พระโสดาบัน แปลว่า ผู้เข้าถึงกระแสพระนิพพาน

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย เทพออระฤทธิ์, 29 พฤษภาคม 2009.

  1. วัวใจดี

    วัวใจดี สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +12
    อารมณ์ต่างๆนี่เป็นไปโดยอัตโนมัติหรือว่าเราบังคับให้เป็นครับ
     
  2. paderm

    paderm สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +4
    สำหรับประเด็นเรื่องพระโสดาบัน เชิญคลิกอ่านที่นี่นะครับ
    พระโสดาบัน....เป็นอย่างไร..

    ส่วนคำถามของพระคุณเจ้าที่ว่า
    แล้วอาตมาจะรู้ได้งัยว่าเราเป็นพระโสดาบันแล้ว

    พระมหาฉัตรชัย ธนปัญโญ

    เชิญคลิกอ่านที่นี่นะครับ
    รู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นพระโสดาบัน
     
  3. satory

    satory สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +5
    พระศาสดาทรงได้กล่าวว่า ตนเองนี่แหละจะเป็นผู้ประเมินตนได้ว่า นี่คือ โสดาบัน..

    และนี่คือ คุณสมบัติของการได้เป็นโสดาบัน ตามคำของพระศาสดา ซึ่งมีทั้งหมด หลายคุณสมบัติ...

    ธรรมวินัยจากพุทธโอษฐ์
    เพื่อตรวจสอบความเป็นโสดาบันของตนเอง
    ด้วยตนเอง

    พระโสดาบันเป็นใคร
    (นัยที่หนึ่ง)
    ภิกษุ ท. ! สาวกของพระอริยเจ้าในธรรมวินัยนี้
    เป็นผู้ถึงพร้อมแล้วด้วย ธรรม ๔ ประการนี้เอง จึงเป็น
    พระโสดาบัน ผู้มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เที่ยงแท้ต่อ
    พระนิพพาน เป็นผู้มีอันจะตรัสรู้ธรรมได้ในกาลเบื้องหน้า.
    ธรรม ๔ ประการนั้นเป็นอย่างไร ? ๔ ประการนั้น คือ : -
    (๑) ภิกษุ ท. ! สาวกของพระอริยเจ้าในธรรมวินัยนี้
    เป็นผู้ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยความเลื่อมใสอันหยั่งลงมั่น
    ไม่หวั่นไหวในองค์พระพุทธเจ้า
    ว่าเพราะเหตุอย่างนี้ ๆ
    พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้
    ชอบได้โดยพระองค์เอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและ
    ข้อปฏิบัติให้ถึงวิชชา เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี เป็นผู้รู้โลก
    อย่างแจ่มแจ้ง เป็นผู้สามารถฝึกคนที่ควรฝึกได้อย่างไม่มี
    ใครยิ่งกว่า เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้รู้
    คู่มือโสดาบัน ๕
    ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม เป็นผู้มีความจำเริญ จำแนกธรรม
    สั่งสอนสัตว์ ดังนี้.
    (๒) ภิกษุ ท. ! สาวกของพระอริยเจ้าในธรรมวินัยนี้
    เป็นผู้ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยความเลื่อมใสอันหยั่งลงมั่น
    ไม่หวั่นไหว ในองค์พระธรรม
    ว่าพระธรรม เป็นสิ่งที่
    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว, เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ
    พึงเห็นได้ด้วยตนเอง, เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้และให้ผลได้
    ไม่จำกัดกาล, เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด,
    เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว, เป็นสิ่งที่ผู้รู้ ก็รู้ได้เฉพาะตน
    ดังนี้.
    (๓) ภิกษุ ท. ! สาวกของพระอริยเจ้าในธรรมวินัยนี้
    เป็นผู้ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยความเลื่อมใสอันหยั่งลงมั่น
    ไม่หวั่นไหว ในพระสงฆ์
    ว่าสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า
    เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว เป็นผู้ปฏิบัติตรงแล้ว เป็นผู้ปฏิบัติ
    ให้รู้ธรรมเครื่องออกจากทุกข์แล้ว เป็นผู้ปฏิบัติสมควรแล้ว
    อันได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ คู่แห่งบุรุษสี่คู่ นับเรียงตัวได้
    แปดบุรุษ. นั่นแหละคือสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า
    เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา เป็นสงฆ์ควรแก่

    สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ เป็นสงฆ์ควรรับทักษิณาทาน
    เป็นสงฆ์ที่บุคคลทั่วไปจะพึงทำอัญชลี เป็นสงฆ์ที่เป็น
    นาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้.
    (๔) ภิกษุ ท. ! สาวกของพระอริยเจ้าในธรรมวินัยนี้
    เป็นผู้ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยศีลทั้งหลายชนิดเป็นที่พอใจ
    ของเหล่าอริยเจ้า : เป็นศีลที่ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย
    เป็นศีลที่เป็นไทจากตัณหา เป็นศีลที่ผู้รู้ท่านสรรเสริญ
    เป็นศีลที่ทิฏฐิไม่ลูบคลำ และเป็นศีลที่เป็นไปเพื่อสมาธิ

    ดังนี้.
    ภิกษุ ท. ! สาวกของพระอริยเจ้า ผู้ประกอบ
    พร้อมแล้วด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล ชื่อว่าเป็นพระโสดาบัน
    ผู้มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เที่ยงแท้ต่อพระนิพพาน
    เป็นผู้มีอันจะตรัสรู้ธรรมได้ในกาลเบื้องหน้า.

    มหาวาร. สํ. ๑๙/๔๒๙-๔๓๐/๑๔๑๔-๑๔๑๕.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2012
  4. ake.susubda.phuket.

    ake.susubda.phuket. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +129
    นิพพานังปรมังสุขขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
     
  5. starcom1

    starcom1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +726
    แล้วอาตมาจะรู้ได้งัยว่าเราเป็นพระโสดาบันแล้ว

    พระมหาฉัตรชัย ธนปัญโญ
    --------------
    ฆารวาสไม่อาจสอนพระที่มีศิลมากกว่า

    ขอแจมอาจไม่ถูกต้อง ถ้าท่านได้ ท่านรู้ตัวท่านเอง แต่ไม่รู้เขาเรียกอะไร ไม่ต้องให้ไครมาทำนาย ดูที่กำลังใจในการละสังโยชน์ แต่ถ้ามีคนทำนายเขาก็จะเรียกโสดาบัน สกิทาคามี อนาคา อรหันต์ พวกนี้ ว่าตามพระไตรปิฎก ท่านทราบกำลังใจท่านดีกว่าไคร ท่านละอะไรได้ตามที่เขาเรียกว่าสังโยชน์บ้างก็ตามนั้นครับ เรารู้ตัวเอง เคยได้ยินคนเขียนอย่างนี้มาหลายปีไม่เข้าใจ วันนี้เข้าใจแล้วครับ เพราะไม่ได้เกิดขึ้นเอง ท่านต้องการและเมื่อไปถึงก็จะรู้เองครับว่าถึงแล้ว แต่ไม่รู้เรียกอะไร ก็เอาสังโยชน์เทียบ ละได้ไม่ได้หลอกตัวเองไม่ได้ครับ ถ้าท่านปฏิบัติถวายชิวิตถึงแน่ครับ อีก5ปี ผมจะเข้าสู่ร่มกาสาวภักดิ์ไปจนสินชีวิต แล้วจะได้พบพระมหาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 เมษายน 2012
  6. yougon

    yougon สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +21
    ไม่เที่ยง เกิดดับ
     
  7. atit deb

    atit deb Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2011
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +75
    คนหนึ่งในพุทธศาสนา( สังกัด วัดทุ่งลาดหญ้าและวัดคลองวาฬ)

    อนุโมทนา สาธุ ครับ ^^
    ชื่อว่า ปรินิพพานมี ๓ คือ กิเลสปรินิพพาน , ขันธปรินิพพาน , ธาตุปรินิพพาน.
    ในปรินิพพาน ๓ อย่างนั้น กิเลสปรินิพพานได้มีแล้ว ณ โพธิบัลลังก์ , ขันธปรินิพพาน
    ได้มีแล้ว ณ เมืองกุสินารา ธาตุปรินิพพาน จักมีในอนาคต

    พระธาตุเสด็จมาชุมนุมกัน

    ได้ยินว่า ในคราวพระศาสนาจะเสื่อม พระธาตุทั้งหลายจะเสด็จชุมนุมกันที่เกาะลังกานี้
    แล้วเสด็จไปยังมหาเจดีย์ จากมหาเจดีย์เสด็จไปยังราชายตนเจดีย์ ในนาคทวีป
    จากราชายตนเจดีย์ เสด็จไปยังมหาโพธิบัลลังก์ พระธาตุทั้งหลาย จากนาคพิภพก็ดี
    จากเทวโลกก็ดี จากพรหมโลกก็ดี จัดเสด็จไปยังมหาโพธิบัลลังก์เท่านั้น พระธาตุ
    แม้ขนาดเมล็ดพันธุ์ผักกาด จักไม่หายไปในระหว่างๆ กาล พระธาตุทั้งหมด ( จะรวม )
    เป็นกองอยู่ที่มหาโพธิบัลลังก์ เป็นแท่งเดียวกันเหมือนแท่งทองคำเปล่งพระฉัพพรรณรังสี
    ( รัสมีมีสี ๖ ประการ ) พระฉัพพรรณรังสีทั้งหลายนั้นจักแผ่ไปทั่วหมื่นโลกธาตุ แต่นั้น
    เทวดาทั้งหลายในหมื่นจักรวาล จักประชุมกันแสดงความการุณย์อย่างใหญ่ ยิ่งกว่าในวัน
    เสด็จปรินิพพานของพระทศพลว่า วันนี้พระศาสดาจะเสด็จปรินิพพาน วันนี้พระศาสนาจะเสื่อม
    นี้เป็นการเห็นครั้งสุดท้ายของพวกเรา ณ กาลนี้ เว้นพระอนาคามี และพระขีณาสพ พวก
    ที่เหลือไม่อาจดำรงอยู่ตามสภาวะของตนได้ เตโชธาตุลุกขึ้นในพระธาตุทั้งหลายแล้วพลุ่ง
    ขึ้นไปจนถึงพรหมโลก เมื่อพระธาตุแม้มีประมาณเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาดยังมีอยู่
    ก็จักมีเปลวติดอยู่เปลวหนึ่ง เมื่อพระธาตุทั้งหลายหมดไป เปลวเพลิงก็มอดหมดไป
    เมื่อพระธาตุทั้งหลายแสดงอานุภาพใหญ่อย่างนี้แล้วอันตรธานหายไป พระศาสนาชื่อว่า
    เป็นอันตรธานไป พระศาสนาชื่อว่าเป็นของอัศจรรย์ ตราบเท่าที่ยังไม่อันตรธานไปอย่างนี้
    ขอให้ชาวพุทธปฏิบัติกันให้เต็มที่ ในขณะที่มีลมหายใจครับ อย่าให้ชีวิตเป็นโมฆะ อย่างน้อย พระโสดาบัน ไม่นั้นก็ ทำบุญหนุ่นนำ ให้ได้ไปเกิดเป็น เทวดาบนสวรรค์ ไปปฏิบัติธรรมอยู่บนสวรรค์ และเมื่อถึงเวลา จะได้ฟังธรรมจากพระโอษฐ์ และจะบรรลุธรรมเหมือนกัน ครับ ( จาก เด็กวัด ครับ)
     
  8. elizacobra

    elizacobra เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    151
    ค่าพลัง:
    +1,005
    อนุโมทนา สาุธุเช่นกันครับ อยากให้ชาวพุทธเร่งปฏิบัติกันเถิด อย่ามัวแต่ห่วงทรัพย์สมบัติกัน ไม่มีอะไรเป็นเครื่องยืนยันว่าเราจะได้เ้กิดมาเป็นมนุษย์อีก ไม่มีอะไรที่ยืนยันได้ว่าเรานั้นจะได้พบกับคำสอนของพระพุทธองค์อีก หากตายไปชาตินี้แล้ว จักหาโอกาสได้ยากยิ่งที่จะรู้จักทางพ้นทุกข์ หรือเปรียบได้ว่า 00000.1%ใน100%ครับที่จะได้พบคำสอนเหล่านี้

    เจริญในธรรมครับทุกๆท่าน
     
  9. extreme_dgt

    extreme_dgt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +219
    หลักเกณฑ์พยากรณ์ภาวะโสดาบันของตนเอง

    ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ

    (อภัพพฐานสำหรับผู้ที่ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ)
    (อีกนัยหนึ่ง)




    ภิกษุ ท.! ฐานะที่ไม่อาจเป็นไปได้ ๖ ประการ เหล่านี้ มีอยู่. หก
    ประการ เหล่าไหนเล่า ? หกประการ คือ :-

    ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ ไม่อาจมาสู่ทิฏฐิ ว่า "สุขและทุกข์ ตนทำเอง";
    ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ ไม่อาจมาสู่ทิฏฐิ ว่า "สุขและทุกข์ ผู้อื่นทำให้";
    ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ ไม่อาจมาสู่ทิฏฐิ ว่า "สุขและทุกข์ ตนทำเองก็มีผู้อื่นทำให้ก็มี";
    ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ ไม่อาจมาสู่ทิฏฐิ ว่า "สุขและทุกข์ ไม่ต้องทำเองเกิดขึ้นได้ตามลำพัง";
    ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ ไม่อาจมาสู่ทิฏฐิ ว่า "สุขและทุกข์ ไม่ต้องใครอื่นทำให้ เกิดขึ้นได้ตามลำพัง";
    ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ ไม่อาจมาสู่ทิฏฐิ ว่า "สุขและทุกข์ ไม่ต้องทำเองและไม่ต้องใครอื่นทำให้ เกิดขึ้นได้ตามลำพัง".

    ข้อนั้น เพราะเหตุไรเล่า ? ภิกษ ุ ท .! ข้อนั้นเพราะเหตุว่า เหตุ
    (แห่งสุขและทุกข์) อันผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิเห็นแล้ว โดยแท้จริง และธรรม
    ทั้งหลาย ก็เป็นสิ่งที่เกิดมาแต่เหตุด้วย.

    ภิกษุ ท.! เหล่านี้แล ฐานะที่ไม่อาจเป็นไปได้ ๖ ประการ.

    (ถ้าเข้าใจปฏิจจสมุปบาท ก็จะไม่ งง ขอรับพระคุณเจ้า)

    - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๘๙ /๓๖๖.
     
  10. asura7

    asura7 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +69


    ผมว่าไม่ต้องทราบก็ได้ครับว่าเราเป็น อริยบุคคลหรือไม่ แค่ตั้งใจปฏิบัติ ตนอยู่ในกรอบของศีลก็ ประเสริฐสุดๆแล้วครับ ท่าน ขอนมัสการ
     
  11. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,254
    อนุโมทนา สาธุ ๆ
    บุญกุศลกับท่านที่ได้นำพระธรรม
    มาเผยแผ่ด้วยครับ
     
  12. แหง่วแง๊ว

    แหง่วแง๊ว สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    อ่านเข้าใจง่ายดีค่ะ...ขอบคุณนะคะ

    ขอบคุณที่นำมาหาให้ได้อ่าน ทำให้ได้เข้าใจได้ง่ายดีค่ะ (f)
     
  13. view2004

    view2004 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +1,107
    อ่านแล้วเกิดปิติอย่างมหาศาล อ่านแล้วคล้ายอารมณ์ตัวเองมาก คือ ยังมีความรัก โลภ โกรธ หลงอยู่ แต่ว่าสิ่งเหล่านี้เมื่อมากระทบทำให้รู้สึกได้ยากมาก เพราะใช้ศีลกด หรือบางครั้งแทบไม่รู้สึกสะท้านเลย ผมทรงอารมณ์นี้เป็นปกติมาตลอด อนุโมทนาสาธุด้วยนะครับ
     
  14. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ขอโมทนาและอนุโมทนาค่ะเป็นอย่างยิ่งค่ะ เรื่องศีลนั้น ยังคงมีด่างพร้อยอยู่ .... กระทู้ดีมีประโยชน์กับผู้ที่เข้ามาศึกษา และสร้างกำลังใจให้คนอื่นๆได้ด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  15. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +1,844
    พระโสดาบัน

    การเข้าถึงพระโสดาบัน 1.เข้าถึงมรรค 2.หยั่งรู้อริยสัจจ์ 3.เข้าถึงผล
    การเข้าถึงมรรค คือการดับของจิตหรือความคิด สภาวะการดับหรือมรรคเกิดกับนักปฏิบัติได้ตลอดเวลา แต่หากไม่เกิดญาณหยั่งรู้อริยสัจจ์(เกิดเองแบบผุดขึ้นไม่ใช่คิดเอา) สภาวะดับนั้นก็ยังเป็นมรรคอยู่ หากว่าดับแล้วเกิดญาณหยั่งรู้อริยสัจจ์ พอคลายออกเรียกว่าผลหรือโสดาปฏิผล ตรงนี้เป็นจุดสำเร็จของพระโสดาบัน
    สภาวะของพระโสดาบันภายหลังบรรลุแล้ว หากเกิดทุกข์หรือกิเลสขึ้นทางใจ วิถีจิตจะคิดไปประมาณ 7 วิถีจิตแล้วจะดับเองโดยอัตโนมัติ ไม่เกิดกิเลสใหญ่ไฟมหันต์อย่างคนธรรมดาทั่วไป
    ตรวจสอบตัวเองดูได้ว่าบรรลุพระโสดาบันหรือยัง
    เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2013
  16. evatranse

    evatranse เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +571
    ขอโอกาสค่ะ

    ถาม ตอบ พุทธวจน
    คุณสมบัติของพระโสดาบันมีอะไรบ้าง และ
    คนเราสามารถเป็นโสดาบันในชาตินี้ได้หรือไม­่ และ
    วิธีให้ถึงโสดาบัน ต้องทำอย่างไร
    โดย พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล วัดนาป่าพง

    ส่วนหนึ่งของพุทธวจนบรรยาย
    ค่ำวันเสาร์
    วันที่ 6 สิงหาคม 2554

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=K0ep2hCBQwE]พุทธวจน faq คุณสมบัติของพระโสดาบัน - YouTube[/ame]


    คำว่า "โสดาบัน"นั้น คือเป็นผู้มีธรรมอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา มีธรรมอันไม่รู้เสื่อม
    มีอสาธารณญาณ คือความรู้ที่มิได้มีในบุคคลทั่วไป ทุกข์ดับลงไปทุกขั้นตอนแห่งการกระทำ
    เห็นธรรมที่เป็นเหตุ เห็นธรรมทั้งหลายที่เกิดมาแต่เหตุ
    เข้าสู่กระแส เที่ยงแท้ต่อสัจธรรม และจะตรัสรู้ในภายภาคหน้าได้


    ดังนั้นความเป็นโสดาบันเพื่อบัญญัติอื่นใดที่นอกไปจากนี้ ก็ไม่ถูกตรงตามพระศาสดา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2013
  17. wutthik

    wutthik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +493
    โลกมนุษย์เป็นความหวังสูงสุดของการมาจุติ(เกิดเป็นมนุษย์)ของเหล่าเทวดาและพรหมทุกชั้นฟ้าเพื่อสร้างความดีและบุญบารมี แล้วเหตุใดมนุษย์ที่มีโอกาสดีกว่าเทวดาเพราะได้อยู่ในโลกใบนี้ก่อนแล้วถึงยังจะอยากไปเกิดเป็นเทวดาและพรหมอีกล่ะ...ไม่น่าหัวเราะและขำกว่าหรือ?
     
  18. wutthik

    wutthik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +493
    พระพุทธเจ้ายังจุติมาจากชั้นดุสิตเลยเพื่อมาเกิดเป็นมนุษย์แล้วปฏิบัติตนจนตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า(ตามพุทธประวัติ) เพราะฉนั้นถ้าสวรรค์และพรหมทุกชั้นฟ้าดีจริงทำไมเทวดายังอยากมาเกิดเป็นมนุษย์ทำไม?...แล้วเราซึ่งเป็นมนุษย์อยู่แล้วและมีโอกาสดีกว่าเทวดาและพรหมอีกตั้งมากมายยังไม่ตั้งหน้าตั้งตาไปนิพพานตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอีกหรือ...งงไหมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2015
  19. มงคล พิมพา

    มงคล พิมพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +184
    เก่าแล้วแต่ก็ตอบไว้เผื่อคนหลังที่มาอ่านมั่ง คือมันเป็นอย่างนี้
    ปิดประตูอบายภูมิ คือ ตั้งแต่ พระโสดาบัน เป็นต้นไปจนถึงพระอรหันต์
    ส่วนที่ว่าพระโสดาบันยังนี้ไม่พ้นนั้นก็เพราะยังต้องลงมาเกิดเป็นมนุษย์สลับกับเทวดาหรือพรหมไปอีก 7 ชาติแล้วเข้าสู่พระนิพพาน
    คิดกันเล่นๆ
    จากการที่ต้องเกิดๆตายๆไปอีกจนไม่สามารถนับประมาณได้ลดลงมาเหลือแค่ 7 ชาติเนี้ย ไม่ใช่ของต่ำนะครับเป็นของดีและดีมากด้วย
     
  20. wutthik

    wutthik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +493
    :cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...