ทำไมฝรั่งไม่มีทำบุญ กรวดนํ้าให้คนตาย ก็ไม่เห็นมีวิญญาณมาบอกว่าหิว

วิญญาณคนไทยที่ตายไปไม่เห็นบอกว่าไปอยู่กับพระเจ้า เห็นไม้กางเกน ทำให้ได้ชึ้นสวรรค์

วิญญาณฝรั่งที่ตายไปไม่เห็นบอกว่าหิว ให้ทำบุญไปให้ด้วย และบอกช่วยบวชให้ด้วยจะได้พ้นกรรม และไม่เห็นมาลาญาติพี่น้องว่าจะไปเกิดใหม่

แล้วอันไหนจริงอันไหนเท็จ งง งง สงสัยจริงๆ

 

การที่วิญญาณจะกลับมาติดต่อ คนเราได้ต้องอาศัยบุญเก่านำพาด้วยถึงจะมีพลังงานให้ติดต่อได้ เพื่อนชาวต่างชาติก็เคยฝันเห็นญาติพ่อแม่ที่เสียชีวิตไปแล้วเหมือนกัน แต่ฝรั่งเค้าไม่มีการทำบุญเหมือนเรา เค้าเลยไม่รู้ว่าที่ฝันเห็นนั้นเป็นการสื่อถึงอะไรและควรจะทำอะไรให้

 

วิญญาญชาวต่างชาติที่เค้าไม่มีภูมิรู้เรื่องการทำบุญ เค้าจะรู้จักบุญไหม?

 

สิ่งที่ไม่มี จะห้ใครมาบอกว่ามีย่อมไม่ใช่ฐานะที่จะเป็นได้..เหมือนการแสวงหาหนวดเต่าเขากระต่าย ย่อมเป็นเพียงความหลงของคนผู้นั้นเท่านั้นเอง..ที่ใครจะถือเอาสาระย่อมไม่ควร..

หากพระเจ้ามีจริง บัดนี้คงปรากฏให้คนทั้งโลกเห็นได้ ด้วยฤทธิ์วิเศษของตนที่สามารถแม้สร้างโลกได้..เรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ อย่างอื่นก็ไม่จำต้องกล่าวถึง..จริงใหม..

เขาไม่รู้จักกรรม รู้แต่ว่าหิว และโดยอุปนิสัยคนเหล่านี้มักไม่เที่ยวขออะไรใครๆง่ายๆเหมือนคนไทยและอินเดีย..
เมื่อไม่รู้ว่าตนทำกรรมใดมาจึงเข้าถึงความหิว ก็ย่อมไม่มีปัญญาจะทราบว่า ตนจะได้ความอิ่มมาด้วยอาการอย่างไรจึงไม่เที่ยวไปบอกใครๆว่าตนหิว เพราะย่อมรู้ว่าไม่มีประโยชน์ ก็ได้แต่เป็นเปรตเที่ยวหาอาหารมีเสลดเลือดหนองหรืออื่นๆที่อัตภาพตนจะอำนวย อาจมีบางรายที่ไปบอกญาติพี่น้องว่าตนหิว แต่ชนเหล่านี้ก็ไมถือเอาเป็นสาระอะไรเพราะเชื่อฝังศีรษะเสียแล้วว่าคนตายแล้วย่อมไปอยู่กับพระเจ้า เปรตนนั้นก็ได้แต่หิวไปจนกว่าบาปกรรมจะหมดไป...ใครจะน่ากรุณาเท่า นี่เพราะเกิดในแถบถิ่นอปฏิรูปเทส ไม่มีโอกาสพบเจอคำสอนที่สอนให้ทราบความจริง...

...แน่ละ เหตุเพราะตั้งตนไว้ผิดจึงต้องรับผลที่ตนทำไว้ จะโทษใครได้...

ถ้ายังเชื่อเรื่องวิญญาณอยู่ ย่อมหมดโอกาสพบความจริงแน่นอน...
ศาสนาพุทธไม่ได้สอนเรื่องวิญญานที่เป็นสัตว์อะไรๆอย่างที่พากันเข้าใจผิดกันทั้งพระและโยม...

การศึกษาพระธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ จะนำมาซึ่งปัญญาหมดความสงสัยเรื่องบุญบาป และกำเนิดของสัตว์ทุกภพภูมิ ทั้งจะทราบชัดว่าที่ตนยังสงสัยอยู่นั้น มาจากเหตุใดด้วยตนเองไม่ต้องรอใครๆมาพยากรณ์ให้เข้าถึงความหลงต่อไป..

สิ่งทั้งปวงเกิดจากเหตุปัจจัยทั้งสิ้น ที่ใครจะมีอำนาจเสกเป่าอะไรๆได้นั้น เป็นสิ่งที่คนสร้างขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนคำถามที่ตนตอบไม่ได้ การอ้างพระเจ้าเป็นคำตอบสำเร็จรูปที่ใช้ได้ทุกโอกาส..และท่านจขกท.ควรสงสัยให้มากว่า เหตุไร ในลัทธิผู้สร้างทั้งหมด มีกฏเหล็กข้อหนึ่งคือ ห้ามสงสัยในพระเจ้า..พึงใช้ปัญญาไตร่ตรองไปให้ดีจะทราบคำตอบที่ต่างจากคำตอบประเภทขู่ว่าจะถูกพระเจ้าลงโทษหากสงสัย นี่เป็นเรื่องชัดเจนว่าพระเจ้าเหล่านี้ใจแคบ ไม่ยอมให้ชาวบ้านสงสัย ถึงกับจะลงโทษเขา มันน่าแปลกใหมล่ะ..

 

...คนที่จะรู้จักบุญคือคนที่ได้สดับศึกษาธรรมของบัณฑิตมีพระพุทธเจ้าเท่านั้น นอกนั้นไม่ใช่ฐานะที่จะรู้ได้..ในบางลัทธิถึงกับสอนว่าการฆ่าคนที่ไม่เชื่อลัทธิของตนเป็นบุญ..ซึ่งกำลังเป็นชนวนก่อสงครามโลกครั้งที่3ในเวลานี้..

อย่าว่าแต่คนต่างชาติเลย คนไทยที่ไปวัดทำบุญทุกวันแต่ไม่เคยได้สดับพระธรรมที่ถูกแท้เองก็หาได้รู้จักบุญไม่...จึงมีเทศกาลทำนองนี้เช่น..ชกมวยการกุศล จับปลาการกุศล ชนไก่การกุศล..ล้มวัวควายเพื่อบวชลูกฯลฯ หรือเชื่อมงคลตื่นข่าวไปต่างๆนานา เช่นถ้าไว้เล็บยาวจะได้ดี หรือการอุ้มตุ๊กตาอะไรสักอย่างไปใหนมาใหน เป็นความเฮ็ง...เห็นแล้วก็ให้นึกสงสารจับใจ..

ดังนั้นจึงควรตรวจสอบไปว่า คนอื่นไม่รู้จักบุญก็ไม่เป็นไร แต่เราควรต้องรู้จักว่าบุญคืออะไร มีอะไรบ้างเป็นต้น...

 

ผมเข้าใจท่านจขกท.นะครับ เพราะผมเองก็เคยตกอยู่ในภาวะสับสนและสงสัยแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน แต่สิ่งที่ผมอยากจะแนะนำท่านจขกท.คือ ปล่อยวางครับ หรือไม่ก็ปฎิบัติพระกรรมฐานให้ได้ทิพยจักขุญานแล้วท่านก็จะรับรู้เองแหละครับ การสงสัยไม่ใช่เรื่องที่ผิดนะครับ การพิสูจน์มันจะทำให้ท่านหายสงสัยครับ แต่มันก็อาจจะนำพามาให้ท่านสงสัยมากกว่าเดิมก็เป็นไปได้เหมือนกันนะครับ

ผมว่าพูดแบบนี้อาจจะไม่ค่อยถูกต้องเท่าใดนักนะครับ ถ้าเป็นศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก จะมีสิ่งที่เรียกว่า "ขอมิสซา" ครับ ขอมิสซาเหมือนกับเราทำบุญ(จะด้วยการใส่บาตร หรือถวายสังฆทานแด่พระภิกษุสงฆ์)แล้วอุทิศส่วนกุศลให้กับญาติที่เสียชีวิตนั้นแหละครับ ในศาสนาคริสต์ คาทอลิก การขอมิสซาจะมีแบ่งออกเป็นสองแบบ คือ มิสซาสุขสำราญ คือ ขอให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ เหมือนเป็นการที่เราไหว้พระแล้วขอพรให้คนคนนั้นนั่นแหละครับ กับ มิสซาอุทิศให้ผู้ล่วงลับ คือ ขอให้คนที่เสียชีวิตไปแล้ว ถ้าเป็นวัดคาทอลิกในประเทศไทยเท่าที่ผมเคยสัมผัสมา การขอมิสซาจะมีขั้นตอนในการเขียนชื่อผู้ขอมิสซาและติ๊กช่องว่าจะขอมิสซาแบบใดให้ใคร แล้วใส่เงินลงไปในซองเป็นค่าบำรุงวัด(โบสถ์)จากนั้นหย่อนซองนี้ใส่ไว้ในถุงมิสซาช่วงท้ายวจนพิธี พระ(นักบวช)จะนำคำขอมิสซาเหล่านี้ไปทำพิธีให้ครับ นี่เป็นการทำบุญแบบหนึ่งของฝรั่งเค้าครับ อีกแบบหนึ่งคือการสวดสายประคำแล้วอุทิศถวายแด่ดวงวิญญานผู้เสียชีวิต เหมือนกับเราสวดมนต์แล้วแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลนั้นแหละครับ ศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก และนิกายอื่นๆจะไม่เชื่อเรื่องภพชาติและการกลับชาติมาเกิดก็จริงครับ แต่สำหรับคาทอลิก พวกเขาเชื่อว่าวิญญานผู้เสียชีวิตจะถูกนำพาไปยังสถานที่หนึ่ง เรียกว่า ไฟชำระ เพื่อชำระความผิดบาปทั้งหลายทั้งปวงที่ได้เคยกระทำไว้เพื่อทำให้ดวงวิญญานบริสุทธิ์ก่อนจะเข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้าได้ ดวงวิญญานในไฟชำระจะทนทุกข์ทรมาน การขอมิสซาอุทิศถวายแด่ผู้ล่วงลับและการสวดสายประคำแล้วอุทิศถวายให้แด่ผู้ล่วงลับจะเป็นการช่วยคลายความทรมานของดวงวิญญานลงครับ ตรงนี้ผมรู้สึกว่าเปรียบได้เหมือนกันกับนรกภูมิ เปรตภูมิ อสุรกายภูมิครับ แต่แตกต่างกันตรงที่ว่า ดวงวิญญานในไฟชำระเมื่อมีผู้อุทิศถวายให้แก่พวกเขาแล้วเขาจะได้รับในทันที ซึ่งแตกต่างจากสัตว์นรกนะครับยิ่งขุมลึกๆกว่าจะได้รับบุญกุศลที่ญาติพี่น้องอุทิศให้ไปอาจจะต้องรออกุศลกรรมเบาบางลงก่อนจึงจะสามารถได้รับได้

 

แน่ใจว่าไม่มี ตัวเองไม่รู้ไม่ได้แปลว่าไม่มี คนรู้จริงมีอยู่

ว่างๆ หาอ่านคำเทศนสอนพระปฏิบัติชอบบ้างนะครับ

ไปต่างประเทศนี่ มาขอกัน เพราะเมืองเค้าไม่มีใครทำให้ สมัยนี้ google ก็มีให้หาอ่าน

 

บอกแล้วได้อะไรครับ
ทำบุญกับใคร

 

ตอนเป็นคนอาจจะโง่ เพราะศาสนาของเค้าไม่ได้สอน
แต่พอเป็นผี เค้าอยู่ในเขตของความเป็นทิพย์ เค้าจะรู้เรื่องบุญบาปด้วยความเป็นทิพย์โดยไม่ต้องให้ใครไปบอกไปสอน

 

บอกแล้วคนที่โดนบอกเค้าจะได้ไปทำบุญอุทิศให้กับคนที่บอกไงครับ
ทำบุญกับพระในศาสนาพุทธที่อยู่ประเทศนั้นๆแล้วอุทิศให้เค้ามั้ง :boo:

 

...
ท่านอุทยัพ มีประสบการณ์ใกล้ชิดจึงสามารถแสดงรายละเอียดความรู้ได้อย่างน่าทึ่ง น่าสนใจว่าท่านอุทยัพสามารถพ้นจากกับดักของสังสารวัฏนี้มาได้ด้วยอาการหรือวิธีใด?...

หากไม่รังเกียจ ใคร่เรียนเชิญท่านแสดงเป็นนิทัศนะในที่นี้บ้างเผื่อมีผู้ไม่รู้ที่อาจได้ประโยชน์แม้ไม่มากก็นับว่าเป็นมหากุศลคือธรรมทานนะครับ...

ท่านอาจไม่ทราบว่า ในที่นี้ หาชาวพุทธแท้ยากมาก แม้บางรายอาจยกข้อความอ้างอิงบางอย่างที่ดูคลับคล้ายกับพระพุทธศาสนาอย่างแนบเนียนแต่ถ้าตรวจให้ดีจะพบว่า ชนเหล่านี้ไม่ได้มีศรัทธาในพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์อย่างแท้จริง...ทั่งขาดเมตตาแก่ชาวบ้านผู้ไม่รู้..ส่งเสริมเขาให้เข้าถึงความหลงต่อไป ไม่อาจทราบความเสียหายที่จะตามมาชนิดวิบัติไปในสังสารวัฏอย่างน่าสงสาร เพียงเพราะถ้อยคำของผู้ประสงค์คำชมที่จะเอาใจเอออวยสนับสนุนสิ่งที่ไม่มีหรือไม่จริง...
จึงนับว่า ชนเช่นนี้ นอกจากทำตนวิบัติด้วยเหตุคือชี้ทางผิดให้ชาวบ้านแล้ว ยังพาคนไม่รู้ให้ไม่รู้ต่อไป ..ผลที่สอดคล้องให้ได้รับคำแนะนำผิดเพี้ยนย่อมตามมา..

....เจตานาเช่นนี้ไม่เป็นโมฆะแน่แท้ พึงสำรวจเจตนาให้ดี การแสดงสิ่งไม่จริงในที่ธารณานั้น มีโทษมหันต์..การส่งเสริมใครๆให้ได้พบสิ่งจริงแท้ ที่มีเพียงพระพุทธศาสนาเท่านั้นแสดงได้ ผลที่ตนจะได้พบสิ่งจริงแท้ย่อมหวังได้...ส่วนใครจะรับได้หรือไม่ก็เป็นธุระของเขา ..เท่านั้นเอง...

 

คุณอุทยัพ ตอบไปละ เค้าทำมิสซาให้ทุกปีกัน

แต่จะแค่ไม่หิว ไม่เจ็บปวด ไม่มีการเลื่อนระดับภพภูมิ

 

มีฝรั่งไปเกิดเป็นเทวดา ในทุกระดับ เยอะด้วย ไม่แพ้คนไทย คนเอเชียชาติต่างๆ
เท่าที่เจอฝรั่งจำนวนมาก ศีล 5 ดี เป็นปกติ ทำตามกฎหมายด้วย เรื่องใต้โตีะ บนโต๊ะ น้อย ทำทานเยอะ คือการบริจาคองค์กรต่างๆ และมีพวกเป็นผู้เสียสละอาสาทำงานหน่วยงานแบบไม่ได้เงิน เจอบ่อย คนแก่ที่ยังแข็งแรง จะไปอยู่ตามโรงพยาบาล ให้คำแนะนำคนมาโรงพยาบาล พาไปพบแพทย์แผนกต่างๆ เพราะอย่างที่รู้โรงพยาบาลมีหลายตึกหลายชั้น คนจำนวนมากเดินไปไม่ถูก คนแก่อาสาหล่านี้จะพาไป ครูอาสา แพทย์อาสา จะพบว่าเป็นฝรั่งเยอะ

ส่วนทำบุญกับศาสนาเขาก็ทำกับศาสนาเขาเยอะนะ พวกอาสาเผยแพร่เยอะด้วย บุกตามบ้านเลย เราเจอ ขนาดมี นักการเมืองตำแหน่งสูงทีเดียวคนหนึ่ง เขาเคร่งศาสนาเขามาก แล้วก็เป็นอาสา กับโบสถ์ มาหาเราที่บ้านเพื่อพยายามสอนคัมภีร์ของเขา โดยเอาเวลาวันหยุดตัวเอง หลายๆครั้ง พาทั้งลูกและเมียมานั่งรอ เพื่อสอนศาสนาเรา 1ชม. อึ้งจริงๆ ถึงความมุ่งมั่นของเขา

พอดีเราเคร่งพุทธเลยไม่ได้เปลี่ยนศาสนา

 

อ้อครับ เป็นเช่นนั้นเอง ..

ที่จะไม่หิว ไม่เจ็บปวดนั้น ก็เพราะบุญของสัตว์นั้นทำไว้ดียังรักษาไว้ ถ้าว่ามีพิธีอะไรๆช่วยได้ พระพุทธเจ้าจะทรงตรัสสอนไว้ให้ทำกันแล้ว...

สิ่งทั้งปวงย่อมไหลมาแต่เหตุ ที่จะเกิดด้วยอำนาจบันดาลหาใช่เหตุ"ที่สมควร "ไม่..พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนให้มี"ปัญญา" จึงจะพ้นจากความไม่รู้ได้..

 

..ทราบได้อย่างไรครับว่ามีฝรั่งไปเกิดเป็นเทวดา ในทุกระดับ เยอะด้วย ไม่แพ้คนไทย คนเอเชียชาติต่างๆ?..หรือท่านได้ทิพยจักขุญาน?..

และคบคุ้นกับเขานานพอที่จะทราบอัธยาศัยว่าเขามีศีลกันถ้วนทั่วหรือครับ?....
หากท่านwild winเคร่งพุทธจริง ท่านจะทราบว่า การโกหก ส่อเสียด เพ้อเจ้อ และผรุสวาจาเป็อกุศลกรรมบถทางวาจา..ที่คนทั่วโลกทำได้ง่ายดาย ก็เมื่อมีมิจฉาวาจาเช่นนี้ ผลคืออบายทุคติโดยตรง...ข้าพเจ้าอยู่ในแถบถิ่นที่มีเทคโนโลยี่ก้าวหน้าที่สุดแห่งหนึ่งในโลกมากว่า๑๐ปี พบว่าเรื่องอย่างที่ท่านwild winกล่าวชื่นชมนั้น มีไม่มาก และผู้คนเห็นแก่ตัวแย่งชิงกันด้วยอุบายแยบคายสารพัดที่ยากแก่การจับได้ไล่ทันของชาวบ้าน แต่ละวัน มีคนซื้อเบียร์ไวน์แชมเปญไปบริโภคเเทนน้ำกันทั่วไปเป็นภาพปรกติ...และคดีความการทะเลาะระหว่างเพื่อนบ้านมีอัตราเพิ่มขึ้นทุกปี...คนแก่ถูกลูกพาไปเข้าบ้านพักคนชราเพื่อตนจะเอาบ้านไปขาย...

และที่มากที่สุดคือ เวลามีเทศกาลรื่เริงนั้น การนอกใจ มีชู้เกิดมากที่สุด อ้อ และเขานิยมไปตกปลาล่าสัตว์กันด้วยนะ..นี่ข้าพเจ้ายังต้องเห็นเพื่อนบ้านตรงข้ามแบกปืนติดเลเซอร์ไปล่ากวางทุกวัน แถมบางวันพาเพื่อนพรานมาชุมนุมกันให้สยองกลัวลูกหลงถ้าเกิดเมาตีกันอีก...

เคยเห็นแม่พาเด็กแขนหักมารอหมอเป็นชั่วโมง ยังตกใจว่า ที่นี่ก็มีอย่างนี้ด้วย...
และเคยอยู่ในโรงพยาบาลแล้วได้ยินคนแก่ร้องขอความช่วยเหลือแต่หามีใครใส่ใจไม่ มีแต่ชาวพุทธท่านหนึ่งกะเผลกไปเรียกพยาบาลที่กำลังจับกลุ่มเพ้อเจ้อกันอยู่อย่างบ้าคลั่ง...พยาบาลจึงได้รู้ว่าตนมีกิจอะไรที่ควรทำ...

และท่านควรทราบว่าหน่วยงานรัฐทุกที่ล้วนมีโกงกินทั้งนั้น ลองไปถามชาวบ้านดูจะทราบว่า ทำไมผู้รับเหมาบางรายรับจ๊อบได้ตลอดเวลาจากหน่วยงานรัฐ..etc..etc

วันอาทิตย์มีคนแก่ไปโบสถ์ ถ้าใครไม่ไปจะเป็นที่ครหาและเข้ากลุ่มไม่ได้ ชีวิตลำบากมากขึ้นเพราะถูกนินทา...

ภาพสวยงามที่เราเคยทราบนั้น เอาเข้าจริงก็เป็นสิ่งลวงตาที่ชาวเราผู้ไม่รู้สร้างขึ้น แต่ไ่ม่มีปัญญาแบบพุทธที่จะตรวจสอบความถูกหรือควร จึงจินตนาการเพิ่มเติมว่าน่าจะเป็นเช่นนั้นเช่นนี้....


....
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอุปมาเปรียบเทียบสัตว์ที่ไปเกิดในทุคติ คืออบายภูมิ เป็นสัตว์นรก เปรต สัตว์เดรัจฉานว่า มากมายเหมือนขนวัว คือนับไม่ได้ แต่สัตว์ที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดานั้น เท่าเขาวัว คือน้อยเหลือเกิน เพราะเขาวัวมีเพียง ๒ เขาเท่านั้น ท่านอยากจะอยู่ในพวกไหน? เชื่อว่า ทุกท่านคงอยากอยู่ในพวกเขาวัวด้วยกันทั้งนั้น แต่ความอยากอย่างเดียว ไม่สามารถช่วยให้สำเร็จผลได้ ท่านต้องประพฤติปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ด้วย นั่นคือ ละความชั่ว ประพฤติดี คือละทุจริตกรรม ๑๐ ประการ
....

ท่านwild winไม่ทราบดอกหรือว่าคนเรานั้นมีกิเลสมีความหวังความต้องการสิ่งใดสิ่งหนึ่งเสมอ

ทั้งมาในรูปแบบแอบแฝงต่างๆกระทั่งศาสนา..ไม่มียกเว้นเลย

ข้าพเจ้ามีหมอประจำตัวคนหนึ่งเป็นสาวผมบล็อนด์สวยงามราวตุ๊กตามีราคา เธอเคยเป็นอาสาสมัครไปเป็น
หมออาสากับกลุ่มหมออาสามีชื่อก้องโลก จุดประสงค์คือ...เพื่อว่า..
บัดนี้เธอกำลังทำธุรกิจโรงพยาบาลโครงการระดับชาติในไนจีเรีย ผลประโยชน์พันล้าน ไม่ใช่บาทแต่ดอลลาร์
(อุเเม่จ้าว)..
เธอเล่าว่าผู้ที่อาสาไปนั้นล้วนมีจุดประสงค์ต่างๆ ส่วนมากอยากเที่ยวฟรี บางรายได้ดีแต่งงานอยู่แถบถิ่น
นั้น เพราะเขาเหล่่านั้นไม่มีอนาคตในประเทศของตน ที่มีใจดีนั้นหายากมาก..
แทบไม่มียิ่งกว่านั้น รายได้จากการบริจาคของชาวบ้านนั้นเป็นประโยชน์แก่หัวหน้าและเจ้าหน้าที่รองลงมาของหน่วยงาน
เรียกว่าเปลี่ยนBenz กับBMWกันบ่อยๆ จนมีนสพ.เปิดโปงข่าวกันให้รู้ ..
เป็นอันว่าข้าพเจ้าก็ยุติกรบริจาคไปเพราะเหตุนี้...

ทั้งมีpriestระดับสูงที่ใช้เงินจากชาวบ้านมาขยายปราสาท ตกแต่งอย่างแพงจนเป็นข่าวครึกครื้นโครมคราม
ในประเทศนี้ ทราบมาว่าเธอถูกดึงไปวาติกันเพื่อให้ข่าวซาลง และกลับมาแล้วเพื่ออยู่ในปราสาทราคาหลายล้าน
เสวยผลบุญที่ตนเคยทำมาไว้โดยที่ตนไม่รู้เลยว่าสิ่งนี้มีมาได้อย่างไร...


สำหรับชาวที่มาเผยแพร่ศาสนาไร ๆนั้น ข้าพเจ้าสงสารพวกเขาจับใจว่า
อุตส่าห์ได้อัตภาพมนุษย์
ด้วยบุญดีที่ตนทำไว้เองกับมือแล้ว กลับอาศัยบุญนั้นทำลายตนโดยการชักชวนชาวบ้านให้เข้าถึงความหลงเพราะกล่าวนสิ่งที่ไม่มีจริง ย่อมเป็นผู้มีมิจฉาวาจา ยิงทำมากบาปยิ่งพิ่มพูน...การชักชวนคนไปสู่ความรู้ผิดเห็นผิด ชาวบ้านย่อมหมดโอกาสรู้สิ่งที่ถูกควรเป็นบาปหนักยิ่งกว่าทำอนันตริยกรรม...

ดังที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสแสดงไว้ดังนี้...

มีอาจารย์ท่านหนึ่งเล่าว่ามีนักแพร่ศ่าสนาม่ที่บ้านอาจารย์เชื้อเชิญนักแพร่ฯมานั่งคุยด้วยในบ้าน...

นักแพร่ฯมอบหนังสือเกี่ยวกับลัทธิของตนให้อาจารย์ เขานั่งแสดงสิ่งที่ตนรู้มา ลงท้ายด้วยการเล่าว่าลัทธิเขา มีโครงการกุศลหลายอย่าง อาจารย์จึงถามว่า เอาเงินมาจากใหน เขาว่า ชาวบ้านบริจาค..

อาจารย์ :เวลาไปช่วยชาวบ้านคุณกล่าวอย่างไร..
นักแพร่:บอกว่านี่เป็นความช่วยเหลือจากพระเจ้า
อาจารย์ :...อ้าว นี่พูดโกหกนะ เพราะเงินนี่มาจากชาวบ้าน แต่บอกว่าพระเจ้าช่วย


นักแพร่:..นิ่ง....เงียบ..


อาจารย์ :...เอาละ อย่างไรผมก็จะช่วยบริจาค (หยิบเงิน)..


นักแพร่:..ไม่เป็นไรครับคุณลุง ไม่ต้องหรอกครับ ผมมีธุระต้องรีบไปแล้ว กุลีกุจอเก็บเอกสาร เร่งออกนอกบ้านไปทีเดียว

อาจารย์ท่านนี้ สอนพระอภิธรรม คงได้แสดงสิ่งที่นักแพร่ควรทราบไว้พอเป็นอุปนิสัยเพื่อช่วยเขาในอีกหลายอัตภาพทีเดียว นี่หาใช่ฤทธิ์ใครมาบันดาลก็หาไม่หรือมาเพราะบังเอิญก็เปล่า.. ตัวเขาเองเคยพบทางถูกมาก่อนแต่มีใจเหมือนชาวเราในบัดนี้ที่ โยกเยก ไม่หนักแน่นในพระรันตรัย ใครว่าดีก็เฮด้วย พอหมดเวลาจากโลกนี้ก็แสวงหาศาสดาใหม่ต่อ...

 

โธ่ๆๆๆๆๆ ddman ที่แท้ก็แค่อ่านหนังสือแล้วมาเล่นละครเล่าเรื่อง ฉันล่ะก็นึกว่าคนเก่งมาจากไหน

พิธีมิสซามีการบริจาค ให้ทาน การรับศีล จะบอกไม่ได้บุญเป็นไปไม่ได้

พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้แล้ว ว่าศาสนาอื่นเค้าทำบุญในรูปแบบของเขาก็ได้บุญ อย่ามาพูดให้ตัวเองดูดีหน่อยเลย

เพียงแต่ว่ากำลังบุญจะไปในระดับใดก็เรื่องของเค้า มันเป็นความเชื่อ เป็นพิธีกรรมเค้า อย่าไปยุ่ง

หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านก็สอนศาสนาคริสต์เค้าก็ขึ้นสวรรค์ได้ เห็นตอบมาหลายโพสนึกว่าจะรู้มากกว่านี้ซะอีก

ตายละมาเจอคนเก่งกว่าพระพุทธเจ้า เก่งกว่าหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เอาเวลาไปอ่านหนังสือเพิ่มเติมความรู้ให้ตัวเองเถอะ

สิ่งที่คุณตอบมามันก็มีแค่ที่อ่านมาจากหนังสือสองสามเล่มนั่นล่ะ ทีหลังอย่ามาตอบโพสเราอีก ไร้สาระ


http://palungjit.org/threads/ตายแล้...ระราชพรหมยาน-ตอน-พระเยซูอยู่ชั้นดุสิต.556395/




.

 

naitiw(ถ้าเป็นชาวพุทธ)...ควรศึกษาพระธรรม(ที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน)ให้ดีๆจะได้รู้จักว่าทานและศีลคืออะไรอย่างแท้จริง....จะได้ไม่เห็นสิ่งที่อุปโลกขึ้นว่าเป็นจริง....

ไม่ทราบว่าพออธิบายได้ใหมว่า พิธีสวดให้คนตายทำให้เขาไม่เจ็บปวดหิวโหยได้ ด้วยอาการใด?

ในศาสนาพุทธ เมื่อจะสงเคราะห์คนตายที่เกิดเป็นเปรต ให้พ้นความหิวหรือได้สิ่งบริโภคใด ก็ญาติผู้ตายย่อมนำสิ่งควรแก่การบริโภคแก่พระ มีอาหาร ผ้าสบงจีวรหรือเครื่องบริโภคจำเป็นแก่สงฆ์ไปถวาย..เปรตเมื่อได้ทราบอาการบุญที่ทำนั้นเพราะเขาอุทิศมา มีใจยินดีในกิจแห่งบุญนั้น จิตของตนย่อมเกิดบุญขึ้นเองย่อมพ้นความหิวหรือได้ผ้านุ่งตามกำลังบุญของตน...แต่หากพระที่รับเป็นผู้ทุศีล ผลของบุญย่อมอ่อนกำลัง เป็นเหตุให้เปรตไม่ได้รับผลบุญนั้น...

การทำบุญอุทิศกุศลใดๆย่อมมีเงื่อนไขปัจจัยมากมายปรุงแต่ง
หาได้สำเร็จไปราวกิจสำเร็จรูปไปทุกครั้งไม่..หากมีลัทธิใดกล่าวอ้างว่าสามารถทำได้ ย่อมเป็นเพียงการแสดงสิ่งที่ไม่มีเหตุผล..

หรือการชำระบาปได้ด้วยไฟนั้น...เป็นได้อย่างไร..
(บาปเป็นนามธรรม ไม่มีรูปร่างให้ไฟเผาได้..สิ่งที่ไฟเผาได้คือวัตถุรูปเท่านััน....)

การเห็นสิ่งใดจริงหรือไม่จริงได้ ไม่ใช่เห็นด้วยกิเลสของตน แต่ด้วยปัญญาที่ได้มาจากการสดับพระธรรมของพระพุทธเจ้าเท่านั้น..

naitiwอาจไม่ใช่ชาวพุทธ แต่แสดงอาการคล้ายมากทีเดียว..

 

นานาปัญหา
โดย คณะสหายธรรม


๔๗. เปรตได้รับส่วนบุญที่อุทิศไปให้ได้อย่างไร

ถาม พระคุณเจ้าถามมาว่า อาตมาภาพสงสัยว่า การทำบุญไปให้ผู้ล่วงลับนั้นที่ได้ไปเกิดเป็นเปรตนั้น เขาจะได้รับอย่างไร คำว่าบุญนี้แปลออกมาให้ดี คืออะไรและทำไมต้องอุทิศบุญให้แก่เทวดาด้วย ในเมื่อเทวดามีอาหารทิพย์ ในศาสนาอื่นไม่เห็นเขาทำบุญไปให้กันเลย
อาตมาคิดว่า การทำบุญต้องเป็นของใครของมัน ไม่ใช่แผ่ให้กันได้เมื่อตายแล้ว จริงไหม

ตอบ เรื่องของการทำบุญอุทิศไปให้ผู้ตายนี้ เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าผู้ทรงมีพระสัพพัญญุตญาณ ทรงรอบรู้ทุกอย่างด้วยพระปัญญา ตรัสรู้ของพระองค์เอง ซึ่งไม่สามารถจะนำเข้าไปเทียบกับศาสนาอื่น ซึ่งมิได้สัพพัญญุตญาณเช่นพระพุทธองค์
ในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการนั้นมี
ทาน การให้
ศีล การรักษากายวาจาให้สะอาด
ภาวนา การอบรมจิตใจด้วยสมถะและวิปัสสนา
เวยยาวัจจะ การขวนขวายช่วยเหลือกิจการงานอันชอบธรรมของผู้อื่น
อปจายนะ กระประพฤติอ่อนน้อม
ปัตติทาน การให้ส่วนบุญที่ตนทำแล้วแก่ผู้อื่น
ปัตตานุโมทนา การอนุโมทนาคือชื่นชมยินดีในบุญที่ผู้อื่นกระทำแล้ว
ธัมมัสสวนะ การฟังธรรม
ธัมมเทศนา การแสดงธรรม และ
ทิฏฐุชุกัมม์ การทำความเห็นให้ตรง
ซึ่งบุญประการสุดท้ายนี้คือปัญญา ถ้าทุกคนมีปัญญารู้ทุกอย่างตามความเป็นจริงแล้ว ก็จะยอมรับการทำบุญที่เหลืออีก ๙ ประการว่า เป็นสิ่งที่เป็นความจริง
จริงอยู่สัตว์ทั้งหลายเป็นไปตามกรรมที่ตนทำไว้ ใครทำดีก็ได้รับผลดี ใครทำชั่วก็ได้รับผลชั่ว ไม่มีใครรับผลของกรรมแทนกันได้ แม้พวกเปรตที่สามารถรับส่วนบุญที่ญาติมิตรอุทิศไปให้จากโลกนี้ได้ ก็เพราะเปรตได้ทำบุญด้วยตนเองในข้อปัตตานุโมทนา คือชื่นชมในบุญที่มีผู้อุทิศไปให้ ถ้าไม่ชื่นชมอนุโมทนาบุญก็ไม่เกิดแก่เปรต การอนุโมทนานั้นเปรตต้องทำเอง ไม่มีใครทำให้เปรตได้ พวกเราในโลกมนุษย์นี้ทำได้แต่เพียงบุญในข้อปัตติทาน คืออุทิศบุญที่ทำแล้วให้เปรตเท่านั้น ถ้าเปรตยอมรับบุญที่เราอุทิศไปให้ เขาก็จะชื่นชมอนุโมทนา เมื่อเขาชื่นชมอนุโมทนา บุญก็จะเกิดแก่เปรต แต่ถ้าเปรตไม่ยอมรับหรือไม่ทราบ ไม่ได้ชื่นชมอนุโมทนาบุญก็ไม่เกิดแก่เปรต เปรตก็ไม่ได้รับบุญที่มีผู้อุทิศให้ เมื่อบุญไม่เกิดแก่เปรต เปรตก็ต้องทนทุกข์ทรมานต่อไป แต่ถ้าบุญเกิดแก่เปรต เปรตก็จะพ้นจากความทุกข์ทรมาน
บางครั้งถ้ากรรมของเปรตเบาบาง อนุโมทนาแล้วก็ พ้นจากสภาพเปรตเป็นเทวดาทันที ซึ่งเรื่องเหล่านี้มีเล่าไว้ในพระไตรปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ
สำหรับเทวดานั้น แม้ท่านจะมีความสุข มีอาหารทิพย์ แต่ถ้าท่านทราบว่ามีผู้คนในโลกมนุษย์นี้ทำบุญแล้วอุทิศให้ท่าน ท่านก็ยินดีรับ ถ้าท่านเป็นสัมมาทิฏฐิ ท่านก็ชื่นชมอนุโมทนาด้วย บุญในข้อปัตตานุโมทนาก็เกิดแก่ท่าน
แต่การอนุโมทนาของเปรตกับเทวดานั้นต่างกัน เทวดาอนุโมทนาแล้วบุญก็เกิดเทวดาเท่านั้น แต่สำหรับเปรตนั้น เมื่อเปรตอนุโมทนาแล้ว นอกจากบุญจะเกิดแก่เปรตแล้ว เปรตยังได้รับข้าวของอันสมควรแก่ฐานะของเปรต ตรงตามที่ผู้อุทิศไปให้ด้วย เช่นมีผู้ถวายอาหารแล้วอุทิศให้เปรต เปรตอนุโมทนาแล้ว ได้บุญในข้อปัตตานุโมทนาแล้ว ยังได้รับอาหารอันสมควรแก่ฐานะของเปรตด้วย ทำให้เปรตอิ่มหนำสำราญ พ้นจากความหิวโหย หรือเราถวายผ้า เปรตก็จะได้รับผ้าทิพย์ปกปิดร่างกาย ทำให้พ้นจากสภาพเปลือยกายได้ เราถวายน้ำแล้วอุทิศให้ เปรตก็ได้ดื่มน้ำทิพย์พ้นจากความหิวกระหายด้วยอำนาจของการอนุโมทนา
การอุทิศบุญที่ทำแล้วให้เปรตนั้น มิใช่หยิบยื่นของส่งให้ เพราะบุญเป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ เกิดที่ใจ เมื่อใดที่ใจเกิดบุญ ใจก็จะผ่องใส ไม่ขุ่นมัว เพราะฉะนั้น ธรรมชาติของบุญก็คือเป็นเครื่องชำระจิตใจให้ผ่องใส ปราศจากกิเลสเครื่องเศร้าหมอง
พระพุทธเจ้าตรัสว่า บุญเป็นชื่อของความสุข เพราะผู้ที่ทำบุญแล้วย่อมได้รับผลวิบากอันเป็นสุข ด้วยเหตุนี้ บุญจึงเป็นที่พึ่งของสัตว์ในโลกหน้า ตราบเท่าที่ยังต้องเกิดอยู่
อีกประการหนึ่ง พระที่ท่านฉันอาหารของเรานั้น ท่านก็มิได้เป็นบุรุษไปรษณีย์นำบุญของเราไปส่งให้แก่เปรต ท่านเป็นเนื้อนาที่เราจะหว่านบุญลงไปเท่านั้น พูดง่ายๆ ก็คือ ท่านเป็นปัจจัยให้เราเกิดบุญในข้อทานการให้ เมื่อให้แล้ว เรากรวดน้ำอุทิศไปให้ญาติมิตรที่ล่วงลับไปแล้ว ถ้าเขาไปเกิดเป็นเปรต และทราบว่าเราอุทิศบุญไปให้เขา ถ้าเขาชื่นชมอนุโมทนา บุญและวัตถุทานที่เราอุทิศให้มีข้าว น้ำเป็นต้น ก็จะเกิดแก่เปรตนั้นตามสมควรแก่ฐานะและภพภูมิของเขา ไม่ใช่เราถวายแกงส้ม เปรตก็จะได้กินแกงส้ม ไม่ใช่อย่างนั้น เพราะแกงส้มไม่ใช่อาหารของเปรต
หวังว่าคำตอบนี้จะช่วยให้พระคุณเจ้าผู้ถาม คลายความสงสัยลงไปได้


http://www.84000.org/tipitaka/book/nana.php?q=47

 

..ไปได้ไอเดียนี้มาจากใหน ขอหลักฐานหน่อยสิ!

เว็บนี้ห้ามโพสต์ความเห็นแย้งลัทธิของnaitiw..??!
สิ่งที่เป็นจริงย่อมทนต่อการตรวจสอบ ด้วยเหตุผล ..
และเว็บนี้เป็นเว็บพุทธ เมื่อชาวลัทธิอื่นมาถาม คำตอบที่ถูกตรงควรมีให้เขา ไม่ใช่ทำตัวเป็นหนอนชอบขี้
อ่อนไปมาอย่างnaitiwหรือผู้ปลอมมาอย่างแนบเนียน...
หรือnaitiwเป็นเจ้าของเว็บ?..!!

มีใครบอกว่าศาสนิกอื่นขึ้นสวรรค์ไม่ได้ในที่นี้..??

 

อันนี้หมายถึงประเทศไทยใช่ไหม เห็นออกข่าวแทบทุกวันจนเบื่อ ยังไม่ทันมีงานก็ได้กันละ



ตลกดีนะ ฉันเขียนตรงไหนหว่า ว่ามีล้างบาป มีไฟชำระ ตรงไหนบอกอำนาจพระเจ้าบันดาล

ฉันเขียนว่า มีให้ทาน มีรักษาศีล มีสวดภาวนา ไม่ยกมาล่ะจ๊ะ


บัญญัติสิบประการ นี่ก็มีทั้งศีลข้อ 1 2 3 4 ขาดแต่ดื่มสุรา บอกให้กตัญญูอีก

จงอภัยให้ผู้คิดร้ายต่อท่าน = อภัยทาน


พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้เรื่องลำดับเนื้อนาบุญ ถึงแม้ไม่ใช่พระอรหันต์ แต่ก็เป็นผู้มีศีล มีคุณธรรม


โธ่ๆๆๆๆ เขียนแต่เข้าข้างตัวเองไปเล่นละครปาหี่ตรงโน้นนะ ไร้สาระจริงๆ

ถ้ามีตอบโพสมาอีก ไม่แน่เค้าอาจจะยกเรื่องสงครามครูเสดมาก็เป็นได้ สักพักจะลากยาวไปถึง The Exodus

ได้แต่แถออกนอกเรื่องเหมือนเด็กประถมพยายามโกหกครู ไม่เข้าใจว่าไม่มีใครพูดถึงแล้วจะเสร่อไปยกมาทำไม หรือว่าหิวแกงส้ม


ส่วนคำว่า หนอนชอบคูต คงต้องยกคืนไป เพราะเราไม่มุสาเขียนบิดเบือนเหมือนคุณ

มีแต่คนความคิดต่ำๆ อาศัยอยู่ในที่ต่ำๆ ถึงจะแสดงความคิดเห็นต่ำๆแบบนี้ออกมาได้


ขอบคุณที่เขียนคำนี้มา เพราะมันบ่งบอกระดับภูมิธรรมในตัวคุณได้ชัดเจนดีจริงๆ




"What goes around, comes around."



เกือบลืมๆๆๆ พิธีมิสซา คืออะไร ทำอย่างไร เพื่ออะไร ฉันเรียนตอน ป.5 หวังว่าคุณจะได้เรียนเช่นกัน
.