อยากทราบว่าผมต้องสังฆาทิเสสรึเปล่าครับ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย To Find The Thuth, 16 เมษายน 2016.

  1. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +697
    ในสิกขาบทนี้ มีองค์ ๓ เหล่านี คือ

    เจตนา ๑ ความพยายาม๑ สุกกะเคลื่อน๑ สมุฏฐานเกิดทางกายกับจิต

    สําหรับภิกษุผู้ไม่พยายาม๑ ผู้ไม่ต้องการจะให้เคลื่อน๑

    ผู้ฝัน๑ ผู้เป็นบ้าเป็นต้น๑ แม้เมื่อสุกกะเคลื่อน ก็ไม่เป็นอาบัติ

    ตอบว่าไม่ครบองค์​ เพราะ​อสุจิเคลื่อน โดยไม่เจตนา​ และไม่มีความพยาม ตั้งแต่ออกจากฐาน
    ขณะนั้น​จขกท. หลับ​ ​มารู้สึกตอนเคลื่อน​
    ที่จริงร่างกายมีการขับอสุจิเป็นปกติแม้ไม่มีความพยายามให้เคลื่อนออก มีปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น​นม​ ไข่​ อาหารที่มีโปรตีนมาก​ เป็นธรรมชาติของร่างกาย


    มีอนุสิกขากล่าวไว้ว่า โดยที่สุดแม้ด้วยการแอ่นสะเอวในอากาศ ถ้าสุกกะไม่ เคลื่อนเป็นถุลลัจจัยแต่ถ้าสุกกะเคลื่อนจากฐาน โดยที่สุด แม้เพียง แมลงวันตัวเล็กๆ ตัวเดียวดื่มกินได้แม้เมื่อสุกกะยังไม่ไหลลงสู่ คลองปัสสาวะ เป็นสังฆาทิเสท

    ตอบว่า​ ใน​ขณะรู้ตัวแล้วนอนตะแคงเพื่อให้ไหลสะดวก​ ไม่ถือว่าเป็นความพยายามและเจตนาโดยกำหนัด เพราะอสุจิเคลื่อนก่อนหน้านั้นเกิดจากฝัน


    ทีนี้หากสงสัย แล้วไปเข้าปริวาสกรรม ก็เป็นอาบัติทั้งผู้ของปริวาส และผู้ให้ปริวาส

    ทางที่ดี​ไล่ตามองค์แห่ง​ สุกฺกวิสฺสฏก​ ดูให้มั่นใจในกรรม หรือสอบถามวินัยธร

    ไม่งั้น​ ก็จะเกิดรำคาญใจในขณะเจริญภาวนาได้

    วินัยกรรมของภิกษุต่างกับฆารวาสมาก ตรงอันตรายิกธรรมข้อว่าต้องอาบัติแม้เพียงเล็กน้อย สามารถห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพานได้

    สาธุ​ๆๆ
     
  2. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    เหมือนอะไรน้า หญิงที่โดนข่มขืน แต่จิตใจไม่ ไหวตามอารมณ์....แปลว่า ไม่ยินดีในสิ่งนั้น

    จบ...แปลว่า ไม่มีผลต่อจิตใจ..(ไม่พยาบาทอาฆาต ไม่คิดมากจนเป็นนิวรณ์)

    แต่ถ้า คิดจนเอามาเป็นนิวรณ์แล้ว...คือรับไปเต็มๆ ไม่ต้องเอามาถามแล้ว
     
  3. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +697
    เจริญพร​ เรื่องนี้มีอยู่ นันทมาณพข่มขืนพระเถรี

    โดยสมัยอื่น พระเถรีนั้นเที่ยวจาริกไปในชนบท กลับมาแล้วเข้าไปสูป่าอันธวัน ในกาลนั้น พระศาสดายังไม่ทรงห้ามการอยู่ป่าของพวกนางภิกษุณี

    ครั้งเมื่อพวกมนุษย์ทำกระท่อม ตั้งเตียงกั้นม่านไว้ในป่านั้น แก่พระเถรีนั้น พระเถรีนั้น เขาบิณฑบาตในกรุงสาวัตถีออกมาแล้ว

    ฝ่ายนันทมาณพ ผู้เป็นบุตรแห่งลุงของพระเถรีนั้น มีจิตปฏิพัทธ์ ตั้งแต่กาลแห่งพระเถรียังเป็นคฤหัสถ์ สดับความที่พระเถรีมา จึงไปสู่ป่าอันธวันก่อนแต่พระเถรีมาทีเดียว เข้าไปสู่กระท่อม ซ่อนอยู่ภายใต้เตียง พอเมื่อพระเถรีมาแล้ว เข้าไปสู่กระท่อม ปิดประตู นั่งลงบนเตียง เมื่อความมืดในคลองจักษุยังไม่ทันหาย เพราะมาจาก(กลาง) แดดในภายนอก นันทมาณพจึงออกมาจากภายใต้เตียง ขึ้นเตียงแล้ว แม้ว่าถูกพระเถรีห้ามอยู่ว่า“คนพาล เธออย่าฉิบหายเลย คนพาล เธออย่าฉิบหายเลย” แต่นันทมาณพก็ยังข่มขืน กระทำกรรมอันตนปรารถนาแล้วก็หนีไป

    ครั้งนั้น แผ่นดินใหญ่ประดุจว่า ไม่อาจจะทรงโทษของเขาไว้ได้ แยกออกเป็น ๒ ส่วนแล้ว เขาเข้าไปสู่แผ่นดิน ไปเกิดในอเวจีมหานรกแล้ว

    ฝ่ายพระเถรี บอกเนื้อความแก่ภิกษุณีทั้งหลายแล้ว

    พวกภิกษุณีแจ้งเนื้อความนั้นแก่ภิกษุทั้งหลาย

    พวกภิกษุ กราบทูลแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า



    พระขีณาสพไม่ยินดีกามสุข
    โดยสมัยอื่น มหาชนสนทนากันในธรรมสภาว่า "แม้พระขีณาสพทั้งหลาย ชะรอยจะยังยินดีกามสุข ยังเสพกาม, ทำไมจักไม่ซ่องเสพ, เพราะพระขีณาสพเหล่านั้นไม่ใช่ไม้ผุ ไม่ใช่จอมปลวก มีเนื้อและสรีระยังสดเหมือนกัน เพราะฉะนั้น แม้พระขีณาสพเหล่านั้น ยังยินดีกามสุข ยังเสพกาม."
    พระศาสดาเสด็จมา ตรัสถามว่า "ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนาด้วยเรื่องอะไรกัน?" เมื่อพวกภิกษุกราบทูลว่า "ด้วยเรื่องชื่อนี้"
    จึงตรัสว่า
    ภิกษุทั้งหลาย พระขีณาสพทั้งหลายไม่ยินดีกามสุข ไม่เสพกาม, เหมือนอย่างว่า หยาดน้ำตกลงบนใบบัว ย่อมไม่ติด ไม่ตั้งอยู่, ย่อมกลิ้งตกไปทีเดียว และเหมือนเมล็ดพันธุ์ผักกาดไม่ติด ไม่ตั้งอยู่ ที่ปลายเหล็กแหลม, ย่อมกลิ้งตกไปแน่แท้ ฉันใด
    กามแม้ ๒ อย่าง ย่อมไม่ซึมซาบ ไม่ตั้งอยู่ในจิตของพระขีณาสพ ฉันนั้น. ดังนี้แล้ว


    กรรมก็คือกรรมแม้ไม่คิดด ไม่น่า​ใช่ว่ากรรมนั้นจะไม่ให้ผล

    นิวรณ์​เป็นเพียง​อกุศลกรรม​เครื่องกั้นกุศลความดีงาม
     

แชร์หน้านี้

Loading...