ก่อนจะเป็นพระโสดาบัน ต้องรู้จัก โคตรภูญาณก่อน?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ผู้มีสติ1, 24 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. เงาเทวดา

    เงาเทวดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +314
    อกุศลเจตสิก ๑๔ (ตัวประกอบจิตฝ่ายอกุศล )
    สรรพอกุศลสาธารณเจตสิก ๑๔ (ตัวประกอบจิตที่เกิดทั่วไปกับอกุศลจิตทุกดวง)

    ๑. โมหะ (ความหลง)
    ๒. อหิริกะ (ความไม่ละอายต่อบาป )
    ๓. อโนตตัปปะ (ความไม่เกรงกลัวต่อบาป)
    ๔. อุทธัจจะ (ความคิดฟุ้งซ่าน)
    ๕. โลภะ (ความอยากได้ในอารมณ์ )
    ๖. ทิฏฐิ (ความเห็นผิด )
    ๗. มานะ (ความถือตัว )
    ๘. โทสะ (ความคิดประทุษร้าย )
    ๙. อิสสา (ความริษยา)
    ๑๐. มัจฉริยะ (ความตระหนี่ )
    ๑๑. กุกกุจจะ (ความเดือดร้อนใจ)
    ๑๒. ถีนะ (ความหดหู่ )
    ๑๓. มิทธะ (ความง่วงเหงา )
    ๑๔. วิจิกิจฉา (ความคลางแคลงสงสัย)
    ......................................................
    จิตเช่นนี้ หรือจะมี ดั่งเช่นนั้น
    จิตเช่นนั้น ก็ไม่มี ดั่งเช่นนี้
    เมื่อเฝ้ามอง ตรองดู ย่อมรู้ดี
    ทุกเรื่องมี ดั่งเช่นนี้ เช่นนั้นเอย
    …............................................................
    โสภณเจตสิก (ตัวประกอบจิตฝ่ายดีงาม )
    โสภณสาธารณเจตสิก ๑๙ (ตัวประกอบจิตที่เกิดทั่วไปกับจิตดีงามทุกดวง)
    ๑. สัทธา (ความเชื่อ )
    ๒. สติ (ความระลึกได้ ความสำนึกพร้อมอยู่ )
    ๓. หิริ (ความละอายต่อบาป )
    ๔. โอตตัปปะ (ความเกรงกลัวต่อบาป )
    ๕. อโลภะ (ความไม่อยากได้ในอารมณ์ )
    ๖. อโทสะ (ความไม่โกรธ ไม่ผูกโกรธ )
    ๗. ตัตรมัชฌัตตตา (ความเป็นกลางในอารมณ์นั้นๆ )
    ๘. กายปัสสัทธิ (ความสงบแห่งตัวประกอบจิต)
    ๙. จิตตปัสสัทธิ (ความสงบแห่งจิต )
    ๑๐. กายลหุตา (ความเบาแห่งตัวประกอบจิต)
    ๑๑. จิตตลหุตา (ความเบาแห่งจิต )
    ๑๒. กายมุทุตา (ความอ่อนหรือนุ่มนวลแห่งตัวประกอบจิต )
    ๑๓. จิตตมุทุตา (ความอ่อนหรือนุ่มนวลแห่งจิต )
    ๑๔. กายกัมมัญญตา (ความควรแก่การงานแห่งตัวประกอบจิต)
    ๑๕. จิตตกัมมัญญตา (ความควรแก่การงานแห่งจิต )
    ๑๖. กายปาคุญญตา (ความคล่องแคล่วแห่งตัวประกอบจิต)
    ๑๗. จิตตปาคุญญตา (ความคล่องแคล่วแห่งจิต)
    ๑๘. กายุชุกตา (ความซื่อตรงแห่งตัวประกอบจิต)
    ๑๙. จิตตุชุกตา (ความซื่อตรงแห่งจิต)

    ถ้าไม่ชอบจัดการกิเลส 16 ก็จัดการจิตฝ่ายอกุศลแทน แล้วจิตฝั่งกุศลจะเกิดมารองรับในใจเอง แปลว่า จะได้โคตรภูญาณเหมือนกัน แล้วธรรมอื่นๆ ก็ดำเนินไปตามแนวที่กล่าวไว้แล้ว นั้นแล..
     
  2. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014





    ปุถุชน มี 2 อย่างครับ
    คือ ผู้ที่นับถือศีลห้า กับ ผู้ที่ไม่นับถือศีลห้า

    ผู้นับถือศีลห้า จะไม่ต่างจาก พระโสดาบัน เลย
    คือ อารมณ์คล้ายกันมาก คือ
    การอยากรักษาศีลห้าเป็นอารมณ์
    แต่จะแตกต่างกันเรื่องเดียวค่ือ
    พระโสดาบัน จะมีความตั้งใจแน่วแน่
    ที่จะไปนิพพาน บรรลุเป็นพระอรหันต์
    จึงทรงนิพพานเป็นอารมณ์ หรือ
    ทรงความตายเป็นอารมณ์
    เนื่องจากตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า
    หากจะตาย ก็พร้อมจะตาย ไม่พิรี้พิไรอีก

    เมื่อตัดความอาลัย หรือ ความอยาก
    ออกจากจิตได้ ประมาน 1 ใน 4 ส่วน
    หรือ 25 เปอร์เซนต์
    ความทุกข์ก็ลดลง 25 เปอร์เซนต์เช่นกัน
    อาการฝืนที่จะดิ้นรน
    เพื่อทำโน่นทำนี่ก็จะน้อยลง
    จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกรรมมากกว่า
    ที่จะลงไปกำหนดเสียเอง
    เมื่อยอมรับสภาพของกรรมกำหนดได้
    ก็ปรุงแต่งน้อยลง จิตก็จะหยุดอยู่ที่ตรงกลาง
    ระหว่าง ความอยาก และ ความไม่อยาก
    เส้นแบ่งจิตตรงนี้แหละ ที่เรียกว่า ทางสายกลาง

    ซึิ่ง ทางสายกลางนั้น จะสอนผิดกันมาก
    เลยทำให้ไม่บรรลุซักที
    ทางสายกลาง ที่แท้จริง ก็คือ
    จิตที่เป็นกลาง ไม่เอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง

    มิใช่ ที่บอกสอนกันว่า
    ทางสายกลางคือการปฏิบัติที่มากไป หรือ น้อยไป
     
  3. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014





    โคตรภู คือ ปุถุชนที่นับศีลห้าดีแล้ว
    พร้อมแล้ว เต็มแล้ว คือ รู้สึกได้ว่า
    ศีลห้าไม่ใช่เรื่องหนักอีกต่อไป
    ถือได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน
    แต่พอให้ถือศีลแปด
    จะรู้สึกว่ายังหนักไปสำหรับเรา

    ต่อมา ก็ตัดสินทรงมรรค หรือ
    ถึือมรรคเป็นอารมณ์ พร้อมกับศีลห้า
    จะทำอะไร ก็จะคิดก่อนว่า เราทำได้ไหม
    จะผิดศีลไหม ถ้าไม่ผิดศีลแล้ว
    แต่จะผิดต่อมรรคแปดไหม
    หากผิดจะไม่ทำ หรือ
    ถ้าเผลอทำไป พอรู้สึกตัว ก็เลิกทำเอง
    นี่เรียกว่า การทรงมรรคแปด

    ต่อไปอีก เมื่อทรงมรรคแปดได้เต็มแล้ว
    คือ ไม่รู้สึกอีกว่า การทรงมรรคแปด
    เป็นของหนักสำหรับเราอีกต่อไป
    ที่นี้ ก็ทำวิปัสสนาควบเข้าไปอีก
    พิจารณา ไตรลักษณ์ ลงไปที่ สติปัฏฐานสี่ คือ
    พิจารณา ความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์
    และ สิ่งสมมุติต่างๆ ลงไปที่ กาย เวทนา จิต และ ธรรม
    ซึ่งจะมีทั้งสิ้น พันกว่าวิธี หรือ พันกว่าเส้นทาง

    ที่นี้ตอนสุดท้ายนี่ จะบรรลุธรรม หรือ
    ไม่บรรลุธรรม มันอยู่ตรงนี้ แยกกันอย่างงี้
    คือ เมื่อทรง ศีลห้า+มรรคแปด+ไตรลักษณ์
    เต็มที่แล้ว จนไม่รู้สึกว่า ทั้งสามหนักอีกต่อไป
    เราสามารถทรงได้ทั้งวันทั้งคืน
    มันก็มีตอนที่จิตของเราเป็นทิพย์
    คือ การที่จิตผ่องใสขึ้น
    จนสัมผัสความเป็นทิพย์ต่างๆได้
    มันก็จะสัมผัสนรก สวรรค์ ได้
    เมื่อถึงตรงนี้ ให้ ตั้งวงล้อปฏิจจสมุปบาท
    ขึ้นมาพิจารณา เราก็จะมี
    ทรงศีลห้า+มรรคแปด+ไตรลักษณ์+ปฏิจจสมุปบาท
    หากการพิจารณาตรงนี้ บรรลุผล
    ก็จะมีอาการว่า เหมือนๆกับเราไม่อยากเกิดอีก
    ภพภูมิ เป็นเรื่องวุ่นว่ายน่าเบื่อ
    ไร้สาระเกินไป เป็นทุกข์เกินไป

    หากพิจารณาถึงตรงนี้แล้ว
    ใครเสือกทะเล่อทะล่า
    อธิษฐานว่า ขอไปนิพพานอย่างเดียว
    ก็จะได้ไปทันที
    แต่ถ้าหากว่า ใครนึกยังไม่ทัน หรือ
    ยังนึกไม่ออก คือ ยังมึนๆอยู่
    เค้าก็จะมีเครื่องเตือนใจว่า
    เฮ้ย มาถึงขั้นนี้แล้วนะ
    ทำไมไม่อธิษฐานขอไปนิพพานละ
    ถ้าอย่างนั้น จะให้ดูแดนนิพพาน นิดนึง
    จะได้อยากไปนิพพาน
    หากดูแล้ว รู้สึกได้ เอะใจขึ้นมา
    เลือกอธิษฐานตอนนั้น
    ก็จะได้ไปเช่นกัน
    แต่ถ้าหากยังนึกไม่ออกอีก
    จะมีอาการ เปรี๊ยะๆ เหมือนโดนไฟช๊อต
    สว่างว๊าบ มาพักนึง
    เหมือนใครมาเปิดไฟใส่ตา
    ขนลุกขนพองวูบวาบๆ
    จะรู้สึกได้เอง หนทางที่เราฝึกมานั้น
    ถูกต้องดีงามแล้ว เป็นหนทางที่นำเรา
    ไปสู่การบรรลุธรรมได้นั่นเอง
    หากมีใคร ฉวยโอกาสนี้ อธิษฐานจิตขอไปนิพพาน
    ก็จะสมหวังเช่นกัน
    แต่สุดท้าย ก็จะเหลือ คนที่คิดไม่ออก
    คิดไม่ทันอยู่ เพราะบารมียังไม่เพียงพอ
    บารมียังไม่เต็ม ลืมอธิษฐานไป
    พวกสุดท้ายนี้ เรียกว่า พวกโครตภู
    เวลาทำสมาธิของพวกนี้ จะเรียกว่า
    โตรตภูญาน คือ คนที่ไปเห็นมาแล้ว
    สัมผัสมาแล้ว เคยข้ามไปดูแล้ว
    แต่กลับมามือเปล่า เพราะลืมเอะใจ

    แต่ไม่เป็นไร เพราะคนพวกนี้
    เมื่อบารมีเต็ม หรือ มีอาจารย์ในอดีตชาติมาบอกสอน
    นิดเดียว ตัวเองก็จะสามารถเอาตัวรอดไปได้
    พวกนี้ จะมีความรู้สึกว่า ตัวเอง
    เป็นพระโสดาบันแล้ว
    แต่ก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดี
    มันเหมือนๆว่า ยังขาดอะไรไป
    นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก เสียที
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 เมษายน 2016
  4. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014



    สภาวะดับ จะเกิดตอนที่ เราพิจารณา
    วงล้อ ปฏิจสมุปบาท เมื่อเห็นผลแล้ว
    วงล้อภพภูมิ จะตัดขาดแวบหนึ่ง
    หากอธิษฐานขอไป นิพพาน หรือ บรรลุธรรม
    ก็จะสมหวังตอนนี้
    ส่วนพวกที่ยังไม่บรรลุ หรือ ไม่ได้อธิฐานขอ
    จะเรียก โคตรภู
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 เมษายน 2016
  5. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014





    โคตรภู จะเกิดครั้งเดียวครับ
    คือ ได้แล้วได้เลย ไม่หวนกลับไป
    ตำแหน่งไม่ได้หวนกลับไป
    แต่จิตใจต่างหากที่หวนกลับคืน
    ยังไม่สามารถเป็น พระอริยะ ได้
    แต่ก็อยู่ในสถานะพิเศษแล้ว
    จะไม่ใช่คนธรรมดาอีก
    การทรงจิตของเค้าจะเป็น ระดับพระอริยเจ้า
    ดังนั้น พวกนี้จะมีความรู้สึกว่า
    ตัวเองเป็นพระโสดาบันแล้ว

    พวกนี้ บางครั้ง เกิดอีกหลายภพหลายชาติ
    ส่วนมาก เกิดเพราะ โมหะเล็กๆ
    อาจจะเพราะว่า หลงลืมไปว่า
    ตัวเองยังไม่ใช่พระอริยเจ้า
    แต่คิดว่าตัวเองเป็น
    ทำให้เวลาที่สั่งสอนผู้อื่น
    จะเจือโมหะของตนเองลงไปด้วย
     
  6. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    เอ้ มันยังไงกันครับ..คุณนิลการณ์ จะมาชี้แนะให้
    บรรลุธรรมแบบสูตรสำเร็จตามสั่งเหรอครับ ทำนู่น
    ทำนี่ให้ครบ ได้อารมณ์ แล้วอธิษฐานจิตเอา ยังอยู่
    ภาคบังคับให้เป็นดังใจปรารถนาของตนอยู่เลยอะครับ
     
  7. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014





    อย่าไปใส่ใจ เรื่องไร้สาระของผมเลยครับ
    ผมถือว่า มันเป็นวาสนาของแต่ละคน
    ใครเข้าใจได้ ก็ลองพิสูจน์ดู
    ใครทำไม่ได้ ก็เป็นเรื่องของคนนั้น
    ผมก็ไม่ได้อะไรด้วย
    ผมก็แค่คนบอกทาง เส้นหนึ่งเท่านั้น
    ทางยังอีกเยอะ หากคุณมีวาสนาพอ
    คราวหน้าก็คงเป็นคราวของคุณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 เมษายน 2016
  8. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    จะปิดฉากที่รอวาสนา คอยฟ้าคอยฝน ดลบันดาล
    อาจารย์ในอดีตชาติจะมาสั่งสอนให้บรรลุธรรม เหรอครับ ศาสนาพุทธไม่ใช่มีแค่ศรัทธานะครับ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ ประกอบด้วย ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา แยกให้ออกมันมีอยู่แล้ว เพียงแต่อะไรมันอ่อนล้ำก้ำเกินกัน มันก็แสดงผลตามเหตุตามปัจจัยนั้นๆ ที่ว่าหนทางไม่ได้มีหนทางเดียว นี่แหละครับ ไม่ใช่หนทางเดียว คือไม่ใช่แค่ศรัทธารอคอยแต่วาสนาจะมาถึงเมื่อไรก็เมื่อนั้นอย่างเดียว อันนี้ก็ลองพิจารณาดูนะครับ
     
  9. เงาเทวดา

    เงาเทวดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +314
    จิตเศร้าหมอง ผ่องใสได้ ด้วยอุปกิเลสที่จรมา
    "หลุดพ้น" ได้ ด้วยอุปกิเลสที่จรมา (พุทธ)


    ทำไมต้องกำจัดกิเลส 16 หรือจิตฝ่ายอกุศล เพราะสิ่งนี้คือ อริยสัจจ์สี่ข้อแรก เมื่อเราเห็นทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้หนทางดำเนินไปสู่ความดับทุกข์ ยอมรับในมรรคแปด ด้วยจิตของตน ที่เห็นได้ด้วยตนเอง การได้โคตรภูญาณก็จะไม่ยาก เป็นพระโสดาบันก็ไม่ยาก...

    แต่ก่อนจะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ ควรไปยกจิตตนจากปุถุชน ให้เป็นกัลยาณชนด้วย สิกขาสาม คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ประกาศตนเป็นพุทธบริษัทให้ถูกต้องตามที่แนะไป (สำคัญมาก) คิดว่าคนที่เข้าบอร์ดธรรมมะ คงจะเหลือกิเลสให้กำจัดอีกไม่กี่ข้อ คงจะจัดการมาได้แล้วหลายข้อ เพียงแต่วางตนให้ถูกต้อง ถูกที่ ถูกธรรม ทุกอย่างก็จะดีเองจ้า....
     
  10. big2006

    big2006 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +40
    สมมุติถ้าโคตรภูญาณเกิด ต่อมาได้มรรค ได้โสดาผล คราวนี้พอจะไป
    สกิทาคามี หรืออนาคามี ต้องมีโคตรภูญาณเกิดซ้ำอีก ใช่หรือไม่ครับ
    แล้วมีเครื่องหมายบ่งชี้ อะไรหรือเปล่าครับ ว่าได้ก้าวข้ามโคตรภูาณ
    ส่วนที่บอกว่าจิตใจต่างหากที่หวนกลับคืน ใช่การที่เรามาอยู่กับขันธ์ห้า
    ตามปรกติ ตามความเคยชินของแต่ละคน เพียงแต่ใจจะเริ่มละวาง เริ่ม
    ไม่ยึดถือการกระทำต่างๆ คือสักทำไปงั้นๆ แต่ก็ยังมีตรงที่ว่า ควร ไม่ควร
     
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,449
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    ธรรมะสวัสดีทุกๆท่านค่ะ
     
  12. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014






    โครตภู เกิดครั้งเดียวครับ
    ก่อน โสดาปัตติมรรค เท่านั้น



    ส่วนที่บอกว่า หวนกลับคืน
    มันคือ อาการของจิตที่ยังไม่อยากข้ามฝั่ง
    เพื่อที่จะไปฝั่งโน้น
    พอไปได้แค่ครึ่งแม่น้ำ
    ก็จะกลับมาอยู่ฝั่งนี้
    เพราะยังไม่แน่ใจว่า
    ฝั่งโน้นมีดีจริงๆ หรือไม่
    ความลังเล อยู่มีอยู่เยอะ
    จิตก็เลยยังมืดมัวอยู่บ้าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 เมษายน 2016
  13. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ไม่เจตนาละเมิดศีลเช่นศีล 5 พูดจาให้เหมาะสม ให้ดี จิตใจตั้งมั่นเป็นสมาธิ เคารพยำเกรงในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ อย่าคิดเรื่องเหลือใจ นั่นมาร พยายามอย่าอิจฉาริษยาใคร อ่านหนังสือธรรมะ สอบถาม ปฏิบัติเช่นทำสมาธิแล้วภาวนา สติ
     
  14. เงาเทวดา

    เงาเทวดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +314
    ที่ใดมีฌาน ที่นั่นมีญาณ ที่ใดมีญาณ ที่นั่นมีฌาน (พุทธ)

    สมถะ สงบก่อน จะได้รู้
    วิปัสนาดู รู้แจ้ง ก็สงบ
    เป็นทางเข้า สมาธิ ของผู้พบ
    ถึงความจบ รู้สงบ ได้ครบองค์

    สุขอื่น ยิ่งกว่าความสงบไม่มี (พุทธ)

    แปลว่า สมถะ เป็นฝั่งเจโตวิมุติ(สงบก่อน แล้วจึงใช้ความสงบเพ่งในธรรมที่ตนอยากรู้ จะได้รู้แจ้ง)

    วิปัสนา เป็นฝั่ง ปัญญาวิมุติ (พิจรณาธรรมนั้นๆ ก่อน จนรู้คำตอบจนแจ้งชัด ถูกต้อง จิตก็จะสงบ)

    แปลว่า ทั้งกิเลส 16 และจิตฝ่ายอกุศล อิงอยู่กับอริยะสัจจ์สี่ สังโยชน์สามข้อ จะพลอยถูกรู้ไปด้วย สังโยชน์สามข้อต้น จะถูกซักฟอกจนไม่เหลือ นัยขณะปฏิบัติธรรมดังกล่าว ความเชื่อมโยงนัยยะธรรมต่างๆ จะเข้าสู่สภาวะที่ลงตัว สมบูรณ์แบบ แปลต่อว่า โคตรภูญาณ หรือความเป็นพระโสดาบันย่อมมีได้ ดังนี้แล (ให้เห็นได้ด้วยตน ไม่ต้องพาใครมาร่วมเห็นด้วย รสของพระธรรมจึงจะเกิด คำรับรองจากพระรัตนตรัยจะปรากฏ เมื่อเห็นถูกต้อง ...การเห็นด้วยการอ่าน ถ้าเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง จะให้ประโยชน์แค่เพียง มีไว้ให้สติระลึกได้(จำ) แค่นี้เท่านั้น ยังไม่ก่อคุณประโยชน์สูงสุดจ้า... )
     
  15. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    ===============

    ผมอาจเห็นต่างครับ

    โคตรภูญาณ ได้แล้วจบแล้วจบเลย

    แต่ปัญหาคือในท่ามกลางของความเป็นพระโสดาบันไปสู่พระอรหันต์ คือเส้นทางแห่งเอาเอาชนะกิเลสมาร ความลังเลสงสัยในการเวียนว่ายนตายเกิดนั้นไม่มี อีกแล้วเพราะแจ้งแล้วในโคตรภูจิต ที่เวียนว่าย

    ปัญหาคือการทำอาสวะกิเลส การชำระจิตในระหว่างทางนั้น ยังขาดสติปัญญาธรรมวิมุตติหลายอย่าง ในการดับรูปนามอาสวะ นอกจากนั้นยังขาดกำลังของเจโตวิมุตติ ทำให้มีโอกาสทำบาปทำผิดแบบไม่เจตนาหรือพลาดพลั้งได้ โดยฌแพาะผู้เป็นฆารวาสไม่มีศีลมีมั่นคงพอ ย่อมผิดพลาดในอกุศลกรรมได้ มรรค8ก็ยังทำได้ไม่เต็มกำลัง

    ดังนั้นปัญหาคือในระหว่างทางหรือท่านมกลาง เมื่อได้โคตรภู แล้ว จิตมุ่งตรงต่อพระนิพพานแล้ว เช่นนี้แล้วควรบรรพชาเข้ามาเป็นสงฆ์สาวกเสีย จะได้ทำที่สุดแห่งทุกข์ให้ดับไป ทำให้ถึงที่สุดแห่งพรหมจรรย์ให้ได้ นั่นเอง ด้วยการพระสงฆ์ มีระเบียบปฏิบัติ ที่เกื้อหนุนหลายอย่างนั่นเอง เพราะอาศัยพระ วินัย พระ อภิธรร พระสุตันตะ น้อมนำมาปฏิบัติขัดเขาไม่ให้ การเดินไปในทางข้างหน้าผิดพลาดตกหล่นบกพร่อง จะได้ถึงฝั่งพระนิพพานได้สำเร็จนั่นเองครับ สาธุ
     
  16. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    คัมภีร์ที่ ๔ ปุคคลบัญญัติ

    ฉ ปญฺญตฺติโย. ขนฺธปญฺญตฺติ, อายตนปญฺญตฺติ, ธาตุปญฺญตฺติ สจฺจปยฺญตฺติ, อินฺทฺริยปญฺญตฺติ, ปุคฺคลปญฺญตฺติ, กิตฺตาวตา, ปุคฺคลานํ ปุคคฺคลปญฺญตฺติ ?
    สมยวิมุตฺโต อสมวิมุตฺโต กุปฺปธมฺโม, อกุปฺปธมฺโม, ปริหานธมฺโม, อปริหานธมฺโม, เจตนาภพฺโพ, อนุรกฺขนาภพฺโพ, ปุถุชฺชโน, โคตฺรภู, ภยูปรโต, อภยูปรโต, ภพฺพาคมโน, อภพฺพาคมโน, นิยโต, อนิยโต, ปฏิปนฺนโก, ผเลฏฐิโต, อรหา, อรหตฺตาย ปฏิปนฺโน.


    ส่วนแปลความ

    เลือกมาแค่บางข้อดังนี้
    ๘. ปุถุชนบุคคล คือ บุคคลผู้ที่ยังละทิฐิสัญโญชน์ สีลัพพตปรมาสสัญโญชน์ และวิจิกิจฉาสัญโญชน์ ด้วยสมุจเฉทปหานยังไม่ได้นั่นเอง เมื่อจะว่ากันตามสภาวปรมัตถ์แล้ว ก็ได้แก่บุคคลที่เป็นปุถุชน ๔ จำพวก คือ ทุคติบุคคล สุคติบุคคล ทวิเหตุบุคคล และติเหตุปุถุชนบุคคลนั่นเอง ฯ

    ๙. โคตรภูบุคคล คือ บุคคลที่กำลังเกิดวิปัสสนาญาณขั้นโคตรภู ที่ทำลายโคตรปุถุชนรับเอาพระนิพพานเป็นอารมณ์อยู่ตรงหน้าโสดาปัตติมรรค ที่ในโสดาปัตติมรรควิถีนั้น อันนี้ ท่านเอาเฉพาะพระโยคาวจรผู้กำลังเกิดโคตรภูญาณอยู่ขณะนั้นเท่านั้น เรียกว่า ขณะที่โคตรภูญาณเกิดอยู่ ๓ ขณะ คือ อุปาทขณะ ปีติขณะ และภังคขณะ ๓ นั้นที่เรียกกันว่า “โคตรภูบุคคล” ฯ

    ๑๐. ภยูปรโตบุคคล คือ บุคคล ๘ คน คือ กัลยาณปุถุชนและพระเสขบุคคล ๗ จำพวกที่กลัวต่อภัยในทุคติ ๑ ภัยในวัฏฏะ ๑ ภัยที่เกิดจากกิเลส ๑ และภัยที่ถูกติเตียน ๑ จึงงดเว้นจากการทำบาปทั้งต่อหน้าและลับหลัง ฯ

    ๑๑. อภยูปรโตบุคคล คือ บุคคลผู้ที่หมดจากความกลัวแล้ว ท่านหมายเอาพระขีณาสพผู้ที่สิ้นจาก อาสวะทั้งปวงแล้ว ไม่มีความสะดุ้งกลัวต่อภัยอะไรอีกต่อไปแล้ว ฯ

    สาธุครับ
     
  17. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    รู้และ เข้าใจ โคตรภูยานนนนนนนน ย้านยานนนน....กันจริงๆหรือเปล่าครับ
    จึงพากัน เอามาถกกัน แบบ ไม่มีขั้น มีตอน

    ไหนใครเคยผ่าน สภาวะโคตรภู มาครับ ช่วยอธิบายไล่สภาวะลำดับ ญาณ มาให้อ่านหน่อยครับว่า...ว่าโคตรภูญาณ มันอยู่ลำดับไหนของการชำระกิเลส.ครับ

    ระหว่างไหนของ..
    พระโสดามรรค พระโสดาผล
    พระสกิทาคามรรค พระสกิทาคาผล
    พระอนาคามีมรรค พระอนาคามีผล
    พระอรหันต์มรรค พระอรหันต์ผล

    ถ้าไม่งั้น ก็เถียงกันไม่จบหรอกครับ

    หรืออยู่ช่วงไหนของ

    ปฐมญาณ ทุติยญาณ ตติยญาณ จตุตถญาณ อากาสายตนะ วิญญายตนะ อากิญยตนะ เนวสัญญานายตนะ..(พูดย่อๆครับ)

    เอาเป็นว่า โคตรภูญาณ มันอยู่ช่วงไหน ของการปฏิบัติครับ
     
  18. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    โคตรภูญาณ....ญาณคือ ปัญญาในการข้ามโคตรภู..ปัญญาในการออกจากโคตรภู
    ภูลูกเล็กๆ ไม่เรียกโคตรภู...ภูลูกกลางๆไม่เรียกโคตรภู...ภูลูกโตๆแต่ยังไม่ไช่โตที่สุดก็ไม่เรียกโคตรภู....ภูลูกสุดท้ายต่างหากที่สมควรเรียกว่าเป็น โคตรภู..ญาณ.ปัญญาสุดท้ายที่นำเราออกจากกองทุกข์ทั้งมวล โดยสิ้นเชิง ได้ต่างหากถึงจะเรียกว่า โคตรภูญาณ

    ไม่เห็นเกี่ยวกับ ว่าต้องข้ามไปเป็น พระโสดาบันเลย

    โคตรภู ตามอรรถ ก็คือ โคตรภูของทุกข์ทั้งหลายที่มี มารวมกัน เป็นเหมือนขั้นสุดท้าย ที่จะออกจากมันได้ เพื่อ...ถึงจุดหมายคือ พระนิพพาน

    จากที่อ่านมา นะครับ โคตรภู คือภูสุดท้าย..ไม่นับ ภูเล็กภูน้อย แต่จะนับรวมเป็น โคตรภูลูกสุดท้าย ที่ ว่า มีปัญญานำตนออกจากทุกข์มาได้โดยสิ้นเชิง..

    นี่ถึงจะถือว่า เป็น โคตรภู จริงๆ..นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2016
  19. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ไม่ไช่ เอะอะ อะไร ก็อ้างแต่โคตรภูๆๆๆ เพื่อให้ตัวเอง ได้ดูดี แบบเนืองๆ

    เนี่ย พวก แอ๊ค อ๊าค....อย่าง มีชื่อเสียง กับคนอื่นเขาบ้าง ก็เลยอ้างแต่โคตรภูๆๆๆ

    เนืองๆๆๆๆ
     
  20. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ญาณ หรือ ปัญญา ในศาสนาพุทธ ก็มีชื่อเรียก แตกต่างกันไป ตาม แต่ชนิดที่ไปใช้ ชำระ กิเลสตัณหา ที่มัน เบาบาง หรือเข้มข้น ตามลำดับชั้น ตามด่าน ที่ต้อง ผ่าน...ไปตามลำดับ ตามขั้นตอน ของลักษณะของกิเลสตัณหา จากหยาบไปหาละเอียด จากรูปไปหาอรูป..
    ทุกขั้น ชื่อของกิเลสตัณหา ก็มีชื่อแตกต่างกันไป ดังนั้นปัญญาที่เอามาชำระ ย่อมเรียกชื่อแตกต่างกันไป เช่นเดียวกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...