กรรมอะไรทำให้เป็นโรคซึมเศร้าครับ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย kantiphong, 3 ตุลาคม 2015.

  1. STha

    STha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +927
    มันจะมาจากกรรมอะไรก็ช่างเถอะจ่ะ พระพุทธเจ้าสอนให้อยู่กับปัจจุบัน หดหู่ซึมเศร้ามันเกิดได้ มันก็ดับได้ อยู่ที่เหตุปัจจัยทำให้มันเกิด หรือทำให้มันดับ พี่เองก็เคยเป็น มาจากหลายๆเรื่องราว ถ้าเราไปติดเวียนวนอยู่มันก็มีแต่จะแย่ลง พี่ใช้วิธีอ่านหนังสือธรรมะ แล้วก็ไปทำบุญ ไม่ต้องทำมากก็ได้แต่ทำบ่อยๆ(บาทเดียว แต่ถ้าใจเข้าถึงคุณของพระรัตนตรัย บุญก็เต็มอยู่ในใจนั้นเอง) เพราะจะต้องฝึกเปลี่ยนอารมณ์จิตที่เกาะอารมณ์ที่เป็นพิษมาเป็นอารมณ์ที่สบายใจ(ใจสบาย/เบาใจ) อาจใช้เวลาบ้าง มากน้อยขึ้นอยู่กับเราจ่ะ พี่เชื่อในพระผู้เป็นเนื้อนาบุญนั้นช่วยเราได้ ตอนนั้นพี่ไปหาหลวงตามหาบัว หลวงปู่แบน (วัดดอยธรรมเจดีย์) หลวงปู่บุญฤทธิ์ (สวนทิพย์) ก็หลายยองค์ค่ะ สังเกตุจากกลวงตามหาบัวท่านกล่าวถึงพระองค์ไหน พี่ก็ไป เช่น หลวงปู่อุทัย (วัดเขาใหญ่ฯ) แล้วพี่ก็ดูว่าหลวงปู่อุทัยท่านไปงาน มุฑิตาจิต(วันเกิด)ครูบาจารย์องค์ไหน พี่ก็ไป เวลานั้นพี่รู้สึกจิตมันแย่ มันเกาะอารมณ์เศร้าหมอง ก็ปฏิบัติธรรมไปด้วยค่ะ จากเดิมเป็นคนหดหู่ซึมโศร้า อันนี้มันนำมาให้หงุดหงิด โกรธ ได้เหมือนกัน พอฝึกฝนไปมันก็ค่อยดีขึ้นค่ะ สำคัญที่เราต้องฝึกคิดให้เป็น คือคิดในสิ่งที่ดี คิดบวก หรือคิดในทางกุศล ฝึกไปเรื่อยๆ จิตใจจะสบาย ทำอะไรจะมีกำลังใจเต็ม จะเรียนอะไรก็มีสมาธิ ทำงานอะไรก็จะแก้ไขปัญหาได้ เป็นอิสระนะคะ ไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากตัวเราเองตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลง แล้วต้องเป็นผู้ที่มีกำลังใจเองได้ด้วยค่ะ ส่วนเรื่องการทำบุญ เราสะดวกที่ไหน ก็ไปที่นั้นๆก่อน เพียงแต่ถ้าหาพระที่ปฏิบัติดีได้ก็ดี แต่ไม่แน่ใจหรือหาไม่ได้ก็ช่าง ไม่ต้องไปสงสัยพระ ให้คิดว่าพระรูปนั้นๆเป็นเพียงพระที่บวชอยู่ในพระพุทธศาสนาทำกิจแทนพระพุทธเจ้า คือสืบทอดศาสนา ให้เราตั้งใจว่าทุกๆครั้งที่เราทำบุญ จะใส่บาตร จะหยดตู้นั้น เราทำด้วยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นองค์ประธาน มีพระธรรมและพระอริยสงฆ์เป็นที่สุด เท่านี้ทำที่ไหนก็เต็มหัวใจ เพียงแต่ถ้ามีโอกาส ควรไปยังที่ๆมีพระผู้ปฏิบัติดีได้ก็ดี เพราะพระพุทธเจ้าพระองค์แนะนำไว้ เราก็ไม่ค้าน ทำได้ก็ทำค่ะ

    ขอให้โชคดี สำเร็จทุกอย่างที่เป็นความดี ^^

    อ่อ.. ฝึกอธิษฐานด้วยนะคะ ง่ายๆสั้นๆแต่ดีทุกอย่างคือ "ขอให้ข้าพเจ้าประสบแต่ความดี ปราศจากทุกข์นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2015
  2. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    ขาดสติครับ ปฎิบัติ สติปัฏฐาน 4 จะช่วยได้มาก
     
  3. kantiphong

    kantiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +207
    ผมเลือกคุณแม่ครับ
    เมียไม่มี ไม่ตายครับ
    แต่ถ้าไม่มีวุฒิ ไม่มีอาชีพ
    ถ้าคุณแม่ตาย ผมจะตายเอาครับ
     
  4. lista

    lista เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +683
    ผมก้อ เป็น มาก่อนนะ ครับ แต่เป็นประเภท ไม่มั่นใจตัวเอง ทำอาไร ก้อ ไม่ทันเขา จะถามก้อกลัว ว่า โง่ 55+ อาศัย ฟัง ธรรม พระเทศน์เอา ทำให้เรามีปัญญา มากขึ้น ครับ ฟัง ของ หลวงพี่ สมปอง บ้านธรรมะสบายใจ ลองหาฟังดูครับ ตอนนี้ ผมก้อ เปิดฟังอยู่ตลอด ตัวอุปทาน ยึดใน ตัว กู มันเยอะ เปงกำลังใจ ให้ครับ ผม เคย สวดมนต? อยู่คนเดียว เปง 3ปี จิตยัง หาความมั่นใจตัวเองยัง ไม่ได้ เลย มันต้องใช้เวลา ครับ ในส่วยตัว ครอบครัวไม่ค่อย อบอ่น พื้นฐานมันน่าจะมาจาก ปัญหาครอบครัว ครับ
     
  5. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,940
    ....ในสมัยเด็กๆ ข้าพเจ้าเป็นเช่นเดียวกับท่าน lista จนคนรอบข้างเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นคนปัญญาอ่อน..ความมีปมด้อย ถูกดุว่าประจำเลยนึกฮึดสู้ จึงได้รู้ว่า....ใจเท่านั้น สำคัญที่สุด..

    เชื่อแน่ว่าท่าน lista จะผ่านเวลานี้ได้ด้วยดีโดยเร็วเช่นกัน:cool::cool:


     
  6. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,836
    ค่าพลัง:
    +2,232
    มาตุโปสกชาดก - พญาช้างยอดกตัญญู


    ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภภิกษุผู้ลี้ยงมารดารูปหนึ่ง ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...

    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพญาช้างเผือกขาวปลอด มีรูปร่างสวยงาม มีช้าง ๘๐,๐๐๐ เชือกเป็นบริวารเลี้ยงดูมารดาตาบอดอยู่ เมื่อพาบริวารออกหากินได้อาหารอันมีรสอร่อยแล้วก็จะส่งกลับมาให้มารดากิน แต่ก็ถูกช้างเชือกที่นำอาหารมากินเสียระหว่างทาง เมื่อกลับมาทราบว่ามารดาไม่ได้อาหารก็คิดจะละจากโขลงเพื่อเลี้ยงดูมารดาเท่า นั้น ครั้นถึงเวลาเที่ยงคืนก็แอบนำมารดาหนีออกจากโขลงไปอยู่ที่เชิงเขาแล้วพัก มารดาไว้ที่ถ้ำแห่งหนึ่ง ส่วนตนเองออกเที่ยวหาอาหารมาเลี้ยงดูมารดา

    อยู่ต่อมาวันหนึ่ง มีพรานป่าชาวเมืองพาราณสีคนหนึ่งเข้าป่ามาแล้วหลงทางออกจากป่าไม่ได้จึงนั่งร้องไห้อยู่ พญาช้างพอได้ยินเสียงคนร้องไห้ด้วยความเมตตากรุณาในเขา จึงนำเขาออกจากป่าไปส่งที่ชายแดนมนุษย์ ฝ่ายนายพรานเมื่อพบช้างที่สวยงามเช่นนั้น ก็คิดชั่วร้าย "ถ้าเรานำความกราบทูลพระราชา เราจักได้ทรัพย์มากเป็นแน่แท้" ขณะอยู่บนหลังช้างได้หักกิ่งไม้่กำหนดไว้เป็นสัญลักษณ์

    ในสมัยนั้น ช้างมงคลของพระราชาได้ตายลง พระราชาจึงมีรับสั่งให้ตีกลองร้องประกาศว่าใครมีช้างที่สวยงามขอให้บอก นายพรานนั้นได้โอกาสจึงรับสั้งให้นายควญช้างพร้อมด้วยบริวารติดตามนายพรานนั้นเข้าป่านำพญาช้างนั้นมาถวาย

    นายควาญช้างเมื่อพบพญาช้างแล้วก็ถูก ใจ ส่วนพญาช้างขณะนั้นกำลังดื่มน้ำอยู่ในสระ เมื่อเห็นนายพรานนั้นกลับมาพร้อมผู้คนอีกจำนวนมากก็ทราบถึงภัยมาถึงตัวแล้ว จึงกำหนดสติข่มความโกรธไว้ในใจยืนนิ่งอยู่ นายควาญช้างได้นำพญาช้างเข้าไปในเมือง พาราณสี ฝ่ายช้างมารดาของพญาช้าง เมื่อไม่เห็นลูกมาจึงคร่ำครวญคิดถึงลูกว่า "ลูกเราสงสัยถูกพระราชาหรือมหาอำมาตย์จับไปแล้วหนอ เมื่อไม่มีพญาช้างอยู่ ไม้อ้อยช้าง ไม้มูกมัน ไม้ช้างน้าว หญ้างวงช้าง ข้าวฟ่าง และลูกเดือย จักเจริญงอกงาม"

    ฝ่ายนายควาญช้างในระหว่างทางขณะกลับเข้าเมืองได้ส่งสาส์นไปถึงพระราชาเพื่อตบแต่งเมืองให้สวยงาม เมื่อถึงเมืองแล้วก็ประพรมน้ำหอมพญาช้าง ประดับเครื่องทรงแล้วนำไปไว้ที่โรงช้างขึ้นกราบทูลพระราชา

    พระราชาทรงนำอาหารอันมีรสเลิศต่าง ๆ มาให้พญาช้างด้วยพระองค์เอง พญาช้างคิดถึงมารดาจึงไม่กินอาหารนั้น พระองค์จึงอ้อนวอนมันว่า "พญาช้างตัวประเสริฐเอ๋ย เชิญพ่อรับคำข้าวเถิดเจ้ามีภารกิจมากมายที่ต้องทำ"

    พญาช้างพูดลอย ๆ ขึ้นว่า "นางช้างผู้กำพร้า ตาบอดไม่มีผู้นำทาง คงสะดุดตอไม้ล้มลงตรงภูเขาเป็นแน่"

    พระราชาตรัสถามว่า "พญาช้าง… นางช้างนั้นเป็นอะไรกับท่านหรือ"

    พญาช้าง "นางเป็นมารดาของข้าพระองค์เอง"

    พระราชาเมื่อฟังแล้วเกิดความสลดใจมีรับสั่งให้ปล่อยพญาช้างว่า "พญาช้างนี้เลี้ยงดูมารดาตาบอดอยู่ในป่า ท่านทั้งหลายปล่อยมันกลับไปเถิด"

    พญาช้างเมื่อถูกปล่อยให้อิสระพักอยู่หน่อยหนึ่งแล้วแสดงธรรมต่อพระราชาว่า "มหาราชเจ้า ขอพระองค์จงอย่าเป็นผู้ประมาทเถิด" แล้วได้กลับไปยังที่อยู่ของตน ได้นำน้ำในสระไปรดตัวมารดาที่นอนร่างกายผ่ายผอมเพราะไม่ได้อาหารมาแลัว ๗ วัน เป็นอันดับแรก

    ฝ่ายช้างมารดาเมื่อถูกน้ำราดตัวเข้าใจว่าฝนตกจึงพูดขึ้นว่า "ฝนอะไรนี่ตกไม่เป็นฤดู ลูกเราไม่อยู่เสียแล้ว"

    พญาช้างจึงพูดปลอบใจมารดาว่า "แม่.. เชิญลุกขึ้นเถิดลูกของแม่มาแล้ว พระราชาผู้ทรงธรรมให้ปล่อยมาแล้วละ"

    นางช้างดีใจมากได้อนุโมทนาแก่พระราชาว่า "ขอให้พระองค์ทรงพระชนม์ยืนนาน เจริญรุ่งเรืองเถิดที่ได้ปล่อยลูกของข้าพระองค์คืนมา"

    ฝ่ายพระราชาทรงเลื่อมใสในพญาช้าง จึงมีรับสั่งให้ตั้งอาหารไว้เพื่อพญาช้างและมารดาเป็นประจำ ตั้งแต่วันที่ปล่อยพญาช้างไปและรับสั่งให้สร้างรูปเหมือนพญาช้างจัดงานฉลองช้างขึ้นเป็นประจำทุกปี พญาช้างเมื่อมารดาเสียชีวิตแล้วก็ได้อยู่อุปัฏฐากคณะฤๅษี ๕๐๐ ตน จนตราบเท่าชีวิต
     
  7. kantiphong

    kantiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +207
    จนกรอบอยู่ครับทุกวันนี้ จริงๆครับผม
     
  8. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,940
    ...คงไม่ต่างจากคนส่วนมากบนโลกนี้ ...ลองถามหาคนร่ำรวยที่เข้ามาเตร็ดเตร่แถวนี้ดูเถิด ว่าจะมีสักกี่คน!

    คนรวยนั้น เขามีเวลาเพื่อบันเทิงในที่อื่น ส่วนที่เข้ามาในนี้ ยังหวังรวยกันทั้งนั้น.....

    เอาละ มาลองดูกัน..


    ท่านใดร่ำรวยเป็นเศรษฐี ฐานะดี โปรดมาแสดงตนให้ชาวเราร่วมแสดงมุทิตาด้วยครับ...:cool::cool:
     
  9. kantiphong

    kantiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +207
    คนเราเกิดมา เมื่อถึงเวลาหนึ่งก็ต้องดิ้นรนหากินยังชีพ การเกิดเป็นทุกข์สำหรับผม แต่ผมเกิดมาแล้วก็จะสู้ต่อไปครับ
     
  10. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,940

    ...เมื่อจะสู้ ก็สู้ตามวิถีทางที่ถูก ซึ่งทางที่ถูกนั้นมีทางเดียวเรียกว่ามรรค ๘ที่พระพุทธเจ้าเท่านั้นทรงแสดงได้...

    เมื่อใดท่านสามารถมีความเห็นที่ถูกตรง คือสัมมาทิฏฐิ (มรรคข้อ๑)...คือทราบชัดว่ากรรมมีผล ย่อมสามารถดำเนินตามทางที่เหลืออีก๗อย่างได้อย่างถูกตรง...ความรู้แม้โดยประมาณว่าทำกรรมใดจึงมีผลเช่นนี้ ย่อมเป็นประโยชน์ เพราะย่อมนำความสังวรระวังไม่พลาดพลั้งทำสิ่งที่จะนำทุกข์โทษมาสู่ตนในภายหน้าอีก....การสำรวมสังวรด้วยการเจริญศีลย่อมเป็นไปได้ด้วยความเบาเพราะไม่ต้องกดข่มตนเพื่อเอาบุญโดยไม่รู้เหตุผล...


    การที่พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์กรรมเก่าของเหล่าพระสาวกในสมัยอดีตนั้น ย่อมมีประโยชน์ให้ท่านเหล่านั้น บรรลุธรรมตามสมควรแก่ตน ..พระองค์ย่อมไม่ทรงกล่าวว่า "อย่าใส่ใจเลยว่าทำกรรมใดมา เธอจงอยู่กับปัจจุบันเถิด" เพราะทรงทราบชัด"ประโยชน์" ในการชี้แจงแสดงเหตุนั้นโดยแน่แท้ ...

    ดังนั้น ความสนใจใคร่ทราบเหตุที่มาของอาการที่ท่านเป็นอยู่ ย่อมเป็นสิ่งที่มาจากความมีปัญญาของท่านจขกท. ที่นิยมเหตุผล ไม่นิยมความไม่รู้ ..ผู้ที่มีความขวนขวายแสวงหาปัญญาย่อมได้ปัญญาเพิ่ม ..หากได้พบกัลยาณมิตรมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น...ย่อมได้ปัจจัยเพื่อความพ้นทุกข์ได้ในที่สุด...
     
  11. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    985
    ค่าพลัง:
    +2,951
    5555555555555555555 รวยน้ำใจแสดงตัวได้มั้ยคะ อิอิ

    ถึงเจ้าของกระทู้ คนเรามักคิดว่าทุกข์ตัวเองนั่นหนักกว่าคนอื่นๆค่ะ
    แม้ดิฉันเองก็คิดเหมือนกัน แม่เล่าให้ฟังว่า ตอนแม่เด็กๆ ไม่รู้ทำไง คือเวลาไม่มีทางออก แม่จะท่องว่า "พระพุทธเจ้าช่วยด้วยๆๆๆ จนหลับไปเวลาทุกข์แบบสุดๆหาทางออกไม่ได้"

    ดิฉันยังคิดถึงคำนี้ที่แม่เล่าให้ฟังแบบขำๆ เพิ่งท่องเมื่ออาทิตย์ก่อน มึนมาหลายเดือนจับต้นจนปลายไม่ถูก แล้วปัญหาดิฉันที่ยังอุตส่ามาตั้งกระทู้ ยังคลี่คลายได้เลยค่ะ



    พอดีอ่านสะดุดตรงนี้ ไม่ทราบว่าเกี่ยวกะเงินหรือคะ เคยกินน้ำแทนข้าวเหมือนดิฉันหรือเปล่าคะ น้ำฟรีบิ๊กซี/AIS มีให้กดค่ะ
     
  12. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,940
    ...คนที่มาตอบ ต่างรวยน้ำใจกันอยู่แล้วละครับ ......:cool:



    ได้ทราบแหล่งน้ำฟรีแล้ว เตรียมขวดหรือขันไปรับ อนุโมทนาท่านผู้ให้น้ำเป็นทานด้วยครับ..
    (นึกสงสารท่านThanks จับใจว่าเวลานั้นคงแย่เต็มที!!)

    ของฟรีหาได้ยากในแถบถิ่นที่ข้าพเจ้าอาศัย..คนไทยมีบุญจริงๆ:cool::cool:
     
  13. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    985
    ค่าพลัง:
    +2,951
    มีญาติพูด ดิฉันทำได้ยังไง เพราะพ่อแม่เลี้ยงมาแบบไข่ในหิน ไม่ต้องอด ชี้นิ้วเป็นได้ของเลย

    ชีวิตจริงแย่หรือเปล่าคงไม่ใช่นะค่ะ ถ้ากล้าบากหน้าไปขอเงินแม่ แต่นิสัยดิฉันแม่ยังต้องพูดว่า "หยิ่งเกินไป หยิ่งมากกกกก" นอกจากไม่ขอแล้วยังต้องใช้หนี้ให้เจ้ากรรมนายเวรด้วย 5555

    ดิฉันอ่านดูแล้วเจ้าของกระทู้ไม่ได้ซึมเศร้าเลยถ้าเทียบกับอาการดิฉันตอนที่หนักๆ เพราะยังมีกระจิตกระใจพิมพ์ได้ไม่วกวน
     
  14. สีลสิกขา

    สีลสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,271
    ค่าพลัง:
    +7,135
    ความรู้สึกเศร้า และทำให้ซึม.. หลายๆ ท่านก็น่าจะเคยเป็น ดิฉันซึมเศร้าเมื่อต้องสูญเสียบุคคลที่รักมากที่สุด แต่พอถึงจุดนึง สติจะนำพาเราออกจากสถานการณ์นั้น ไม่ใช่ว่าจะหายไปเลย จะเป็นพักๆ ค่ะ ดิฉันเรียกว่าความอ่อนแอค่ะ การที่เราอ่อนแอ ซึมเศร้าเหงาหงอยนั้น ไม่ได้หมายความว่าเราจะสิ้นไร้ไม้ต่อ แต่ความอ่อนแอ เป็นสัญญาณเตือนว่าคุณต้องหาทางหยุดพักได้แล้วนะคะ อย่าได้อินกับความรู้สึกต่างๆ ให้มากค่ะ ...มีสติค่ะ เพราะสติคืออาจารย์ใหญ่ของธรรมทั้งปวง... ขอให้ผ่านพ้นให้ได้นะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...