จิต กับ วิญญาณ คือ ตัวเดียวกันหรือคนละตัว?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นิพพิชฌน์55, 18 เมษายน 2016.

  1. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เยี่ยมเรย..:cool:..ตอบแบบนี้ รับรองว่า นิวรณ์ หาเรื่อง งัดต่อ ไม่ได้เป็นแน่แท้...

    ว่าไง นิวรณ์ เอาที่สบายใจแล้วกันนะ...เขาบอกมา..:boo: เขาไม่ สะเดิด ไปกับแกหรอก อิอิอิอิอิ(5อิเชียวนะ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2016
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ก็ยิ่ง ย้ำเตือน อะฮับว่า เป็น พวกนอกศาสนา

    ถ้าเป็น พุทธ ไม่มีหรอก จะให้ไป คว้าขี้มาถือ ( เอาที่ สบายใจ )

    เพราะ ถ้าเป็น พุทธ เวทนา มันไม่เที่ยง มันเป็นของกลวง
    ลวงโลก เป็น พวงดอกไม้แห่งมาร ที่มารจะยื่นให้ถือเอา


    ปล.ลิง : น้องๆหนูๆ พึงทราบ " ทุกข ให้กำหนดรู้ " ไปเลยฮับ
     
  3. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    อ้าววววววว...ไม่บอกน้องๆหนูๆว่า ให้ระลึกอยู่เนืองๆๆๆๆๆ เหมือนเก่าล่ะ...:boo:
     
  4. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    จิต กับ วิญญาณ

    มันมีหลายแง่มุม การอธิบาย ต้องเข้าใจแง่มุมที่พูดและรู้ว่าผู้คุยด้วยเขามีพื้นฐานอย่างไร

    จิตก็เหมือนแก้วใสๆ พอใส่อะไรไปก็กลายเป็นสิ่งนั้น ทั้งๆที่แก้วน้ำใสๆ แท้ๆ ก็คือแก้วใสๆ ที่รองรับทุกสิ่งทุกอย่าง

    ดังนั้นการอธิบายอะไรต้องรอบคอบในสิ่งที่อธิบายเปิดกว้างทุกแง่มุม และสิ่งสำคัญ คนที่เราคุยด้วยเขามีพื้นฐานอย่างไรแค่ไหน เรากล่าวแบบนี้เขาจะเข้าใจไหม

    เวลาคุยกับคนที่รู้มาหลากหลายแบบ ก็ต้องมีความเข้าใจที่เปิดกว้าง

    แต่ปัญหาอีกส่วนคือ คนที่รู้มาแล้วยึดติดใความรู้ของตนคนแบบนี้จะคุยกับคนอื่นลำบาก และไปสอนคนอื่นก็ลำบาก เพราะมันมีข้อจำกัดหลายอย่างที่จะทำให้การสื่อสารพูดคุยไม่ตรงประเด็นบิดเบือนจากความจริงไป

    ธรรมะใครก็ศึกษาได้ แต่การที่จะปฏฺิบัติได้รู้แจ้งจริง แล้วนำไปกล่าวเผยแผ่ได้ มันทำได้ยาก ต้องใช้สรรพกำลังหลายอย่าง ต้องสั่งสม ดั่งเช่นพระพุทธองค์นั่นเองครับ สาธุ
     
  5. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ก็เอาที่สบายใจละกันนะท่าน ทีเจเอสสสสสส...

    อย่างพวกที่ฝึกมโนมยิทธิ หรือ ทีเจเอสเอง ก็ ว่า เอาจิตไปดู นรก สวรรค์ นิพพาน

    ซึ่งผมก็เข้าใจว่า ฝึกจิตเป็นเป็นรูปเป็นร่างเจตสิก...จิตยังยึดมั่นถือมั่นตัวเองอยู่ เพื่อเอามาใช้ประโยชน์...ช่วยเหลือคนอื่น ผมคิดแบบนี้

    ส่วนพวกท่าน ดีนอท ท่าน ทีเจเอส หรือ มโนมยิทธิคนอื่น ที่เอาจิตไปเมืองนิพพาน ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้านั้น จิตนั้น มันนิพพานแล้ว...ก็เอาที่สบายใจละกัน
     
  6. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เขาบอกว่า ที่เขาไม่เถียง เพื่อความสบายใจของนิวรณ์เองนะ...จะได้ไม่เครียด ไม่ร้อน ไม่เพี้ยน
    เขาไม่ได้เอามาเป็นความสบายใจของเขา นิวรณ์ อย่ามั่วดิ

    เขาให้นิวรณ์คว้าความสบายใจไป...แต่นิวรณ์ดันไปแปลว่า ความสบายใจคือขี้ งั้นนิวรณ์ ก็รับ ความสบายใจ.ไปเต็มๆๆแต่เพียงผู้เดียว...วะฮ่าฮ่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2016
  7. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    แต่ที่ ว่า เอาที่สบายใจของผม ไม่ไช่ขี้ เหมือนนายนิวรณ์แปลหรอกนะ

    ของผมแปลว่า เอาที่ กรรมจัดสรรมาให้ท่านต้องเป็น ต้องทำ ก็แล้วกัน:cool:
     
  8. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เฮ้ย ท่านทีเจเอส ผมไม่ได้ให้ท่าน มานอบน้อมแบบ นโมโพธิสัตโต....หรอกนะ
    คุยกันฉันท์ญาติมิตร กัลยานมิตรดิ

    เอ้าว่ามาๆๆๆๆ
     
  9. นิพพิชฌน์55

    นิพพิชฌน์55 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2016
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +31
    พูดได้น่าฟังหน่อย (^ ^)
     
  10. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    เรื่องของนิพพาน เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันได้ไม่รู้จบจริงๆ อุปมาเหมือนคนพายเรือวนอยู่ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ไม่เคยเห็นฝั่งว่าเป็นอย่างไร พอมีคนที่เขาเคยไปถึงฝั่งมาบอก ว่ามันมีฝั่งอยู่ทางนั้น ก็เกิดสงสัยว่า ถึงฝั่งแล้วต้องเอาเรือไปไหม ต้องเอาพายไปไหม คนที่ถึงฝั่งแล้ว ก็ต้องบอกว่า จะเอาไปทำไมก็มันฝั่ง ไม่ต้องใช้เรือ ใช้พายอีกต่อไป ก็จอดไว้ที่ท่า แล้วก็เดินไปสบายใจเชิบ ไม่ต้องเหนื่อยพายเรือกันอีกต่อไป ทีนี้ตราบใดที่เราๆท่านๆยังไม่ถึงฝั่ง จินตนาการถึงฝั่งก็มีแต่หลงไปกับสังขาร มีแต่จะถูกสังขารมันปรุงแต่งหลอกไปเรื่อย เมื่อยังไม่ถึงฝั่งก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาพายให้ถึงฝั่งเร็วๆ เมื่อถึงฝั่งแล้วก็ สิ้นสงสัย ไม่ต้องถามใครอีก เพราะตนย่อมเป็นพยานรู้เห็นประจักษ์แจ้ง แม้ว่าใครจะมาถกเถียงด้วย ก็เห็นว่าเป็นเรื่องของคนที่ยังไม่รู้เท่านั้น.
     
  11. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ผมเป็นคน ที่พูดได้น่าฟัง ทั้งนั้นแหล่ะ....
    เว้นแต่ เวลาจี้ใจดำคน แล้ว ยอมรับไม่ได้ ก็วิ่งออกห่างจากความจริง ออกไป อันนี้ก็ช่วยไม่ได้นะครับ...เพราะ เลือกเอง

    แต่ผมเนี่ย..ใครจี้ใจดำผม เหมือน นิวรณ์ ทำอยู่...ผมก็ ไม่เครียด เพราะนั่น ไม่ไช่จี้

    ใจดำ...แค่นิวรณ์ ทำเป็นว่า มาเข้าใจในตัวผม ...แล้วคิดว่าผมจะสะเดิดตาม

    อะไรที่ ไม่เป็นความจริง ที่คนอื่นเอามาพูด เราก็เฉยๆ
    อะไรที่เขาเอามาพูด แล้วเป็นความจริง คือเขาพูด เพราะหวังดี...เราก็ต้อง
    สำนึกตนเอง ไว้ก่อน

    ส่วนพวกที่เอาความจริงของเรามาพูด ด้วยไม่หวังดี ไม่หวังช่วยเหลืออะไร...นั่นมันพวกคนพาล...ให้ออกห่างๆเอาไว้
     
  12. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    บางอย่างที่นิวรณ์เอามาพูด..ก็เป็นความจริง ตามที่นิวรณ์ เห็นตามตาทิพย์
    แต่สิ่งที่เห็น ก็ไม่ได้หมายความว่า นิวรณ์จะเข้าใจ ในความจริง ของสิ่งที่เห็น

    เพราะสิ่งที่เห็น เห็นด้วย ทิพจักษุ....แต่สิ่งที่เข้าใจ ต้องอาศัยปัญญา..ในตน

    ระดับ นิวรณ์เนี่ย...ปัญญา..น้อย...เลยเข้าใจความจริงในสิ่งที่เห็นไม่ได้

    ดังนั้น ความจริง ก็ไช่ว่า ตาทิพย์จะเห็นแล้วเข้าใจ...เหมือน เมื่อคนเรา พบเจอปัญหา แล้ว แก้ได้บ้างไม่ได้บ้าง

    ถ้าตนเองแก้ไม่ได้ เพราะไม่เข้าใจ ก็..หัดยอมรับ ในความเป็นจริงของตนเองบ้าง
     
  13. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +697
    จิต​และ​วิญญาณ​ เป็นไวพจน์กัน
    แต่ใช้กล่าวลักษณะ สภาพร​ู้ เพียงใช้ต่างกรรมต่างวาระ
     
  14. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    กราบหลวงพี่..ครับ

    ข้อความที่ว่า ธรรมทั้งปวง มีความสูญเป็นลักษณะ..ขอเปลี่ยนได้มั้ยครับ..เปลี่ยนเป็น ธรรมทั้งปวง มีอนัตตาเป็นลักษณะ

    สูญคือ หายไป
    แต่อนัตตา คือ ยังอยู่แต่ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่า เป็นของแน่นอน

    น่าจะมีความหมาย ดีกว่านะครับ...
     
  15. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    อธิบายได้แบบนี้ครับ ว่า สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ
    สิบมือคลำไม่เท่า หายสงสัย

    คือ ปากว่ามา คือแค่ได้ยินมา ไม่เคยเห็นของจริง
    ตาเห็นคือได้เห็นมาแล้วไม่ไช่แค่เคยได้ยิน แต่ไม่ได้จับต้อง
    มือคลำ คือได้เห็นและจับต้องสัมผัส.. แล้วเมื่อสัมผัสจนหายสงสัย..นั่นคือ จบการรู้....คือได้ผลสรุป ของการรู้ หายสงสัยไคร่รู่ นั่นเอง

    ทีนี้ จิตวิญญาณ รู้ กับ รู้ความจริงโดยไม่ต้องอาศัยจิตวิญญาณ....มันน่าจะ ไม่เกมือนกัน นะครับ หลวงพี่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2016
  16. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    สมัยก่อนฟังละคร วิทยุอาศัยจินตนาการของใครของมัน ว่าใครเป็นใคร จัดฉาก ปรุงแต่งตัวละครเอาเอง
    สมัยนี้ดูโทรทัศน์(สมมุติปิดเสียงดูละครใบ้)อันนี้ดูเห็นเหมือนกัน แต่ก็ยังต้องจินตาการว่า ใครพูดอะไร ดูจากท่าท่าง แต่ไม่ได้อารมณ์
    พอดูโทรทัศน์เปิดเสียง อาจได้อารมณ์ แต่ไม่สมบูรณ์ ใน รส กลิ่น..ยังต้องจินตนาการอีกเช่นเดิม

    ดังนั้น ส่วนของการที่ต้อง จินตนาการเอาเอง..มันคือส่วนที่ บอกให้ทราบถึง ปัญญาของคนคนนั้น..ว่าจะจินตนาการ อุปทาน ได้ถึงไหน นั่นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2016
  17. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    กราบถามหลวงพี่ครับ แล้ว จิตวิญญาณ เป็น อะไรของ กายใจ ครับ
    เป็นไวพจน์ เป็นอินเตอเสค เป็นสับเซต..เป็นนอมินี่...เป็นปรสิต...ของกายใจครับ

    ถ้ารู้ ก็ ตอบด้วยนะครับ
     
  18. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    มโนมยิทธิ ของเด็ก
    ส่วนของพระอรหันต์ เขาไม่เอามากล่าวอะไรมาก เขาเอาแก่นแท้มากล่าวกัน

    ผู้ที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว อาบน้ำร้อนมาก่อนเรา เขาย่อมรู้ความจริงดีกว่าเรามาก ชีวิต ที่หาซื้อไม่ได้ ต้องเผชิญพบเจอด้วยตนเองแล้วจะเข้าใจ

    การชำระกิเลส การเข้าไปรอบรู้ใน จิต ก็เช่นกัน

    อย่าไปยึดติดในมโนมยิทธิ อภิญญา ใดๆ กิเลสใดๆ เราต้องเป็นนายคือมีอิสระเหนือสิ่งเหล่านี้ ทั้งปวงให้ได้

    วันหนึ่งเมื่อเราอายุมากขึ้นผ่านอะไรมากยิ่งขึ้นเราจะเป็นคนแก่ที่ยิ้มรับทุกสิ่งทุกอย่าง อย่างเข้าใจและปล่อยวาง แบบฉันรู้หมดแล้วและฉันก็วางทุกอย่างลงแล้ว เพราะสิ่งเหล่านั้นฉันเจอมาหมดแล้ว โง่กับมันมามากแล้ว ทุกข์กับมันมามากแล้วนั่นเอง

    การเรียนธรรมะก็คือเรียนกับตัวเอง จิตดวงนี้ สุขทุกข์ ต่างๆที่ผ่านเข้ามา ทาน ศีล สมาธิ ภาวนา ปัญญา ของเรามีส่วนชำระจิตเราให้เป็นอิสระหลุดพ้นได้มากน้อยแค่ไหน ขอให้ทุกท่านพึงน้อมพิจารณาให้มากครับ เพื่อความสำรวมความไม่ประมาทนั่นเองครับ สาธุ
     
  19. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    จิตเป็นเพียงธาตุ ตัวหนึ่ง ที่เรียกว่าธาตุรู้

    วิญญาณเป็นกริยา ของจิต เป็นอาการ ของจิต เป็นเจตสิกอย่างหนึ่งของจิต ที่ร่วมอยู่กับจิต และมีอิทธิพลต่อความเป็นไปต่างๆนานาของจิต

    ส่วนที่แยกและส่วนที่สัมปยุต ต้องมองให้ชัดแยกให้ออก เมื่อใดสัมปยุต เมื่อใดแยก สภาวะใด เราต้องมองเห็นอย่างทะลุประโปร่ง ไม่มีผงธุลีใดมาบังตาบังจิต เพราะมีสติปัญญาญาณสั่งสมมามากพอแล้วนั่นเอง

    ถ้าเราชำระจิต เราจะอยู่เหนืออาสวกิเลส เหนือกรรม เหนือโลกียสภาวะ เหนืออวิชา เราจำเป็นต้องเข้าใจธรรมชาติของจิต และสิ่งที่ประกอบอยู่กับจิต สิ่งที่ปรุงแต่งจิต สิ่งที่เป็นเครื่องชักนำจิตให้เศร้าหมองเป็นทุกข์ มันเป็นสิ่งสำคัญมากที่เราต้องรู้ เราจะรู้ได้อย่างไร
    ก็เพราะอาศััย สติปัฏฐานสี่นั่นเอง เจริญให้มาก จิตตานุปัสสติ ธรรมานุปัสติ เป็นอย่างไร ทำให้มากแล้วจะเข้าใจได้เองในที่สุดครับ สาธุ
     
  20. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ถ้าวิญญาณ ยังมีอิทธิพลไปต่างๆนาๆต่อจิต....อันนี้..ก็ถือว่า ยังมีอวิชชาอยู่
    ถ้าในจิตตน ยังมีเมื่อใดแยกจากวิญญาณ เมื่อใดสัมปยุตกับวิญญาณ อันนี้ ถือว่า ยังมีวิชชาอยู

    แต่ถามท่านทีเจเอส ว่า อวิชชามีในจิต หรือมีในวิญญาณ..ตอบตามที่ท่าน เข้าใจนะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...