ประสบการณ์(อันน้อยนิด)เกี่ยวกับการถอดจิตที่ดิฉันประสบ

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย ณฐมณฑ์, 25 กรกฎาคม 2005.

  1. ณฐมณฑ์

    ณฐมณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2004
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +1,868
    ประสบการณ์ที่ดิฉันจะเล่าต่อไปนี้เป็นประสบการณ์นอกเหนือจากการฝึกมโนมยิทธิแบบภาวนานะมะพะธะ หรือนะโมพุทธายะ ค่ะ

    จิตถอดขณะหลับ

    ปรกติดิฉันจิตออกจากร่างไปในตอนหลับหลายครั้ง
    และจิตที่ถอดนั้นไปกราบพระพร้อมกับได้พบเจอผู้ฝึกมโนมยิทธิอย่างน้อย 2 ครั้ง
    และทั้ง 2 ครั้งนั้นมีคุณปาริสัชชาไปกราบพระตามปรกติของท่านอยู่ด้วย
    ส่วนครั้งแรกที่จำได้นั้น ดิฉันพบทั้งคุณปาริสัชชาและผู้ปฏิบัติมโนมยิทธิอีกท่านหนึ่งค่ะ
    เมื่อตื่นมาแล้วได้คุยกันทางโทรศัพท์ ก็พบว่าเล่ารายละเอียดได้สอดคล้องต้องกันกับเหตุการณ์ที่คุณปาริสัชชาพบในมโนมยิทธิค่ะ
    เช่น กราบพระแล้วพระท่านให้โอวาทอย่างไรบ้าง พระพรหมท่านยืนด้านใด พระท่านมาโปรดในรูปลักษณ์แบบใด เป็นต้น

    ประสบการณ์ที่จิตถอดไปเองขณะหลับอาจเกิดจาก
    1.การเข้ากรรมฐานก่อนนอน
    2.จากการมีใจรำลึกถึงพระพุทธคุณเสมอๆ ในระหว่างวัน
    แต่นั่นก็แล้วแต่ว่าจิตจะหลุดไปเองเมื่อไรนะคะ
    นับเป็นการถอดจิตตามธรรมชาติที่อยู่นอกเหนือการควบคุมโดยตรง
    (แต่เราอาจจะควบคุมโดยอ้อมได้ แต่ในที่นี้จะยังไม่ขอพูดถึงค่ะ)

    จิตถอดขณะฝึกกสิณแสงสว่าง

    ที่วัด กลางดึกค่อนสว่างคืนหนึ่ง
    ขณะนั้น ดิฉันนอนไม่ค่อยหลับจึงนอนฝึกกสิณไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เป็นการปล่อยเวลาผ่านไปเฉยๆ
    ดิฉันนอนตะแคงฝึกค่ะ กะว่าถ้าหลับก็หลับ ถ้าไม่หลับก็ฝึกทรงประกายพฤกษ์ในกสิณแสงสว่างไปนานๆ

    พอดีเช้ามืด ถึงเวลาที่พระจะเริ่มจะตื่นขึ้นทำวัตรเช้า
    ดิฉันก็เลยพลิกตัวจากการนอนตะแคงเป็นนอนหงายจะได้เป็นการเปลี่ยนอิริยาบถ
    ขณะนั้นทรงอารมณ์ในฌานสี่กสิณอยู่นานแล้วพลิกกายโดยที่อารมณ์ยังไม่คลายลงนัก
    คือมีใจนิ่งไม่ได้คิดอะไร (การจะพลิกกายก็ไม่เชิงว่าคิดนะคะ คือทรงอารมณ์ไว้ในขณะที่เปลี่ยนอิริยาบถเล็กน้อย)

    พบว่า ที่เปลี่ยนอิริยาบถคือกายในค่ะ
    ส่วนกายเนื้อยังนอนตะแคงอยู่เหมือนเดิมไม่ไหวติง
    ที่เห็นขณะนั้น ไม่ได้เห็นด้วยตาแบบมีร่างกายนะคะ
    แต่เห็นจากความรู้สึกโดยไม่ได้เหลียวไปมอง
    ร่างกายนั้นนอนนิ่งในความมืดของรัตติกาล
    อทิสมานผ่องใสเป็นดวงกลม
    ในกุฏินั้น ยังเห็นดวงกลมใหญ่ผ่องใสเป็นประกายอีกสองดวงอีกด้วย คาดว่าเป็นเทวดาในบริเวณวัดค่ะ

    ภาวะความเป็นทิพย์ขณะจิตถอดจากร่าง

    ขณะที่จิตถอดจากร่างนั้น จิตไม่มีน้ำหนัก
    กล่าวคือแรงโน้มถ่วงโลกไม่มีผลกับอทิสมานกายแม้แต่อย่างใดเลยค่ะ
    สายลมก็ไม่อาจจะต้องต่ออทิสมานกายใดๆ เลย
    ดิฉันก็คุมสติ ประคองระดับอารมณ์แผ่วเบานิ่งๆ ไว้ แต่ใจยังไม่มั่นดี จึงสวดมนต์บทพุทธคุณในใจ
    เมื่อสวดในใจ อทิสมานกายกลับได้ยินเสียงสวดของตนเหมือนเสียงพูด (คือไม่ใช่เสียงของความเงียบค่ะ)
    ได้ยินเสียงพระท่านคิดในใจเล็กน้อยด้วย (ท่านเพิ่งเริ่มตื่นและยังอยู่ในกุฏิท่าน)
    ที่สำคัญคือ อทิสมานกายขณะที่เป็นอิสระจากร่างกายนั้นค่อนข้างรู้รอบ
    ณ เวลาที่ถอดจิตจากกายได้ ทิพจักขุญาณจะเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติค่ะ
    และเป็นทิพจักขุญาณที่แจ่มชัดกว่าขณะที่อาศัยในกายเนื้อด้วยซ้ำ

    พบว่าการถอดจิตแบบร้อยเปอร์เซ็นต์นั้นยากกว่าฝึกทิพจักขุญาณทั่วไปมากค่ะ ทุกวันนี้ดิฉันยังทำแบบร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างคืนนั้นอีกไม่ได้เลยค่ะ
    (รวมถึงการฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลังของดิฉันนั้นยังถอดเต็มกำลังแบบไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ)

    คืนนั้น ได้ประจักษ์แก่ใจตนอีกครั้งว่าคนตายเป็นอย่างนี้ ได้อารมณ์พิจารณาแบบมรณานุสติดีนะคะ
    แต่จิตเข้าร่างง่ายมากเลยนะคะ นึกถึงร่างกายนิดเดียวจิตก็กลับแล้ว
    ดังนั้น การถอดจิตจึงเกี่ยวพันโดยตรงกับการตัดขันธุ์ห้าให้ชัดเจนต่อใจเราให้ได้

    เคยถามคุณปาริสัชชาเรื่องการถอดจิต ท่านบอกว่าเคยถอดทางหน้าผาก
    ดิฉันไม่ได้ถอดทางหน้าผากค่ะ แต่อารมณ์จิตเมื่อถอดแล้วนั้นตรงกับที่คุณปาริสัชชาเคยประสบค่ะ
     
  2. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,810
    ค่าพลัง:
    +18,982
    ผมขอช่วยสรุปย่อๆ

    ผมขออาศัยธรรมทานของพี่ ต่อบุญอีกที..ด้วยนะครับ ..

    1. ที่เล่านี้เป็นประสบการณ์ทางจิตที่ไม่ใช่แบบมโนมยิทธิ และเป็นแบบ จิต แยกจากกาย โดยเด็ดขาด .. เกิดขึ้นน้อยมาก (หากเทียบก็คงเป็น มโนมยิทธิเต็มกำลัง และระดับ 100% ด้วย ..เต็มกำลังมีหลายระดับ % ส่วนมาไม่ถึง 100% จริงรึเปล่าครับพี่ณฐมณฑ์ )

    2. ปรกติ จิตพี่ณฐมณฑ์จะชอบออกจากร่างตอนหลับ..และไปเจอกายทิพย์ของผู้ฝึกมโนมยิทธิรวมทั้งคุณปาริสัชชา..และเมื่อจิตเข้าร่างปรกติแล้ว ก็ได้สอบถามคุณปาริสัชชาทางโทรศัพท์ ซึ่งผลคือ รับรู้ตรงกัน เช่น เนื้อหาที่พระท่านให้โอวาท .. ตำแหน่ง สถานที่ ลักษณะของบุคคลที่เจอ

    3. ประสบการณ์ถอดจิตขณะหลับ .. อาจเกิดจาก การเข้ากรรมฐานก่อนนอน 1 , การระลึกพุทธคุณ 1 .. ซึ่งจริงแล้ว การถอดจิต ยังมีอีกหลายสาเหตุ และหลายวิธีควบคุม

    4. เช้ามืดที่วัด ในอิริยาบทนอนตะแคง จิตอยู่ในฌาน 4 .. เกิดการเห็นที่ไม่ใช่ตาเนื้อ(ตาทิพย์) แลเห็นอทิสมานผ่องใสเป็นดวงกลมในกุฏิ และมีอีกสองดวงใหญ่(คาดว่าน่าจะเป็นเทวดา)

    5. จิตที่ถอดออกจากร่างมีลักษณะไม่มีน้ำหนัก แรงโน้มถ่วงโลก สายลม ไม่มีผลกระทบต่ออทิสมานกาย

    6. หลังจากนั้นก็สวดมนต์บทพุทธคุณเพื่อประคองจิตให้เบานิ่งๆไว้ แต่กลับได้ยินเสียงสวดมนต์ของตัวเองเหมือนเสียงพูด 1 , ได้ยินเสียงพระในกุฏิท่านคิดในใจเล็กน้อย 1

    7. อทิสมานกายคณะที่จิตออกจากร่างกาย ค่อนข้างรอบรู้ ( อันนี้หมายถึง จิตมีความเป็นทิพย์รอบรู้ทุกสิ่งอย่างรวดเร็ว รึเปล่าครับพี่ ณฐมณฑ์ )

    8. ในขณะถอดจิตออกจากกายได้แล้วนั้น ตาทิพย์(ทิพยจักขุญาณ)จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และแจ่มชัดกว่า ตาทิพย์ที่เกิดขึ้นในขณะจิตยังอยู่กายเนื้อ(หรืออาศัยกายเนื้ออยู่ ในที่นี้อาจหมายถึง จิตยังติดกายเนื้ออยู่ ยังตัดกันไม่ขาดดี ใช่รึเปล่าครับ?? ซึ่งที่กล่าวทั้งหมดนี้ จิตแยกจากกายได้ 100% )

    9. การถอดจิตแบบแยกจากกายโดยเด็ดขาด 100% ... ตอนนี้ก็ยังทำไม่ถึงระดับนั้น อาจจะนานๆ ที

    10. ประสบการณ์นี้ คิดเทียบกับ อารมณ์ตอนตายที่จิตแยกกับกายโดยเด็ดขาด.. เป็นธรรมหมวดมรณานุสติ

    11. ประสบการณ์นี้ สรุปได้ว่า การถอดจิตจึงเกี่ยวข้องกันโดยตรงกับการตัดขันธ์ 5(การตัดร่างกาย)

    12. ส่วนคุณปาริสัชชาก็เคยถอดจิตทางหน้าผาก แต่คุณณฐมณฑ์ที่ไม่ได้ถอดจิตทางหน้าผาก .. แต่อารมณ์จิตนั้น ตรงกัน
     
  3. ณฐมณฑ์

    ณฐมณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2004
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +1,868
    ยืนยันข้อสรุปของน้องอ้นค่ะ

    1. ที่เล่านี้เป็นประสบการณ์ทางจิตที่ไม่ใช่แบบมโนมยิทธิ และเป็นแบบ จิต แยกจากกาย โดยเด็ดขาด .. เกิดขึ้นน้อยมาก (หากเทียบก็คงเป็น มโนมยิทธิเต็มกำลัง และระดับ 100% ด้วย ..เต็มกำลังมีหลายระดับ % ส่วนมาไม่ถึง 100% จริงรึเปล่าครับพี่ณฐมณฑ์ )
    ณฐมณฑ์:
    ถามพี่ปาริสัชชา พี่ปาริสัชชาบอกว่าแบบที่เล่านี้เป็นมโนมยิทธิเต็มกำลังที่ถอดจิตแบบอภิญญาค่ะ
    และการถอดจิตมโนมยิทธิแบบเต็มกำลังมีหลายระดับจริง
    คืออาศัยกำลังของฌานสี่ทำให้ถอดจิตได้ แต่จิตออกจากร่างกายส่วนใหญ่จะเหลือความรู้สึกในร่างกายเล็กน้อยแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลที่ฝึกสำเร็จ
    แต่การถอดแบบอภิญญานั้น ไม่รู้สึกในร่างกายเลยค่ะ


    2. ปรกติ จิตพี่ณฐมณฑ์จะชอบออกจากร่างตอนหลับ..และไปเจอกายทิพย์ของผู้ฝึกมโนมยิทธิรวมทั้งคุณปาริสัชชา..และเมื่อจิตเข้าร่างปรกติแล้ว ก็ได้สอบถามคุณปาริสัชชาทางโทรศัพท์ ซึ่งผลคือ รับรู้ตรงกัน เช่น เนื้อหาที่พระท่านให้โอวาท .. ตำแหน่ง สถานที่ ลักษณะของบุคคลที่เจอ
    ณฐมณฑ์:
    ใช่จ้ะ


    3. ประสบการณ์ถอดจิตขณะหลับ .. อาจเกิดจาก การเข้ากรรมฐานก่อนนอน 1 , การระลึกพุทธคุณ 1 .. ซึ่งจริงแล้ว การถอดจิต ยังมีอีกหลายสาเหตุ และหลายวิธีควบคุม
    ณฐมณฑ์:
    ใช่แล้วค่ะ แต่หลักๆ น่าจะเกิดจากสองประการดังกล่าวค่ะ


    4. เช้ามืดที่วัด ในอิริยาบทนอนตะแคง จิตอยู่ในฌาน 4 .. เกิดการเห็นที่ไม่ใช่ตาเนื้อ(ตาทิพย์) แลเห็นอทิสมานผ่องใสเป็นดวงกลมในกุฏิ และมีอีกสองดวงใหญ่(คาดว่าน่าจะเป็นเทวดา)
    ณฐมณฑ์:
    แม่นแล่ว จิตนั้นประภัสสร


    5. จิตที่ถอดออกจากร่างมีลักษณะไม่มีน้ำหนัก แรงโน้มถ่วงโลก สายลม ไม่มีผลกระทบต่ออทิสมานกาย
    ณฐมณฑ์:
    จริงค่ะ เป็นสภาวะไร้น้ำหนักค่ะ


    6. หลังจากนั้นก็สวดมนต์บทพุทธคุณเพื่อประคองจิตให้เบานิ่งๆไว้ แต่กลับได้ยินเสียงสวดมนต์ของตัวเองเหมือนเสียงพูด 1 , ได้ยินเสียงพระในกุฏิท่านคิดในใจเล็กน้อย 1
    ณฐมณฑ์:
    ค่ะ ขณะจิตถอดจากร่างเด็ดขาดนั้น หูทิพย์ชัดเจนกว่าตอนที่พี่ฝึกหูทิพย์ขณะที่กายทิพย์อาศัยอยู่ในกายเนื้อค่ะ


    7. อทิสมานกายคณะที่จิตออกจากร่างกาย ค่อนข้างรอบรู้ ( อันนี้หมายถึง จิตมีความเป็นทิพย์รอบรู้ทุกสิ่งอย่างรวดเร็ว รึเปล่าครับพี่ ณฐมณฑ์ )
    ณฐมณฑ์:
    ใช่ค่ะ ตอนเราอยู่ในกายเนื้อ จะใช้สมองจนชิน ใช้ความรอบรู้จากจิดน้อยกว่า
    และอาจเพราะจิตนั้นมีธรรมชาติเดิมรอบรู้ค่ะ
    จะรู้รอบทั้งเบื้องซ้าย เบื้องขวา เบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องหน้า และเบื้องหลัง
    คือรู้แบบรู้สึกค่ะ ไม่ผ่านกระบวนการคิด


    8. ในขณะถอดจิตออกจากกายได้แล้วนั้น ตาทิพย์(ทิพยจักขุญาณ)จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และแจ่มชัดกว่า ตาทิพย์ที่เกิดขึ้นในขณะจิตยังอยู่กายเนื้อ(หรืออาศัยกายเนื้ออยู่ ในที่นี้อาจหมายถึง จิตยังติดกายเนื้ออยู่ ยังตัดกันไม่ขาดดี ใช่รึเปล่าครับ?? ซึ่งที่กล่าวทั้งหมดนี้ จิตแยกจากกายได้ 100% )
    ณฐมณฑ์:
    ถูกแล้วค่ะ


    9. การถอดจิตแบบแยกจากกายโดยเด็ดขาด 100% ... ตอนนี้ก็ยังทำไม่ถึงระดับนั้น อาจจะนานๆ ที
    ณฐมณฑ์:
    จ้ะ


    10. ประสบการณ์นี้ คิดเทียบกับ อารมณ์ตอนตายที่จิตแยกกับกายโดยเด็ดขาด.. เป็นธรรมหมวดมรณานุสติ
    ณฐมณฑ์:
    ถูกต้องค่ะ


    11. ประสบการณ์นี้ สรุปได้ว่า การถอดจิตจึงเกี่ยวข้องกันโดยตรงกับการตัดขันธ์ 5(การตัดร่างกาย)
    ณฐมณฑ์:
    ใช่ค่ะ


    12. ส่วนคุณปาริสัชชาก็เคยถอดจิตทางหน้าผาก แต่คุณณฐมณฑ์ที่ไม่ได้ถอดจิตทางหน้าผาก .. แต่อารมณ์จิตนั้น ตรงกัน
    ณฐมณฑ์:
    ค่ะ เป็นการใช้กำลังของฌานสี่ถอดแบบอภิญญาทั้งคู่
    และพบว่าจิตไม่มีน้ำหนักเหมือนกัน คือเบาฟ่องๆ นึกถึงอะไรก็จิตเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว

    แต่ตอนนั้นพี่ปาริสัชชาเห็นกายทิพย์ตนใสเป็นประกาย ลักษณะมีศีรษะ แขน ขา
    ในขณะที่พี่เองตอนนั้นเห็นตนเองด้วยจิตรู้ของความเป็นทิพย์ว่า กายทิพย์ของพี่ที่กำลังถอดนั้นเป็นดวงกลมๆ ใส แพรวพราววิบวับอยู่บ้างค่ะ
    ตรงนี้ต่างกันจ้า


    โมทนาค่ะที่มาช่วยสรุป
    เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นค่ะน้องอ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2005
  4. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,810
    ค่าพลัง:
    +18,982
    ...รู้ขึ้นอีกเยอะเลย...

    ..แต่บางทีก็แสบตาเนอะ...เหอ เหอ
     
  5. โอมพุทโธกิเตศวร

    โอมพุทโธกิเตศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +198
    .................................................ยินดีครับ.....................................................

    ....................................เหลือเพียง ล้างอาสวะให้สิ้น ไม่หวนคืน....................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PDVD_161.jpg
      PDVD_161.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.9 KB
      เปิดดู:
      592
  6. Ayuraveda

    Ayuraveda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +475
    เรียนถาม คุณณฐมณฑ์ ไม่ทราบว่า ใช้เวลานานกี่ปีตั้งแต่เริ่มฝีกครับ ถึงทำได้ขนาดนี้
    มีอาจารย์ท่านใดชี้แนะครับ?
     
  7. premkamol ngamkiatkajorn

    premkamol ngamkiatkajorn สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +3
    อนุโมทนานะคะ หนูเพิ่งเรื่มฝึกสมาธิมาได้เดือนกว่า ยังไม่คืบหน้าไปไหนเท่าไร แต่เมื่ออ่านกระทู้ต่างๆ รวมทั้งของคุณพี่แล้ว ทำให้รู้สึกว่ายังไงก็ตามต้องพยายามไปนิพานในชาตินี้ให้ได้ และการฝึกมโนมยิทธิเปนสิ่งที่หนูควรจะฝึกอย่างยิ่ง หนูคิดนะคะ และหนูก็ตั้งใจว่าจะไปฝึกที่บ้านซอยสายลมวันเสาร์และอาทิตย์ต้นเดือนสิงหานี้ และต่อจากนั้นหนูจะขอคำแนะนำจากพี่นะคะ ขอบคุณค่ะ
     
  8. นางมาร purify

    นางมาร purify สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +10
    อนุโมทนา สาธุ สำหรับธรรมทานค่ะ พี่ณฐมณฑ์ จะคอยเป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ
     
  9. วิศวกรม

    วิศวกรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +537
    อยากทำได้จังครับ... ว่าง ๆ สอนกันหน่อยครับ
     
  10. โอมพุทโธกิเตศวร

    โอมพุทโธกิเตศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +198
    ..................................วิศวกรม จ๋ำอ้ายได๊ก่อ....ชมรม พ....ศ....มช.
     
  11. UFO99

    UFO99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2005
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +983
    อืมดีจัง คราวหลังถ้าไปวัดน๊ะคุณณฐมณฑ์ ลองนั่งในโบสท์เลยครับ ในนั้นสงบดี
    และถ้าอยากทำได้อีกวิธี ผมอยากให้คุณ ณฐมณฑ์ ทำขัน 5 ก็จะมี ดอกไม้สีขาว 1 ดอก เทียน 1 เล่ม ธูป 3 ดอกมัดรวมกัน 5 อัน ใส่จานแล้ว ก็กล่าวคำบูชา อาราธนากรรมฐาน แล้วครูบาอาจารย์จะประคับประคองไปได้
    คำบูชาอาราธนากรรมฐาน
    อุกาสะ วันทามิภันเต ภะคะวาสัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเมภันเต ปุญญัง สามินาอะนุโมทิตัพพัง สามินากะตัง ปุญญังมัยหัง ทาตัพพัง สาธุ สาธุ อะนุโมทามิ วันทามิภันเต (กราบ 1 ครั้ง)
    ภะคะวาสัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเมภันเต อุกาสะทะวา รัตตะเยนะกะตัง ภะคะวาสัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเมภันเต อุกาสะขะมามิภันเต (หมอบกราบลงว่า - อุกาสะขะมามิภันเต ข้าพเจ้าขอกราบ ขอขมาลาโทษ ต่อองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกิน ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ขอพระองค์จงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า จนกราบเท้าเข้าสู่พระนิพพาน นะปัจจะโย โหนตุ)
    อุกาสะ วันทามิภันเต ครูสัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเมภันเต ปุญญัง สามินาอะนุโมทิตัพพัง สามินากะตัง ปุญญังมัยหัง ทาตัพพัง สาธุ สาธุ อะนุโมทามิ วันทามิภันเต
    (กราบ 1 ครั้ง)
    ครูสัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเมภันเต อุกาสะทะวา รัตตะเยนะกะตัง ครูสัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเมภันเต อุกาสะขะมามิภันเต (หมอบกราบลงว่า - อุกาสะขะมามิภันเต ข้าพเจ้าขอกราบ ขอขมาลาโทษ ต่อคุณครู อุปัชฌาย์ อาจารย์ ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกิน ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ขอครูบาอาจารย์จงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า จนกราบเท้าเข้าสู่พระนิพพาน นะปัจจะโย โหนตุ)
    ผะริตะวานะเมตตัง สะเมตตา ภะทันตา อะวิกขิตตะจิตตา ปะริตตัง ภะณันตุ สัคเค กาเม จะรูเป คิริสิขะระตะเฎ จันตะลิกเข วิมาเน ทีเปรัฎเฐ จะคาเม ตะรุวะนะคะหะเน เคหะวัตถุมหิ เขตเต ภูมมาจายันตุ เทวาชะละ ถะละวิสะเม ยักขะคันธัพพะนาคา ติฎฐันตา สันติเกยัง มุนิวะระวะจะนัง สาธะโวเม สุณันตุ ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา (ซ้ำ 3 ครั้ง)
    (ตั้งนะโม 3 จบ ) อุกาสะ อาชะโยโนเมภันเต อาชะคา ยะถาพาเล ยะถามูลเห ยะถาอะกุสะเล เยมะยัง อัคขระมะหะ เอวังภันเตอายะติง สังวิริยามิ (กราบ 1 ครั้ง)
    อุกาสะข้าพเจ้าขอปฏิปฏิบูชา ตามคำสั่งสอน ของ องค์พระสัพพัญญูโคดม พระธรรมเจ้า อันสุขุม ละเอียด ละออ ขอพระองค์ลงมาบังเกิด อยู่ในจักษุทวาร อยู่ในมโนทวาร อยู่ในกายทวาร อยู่ในแห่งตัวข้าพเจ้า บัดเดี๋ยวนี้เถิด นิพพานัง ปะระมังสุขัง (กราบ 1 ครั้ง)
    อุกาสะ อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริสัชฉามิ ทุติยัมปิ อุกาสะ อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริสัชฉามิ ตะติยัมปิ อุกาสะ อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริสัชฉามิ (กราบ 3 ครั้ง)
    คำแผ่เมตตา
    - สัพเพสัตตา ศัทธาสาธุ สุขะชีวิโน ขอให้สัพพสัตว์ทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย สัตว์ที่มีความทุกข์ ขอให้พ้นจากทุกข์ ที่มีความสุข ขอให้สุขยิ่งๆขึ้นไป ขอให้ผู้ประกอบทาน ผู้บริจาคทาน บิดามารดา ครู อุปัชฌาอาจารย์ เจ้ากรรมนายเวร สัพพะสัตว์ทั้งหลาย ภูตผีปีศาจทั้งหลาย เทวดาอารักษ์ทั้งหลาย ที่ได้สิงสถิตอยู่ในสถานที่นี้ จงได้รับส่วนบุญ ส่วนกุศลนี้ เมื่อรับแล้ว จงอนุโมทนา ด้วยเถิด
    วันทาพระ
    วันทามิภันเต สัพพังอะปะราธัง ขะมะถะเมภันเต มะยากะตังปุญญังสามินา อะนุโมทิตัพพัง สามินากะตัง ปุญญังมัยหัง ทาตัพพัง สาธุ สาธุ อะนุโมทามิ วันทามิภันเต (กราบ)

    *** สำหรับคนที่กลัวว่าจะถอดจิตแล้ว จะกลับมาไม่ได้ ก็ให้ จุดธูป 1 ดอก แล้วชูขึ้นเหนือหัว แล้ววนเสมาทางขวามาซ้าย 3 ครั้ง พร้อมกับท่อง เสมา อะระหัง อะ เสมายัง เอหิ เสมายัง
    ***ต้องสะสมกำลังสมาธิไว้ให้มากก่อน ถ้าถึงเวลาแล้ว ท่านจะให้เห็นเอง อันนี้เป็นของอาจารย์ของผม พักหลังนี้ผมไม่ได้ทำขันครู ลำพังตัวผมเองทำไม่ได้ ต้องขึ้นขันครูแล้วครูบาอาจย์จะนำพาไปเองครับ
    นอกจากนี้ยังมี คำภาวนา อีกเดี๋ยวไว้วันหลังครับ วันนี้มีให้ ก็ พระพุทธกาปิติ ครับ
     
  12. ปาริสัชชา

    ปาริสัชชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +2,691
    โมทนาครับ คุณณฐมณฑ์

    ธรรมะและผลของการปฎิบัติธรรมนั้น จะฟังอีกกี่ครั้งก็รู้สึกทำให้เกิดกำลังใจหนักแน่นและสงบเย็นขึ้นเสมอๆเลยนะครับ :)
     
  13. pitsinee

    pitsinee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +36
    เข้ามารับกระแสแห่งบุญด้วยคะ
     
  14. UFO99

    UFO99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2005
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +983
    ขออภัย ขอแก้นิดนึงไม่งั้นจะเข้าใจผิดกัน
    ของประกอบพานไหว้ครู
    ธูป 3 ดอก เทียน 1 เล่ม ดอกไม้ขาว (ชนิดใดก็ได้) 1 ดอก มัดรวมกันทั้งสามสิ่ง ใช้ใบตองพันทับกลัดด้ายไม้กลัดเสียบไว้ ทำทั้งหมด 5 ชุด
    นำวางไว้บนภาชนะที่เป็นจานหรือถาด ปักเทียนด้านซ้ายและด้านขวาด้านละ 1 เล่ม
    วิธีไหว้ครู
    จุดธูป 5 ดอก เทียนบูชาพระ
    จุดเทียนบนพานครูทั้ง 2 เล่ม
    ยกพานครูขึ้นเหนือศรีษะ กล่าวคำอาราธนาพระกรรมฐาน
    เมื่ออาราธนาจบ ก่อนนั่งสมาธิยกมือพนมขึ้นเหนือศรีษะ
    หน้าผาก ตา จมูก คอ หน้าอก ตามลำดับ
    เมื่อการนั่งสมาธิจบลงให้แผ่เมตตา แล้ววันทาพระ

    ขออภัยที่ต้องแก้ไม่งั้นแย่แน่ผมเนี่ย
     
  15. พลังแห่งเมตตา

    พลังแห่งเมตตา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +52
    ยิ้ม............ดีคับ
     
  16. kiatkiat

    kiatkiat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    665
    ค่าพลัง:
    +825
    อนุโมทนา กับ พี่ณฐมน พี่ ปาริสัชชา น้องอ้น และมุกๆม่านที่นี่ด้วยครับ
    ขอให้ก้าวหน้าไวไวนะครับ
     
  17. ณฐมณฑ์

    ณฐมณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2004
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +1,868
    ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาโมทนา และมาร่วมให้ธรรมทานนะคะ
     
  18. ณฐมณฑ์

    ณฐมณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2004
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +1,868
    คุณวิศวกรมเลือกฝึกกรรมฐานกองใดก็ได้ที่เข้าถึงฌานสี่ได้จนชำนาญก่อนนะคะ
    เมื่อท่านใดก็ตามเข้าฌานสี่ละเอียดแล้วทรงฌานสี่ละเอียดได้นาน
    ก็จะมีโอกาสถอดจิตแบบอภิญญาใหญ่ได้ค่ะ

    แต่ทุกวันนี้ ดิฉันเองก็ยังรู้สึกว่าการถอดจิตแบบร้อยเปอร์เซ็นต์นั้นเป็นเรื่องยากอยู่
    ในสายตาดิฉัน การฝึกทิพจักขุญาณจากกสิณ และทิพจักขุญาณจากมโนมยิทธิแบบนะมะพะธะนั้นง่ายกว่าการถอดจิตแบบอภิญญาใหญ่ค่ะ

    สรุปว่าเริ่มขั้นต้นจากสมถกรรมฐานก่อนค่ะ
    แล้วฝึกฝนให้เกิดความชำนาญในฌานสี่อย่างที่สุด
    (ควรฝึกควบคู่กับวิปัสสนากรรมฐานนะคะ เพราะจะช่วยให้พื้นใจสงบรำงับได้เร็วด้วย)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กรกฎาคม 2005
  19. ณฐมณฑ์

    ณฐมณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2004
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +1,868
    โมทนาค่ะ ขอให้มีกำลังใจฝึกจิตปฏิบัติธรรมเพราะเป็นการทำดีแก่ตนเองโดยตรง
    พี่เป็นกำลังใจให้ค่ะ
     
  20. ณฐมณฑ์

    ณฐมณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2004
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +1,868
    ขอเรียนคุณอายุรเวทว่า...
    ก่อนหน้านี้ดิฉันไม่ค่อยกล้าเล่าประวัติเท่าไร เพราะดูจะเหมือนว่าเกินจริงไป
    แต่เพื่อเป็นกำลังใจแด่ท่านที่สนใจ ก็จะตอบคำถามนี้ค่ะ
    ซึ่งรับรองว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริงทุกตัวอักษรค่ะ

    ดิฉันเริ่มฝึกอานาปานสติเป็นกองแรกเมื่อช่วงอายุสิบกว่าปีค่ะ
    เพราะเป็นกรรมฐานที่คนทั่วไปนิยม ดิฉันจึงรู้จักอานาปานสติก่อนกสิณ
    ส่วนใหญ่ตอนนั้นจะฝึกก่อนนอนเพราะทำกรรมฐานแล้วช่วยให้หลับลึกขึ้นด้วยค่ะ

    และดิฉันก็ได้ฌานสี่และญาณจากอานาปานสติก่อน
    (เอ...ถ้าจะนับการฝึกครั้งแรกสุดจริงๆ ครั้งเดียวนั้น
    เป็นการกสิณแสงสว่างโดยบังเอิญค่ะ
    และข้ามไปถึงอรูปฌานโดยที่ยังไม่รู้จักว่าเรียกว่าอะไร
    ครั้งนั้น ดิฉันอธิษฐานต่อพระพุทะองค์ก่อนทำสมาธิว่า...
    "หากตนมีวาสนาทางนี้
    ขอให้เกิดปรากฏการณ์ที่ให้แน่ใจว่าดิฉันจะฝึกต่อไปได้ถึงสมาธิระดับสูง")

    หลังจากครั้งแรกที่คล้ายว่าบังเอิญฝึกกสิณแสงสว่าง
    ต่อมาก็ฝึกอานาปานสติมาเรื่อยๆ
    ฝึกแรกๆ ก็ไม่มีครูโดยตรงค่ะ รู้แต่ว่าฝึกทำใจในสมาธิให้เป็นหนึ่ง
    ต่อมาก็ฝึกยุบหนอ-พองหนอจากพระวิปัสสนารูปหนึ่ง

    ต่อมาฝึกกสิณแสงสว่าง
    โดยกสิณแสงสว่างฝึก 3 วันก็สำเร็จ
    เพราะมีทุนมาจากการฝึกฌานของอานาปานสติแล้ว
    และต่อมาก็กสิณกองอื่นๆ จนครบทั้งสิบกอง
    โดยตั้งใจว่าจะฝึกกสิณเพื่อเป็นฐานในการฝึกอรูปฌานด้วยค่ะ

    ครูเกือบทั้งหมดคือตำราของหลวงพ่อฤาษีฯ ค่ะ
    เนื่องจากอ่านแล้วฝึกด้วยตนเองตามตำราหลวงพ่อ
    ซึ่งคำสอนของหลวงพ่อเข้าใจได้ง่าย และสอนครบถ้วนแล้วค่ะ

    ครูนอกจากนี้คือพระสงฆ์บางรูป
    มีนิมิตรเกี่ยวกับอดีตชาติมาสอนเทคนิคกรรมฐานบ้าง
    ครูบาอาจารย์มาโปรด มาสอนในนิมิตรบ้าง
    ได้ความรู้จากการแลกเปลี่ยนความรู้กับกัลยาณมิตร หรือถามผู้รู้บ้าง
    จากการค้นคว้าจากตำราอื่นๆ บ้าง
    และจากประสบการณ์กรรมฐานที่ฝึกไปแล้วค้นพบบางเทคนิคโดยธรรมชาติ แล้วนำเทคนิคที่พบมาสอนตนเองค่ะ

    จึงขอเรียนทุกท่านที่มีตำราของหลวงพ่อฤาษีฯ นะคะว่า...
    ท่านกำลังมีครูดีอยู่ใกล้ๆ ตัวแล้วนะคะ
    ขอให้พยายามอย่างต่อเนื่อง ช่วยเหลือตนเองมากๆ และขอให้มีอิทธิบาทสี่ค่ะ
    เมื่อทำเหตุให้เกิดขึ้น ผลย่อมตามมาเป็นธรรมดา

    ขอให้เจริญในธรรมกันถ้วนหน้านะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2005

แชร์หน้านี้

Loading...