สติคือไม่คิด มันใช่เหรอ ผมว่าไม่ใช่นะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ชมทรัพย์, 2 ธันวาคม 2015.

  1. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +2,259
    นี่นางสาวจิตยิ้ม....ตรง..วิญญาณคือ สิ่งที่รู้อารมณ์...(เอามาจากไหน)ก็ช่างเถอะ

    ทีนี้ แกสังเกตว่า...โสตวิญญาณ(วิญญาณทางหู)...แกที่โง่ต้องแยกให้ออกนะว่าเขาพูดถึงอะไร....

    ง่ายๆเลย มโนไม่รู้อารมณ์ มโนรู้เฉยๆ ไม่รู้อารมณ์แปลว่า...ไม่ปรุงสร้างอารมณ์ขึ้นมารู้ได้...ไม่สามารถ

    แต่วิญญาณทำไมมันรู้อารมณ์..ก็วิญญาณจิตคือตัวอุปทานมันคือตัวปรุงแต่งสร้างอารมณ์มันเลยรู้อารมณ์ไง

    แค่นี้เอง
     
  2. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,729
    ค่าพลัง:
    +3,243
    คิดคือสังขารขันธ์ไง

    ทะยานอยากที่จะไม่คิด
    เป็นพระสมุทัยอริยะสัจจะ
    มีอานุภาพทำลายอวิชชา
    แล้วก็อุทิศกุศลให้ฟุ้ง
    ว่ากูเนียะแหละได้ทำลายอวิชชา

    เนียะทำลายอวิชชาของกู ตัวกูเองทำลาย

    ก็อุทิศกุศลเลย

    คนจะจำแนกได้ว่านี้กุศลหรืออกุศลก็ต้องอำนาจพระรัตนตรัย
    ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา

    ก็ทุกข์ที่ไปยึดว่า
    นี้คืออำนาจพระรัตนตรัยของเรา

    ก็อุทิศกุศลอีก
    ก็ฟุ้งอีก
    ก็ทุกข์อีก

    ก็ดูอีก ก็อุทิศอีก
    จนกระทั้งกุศลมันเตือนเราและเราแหละ
     
  3. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +2,259
    ถ้ากายใจนั้นยังมีอวิชชาก็แปลว่ายังมีจิตวิญญาณ...ดังนั้น ทุกอายตนะจึงมี ตัววิญญาณรับรู้อารมณ์(อุปทานได้)เสมอไง...แบบว่ามันอุปทานไปร่วมกับตัวใจที่ปรุงแต่งไปแล้ว

    ก็ ชำระอวิชชาซะ...จะได้ไม่มีตัวจิตวิญญาณอุปทานสร้างอารมณ์ได้ไง

    ง่ายๆเรย
     
  4. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,729
    ค่าพลัง:
    +3,243
    ถ้าเราต้องกำหนดสติ
    เพราะพระรัตนตรัยสั่ง
    ก็ทำตามท่านสั่ง
    ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา

    ไม่ต้องไปสั่งใคร
    ให้อำนาจพระรัตนตรัยสั่ง
     
  5. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,729
    ค่าพลัง:
    +3,243
    คืิอนิวรณ์
    มีฟุ้ง พอใจในกาม ขี้เกียจ พยาบาท และสงสัย

    คนที่เต็มไปด้วยข้อสงสัย
    และห้ามคนอื่นทักท้วงด้วย

    มีนิวรณ์อีกตั้งหลายตัว
    ทำไมไปห้ามคนอื่นพยาบาท ห้ามคนอื่นฟุ้ง ห้ามคนอื่นขี้เกียจ ห้ามคนอื่นพอใจในรูปรสกลิ่นเสียง


    ทำไมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    ถ้าเห็ฯว่านี้ทั้งหมดทุกข์
    ก็เกิดกุศลแปลว่าฉลาด

    ก็อุทิศได้
    ไม่ต้องไปกลัวฟุ้ง
     
  6. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    965
    ค่าพลัง:
    +1,225
    จะตีไปเป็นขันธ์5เลยไม่ได้ครับ
    การทวนกระแสนั้นเกิดเฉพาะธรรมฝ่ายนาม
    ถ้าเป็นภาษาปฏิบัติน่าจะใช้คำว่า
    นำจิตกลับสู่ฐาน นี่ในเบื้องต้นนะครับ
    ส่วนที่ละเอียดกว่านี้ขอยกไว้เพราะมันยาวครับ
    ขี้เกียจพิมพ์บอกเลยตรงๆ
    หวังว่าคงเข้าใจนะครับ
    ด้วยความนับถือ
     
  7. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +2,259
    เอาตรงๆมาเลยท่าน เป๊ะๆ...มาเลย ไม่อ้อมๆ เอาให้ชัดเจน
     
  8. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,979
    ค่าพลัง:
    +3,259
    เชย

    ประโยคนี้ คนนำเสอน ไม่ได้สนใจ ตรงอะไรเกิดดับ

    เขาน่าจะกำลัง วิจัย

    วิญญาณ มโน วิญญาณธาตุ เปลือกส้ม หมาเฝ้าบ้าน [ คนละอันกับ วิญญาณ ด้วยนะนั่น น้าจร] ใจหนึ่ง จิตหนึ่ง ธาตุธรรม ธรรมธาตุ เนื้อส้ม บ้าน

    ทั้งนี้ น้าจร ต้อง ย้อนเทป ไปเรื่อง "ดึงๆ" "ดันๆ" ผมเสริม "จุ่มๆ" จ่อมๆ

    มันเป็น ภาษาปฏิบัติ ที่ ไสลคกันมา ตามกระแสจิต นักภาวนา จะทราบกันได้


    ซึ่ง ผมไม่ได้ แย๊บ แก้ไข อะไร เพราะ เชื่อว่า จิตเขาวิจัย

    "ดึงๆ" "ดันๆ" ตัวนั้นอยู่ หากมัน ฟุ๊บอย่างรวดเร็ว นี่ อุปทาน
    ยกรู้ได้เหมือนตาเห็นรูป

    แต่เขายัง หาพยัญชนะ ธรรมหลัง อุปทานฟั๊บไป มาใช้ไม่ถูก
    ซึ่งไม่ใช่ปัญหา อะไร เอาแบบที่เขาพูด

    " มันคือตัวปรุงแต่งสร้างอารมณ์มันเลยรู้อารมณ์ "

    อันนี้ มันพอใช้ แต่ยังดูไม่ออกว่า ทวน หรือ ไหล

    ถ้า ทวนเนี่ยะ ใกล้4 แต่ถ้าไหล ต้องดูลงที่จิตว่าเกิดอะไร ยังไงที่เกิน
    อธิบายเป็นภาษา อะเป่า แต่ให้ถือว่าตกจากการภาวนา ต้องดูพอใจ
    ไม่พอใจ ก๊อกสอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2015
  9. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,729
    ค่าพลัง:
    +3,243
    เอางี้
    ทำไมห้ามฟุ้ง

    คือมีวิจิกิจฉา กะอุทัจจะอุกุจจะพร้อม
    เกิดดับสลับกัน

    ผมถามว่าทำไมห้ามฟุ้งขอคำตอบด้วย
     
  10. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,729
    ค่าพลัง:
    +3,243
    คือเรากำหนดให้ท่านชื่อ
    พระวิจิกิจฉา กับพระอุทัจจะอุกุจจะ
    ในพระนีวรณ์บรรพะ
    ในพระมหาสติปัฐฐานสูตร

    คืออำนาจพระธรรมรัตน
    ธรรมในธรรมในธรรม
    ก็ทำตามอำนาจท่าน

    แล้วอุทิศกุศล
    ให้เกิดคำถามใหม่
    ว่าทำไมห้ามฟุ้ง
     
  11. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,979
    ค่าพลัง:
    +3,259
    ทีนี้ ฟังเผื่อใจด้วยหน่า ฮับ จิกยิ้ม


    ทีนี้ สภาวะธรรมเนี่ยะ สมัยนี้ คนพูดกันเยอะ ดังนั้น มันก็มี ก๊อปปี้มาพูดได้

    ถ้า ก๊อปปี้มาพูดได้ ประมาณว่า ฉันก็พูดได้แล้วแบบนี้ อันนี้จะน่าเสียดาย


    แต่ถ้า ก๊อปมา แต่มี การกระทำไว้ในใจให้แยบคาย พิจารณาตา ก็พอถั๋ว

    มันยังมี ละเอียดไปกว่านี้อีก ซึ่งแปลว่า ยังพอดูได้ว่า หลอก หรือ เห็นมาจริง

    สมัยนี้ หลอกกันไม่ได้แล้ว เอา อภิธรรม สภาวะธรรมาพูดลอยๆ คนภาวนา
    เป็นมีเยอะพอ จะรู้ได้ว่า ก๊อป หรือ ภาวนามา
     
  12. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +2,259
    ไม่มีใครห้ามใคร มันแค่ป้ายเขียนไว้ข้างทางเฉยๆ......ถ้าเจ้าตัวทุกข์..ป้ายบอกห้ามฟุ้ง .....
    ถ้าเจ้าตัวไม่ทุกข์ ไม่กลัว รับได้...ก็ตามใจเจ้าตัวเขา...
    ดังนั้น ก่อนที่ป้ายจะบอกว่า..ห้ามฟุ้งนั้น......มันสำคัญที่ว่า คุณทุกข์มั้ย ถ้าคุณไม่ทุกข์ ไม่บ่น ไม่เพ้อหาทางออก..ป้ายห้ามฟุ้ง ก็ไม่มีความสำคัญหรอก
     
  13. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,729
    ค่าพลัง:
    +3,243
    คือคนเราหนะต้องมีประสบการณ์ส่วนตัวบ้าง
    เราควรจะนึกออกว่าล่าสุดที่เราไม่มีสติหนะเมื่อไหร่

    และก็น่าจะนึกออกว่าล่าสุดที่เรา มีสติหนะเมื่อไหร่

    ปรกติแล้วก็ไม่เกิดขึ้นพร้อมกัน
    การที่เราหมดสติไปก็คือตอนนั้นไม่มีสติ
    ตอนที่เรามีสติตอนนั้นก็ไม่หมดสติ
    ถึงผมจะฟุ้งอยู่
    แต่กุศล(ฉลาด) ดลอยู่ช่ายปะ
    อุทิศก็ยิ่งฟุ้งช่ายปะ
    รู้ช่ายปะ
     
  14. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +2,259
    ใจหนึ่งคือมโนธาตุ
    จิตหนึ่งคือจิตวิญญาณธาตุ
    ธรรมธาตุคือจักรวาลทั้งหมด ใจหนึ่งหรือมโนธาตุคือเสี้ยวที่มาเกิดเป็นคน

    ส่วนตอนแรกที่มาเกิดเมื่อมีอวิชชา...ใจรวมกับจิต ร่วมกันอยู่ นั่นเอง
    แปลว่าสติสัมปชัญญะ รวมกันอยู่ เรียกรวมๆว่า จิตใจ ไง
     
  15. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,729
    ค่าพลัง:
    +3,243
    คือเวลาเราป่วยหนะ
    ก็ต้องกินยา ต้องรักษาหละ

    สำหรับผมมันคือกระแสไฟฟ้าที่เอาไว้กระตุ้นการเต้นของกล้ามเนื้ออัตโนมัติ
    กล้ามเนื้อหัวใจ

    มันดันเข้าไปกวนการรับรู้
    โดยเฉพาะจะเข้าไปกวนการรับรู้ลมหายใจ

    มันจะสม เสมอ จริง
    เสมอ ด้วย สัจจะเลยหละ

    อย่างกะคำปฏิญาณ

    แต่นั้นคือ เราดดนกระแสไฟฟ้า
    คือกาย หนะ ในกาย ในกาย ในกาย

    มันฉาบเอาไว้ย้อมเอาไว้

    มันอย่างไรก็ต้องป่วย
    วิธีรักษาต้องพยายาม อย่างมาก
    คิด ค้นมากมายเพื่อให้สบายขึ้น

    ก็คือต้องคิด
     
  16. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +2,259
    ฟุ้งมีสองแบบ
    แบบแรก ฟุ้งด้วยตัวเอง ของตัวเอง
    แบบที่สอง ฟุ้งตามคนอื่นเขาไง

    แต่แบบแรกฟุ้งไปเรื่อย...แบบที่สองฟุ้งแบบมีวันหยุดนะ วันจบ
     
  17. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,979
    ค่าพลัง:
    +3,259
    ถ้าพูดแบบนี้ ผมนึกถึงคำสอนพระ

    พวก ภาวนาแล้ว จิตไปรวมจักรยานเดิม

    พระท่านเอ็ดเอาเลย "อกตัญญู"

    ลืมพ่อ ลืมแม่ หมดแล้วสิ จิตตนไปรวมกลับจักรยานเดิม

    ระวัง ไปเกิดเป็น ดาวหาง


    ปล. น้องๆหนูๆ คนไหน สนใจ เอาไปใช้ได้เลยนะ บรรลุธรรมปั๊ป ลืมพ่อลืมแม่
    ไปรวมกับ จักรวาลเดิม อวกาศธาตุ อวกาศธรรม หากมี รสลืมพ่อลืมแม่ เนี่ยะ
    ร้อยละร้อย อกตัญญูธรรมดาๆ ไม่มีสามัญผลอะไร หาความดีไม่ได้เลย
     
  18. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    เอาความเห็นนี้มาลงอีกครั้งจากที่ได้โพสไว้ที่กระทู้ สถิติคนหน้าตาดี
    ในห้องวิทยาศาสตร์ทางจิต สำหรับคนที่นังไม่อ่าน และเห็นว่าเกี่ยวเนื่องกับ
    ...อนุสัย...นะคะ

    ***************************


    เคยเห็นคุณป้อมตั้งกระทู้เกี่ยวกับเรื่อง วิญญาณเหมือนกันค่ะ 

    ตามความเข้าใจที่ได้ศึกษาเรียนรู้มา เรื่องจิตและวิญญาณ

    วิญญาณ คือ สิ่งที่รู้อารมณ์ จิตหรือวิญญาณ ตามความจริงแล้วก็เป็นสังขาร 
    คือ สิ่งที่ปรุงแต่ง หรือ ถูกปรุงแต่งขึ้นมาอย่างหนึ่ง

    วิญญาณ เกิดขึ้นมา เพราะ...เนื่องจากมีเหตุต่าง ๆ มาเป็นปัจจัยแก่กันและกัน
    มาประชุมกันชั่วขณะ หรือ ระยะเวลาหนึ่ง 

    ตา กระทบ รูป ย่อมเกิดจักขุวิญญาณ คือ สิ่งที่รู้เป็นพิเศษทางตา เป็นธรรมดา
    จิตหนึ่งก็เกิดขึ้น เป็นธรรมดา

    เมื่อหู กระทบ เสียง ย่อมเกิด โสตวิญญาณขึ้น เป็นธรรมดา คือ
    (สิ่งที่รู้เป็นพิเศษทางหู) แล้วย่อมเกิดผัสสะเป็นธรรมดา
    จิตหนึ่งย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ตั้งอยู่อย่างแปรปรวน แล้วย่อมดับไปเป็นธรรมดา

    จิต หรือ วิญญาณ ก็ไร้รูปร่าง ไร้ขอบเขต แปรปรวนไปตามอารมณ์
    (สิ่งที่ยึดเหนี่ยวหรือสัมผัสแค่นั้นเอง)

    จิตแม้เป็นนามธรรม แต่ก็เป็นสังขาร หรือ สิ่งที่ถูกปรุงแต่งขึ้นมา นั่นเอง 
    และประกอบด้วยเหตุปัจจัยที่มากหลาย มาประชุมกันชั่วขณะ หรือ ระยะหนึ่ง 
    จิตจึงประกอบด้วยปัจจัยต่าง ๆ ขึ้นเป็นชีวิตขึ้นมา และตลอดจนอารมณ์
    ที่เป็นปัจจัยต่าง ๆ อีกมากมาย

    ธรรมชาติของจิต ก็มีคุณสมบัติเหมือนน้ำ ย่อมไหลสงสู่ที่ต่ำตามแรงดึงดูด 
    ของความเคยชินที่ได้สั่งสมอบรมไว้แล้วนอนเนื่องอยู่ (คือ อาสวะกิเลส
    อันเป็นปัจจัย ร่วมกับอวิชชา) ทำให้เกิดการปรุงแต่งเป็นสังขารต่าง ๆ คือ
    กิเลสตัณหา และ อุปาทาน

    คือ ย่อมต้องหมุนไปตามวัฏฏะ หรือ ปฏิจจสมุปบาท 
    เหมือน ดังโลกหมุนรอบตัวเอง คือ เป็นไปตามสังขารที่สั่งสมอบรมไว้ 
    อันเกิดขึ้นจากอาสวะกิเลสร่วมด้วยกันกับอวิชชา นั่นเอง 

    เราจึงไม่ใช่ตัวตน จิตหรือวิญญาณ ก็ไม่ใช่ตัวตน เกิดดับตามเหตุปัจจัย
    หมดเหตุปัจจัยก็ดับ ที่เห็นมันอยู่ตลอดเพราะความสืบต่อกันอย่างต่อเนื่อง 
    เนื่องจากอายตนะหกเป็นปัจจัย ขันธ์ทั้งหลายจึงแปรไปตาม ฉันทะ คือ
    ความเพลิดเพลิน ความติดใจ ย่อมเป็นไปไม่ขาดสาย เหมือนสายน้ำที่ไหล 
    ไปไม่ขาดสาย ฉะนั้น
     
  19. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,729
    ค่าพลัง:
    +3,243
    ฟุ้งก็คือฟุ้งแหละ
    ไม่มีตามคนอื่น ตามใจตัวเองหรอก
    ฟุ้งก็คือฟุ้ง

    มันไม่มีจบหรอก
    มันก็ฟุ้งอย่างนี้มาทุก อสงไขย
     
  20. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +2,259
    ข้อดีของการเจ็บปวด คือ...ไม่ทำให้เราหลับ ไม่ทำให้เราหลงลืมตัว ทำไห้เราอยผุ่กับตัวเอง ตื่นอยู่เสมอเพื่อรับกับความเจ็บปวด...อิอิ

    การรักษาคือ...อ้านป้ายบอกทาง ที่เขียนว่า...ห้ามฟุ้ง สิครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...