ระหว่างทรงพรหมวิหาร๔กับจับนิมิตอสุภะ อย่างไรทำให้พิจารณาไตรลักษณ์ง่ายกว่า

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 21 มีนาคม 2016.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ตามความเข้าใจของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าถนัดทรงอารมณ์พรหมวิหารเพราะเคยเจริญและทรงไว้ แต่ไม่เคยกำหนดภาพอสุภะเพราะทำไม่เป็น

    จะตัดสังโยชน์ พิจารณาลงไตรลักษณ์ รบกวนท่านสมาชิกชี้แนะ กราบขอบพระคุณ
     
  2. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ข้าพเจ้ามีช้อยเพิ่มแล้ว ข่มราคะโดยไม่ไปสนใจมัน ไปสนใจปิติที่เป็นสัมมาสมาธิแทน ผิดถูกประการใดรบกวนชี้แนะ
     
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    สั้นๆ

    เข้าสมาธิ จิตเป็นสมาธิ จิตเป็นผู้รู้แล้ว กำหนดนิมิตอสุภะขึ้นมา แล้วพิจารณาวิปัสนา ครับ
     
  4. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    960
    ค่าพลัง:
    +711
    มันเป็นยังไงเหรอครับ ที่ว่า
    ทรงอารมณ์พรหมวิหาร
     
  5. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    มันเป็นปัจจัตตังค่ะ ดิฉันถือศีล๕ ไม่โกหกหรอกค่ะ
     
  6. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    960
    ค่าพลัง:
    +711
    พรหม วิหาร
    ถ้าเป็นนะ

    ดูในหลวงเราเป็นตัวอย่างครับ
    แล้วสำรวจดู


    ไม่ใช่นั่งนิ่งๆ หลับตาตัวแข็งๆ แล้วเป็นพรหมวิหารนะครับ

    อันนั้นคนละเรื่อง
     
  7. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +494
    กรรมฐาน40กองก็มีนึกถึงพรหมวิหาร
     
  8. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,101
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    พระพุทธองค์ทรงสอน เรื่อง เหตุเกิด-ผลเกิด เหตุดับ-ผลดับ หรือธรรมทั้งหลายมีมาแต่เหตุ ฯลฯ


    เป็นธรรมดาของคนเรา ที่ยังมีร่างกายที่ทำงานด้วยระบบต่างๆ โดยเฉพาะวัยที่ยังได้รับผลกระตุ้นจากฮอร์โมน เราเกิดในกามภพ กามภูมิ ยังไม่ใช่พระอนาคามีผลหรือพระอรหันต์ที่ตัดเรื่องนี้ได้หมด เราก็สามารถุควบคุมเรื่องเหล่านี้ได้ โดยควบคุมหรือลดเหตุของการเกิดราคะจัดหรือการจมหมกหมุ่นกับเรือ่งนี้ได้


    เหตุและปัจจัย ของสิ่งกระตุ้น เอาแบบง่ายๆในสภาพแวดล้อมปัจจุบันเช่น สื่อทางอินเตอร์เนต ออนไลน์ที่ใกล้ชิดเรา ไม่ว่าโทรศัพท์ คอมฯในที่ทำงาน ก็จัดการบล๊อคสิ่งยั่วยุล่อแหลม

    การคบสมาคมกับบุคคลที่ไม่ได้มี กาย วาจา ใจ หมกมุ่นในเรื่องเพศมากไป จะดีมาก
    ศึกษาจากพวกเค้า ที่ไม่ได้เข้ามาทางศาสนามาก แต่มีวิธีควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้
    ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังสม่ำเสมอ เพื่อขจัดพลังงานส่วนเกิน , การหาความสุขจากการ
    บำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ , การทำงานอดิเรกต่างๆ ฯลฯ



    พอเราจัดการสภาพแวดล้อมภายนอกเหล่านี้ได้พอสมควร แรงกระตุ้นภายนอกลดลง

    เราก็มีโอกาสมากขึ้น ในการควบคุมเหตุ-ปัจจัยภายใน

    จิตใจเป็นเรื่ืองละเอียดอ่อน

    หากเราเกรงกลัว เกลียดชัง ผลักต้าน สิ่งใด เราเหมือนยิ่งให้ความสำคัญกับสิ่งนั้น
    พอกำลังสติในการควบคมความคิด สำนึกรู้หยาบๆจากสมอง อ่อนตัวลง ไม่ว่าจะเกิดจาก
    ความอ่อนเพลียทางกายเนื่องจากการทำงาน หรือโรคภัุย พลังของความคิดหมกมุ่นในสิ่งนั้น ก็จะโผล่ออกมาได้เหมือนน้ำที่แตกจากเขื่อน เพราะมันฝังอยู่ในจิตใต้สำนึก ด้วยความเกรงกลัว ความชิงชังที่เรามอบพลังให้มัน


    คุณนวลปราง เป็นคนมีพลังความคิดมาก ให้จัดระเบียบความคิด ด้วยการเห็นเป็นเรื่องธรรมดา และ ทราบว่า มันเป็นแค่กลไกธรรมชาติที่กระตุ้นให้สรรพสัตว์สืบสายพันธุ์ ก็เท่านั้นเอง


    แต่คนเรา และสรรพชีวิต ติดมันมาก เพราะ ไม่ทราบตัวต้นเหตุ และเหตุในเหตุจริงๆ



    ------------------------------------


    มหาสติปัฏฐานสี่ ช่วยได้


    เคยแนะนำ ให้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

    นอกจากจะช่วยขจัดพลังส่วนเกิน

    มีความสุขจากภายใน ด้วยความเพลินในกีฬาแล้ว

    หลังจากออกกำลังกาย เราจะรู้สึกว่า พอผ่อนคลายร่างกาย
    ไม่ว่าจะนอน นั่ง หรืออิริยาบถใด ใจเราจะค่อนข้างจะอยู่แต่ในกาย ไม่ค่อยไปไหนไกล


    ตอนนี้ ลองเอาสติสัมปชัญญะ มาไล่ดูอวัยวะหยาบๆ ที่ละส่วน
    ตั้งแต่ ผม หู ตา จมูก ปาก หนังร่างกาย ฯลฯ
    ทีละส่วน

    จะรู้สึกว่า จิตยิ่งสงบมากขึ้น


    แล้วจะเริ่มเห็นง่ายๆแล้วว่า ที่ว่าร่างกายเรานี้ ก็แค่อวัยวะหลายชิ้นมาต่อกันรวมกัน


    พอแยกออก แล้วเราอยู่ตรงไหน





    ( แค่นี้ก่อน ............แล้วจะมาต่อภายหลังนะครับ )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 มีนาคม 2016
  9. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,101
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    จากชื่อกระทู้ พออ่าน ก็ทราบว่า ยังจับประเด็น ขั้นตอนการวางจิตยังไม่ถูก


    ธรรมทั้งสองหมวด ที่คุณจะเลือกเอาอันใดอันหนึ่งนั้น สามารถเกื้อกูลกันได้


    ใจเรา ถ้าไม่ทรงพรหมวิหารแล้ว มันจะไม่นิ่งพอ ไม่ใสพอ ที่จะมองเห็นความจริง
    เสมือนเลนส์ตาที่มีรอยขีดข่วน ฝ้ามัว


    ส่วนการเพ่ง การนึกในอสุภกรรมฐาน ก็เป็นอุปกรณ์ธรรมหมวดหนึ่ง ที่ตอกย้ำความไม่เทียงของกายสังขาร ในด้านความดับลงของกาย การรวมเป็นกลุ่มก้อนของกาย


    ---------------------------------

    ในชีวิตประจำวัน หรือ ยามว่าง พอจิตใจเราสงบ เย็น นิ่งได้ในความเคลื่อนไหวของสังคมภายนอก เพราะ


    ... การเป็นคนที่ปกติมีพรหมวิหาร นั้นดียิ่ง เป็นพื้นฐานให้เกิดปัญญาได้
    เมื่อนำความสงบ ที่ได้จากการทรงพรหมวิหาร ไปใช้

    ไม่ว่าจะ กำหนดชีพจรที่เต้นตุ้บๆๆๆ ทั่วร่างกาย ก็ทำให้เกิดไตรลักษณ์ญาณได้
    ( ไม่อธิบายมาก ให้เป็นสัญญา ความจำ ต้องทำจนเห็นผลเอง )


    การเปลี่ยนไป ไม่คงที่ ของอิริยาบถยืน เดิน นั่ง นอน ของเราเอง

    การเปลี่ยนไป ไม่คงที่ ของอารมณ์ชอบ ไม่ชอบ เฉยๆ ของเราเอง


    การเปลี่ยนเรื่องทีจะคิด ของตัวเราเอง


    และ พิจารณาเห็น ละเอียดไปเรื่อยๆ ในสิ่งละเอียดอ่อนยิ่งขึ้นไป


    เป็นความเพลินในการปฏิบัติธรรม ในชีวิตประจำวัน ที่อาศัยพรหมวิหารเป็นพื้นฐาน นั่นเอง

    ------------------


    เบื้องต้น แค่นี้ก่อนนะครับ
     
  10. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,101
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    ให้มีสติ-สัมปชัญญะ หยั่งลงในปัจจุบันขณะมากๆ/ ไม่ใช้"ความอยาก"นำหน้า

    พระพุทธองค์ทรงยืนยันในมหาสติปัฏฐานสูตรแล้วว่า เป็นธรรมอันเอกที่จะนำสรรพสัตว์ออกจากกองทุกข์

    เป็นเสมือนรอยเท้าช้าง ที่ครอบรอยเท้าสัตว์อื่นๆไว้ได้หมด ( ห้ามแย้งว่าเล็กกว่าเท้าไดโนเสาร์นะ )


    เมื่อคุณฝึกให้มีสติ-สัมปชัญญะ ในปัจจุบันขณะ
    ในกาย ในใจ

    ในการเคลื่อนไหว ในความคิด ความนึก ความชอบ ความชัง ความเฉย ฯลฯ
    มากๆ บ่อยๆ เนื่องๆ ให้ต่้อเนื่องในชีวิตประจำวันได้



    คุณจะฝึกกรรมฐาน40 กองไหน ก็จะไปได้ทั้งนั้น แล้วคุณจะทราบว่า
    อะไรเหมาะกับตัวคุณ กับกิเลสกองไหน ทีจะใช้เป็นคู่ปรับกัน

    แม้แต่จะไม่ใช้ธรรมคู่ปรับ เพียงแต่กำหนดสติ-สัมปชัญญะ ลงไปในจิตใจขณะนั้น พอจิตใจเกิดปัญญา ธรรมฝ่ายกุศลก็จะเดินไปตามครรลองของเค้า
    โดยเราไม่ต้องคิด เจตนาเลือกว่า "อยาก"จะใช้อะไร เพื่ออะไร เสียด้วยซ้ำ
     
  11. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    เรื่องพิจารณา อสุภะ ให้ยกเอาส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายมาพิจารณา เช่น ขน ผม เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ กระดูก หรือจะยกเอามาพิจารณาทั้งตัวเลยก็ได้ แต่จะทำให้เห็นได้ยาก การพิจารณาเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งนั้นจะเห็นง่ายกว่ามาก พิจารณาให้เป็นปฎิกูลสัญญาว่าไม่สวยไม่งาม น่าเกลียดน่าชัง เป็นของ
    สกปรก น่ารังเกียจ ให้พิจารณาอย่างสม่ำเสมอ.
     
  12. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    ความจริงแล้วเรื่องพิจารณา อสุภะ คนมีปัญญาไม่ต้องทำกรรมฐานก็พิจารณาได้ ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเห็น อยู่ที่เราอยากจะเห็นหรือป่าวเท่านั้นเอง ตื่นเช้ามาอย่าอาบน้ำ อย่าล้างหน้า อย่าพึ่งแปลงฟัน ไปส่องกระจกเลย แล้วยิ้มให้กระจก ขี้ตาบ้าง ขี้ฟันบ้าง น้ำลายบูดบ้าง มันน่ารัก น่าชังตรงไหน พิจารณาเอา ร่างกายเรานะมันแสดงความไม่เที่ยงอยุ่แล้ว ให้ไปลองพิจารณาดู.
     
  13. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    การจะทำอะไรให้ได้ในระยะยาวต้องรู้สึกเหมือนสิ่งที่ทำนั้นเหมือนเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของเรา ถ้าทำเพื่อหลุดพ้น แล้วทำไม่สำเร็จก็จะเกิดความสงสัยว่าทำถูกไหม แล้วก็หมดกำลังใจเลิกทำไปในที่สุด ดังนั้นอย่าผูกมัดกับผลลัพธ์มากเกินไป การเจริญเมตตาก็ต้องคอยดูว่าเรามีเมตตากับคนอื่นมากขึ้นไหม ปฏิบัติกับคนอื่นเหมือนกับที่เราอยากให้คนอื่นปฏิบัติกับเราไหม
     
  14. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ 1. อันไหน ทำแล้วหลุดง่ายกว่า อันนั้นแหละจะรู้จัก "อนิจจัง" เร็วกว่า (เกิด-ดับ เร็วดี)

    +++ 2. อันไหน ทำเท่าไรก็ไม่ได้ อันนั้นแหละจะรู้จัก "ทุกขัง" ชัดกว่า (จะตั้งอยู่ ก็ตั้งไม่ติด)

    +++ 3. อันไหน ทำไม่ได้แล้วเซ็งเลิกไปเลย อันนั้นแหละ "อนัตตา" เลิกแล้วต่อกัน (ดับความอยากไปเลย)

    +++ ทั้ง 3 ข้อนี้ "เป็นจริงทุกเม็ด" ให้สังเกตุดูกันดี ๆ ก็แล้วกันนะ

    +++ การที่จู่ ๆ จะโดดไปเล่นกับ ไตรลักษณ์ โดยที่ไม่มีพื้นฐานอะไรเลย ก็มักจะจบลงตาม 3 ข้อข้างบนนี้เสมอ นะครับ
     
  15. ชมทรัพย์

    ชมทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    552
    ค่าพลัง:
    +248
    ท่านพระสารีบุตร ได้ฟังเทศน์ณ ถ้ำสุกรขาตา พระพุทธเจ้าตรัสเรื่องเวทนา กับท่านทีฆนขะ ก็พ้นไปได้เหมือนกัน
    เราฟังแล้วก็น่าสนใจอยู่เหมือนกัน
     
  16. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,101
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
  17. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    สติทุกขณะจิตคือการฝึกสมาธินอกวิธีการไม่เลือกกาลไม่เลือกเวลา. ลพ.พุธ

    มีสติสัมปชัญญะในทุกอย่างที่ทำคือการฝึกสมาธิ ลพ.พุธ
     
  18. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    ทั้งสองเป็นสมถะ ไม่ได้มุ่งรู้นามรูปโดยตรง

    อันที่จริงพรหมวิหาร มุ่ง​ดับโทสะ อสุภะมุ่งคลายความสำคัญว่างามในสิ่งไม่งาม

    เมื่อสมาธิตั้งมั่น​ สามารถพิจารณาองค์ฌาน เพื่อละองค์ธรรม

    โดยใส่ใจในลักษณะของนามธรรมนั้นๆโดยความไม่เที่ยง เป็นของถูกกำหนดรู้ ไม่ใช่​สัตว์​บังคับไม่ได้

    ส่วนมากไม่ค่อยพิจารณากัน มุ่ง​ทำอย่างอื่นส่วนใหญ่​
     
  19. อินทรี

    อินทรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +562
    - ควรใช้ กายคตานุสสติกรรมฐาน กับ อสุภกรรมฐานพร้อมกับสักกายทิฏฐิมาบวกกันเข้า พิจารณาร่างกายนี่เป็นเพียงธาตุทั้ง4 มีสภาพสกปรก มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เป็นที่อาศัยชั่วคราว เป็นปัจจัยของความทุกข์ทั้งหลาย หาสุขอะไรไม่ได้เลย

    - อารมณ์สมาธิ อารมณ์คิดก้ตาม ต้องอยู่ในขอบเขตของวงกรรมฐาน อย่าทำในเฉพาะเวลาที่อารมณ์สงัด เพราะจะเกิดผลล่าช้า ทำให้ไม่ถึงมรรคผล พยายามทำสมาธิให้ได้ทั้งวัน ถ้าจิตเรามีการงานอื่นก็ทำไปเถอะ จิตว่างจากงานเมื่อไร ก้จับอารมณ์ของกรรมฐาน ทั้งสมถะแลวิปัสสนาจะมีผลกับกับท่านโดยเร็วและเกินคาด จะได้เห็นที่สุดของสมาธิและที่สุดของกรรมฐานว่าเป็นยังไง

    -พรหมวิหารธรรม เป็นเครื่องมือที่เสริมพลัง ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นสิ่งที่นักปฏิบัติทุกคนควรมี ใครมีคนนั้นปฏิบัติได้เร็วกว่าเพื่อน
     
  20. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    ..คุณนวลปรางค์คงจะรับไม่ได้กับอสุภะกรรมฐานที่จะต้องกำหนดจิตให้พิจารณาเห็นร่างกายเป็นของน่าเกลียดน่ากลัวน่าขยะแขยง,คงจะแรงไปสำหรับจิตใจของตนเองที่จะรับได้..


    ถ้ารับไม่ได้ก็ทำให้เป็นกลางๆ พอดีกับจิตใจ,ให้เป็นที่สบาย
     

แชร์หน้านี้

Loading...