ไม่ให้เกิดความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใด "



    (ท่านพุทธทาสภิกขุ)
     
  9. ธรรมมะใจ

    ธรรมมะใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    3,133
    ค่าพลัง:
    +5,485
    คนมีใจสะอาด ย่อมไม่ยินดีในการทำชั่ว "


    (พุทธพจน์)
     
  10. ธรรมมะใจ

    ธรรมมะใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    3,133
    ค่าพลัง:
    +5,485
    เทวดาทูลถาม "สัตว์ยินดีในอะไรจึงพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ "

    พระพุทธองค์ตรัสตอบ...

    ...สัตว์ยินดีในพระนิพพาน จึงพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ "


    (พุทธพจน์)
     
  11. ธรรมมะใจ

    ธรรมมะใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    3,133
    ค่าพลัง:
    +5,485
    ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย คำว่าตายในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า

    ร่างกายเราตาย หมายถึงจิตใจคนเราตาย คือตายจากมรรคผลนิพพานต่างหาก

    ความไม่ประมาทเป็นหนทางแห่งความไม่ตาย คือไม่ประมาทต่อการทำความดี

    ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา มีโอกาสจะได้ไปสวรรค์ พรหมโลก หรือมรรคผลชั้นใด

    ชั้นหนึ่ง ตลอดถึงพระนิพพานข้างหน้าแน่นอน ช้าหรือเร็วแล้วแต่บุญบารมี

    หรือความพากเพียรของตนเอง.. "




    (หลวงปู่คำดี ปภาโส)
     
  12. ธรรมมะใจ

    ธรรมมะใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    3,133
    ค่าพลัง:
    +5,485
    คำด่าก็คือเสียงของกิเลสธรรมดา

    จะเจ็บร้อนกันไปถึงไหนให้เกิดเรื่อง "



    (ท่านพุทธทาสภิกขุ)
     
  13. ธรรมมะใจ

    ธรรมมะใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    3,133
    ค่าพลัง:
    +5,485
    ภาวนาจนล้างความเห็นผิดว่ามีตัวเรา มีตัวตน ถ้าตัวเราไม่มีแล้วใครจะทุกข์ล่ะ

    ก็ขันธ์ ๕ มันทุกข์นะ ไม่ใช่เราทุกข์อีกต่อไปแล้ว เนี่ยเฝ้ารู้เฝ้าดูต่อไปนะ

    สติปัญญาแก่รอบขึ้นไปเรื่อย มันจะเห็นเลยว่าขันธ์ ๕ มีแต่ทุกข์ล้วนๆ

    อย่างพวกเราตอนนี้ปัญญาเราไม่พอ ศีลสมาธิปัญญาต้องฝึกให้แก่รอบนะ

    วันหนึ่งถึงจะพอ ถ้าพอจริงจะเห็นเลย กายนี้ทุกข์ล้วนๆ จิตนี้ทุกข์ล้วนๆ... "



    (หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช)
     
  14. ธรรมมะใจ

    ธรรมมะใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    3,133
    ค่าพลัง:
    +5,485
    ก่อนที่จะพูดอะไร ให้ถามตัวเองว่าที่จะพูดนี้จำเป็นหรือเปล่า

    ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าพูด นี่เป็นขั้นตอนการอบรมใจ "


    (หลวงพ่อเฟื่อง‬ โชติโก)
     
  15. ธรรมมะใจ

    ธรรมมะใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    3,133
    ค่าพลัง:
    +5,485
    แน่นอนว่า เราอาจต้องใช้เวลาอีกนาน กว่าที่เราจะหลุดพ้น

    จากความโกรธได้อย่างสิ้นเชิง แต่เมื่อเราปฏิบัติมากขึ้นๆ

    เราจะสังเกตเห็นว่า ระยะเวลาของความโกรธที่คุกรุ่นนั้น ค่อยๆสั้นลงเรื่อยๆ "



    (ท่านโกเอ็นก้า)
     
  16. ธรรมมะใจ

    ธรรมมะใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    3,133
    ค่าพลัง:
    +5,485
    สุขหรือทุกข์นั้น ถึงที่สุดแล้ว

    ก็อยู่ที่ใจของเราเป็นประการสำคัญ

    อย่างอื่นนั้นมีความสำคัญรองลงมา "



    (ท่านไพศาล วิสาโล)
     
  17. ธรรมมะใจ

    ธรรมมะใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    3,133
    ค่าพลัง:
    +5,485
    ถ้าทำกรรมด้วยอำนาจของกิเลส

    มันก็จะบอกให้ทำแต่บาปแต่กรรมชั่วลามกทั้งหลาย

    แล้วตายลงไปก็ไปจมอยู่ในนรก

    ไม่เคยได้ยินว่า บาปสูญบุญสูญ..นรกสูญ

    สวรรค์ พรหมโลก นิพพานสูญ ไม่เคยมี

    มีแต่กิเลสนั่นแหล่ะมันอุตริมาหลอกโลกว่า ตายแล้วสูญ "



    (หลวงตามหาบัว)
     
  18. ไห่เฉากุหลาบไฟ

    ไห่เฉากุหลาบไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +2,177

แชร์หน้านี้

Loading...