จอมจิตตรา

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย porn, 14 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. porn

    porn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +78
    เรียน ผู้ดูแลเวป หากข้อความไม่เหมาะสมกับกลุ่มกระทู้ช่วยย้ายบอร์ดให้ด้วยนะคะ


    เพราะว่าเคยมาขอข้อมูลไปแต่งนิยายเอาไว้ เลยลองเอามาให้เพื่อนๆ ที่บอร์ดนี้อ่านดูค่ะ

    ปฐมบท จอมจิตรา

    กล่าวถึงทวีปหนึ่ง เกิดหายสาบสูญไปจากแผนที่โลกอย่างกะทันหัน วันนั้นท้องฟ้าเกิดมืดมิดทั้งที่เป็นเวลากลางวัน พื้นภพคำรามลั่นเสียงดังปานประหนึ่งพุไฟหลายร้อยหลายพันลูกถูกจุดขึ้นพร้อมกัน น้ำเหือดหายไปจากหาดแทบมองเห็นสะดือทะเลท้องทะเลที่เคยมีคลื่นระรอกน้อยพัดเข้าหาฝั่ง ในบัดดลกลับกลายเป็นคลื่นยักษ์สูงลิ่วมองแล้วเหมือนเทือกเขาสูงที่เคลื่อนตัวได้โถมเข้ามาอย่างรวดเร็ว ถึงสามครั้งสามครามองเห็นทวีปที่มีสัณฐานดังรูปหยดน้ำผลุบโผล่เหมือนเรือที่กำลังจะล่ม จากนั้นน้ำทะเลก็หมุนวนเป็นวงกว้าง กินอาณาเขตเท่ากลับทวีปนั้น เรือประมง และเรือที่เข้ามาค้าขายในบริเวณใกล้เคียงต่างถูกน้ำวนดูดหายไปจนหมดสิ้น
    ครั้นท้องฟ้าเปิดคลื่นลมสงบ ทวีปที่เคยตั้งอยู่กลางมหาสมุทรอันเวิ้งวางก็หายไปสิ้น ดังไม่เคยมีพื้นดินปรากฏโผล่พ้นพื้นน้ำ ที่นั้นมาก่อน.....
     
  2. porn

    porn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +78
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    บทที่ 1 นานาจิตตัง<o:p></o:p>
    "เจ้าเข้าเขตดินแดนลับแล ไม่ได้อย่างนั้นหรือ" น้ำเสียงเย็นชาแม้ผู้เปล่งวาจาจะโกรธายิ่ง ดวงวิญญาณขาวซีดก้มหน้านิ่งรับฟัง กริ่งเกรงต่ออำนาจของ "นายท่าน" เป็นอย่างยิ่ง <o:p></o:p>
    เป็นเวลาเพียงอึดใจ ดวงวิญญาณกลับรู้สึกถึงความเย็นยะเยือก มันกลัวแม้กระทั่งจะมีลมพัดผ่านจนมีอะไรสักอย่างพลิ้วไหวขึ้นมา นั่งก้มหน้านิ่งๆ อย่างนี้ยังจะดีซะกว่าหากจะมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อจากนี้ <o:p></o:p>
    "ช่างเถอะ เจ้ากลับไปทำหน้าที่ตามปกติของเจ้าก็แล้วกัน" นางปรายหางตามาเพียงเสียวไม่ได้มองมาทางดวงวิญญาณนั้นอีก <o:p></o:p>
    “ข้าแต่นายท่าน......” ส่งเสียงได้แค่นั้นก็ต้องเงียบกริบเมื่อนายท่านส่งเสียงเย็นชาตอบกลับมาในทันที <o:p></o:p>
    “เจ้าไม่มีสิทธิถามอันใด...ครรชิต” สิ้นเสียงทรงอำนาจดวงวิญญาณที่ก้มอยู่ที่พื้นก็ลอยลิ่วกลับไปประจำยังเครื่องดนตรีแล้วบรรเลงเพลงต่อตามคำสั่งไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาอีก <o:p></o:p>
    ดวงวิญญาณนามครรชิตอยากรู้เหลือเกิดว่ามารดาของเขาเป็นเช่นไรบ้างหลังจากที่เขาได้ตัดสินใจมอบวิญญาณมาเป็นทาสของนายท่าน เขาได้เสียสละชีพแล้วด้วยความกตัญญูต่อมารดา <o:p></o:p>
    เมื่อครั้งที่ยังเป็นมนุษย์อยู่ ครรชิตชอบเล่นดนตรีมาก แต่ฐานะทางบ้านยากจน แม่เห็นและเข้าใจในสิ่งที่เขาชอบ นางจึงทำงานอย่างหนักเพื่อส่งเสริมลูกชายเพียงคนเดียวให้สมปรารถนา วันที่เขาเรียนจบจากศิลปากรครรชิตได้จุดธูปต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ดลบันดาลให้ได้เป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในประเทศ โดยไม่ได้นึกถึงเลยว่าเป็นมารดาของเขานั่นเองที่เป็นผู้ดลบันดาลให้เค้าเรียนจบและส่งเสริมเขาทุกอย่างจนมีโอกาสที่จะได้ทำตามอย่างใจฝันในวันนี้ <o:p></o:p>
    เหมือนปาฏิหาริย์มีจริง เขาได้เป็นนักดนตรีสมใจ หน้าตาบวกกับความสามารถทำให้เขามีชื่อเสียงและเงินทองมากมาย เขาใช้เงินซื้อทุกอย่างจนย่ามใจ ดาวดวงใหม่ก็กลายเป็นดาวดวงเก่าตามสัจจะธรรมไม่มีอะไรเที่ยงแท้และแน่นอน ด้วยความประมาทฤาพลังลึกลับบางอย่างทำให้เขาไม่คิดจะเก็บเงินไว้ <o:p></o:p>
    “ไม่เป็นไรหรอกลูก เงินที่ลูกให้แม่ แม่เก็บเอาไว้ไม่ได้ใช้เลย เอาไปลงทุนทำอะไรก็ได้” มือเหี่ยวย่นลูบลงบนศีรษะของเขาอย่างอ่อนโยน นานแล้วซินะที่เขาลืมคิดถึงท่านนึกไม่ถึงเลยว่าเมื่อเขาตกอยู่ในสภาพหมดสิ้นแทบจะทุกอย่าง ความอบอุ่นจากน้ำเสียงและมือของแม่มีค่ายิ่งกว่า “เงินที่แม่เก็บไว้ให้เสียอีก” <o:p></o:p>
    เคราะห์ซ้ำกรรมซัดแม่ผู้เป็นกำลังใจหนึ่งเดียวให้เค้ามีชีวิตอยู่ก็มีอันลมป่วยด้วยโรคหัวใจกำเริบ หมอบอกกับเขาว่าแม่คงอยู่ได้อีกไม่นานนี้แล้ว เขารู้สึกไร้ที่พึ่งพิงจึงได้อธิฐานขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง <o:p></o:p>
    “ขอ..ข้าพเจ้าขอให้แม่มีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยเถอะ” ประนบมือจบที่กึงกลางระหว่างคิ้ว ฉับพลันท้องฟ้าก็มืดครึ้มร่างหนึ่งงดงามกายเรื่อเรืองด้วยแสงสีทองปรากฏแก่สายตาที่กำลังตกตะลึงพรึงเพริด วงหน้างดงามไร้ที่ติ...ดวงตาสีเหลืองดุจบุษราคัม...น้ำเสียงกังวานใสปานเสียงทิพย์ แม้งามยิ่ง งามล้ำเกิดกว่าจะมีภาษาใดๆ พรรณนาได้เหมาะสม กระนั้นใครได้ยลต่างย่อมรู้ดีว่า หาใช่ความงามอย่างมนุษย์ไม่ <o:p></o:p>
    “ชีวิตนั้นต้องแลกด้วยชีวิต เจ้าจะยินดีกระนั้นหรือ” เสียงทิพย์เปล่งออกมาริมฝีปากแย้มยิ้ม<o:p></o:p>
    “ชีวิตใครหรือท่าน” <o:p></o:p>
    “ใช้ชีวิตเจ้าต่อชีวิตให้แม่ของเจ้า หากเจ้ายินดีจงโยนสิ่งนี้ขึ้นไปในอากาศแล้วเอ่ยนามข้า “ญาตาวี” นางกล่าวพร้อมยื่นลูกแก้วสีประหลาดให้ เขารับมาอย่างงงงัน ก่อนนางจะหายไปในรัตติกาลแต่ยังคงมีเสียงแว่ว “จงอย่าพูดเรื่องนี้แก่ใครมิฉะนั้นข้าจะไม่ช่วยเจ้า…..”<o:p></o:p>
    ปัญหาที่เขาต้องขบคิดอยู่คนเดียวโดยมีลูกแก้วประหลาดเป็นเครื่องค้ำประกันว่าเมื่อคืนไม่ได้ฝันไป ความจริงอันเหลือเชื่อ ชายหนุ่มนั่งเหยียดขาบนระเบียงบ้านสองชั้นหลังพิงประตูบานเฟี้ยมที่เปิดรับลมชมวิวบ้านริมน้ำที่เขาอยู่มาแต่อ้อนแต่ออดด้วยท่าทีสบายๆ แต่ใจกลับตรงข้าม ก่อนที่จะมานั่งอยู่ตรงนี้ชีวิตดำเนินมาถึงสี่สิบห้าปี แล้วซินะเขา หลับตาลงแล้วค่อยๆ คิดถอยหลังอย่างช้าๆ ปีที่สี่สิบสี่,สี่สิบสาม,สี่สิบสอง,...แรกเกิด ไม่มีปีไหนที่แม่ไม่เคยให้อะไรแก่เขา พระคุณของแม่มากล้นประมาณไม่ได้ เขาละเลยหน้าที่ของลูกนานเกินไปแล้ว <o:p></o:p>
    ชายหนุ่มลืมตาขึ้นอีกครั้งมองเวิ้งน้ำเบื้องหน้าที่บัดนี้ความมืดได้ครอบคลุมไว้หมดแล้ว ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วโยนลูกแก้วสีประหลาดขึ้นบนท้องฟ้า <o:p></o:p>
    “ญาตาวี ข้าเอ่ยนามท่านแล้ว” สุดเสียงที่ตะโกนก้องคุ้งน้ำด้วยความร้าวราน ร่างงดงามปรากฏออกมาอีกครั้ง <o:p></o:p>
    “เจ้ายินดีใช้ชีวิตแลกชีวิตแล้วหรือ” ฟังดูเหมือนเสียงนั้นช่างอ่อนโยนยิ่งนัก หากแต่พอชายหนุ่มได้ฟังกลับรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัวเหมือนได้ยินเสียงเพชฌฆาต <o:p></o:p>
    “ข้ายินดี” ตอบกลับเสียงหนักแน่นอย่างคนตัดสินใจได้เด็ดขาด<o:p></o:p>
    “ดี อีกสามราตรีข้าจะมาทวงสัญญา” <o:p></o:p>
    สายตาของชายหนุ่มกลับมาพบกับความเวิ้งวางว่างเปล่าอีกครั้งเมื่อร่างของนางจางหายไปในอากาศธาตุแล้ว วันรุ่งขึ้นหมอให้เขาพาแม่กลับบ้านได้ด้วยความอัศจรรย์ใจ ชายหนุ่มมีความสุขจนลืมสัญญาหมดสิ้นตราบเมื่อครบสามวันนางก็มากระชากวิญญาณของเขาออกมาโดยที่เขาไม่เต็มใจเพราะยังห่วงแม่และทรัพย์สมบัติที่ยังเหลืออยู่ ณ เวลานี้ยิ่งคิดถึงมารดาและทรัพย์สินความเศร้าระทมตรมใจก็ยิ่งกัดกร่อนดวงวิญญาณของเขามากขึ้นมากขึ้น ถึงอย่างนั้นก็ตาม ครรชิตก็ยังคงคิดย้อนไปย้อนมาด้วยความทุกข์จมอยู่เช่นนั้น และคง เช่นนี้ ตราบชั่วนิรันดร์..... <o:p></o:p>
    นางปรายตาไปมองแวบหนึ่งอย่างนึกสมเพช เวลานี้จิตของครรชิตได้จมอยู่ในนรกเรียบร้อยแล้ว และอีกไม่นานดวงวิญญาณก็จะตามไป เมื่อคิดถึงตรงนี้ริมฝีปากงามก็เหยียดยิ้ม ความจริงเมื่อชายหนุ่มตาย จากโลกมนุษย์ แม่ของเขาก็เศร้าหมองจนตรอมใจตายในเวลาไม่นานนัก และเมื่อตายจากความเป็นมนุษย์ไปเกิดใหม่ ก็เท่ากับตายจากความเป็นแม่ของครรชิต นางไม่เข้าใจเหตุใดต้องเสียสละชีวิตเพื่อให้คนที่อีกไม่นานก็ทิ้งสังขารจากชาติภพนี้กลายเป็นคนอื่นในภพหน้าจดจำอะไรไม่ได้เลย นางจึงเห็นก็แต่ความโง่งมงายของมนุษย์เท่านั้น และคืนนี้คงมีคนเอ่ยนามของนางอีกแน่นอน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ****************************************************<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ท้องฟ้ามืดลงทุกขณะบ่งบอกว่ายามวิกาลใกล้เข้ามาเยือน ฝนตั้งท่าจะตกนกกาต่างก็รีบบินกลับรัง ชายหนุ่มร่างเล็กคนหนึ่งกำลังเดินเบียนเสียดกับฝูงชนที่แย่งกันขึ้นรถประจำทางเพื่อเดินทางกลับบ้านไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมายตรงกันข้ามกับผู้คนและเหล่านกอย่างสิ้นเชิง ดวงตาของเขาเลื่อนลอยไร้ชีวิตจิตใจ ถอนใจเป็นระยะๆ จนกระทั่งชนกับชายคนหนึ่งจึงได้สติ <o:p></o:p>
    “ขอ...ขอโทษครับผมไม่ได้ตั้งใจ” ชายหนุ่มคู่กรณียิ้มตอบกลับอย่างอบอุ่นทำให้เขาใจชื่นขึ้นบางว่าคงไม่มีเรื่องมีราวอะไร <o:p></o:p>
    “ไม่เป็นไรครับคุณสิบชนม์” เสียงนุ่มหูดังพอได้ยินกันสองคนแต่คนฟังกลับเลิกคิ้วด้วยความฉงน <o:p></o:p>
    “คุณรู้จักผมด้วยหรือ” <o:p></o:p>
    ชายหนุ่มผู้ทักทายยิ้มกว้าง “ครับผมมาหาคุณโดยเฉพาะเลย เราคงต้องหาที่คุยกันแล้วหละ” <o:p></o:p>
    พอพูดจบชายหนุ่มก็หันหลังเดินไปโดยไม่หันมามองสักนิดว่าสิบชนม์จะเดินตามไปหรือไม่ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจเดินตามไป ได้คุยกับใครสักคนตอนนี้ก็ยังดีเพราะตั้งแต่เจอเรื่องประหลาดมหัศจรรย์เมื่อคืนนี้เขาก็ทั้งงง ทั้งสับสน จนแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว จะต้องพบอะไรที่ต้องทำให้แปลกใจเพิ่มอีกสักเรื่องก็คงไม่รู้สึกพิศวงไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว <o:p></o:p>
    ในสวนสาธารณะตอนใกล้จะค่ำแถมฝนก็กำลังจะตกเช่นนี้ผู้คนแทบไม่มีเอาเสียเลย <o:p></o:p>
    “อื่ม.....ตรงนี้แหละเงียบสงบดี” อยู่ๆ คนเดินนำก็หยุดเอาเฉยๆ ทำให้คนเดินตามที่กำลังฟุ้งซ่านหยุดเท้าไว้ไม่ทัน ชนเข้ากับคนข้างหน้าอีกจนได้ <o:p></o:p>
    “ขอโทษครับ” สิบชนม์กล่าวเป็นรอบที่สองตามด้วยเสียงถอนใจยาวเหยียด <o:p></o:p>
    ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่ขาดสติเลื่อนลอยอย่างนี้เนื่องด้วยเป็นศิษย์มีครูชั้นยอด หากไม่เกิดความทุกข์ใจอย่างใหญ่หลวงแถมยังต้องคิดและตัดสินใจตามลำพังบอกใครไม่ได้อย่างนี้ชายหนุ่มคนนี้ก็เป็นคนสุขุมเยือกเย็น รอบครอบ เป็นผู้เจริญสติได้ดีมากๆ เลยที่เดียว <o:p></o:p>
    “เดี๋ยวนี้คุณไม่ค่อยได้ไปพบหลวงพ่อใช่ไหมครับ” เสียงนุ่มนวลราบเรียบ ดั่งไม่ค่อยต้องการคำตอบซักเท่าไร “คุณเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อหรือครับ คุณชื่ออะไร แล้ว...หลวงพ่อท่านให้คุณมาพบผมหรือ” <o:p></o:p>
    สิบชนม์ยิงคำถามถี่ยิบด้วยความตื่นเต้น เขาไม่เห็นพบลูกศิษย์คนอื่นๆ ของหลวงพ่อเลย เวลาไปกราบนมัสการท่านก็ไม่เคยพบใครสักทีอาจเป็นเพราะคนเมืองกรุงมัวแต่ไปหาพระในป่าก็เป็นไปได้ เนื่องจากมีรุ่นพี่ชวนไปกราบพระที่วัดป่าบ่อยซึ่งเขาเองก็ไปทุกครั้งที่ว่างเว้นจากหน้าที่การงานและครอบครัวบางครั้งก็พากันไปทั้งครอบครัวด้วยซ้ำ เขาพบหลวงพ่อประทีปเมื่อสามปีที่แล้วนี่เองตอนกลับไปเยี่ยมบ้านต่างจังหวัด โดยท่านไปธุดงค์แถวนั้นพอดี เขามีโอกาสตักบาตรและฟังธรรมเพียงเล็กน้อยเพราะมีเวลาจำกัดแต่จิตกลับดื่มด่ำในรสธรรมอย่างประหลาด และบังเอิญมาพบท่านนั่งยิ้มละไมอยู่ที่วัดใกล้ๆ บ้านในวันที่ไปทำบุญวันเกิดของมารดานี่เอง นับเป็นมหาโชคอย่างยิ่งแล้วในชีวิต <o:p></o:p>
    “เรียกผมว่า ธาราเทพ ผมไม่ใช่ศิษย์หลวงพ่อ และน่าจะเป็นบุพกรรมของเรามากกว่าที่ต้องมาพบกัน” ชายหนุ่มตอบคำถามทุกข้ออย่างช้าๆ ยิ้มให้ชายหนุ่มอีกคนอย่างผู้ใหญ่ที่เอ็นดูเด็กเล็กๆ ซึ่งสิบชนม์รู้สึกได้เลยทีเดียว นี่เขาอายุน้อยกว่าบุรุษตรงหน้าสักกี่ปีกันเชียว ถึงแม้จะตัวเล็กกว่านิดหน่อยก็เถอะชายหนุ่มคิดในใจ เขาเพิ่งสังเกตคู่สนทนาชัดๆ ก็คราวนี้เอง ผมสั้นเปิดใบหูโชว์คอระหงเหมือนผู้หญิง แต่ใบหน้าคมเข้ม สีหน้าอ่อนโยน น่าจะสูงกว่าเขาสักสิบเซนติเมตรได้ เมื่อเทียบกับเขาที่เป็นผู้ชายตัวเล็กผิวขาวหน้าตากระเดียดไปทางชาวญี่ปุ่นก็เลยดูเด็กกว่าอายุจริงอยู่บ้าง ถึงอย่างนั้นสายตาที่มองมาทำให้เขารู้สึกอายุห่างกันเป็นสิบๆรอบ <o:p></o:p>
    “ภรรยาของคุณป่วย คุณกำลังคิดช่วยเธอในคืนนี้” สิบชนม์ฟังแล้วตกตะลึงมองหน้าบุรุษหนุ่มตรงหน้าส่งสายตาแห่งความสงสัยเต็มที่ มีคนรู้เรื่องนี้...แล้วลูกแก้วจะยังใช้ได้อยู่หรือเปล่านะชายหนุ่มนึกกลัวขึ้นมา <o:p></o:p>
    “ไม่ต้องกลัวคุณไม่ได้บอกผมสักหน่อยลูกแก้วยังใช้ได้” คำพูดที่ดังขึ้นมาลอยๆ ส่งผลให้สิบชนม์กระพริบตาปริบๆ อ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น <o:p></o:p>
    “มนุษย์ต่างมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์และพวกพ้อง การที่เราได้คู่ชีวิต ได้มีโอกาสร่วมทำบุญและช่วยเหลือเกื้อกูลกันในชาตินี้ จะกลายเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ได้เกิดร่วมกันได้ทำบุญร่วมกันในอีกหลายๆ ชาติต่อไป นับเป็นกรรมดี เป็นคู่ที่หาได้ยาก” <o:p></o:p>
    เสียงนุ่มนวลเว้นระยะนิดหนึ่งเพื่อให้กระแสเสียงที่ส่งถึงผู้ฟังได้กำซาบเข้าไปในจิตใจ และตรวจสอบว่า จิตนั้นได้เปิดรับเสียงนี้แล้วหรือยัง ปรากฏว่าสิบชนม์มีสีหน้าเรียบเฉยดวงตาแน่วนิ่งอย่างมีสมาธิในใจระลึกถึงหลวงพ่อประทีปขึ้นมาแลท่านก็มาอยู่ในนิมิตแห่งจิตทันที <o:p></o:p>
    “หากคุณตัดสินใจช่วยเธออย่างฉับพลันในคืนนี้ คุณก็รู้ดีว่าจะไม่ได้อยู่ดูแลเธออีก เธอคงไม่รู้สึกดีใจหรอกที่หายเจ็บป่วยจากโรคร้าย ซึ่งคุณก็น่าจะรู้ใจเธอดี อีกอย่างคุณก็ได้ร่วมสุขกันมานานหลายปีแล้ว นี่เป็นเพียงครั้งแรกเท่านั้นที่ต้องเผชิญกับความทุกข์ร่วมกัน คุณแก้ทุกข์แห่งความเจ็บปวดทางกายแล้วทิ้งทุกข์ทางใจไว้ให้เธออย่างนั้นหรือ “<o:p></o:p>
    ธาราเทพหยุดพูดเพื่อให้ชายหนุ่มตรงหน้าได้ไตร่ตรอง ซึ่งก็นานไม่น้อยเลยทีเดียวกว่าสิบชนม์จะคลียิ้มออกมาได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ได้พบกัน เขานึกถึงในงานแต่งงานระหว่างเขากับมะปรางภรรยาสุดที่รัก บนเวทีในคืนนั้นต่างกล่าวคำสัญญาจะร่วมทุกข์ร่วมสุขทุกชาติดังเป็นคำปฏิญาณที่เปล่งออกมานับครั้งไม่ถ้วนเมื่อนานแสนนาน เมื่อชั่งน้ำหนักแล้วระหว่างถ้าเขาจะเลือกเชื่ออำนาจของผู้ให้ลูกแก้วสีประหลาดยอมสละชีวิตของตนในวันนี้ก็คงไม่มีสิทธิ์รู้เลยว่าอำนาจวิเศษนั้นจะทำให้ภรรยาของเขาหายเจ็บป่วยจริงหรือเปล่าหากหายจากโรคร้ายจริงวันรุ่งขึ้นกลับตายด้วยอุบัติเหตุล่ะชีวิตไม่ได้มีความแน่นอนสักหน่อยว่าจะต้องตายเมื่อไร อย่างไร และเขาคงไม่ได้เห็นลูกชายที่กำลังน่ารักเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่หากเลือกเชื่อชายหนุ่มคู่สนทนาของเขาในตอนนี้ก็เหมือนเชื่อมั่นในสัจจะธรรมซึ่งเป็นความจริงของโลก วันรุ่งขึ้นเขาจะพาภรรยาไปวัดทำบุญ และยังมีวันต่อๆไป เรื่อยๆ ตราบที่ยังมีลมหายใจอยู่ข้างเคียงกัน เสียงถอนใจดังขึ้นอีกครั้ง<o:p></o:p>
    “นั่นซินะคนเราเกิดแก่เจ็บตายเป็นธรรมดา ไม่ต้องรีบเพราะอย่างไรก็ได้ตาย ได้เจ็บกันจนท้วนหน้าอย่างแน่นอน สักวันหนึ่งผมต้องตาย และเธอก็ต้องตายเหมือนกัน ตายจากภพนี้ แล้วก็ไปเกิดในภพใหม่วนเวียนกันไปไม่จบสิ้น” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นในที่สุด <o:p></o:p>
    ธาราเทพหันมามองยิ้มน้อยๆ “ที่สำคัญห่างจากบ้านคุณไปทางทิศเหนือ มีโรงพยาบาลใช่ไหม ไปวันจันทร์นี้นะมีคุณหมอใจดีรออยู่” สิบชนม์กั้นหัวเราะแทบไม่อยู่เมื่อธาราเทพพูดจบแล้วขยิบตาให้ด้วยท่าทางกวนๆ <o:p></o:p>
    “คุณเป็นหมอดูผู้วิเศษหรือ” ไวเท่าความคิดจิตของสิบชนม์รวมตัวเข้าสู่สมาธิทันทีใช้ตาในแทนตานอก ชายหนุ่มต้องขนลุกไปทั้งตัวน้ำตาเอ่อขึ้นด้วยความตื้นตันใจ <o:p></o:p>
    “เอาลูกแก้วมาให้ผมเถอะ” ได้ยินดังนั้นชายหนุ่มก็ยื่นลูกแก้วสีประหลาดให้อย่างว่าง่ายทั้งที่มือออกจะสั่นๆ “กลับไปได้แล้วสิบชนม์ แล้วอย่าหันหลังกลับมามองล่ะ”ธาราเทพกล่าวเสียงนุ่มยิ้มให้อย่างอบอุ่น <o:p></o:p>
    สิบชนม์ประนมมือจรดกึ่งกลางศีรษะนอบน้อมแล้วหันหลังเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง <o:p></o:p>
    “จะไม่ช่วยได้อย่างไรเล่าเพื่อนเรา” เสียงลำพึงแผ่วเบาลอยตามสายลมอ่อนโยนและอบอุ่น<o:p></o:p>
    มนุษย์โดยมากก็มักจะเป็นเช่นนี้ เจอทุกข์ยากเมื่อใดก็ดิ้นเล่าๆ เหมือนประหนึ่งว่าถูกเพลิงเผาอยู่กระนั้น ทนอยู่ไม่ได้ต้องดิ้นรนหาทางเอาตัวรอดคิดแต่จะให้พ้นๆ ไปเสียโดยเร็วจนขาดสติ ทุกข์เพราะความยากจนก็ไปเล่นหวยเล่นการพนันกันเสียอย่างนั้นแทนที่จะอดทนทำมาหากิน หรือทุกข์เพราะเรื่องอื่นๆ ก็คิดแต่จะตายเอาถ่ายเดียวไม่ทนสู้หาทางแก้ปัญหาใดๆ เลย ทางสายตรงโล่งกว้างแต่ถึงจุดหมายแน่นอนไม่ไป กลับเสี่ยงหาทางลัดเข้ารกเข้าพงคิดเอาเองว่าคงถึงเร็วกว่า กันเสียได้ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้หลงทางวนเวียนอยู่ในป่ารกๆ กันมากต่อมากได้อย่างไร ธาราเทพรำพึงรำพันอย่างนั้นในมือก็หมุนลูกแก้วไปเรื่อย <o:p></o:p>
    “หากเจ้าใช้กิเลสตัณหารังควานมนุษย์เราก็คงปล่อยให้เป็นไปตามกลไกลอย่างนั้น แต่นี่เจ้ากลับใช้จิตรานุภาพพรากวิญญาณผู้คนเราคงต้องคุยกันเสียหน่อยแล้ว” <o:p></o:p>
    ธาราเทพปล่อยลูกแก้วลอยขึ้นจากมือไปกลางอากาศช้าๆ แล้วเอ่ยนามของนางเบาๆ<o:p></o:p>
    “ญาตาวี”<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
     
  3. porn

    porn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +78
    ขอโทษด้วยไม่สามารถแก้ขนาดตัวอักษรได้ค่ะ เกิดไรขึ้นเนี่ย
     
  4. สุรเนตร

    สุรเนตร สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2008
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +5
    สนุก และได้คติดี ทำให้คิดอะไรได้เพิ่มมากขึ้น หรืออย่างน้อยก็ช่วยเตือนสติได้ดีขึ้นเป็นอย่างมาก แล้วเมื่อไหร่จะถึงตอนต่อไปละครับ ขอบคุณนะครับ
     
  5. porn

    porn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +78
    ดีใจจังเลยค่ะ(ดีใจกับตัวเอง) ที่มีคนอยากอ่านตอนต่อไปด้วย ปลื้มจัง

    ดีใจกับคุณสุรเนตรด้วยค่ะที่ได้แง่คิดจากความฟุ้งซ่านของอิฉัน 5 5 5

    ตอนต่อไปกำลังพยายามอยู่ค่ะ ถึงจะมีจิตนาการอยู่ในหัวแต่เวลาต้องเขียนออกมากเนี่ยดิ เขียนแล้วลบ เขียนแล้วลบ เป็นสิบๆ รอบเลยที่เดียวเชียว เอาไว้แต่งตุนได้ซัก 3 ตอนแล้วจะทำ link ให้ค่ะ ว่าแต่....มีใครสนใจจะอ่านอีกมั้ยอะคะ -_-" เกรงใจจังเวปธรรมะนิ ไม่ใช่เวปนิยาย แหะๆๆๆๆ ต่อไปคงไม่ตั้งกระทู้ขึ้นนะคะ ทำ link เสร็จ จะต่อไว้ที่ลายเซ็นค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...