หลวงปู่คำคะนิงท่องขุมนรก (ผลกรรมผิดศีลกาเม)

อย่าอยู่เฉยๆ วันๆหนึ่งกินไปนอนไป

เขาก็เพลิน เราก็เพลิน ไม่ทราบว่าเพลินหาอะไร

จุดหมายปลายทางไม่มี นี่ละพวกจม..."


(หลวงตามหาบัว)

 

ภูเขาศิลาล้วนย่อมไม่หวั่นไหวด้วยลมจากทิศทั้ง ๔ ฉันใด

บัณฑิตย่อมไม่หวั่นไหว เพราะคำนินทาและคำสรรเสริญฉันนั้น ”


(พุทธดำรัส)

 

การละบาปนี้ เป็นสิ่งสำคัญมากกว่าการทำบุญ "



(หลวงพ่อชา สุภัทโท)

 

การทำความดีนั้นต้องไม่มีพอ ต้องทำให้ยิ่งขึ้นอยู่เสมอ

เพราะไม่มีใครอาจประมาณได้ว่า เมื่อใดจะตกไปในที่มืดมิดขนาดไหน ”



(สมเด็จพระญานสังวร-พระสังฆราช)

 

ท่านทั้งหลายอย่าได้ทำบาปกรรม ทั้งในที่แจ้งหรือในที่ลับเลย

ถ้าท่านทั้งหลายจักทำ หรือทำอยู่ซึ่งบาปกรรมไซร้

ท่านทั้งหลายแม้จะเหาะหนีไป ก็ย่อมไม่พ้นไปจากความทุกข์เลย "



(พุทธพจน์)

 

ยิ่งเรียบง่าย ยิ่งใกล้ความสุข

ยิ่งเรื่องมาก ยิ่งยากจะพบกับความสุข "



(ท่าน ว.วชิรมธี)

 

ธรรมของจริงของแท้ที่ทำให้บุคคลเป็นอริยะได้

มิใช่เพียงศึกษาตามตำรา

และนึกคิดคาดคะเนเอาเท่านั้น

แต่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้นจริงๆ

ของจริงจึงจะเป็นของจริงขึ้นมาได้ "



(หลวงพ่อชา สุภัทโท)

 

การปฏิบัติธรรมก็เหมือนการออกกำลังกาย ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ

การไปเข้าคอร์สเหมือนการเพิ่มพูนกำลังให้จิต เมื่อเข้าคอร์สแล้ว

หากไม่ปฏิบัติต่อเนื่อง การไปเข้าคอร์สก็จะสูญเปล่า ต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่

จิตขาดกำลังจะรับแรงกระทบกระแทกใจเวลาเป็นทุกข์..ก็ขาดสติรับมือ "



(อาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกล-เตโชวิปัสสนาสถาน)

 

อย่าไปผูกใจเจ็บ ให้อโหสิกรรมเสีย

ก็จะเป็นสุขกันทุกฝ่าย "



(หลวงพ่อจริญ ฐิตธัมโม)

 

พระโสดาบันไม่สงสัยในศาสนาทุกศาสนา ไม่สงสัยในบุญบาป ไม่สงสัยใน

กรรมเวรไม่สงสัยในกรรมดี กรรมชั่วของตัวเองและของคนอื่น มีความมั่นใจ

ในการสร้างแต่ความดี มั่นคงในการให้ทานมั่นคงในการรักษาศีล มั่นคงในการ

เจริญภาวนาไม่ขี้เกียจขี้คร้าน ไม่ท้อถอยไม่ตัดพ้อต่อว่าใครดีใครชั่วใครจะมา

ทำร้ายใครจะมานินทา ใครจะมาสรรเสริญ ใครจะมากลั่นแกล้ง ใครจะทำ

อย่างไรก็ไม่หวั่น เพราะเชื่อในการทำความดีของตนเอง มีความมั่นใจเหมือน

เพชรย่อมแข็งแกร่ง ย่อมเป็นหนึ่ง "



(หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ)

 

การเป็นคนเพี้ยนในสมัยนี้น่าภูมิใจ

เพราะสิ่งที่สังคมปัจจุบันถือว่าปกติ

จริงๆ ก็วิปริตเสียแล้ว "


(ชยสาโรภิกขุ)

 

ฟังธรรมจำศีล อบรมจิตใจให้มีความสงบ เพื่อหาทางออกจากบ่วงแห่งมาร

หรืออำนาจแห่งมารนี้ มันจึงควบคุมไว้ตลอด ควบคุมด้วยความขี้เกียจขี้คร้าน

ความท้อแท้อ่อนแอ ควบคุมด้วยอำนาจวาสนาน้อย ควบคุมว่าเวลานี้เรายังหนุ่ม

ยังน้อยเรายังหนุ่มยังสาวอยู่ เรารื่นเริงบันเทิงก่อน ให้กิเลสลากไปๆ..."


(หลวงตามหาบัว)

 

เตือนตนเองว่าในโลกนี้ไม่มีอะไร เป็นของเราอย่างแท้จริง

ไม่มีสิ่งใดเป็นของเราตลอดกาล เราหึงหวงสิ่งใด

เท่ากับเราตกเป็นทาสสิ่งนั้น "



(ท่าน ว.วชิรเมธี)

 

คนมีปัญญาทราม ย่อมแนะนำในทางที่ไม่ควรแนะนำ "



(พุทธสุภาษิต)

 

การอยู่ในโลกด้วยจิตที่เข้มแข็ง มีภูมิต้านทาน สามารถเอาชนะสิ่งชั่วร้ายที่เข้ามา

รบกวนจิตใจของเราได้นั่นแหละคือ "การอยู่ชอบ" เป็นการอยู่ที่ไม่ตกเป็นทาส

ของอารมณ์ใดๆ เราก็เป็นไทแก่ตัวเป็นมนุษย์สมบูรณ์ "



(หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ)

 

คนมีธรรมอยู่ได้ในทุกสถานที่ ธรรมอยู่กับกายของบุคคล

คนมีธรรมรู้จักพอ คนมีกิเลสไม่รู้จักพอ การอยู่ใกล้ครูบาอาจารย์นั้น

รู้สึกอบอุ่นมีที่พึ่ง ศาสนาสอนให้รู้จักบุญรู้บาปรู้ความดี รู้ความชั่ว

รู้ความหยุดเว้น คนมีธรรมรู้คำว่าพอและพยายามคิดพึ่งตนเอง..."



(หลวงตามหาบัว)

 

การบำรุงพระพุทธศาสนานี้ คือปฏิบัติบูชา คือการปฏิบัติให้มันเป็นศีลจริง

ให้เป็นสมาธิจริง ให้เป็นปัญญาจริง มันจึงจะรู้เรื่อง ถ้าไม่รู้โดยการปฏิบัติ

ไม่รู้เรื่องพระพุทธศาสนา ถึงจะเรียนจบพระไตรปิฎกก็ยังไม่รู้จัก "



(หลวงพ่อชา สุภัทโท)

 

เราเกิดมาในกามภพนี้ จึงได้สุขจากกาม จึงได้ทุกข์จากกาม

ความรักความชัง ความยินดี ความยินร้าย จึงเป็นตัวกาม

ตัวตัณหา แม้จะสุข ก็สุขอยู่กับทุกข์จึงเป็นทุกข์ล้วนๆ ในชีวิตของเรา "



(หลวงปู่จาม มหาปุญโญ)

 

ความสุขของคนเรานั้นไม่ได้อยู่ที่ว่ามีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับเรา แต่ขึ้นอยู่กับว่าเรา

เกี่ยวข้องกับสิ่งนั้นอย่างไร แม้ความมั่งมีเกิดขึ้นกับเรา แต่หากเกี่ยวข้องกับมัน

ไม่ถูกต้องเช่น..ใช้อย่างไม่บันยะบันยัง หรือไม่คบใครเพราะคิดว่าฉันรวยแล้ว

หรือหวาดระแวงกลัวคนมาแย่งไป ย่อมทำให้ชีวิตตกต่ำหรือเป็นทุกข์ "



(ท่านไพศาล วิสาโล)

 

ถ้าทำกรรมด้วยอำนาจของกิเลส

มันก็จะบอกให้ทำแต่บาปแต่กรรมชั่วลามกทั้งหลาย

แล้วตายลงไปก็ไปจมอยู่ในนรก

ไม่เคยได้ยินว่า บาปสูญบุญสูญ..นรกสูญ

สวรรค์ พรหมโลก นิพพานสูญ ไม่เคยมี

มีแต่กิเลสนั่นแหล่ะมันอุตริมาหลอกโลกว่า ตายแล้วสูญ "



(หลวงตามหาบัว)