"จิต"นี้ "ไม่เกิดไม่ตาย"

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Xtrem, 12 มีนาคม 2016.

  1. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    นมัสการหลวงพี่... ผมย่อมตอบตาม ที่ผมรู้ แค่นั้นครับ ในแง่มุม ที่ มี พระสูตร อยู่ ส่วนแง่ มุม อื่น ละไว้ ก่อนครับ:cool:
     
  2. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +697
    [๘๔๔] บรรดาธรรมเหล่านั้น นามธรรม เป็นไฉน?
    เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ และอสังขตธาตุ นี้เรียกว่า
    นามธรรม.
    รูปธรรม เป็นไฉน?
    มหาภูตรูป ๔ และรูปที่อาศัยมหาภูตรูป ๔ นั้น นี้เรียกว่า รูปธรรม.
     
  3. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +697


    [๗๖๗] ธรรมเป็นจิต เป็นไฉน?
    จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ มโนธาตุ
    มโนวิญญาณธาตุ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นจิต.
    ธรรมไม่เป็นจิต เป็นไฉน?
    เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์, รูปทั้งหมด และอสังขตธาตุ สภาวธรรม
    เหล่านี้ชื่อว่า ธรรมไม่เป็นจิต.
    [๗๖๘] ธรรมเป็นเจตสิก เป็นไฉน?
    เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นเจตสิก.
    ธรรมไม่เป็นเจตสิก เป็นไฉน?
    จิต รูปทั้งหมด และอสังขตธาตุ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมไม่เป็นเจตสิก.


    ในนี้ท่านกล่าวถึงนามธรรมว่า ธรรมใดเป็นจิตเป็นเจตสิก และ​ไม่เป็นจิตไม่เป็นเจตสิก ว่ากันตรงนามธรรม

    หมายเหตุ​ อสังขตธาตุ หมายถึงนิพพาน
     
  4. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +697
    การตอบควรกว้างขวาง​ สามารถโยงและสงเคราะห์ธรรม สอดคล้องและไม่ขัดพุทธพจน์​ น่าจะดี
     
  5. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    :cool:
     
  6. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    อวิชชามีจิตจึงมี ความไม่รู้นั่นแหละครับหลงรู้

    เพราะความไม่รู้เป็นเหตุ จึงหลงสำคัญมั่นหมาย
    เอาสิ่งนั้นสิ่งนี้ว่าเป็นตัวกูของกู พอกูมีซะแล้ว มันก็มี
    ทั้งโลก ทุกโลก เพราะมันมีตัวตน โลกเป็นของกู
    โลกน่าอยู่ ไม่น่าอยู่ กูพอใจ ไม่พอใจ

    ถ้าไม่หลงความรู้หรือความไม่รู้อะไรซะแล้ว มันก็ไม่
    เกิดการบัญญัติเป็นคนสัตว์สังขารก่อทุกข์ก่อโทษ
    มีตัวมีตนขึ้นมาอีกน่ะครับ จบกิจแค่นั้น ทีนี้จะสมาทาน
    การมีกิจหรือจบกิจกันดีล่ะครับ แต่ถ้ายังพอใจใน
    ความมีตัณหาอยู่ มันก็ไม่จบกิจง่ายๆ หรอกครับ
     
  7. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    เวลาอ่าน ที่ผมโพส ก็ควรอ่านให้เข้าใจก่อน ค่อยคิดต่อสิครับ

    จิตวิญญาณ มาเกิด รวมกับ กายใจ

    จิตวิญญาณรวมกับกายใจเกิดเป็นคนคือมีสติรู้ กายใจคือสัมปชัญญะ....(ผัสสะ).

    เมื่อเกิดเป็นคน เวลาฝึกสติปัฏฐาน..กำหนดสติเป็นผู้ดู กายใจ....(ความคิดเป็นหน้าที่ ที่ใจคิด ใจปรุง).....แต่ที่มาเกิดเป็นคนแล้ว สิ่งที่ใจคิดใจปรุง มันมี จิตวิญญาณมาร่วมปรุงด้วย....

    ..พอเข้าใจมั้ย..แต่ถ้าไม่เข้าใจ ก็จะเลิกคุย ด้วยแล้ว

    จิต เจตสิก รูป นิพพาน.....ก็เกิดมาจากจิตวิญญาณที่มาเกิด ร่วมกับกายใจ

    ถ้ากายใจจริงๆ ที่เกิดมา( ไม่มีจิตวิญญาณในขันธุ์5 ถ้าชำระมันได้)มันมี แค่ผัสสะ มีสัมปชัญญะ มีแต่ความคิด...เท่านั้น....ไม่มีหรอก จิต
     
  8. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ตกลงอ่านของคนอื่นแล้วไม่เข้าใจ แล้วอ่านทำไม แสดงความคิดเห็นทำไมกัน

    คำตอบผม ผมตอบให้คุณประสิทธิ?..ทีบูนนนนน...อ่านทำไม

    แล้วมาแย้งว่า ผมหลงรู้ไปเรื่อย....ก็นั่นมันคำตอบที่ผมตอบและอธิบายให้คุณประสิทธิ เขาไป..ที่เขาบอกว่า ตัวผู้รู้ มีสองตัว...

    ผมบอกว่า จิตวิญญาณที่ จุติมาเกิด มันก็รู้...ผู้รู้อวิชชา
    กายใจใหม่ที่สร้างรอรับ คือผัสสะนี่ มันก็รู้ มันมีผัสสะสัมปชะญญะ...

    แล้วทีบูน ไม่รู้เรื่อง ก็ไม่ต้อง มาแสดงหรอกครับ....อายคนอื่นเขาครับ

    เพราะ ผมตอบให้คุณประสิทธิอ่านครับ
     
  9. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    นั่นแหละครับมันมัวแต่ไปตื่นเต้นกับสังขารอยู่ ไม่รู้เท่าทันอวิชชา เลยหลงหยิบจับฉวยเอามา สังขารต่อๆ ไปทั่วไงครับ ดูออกไหม
     
  10. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    เราท่านไม่ได้ศึกษาพระอภิธรรม แถมการปฏิบัติก็ยังน้อย

    เช่นนี้ควรเคารพและเชื่อตามคำกล่าวของท่านพระภิกษุสงฆ์นะครับ เพราะท่านรอบรู้จริง

    ๑ การศึกษาพระอภิธรรมจะทำให้เข้าถึงแก่นของพระพุทธศาสนา เพราะพระอภิธรรมเกิดจากพระสัพพัญญุตญาณของพระพุทธองค์ การเข้าถึงพระอภิธรรมจึงเท่ากับเข้าถึงพระปัญญาคุณของ พระพุทธองค์อย่างแท้จริง

    ๒ การศึกษาพระอภิธรรม ก็คือศึกษาธรรมชาติการทำงานของกายและใจซึ่งเป็นธรรมชาติ ที่มีอยู่ในตัวเราและสัตว์ทั้งหลายเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องจิต (วิญญาณ) เรื่องเจตสิก เรื่องอำนาจจิต เรื่องวิถีจิต เรื่องกรรมและการส่งผลของกรรม เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด เรื่องสัตว์ใน ภพภูมิต่างๆ และเรื่องกลไกการทำงานของกิเลส ทำให้รู้ว่าชีวิตของเราในชาติปัจจุบันนี้มาจากไหนและ มาได้อย่างไร มีอะไรเป็นเหตุมีอะไรเป็นปัจจัย เมื่อได้คำตอบชัดเจนดีแล้วก็จะรู้ว่าตายแล้วไปไหนและ ไปได้อย่างไร อะไรเป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างชาตินี้กับชาติหน้า ทำให้หมดความสงสัยแล้วเกิดอีกหรือไม่ นรก สวรรค์ มีจริงไหม ทำให้มีความเข้าใจเรื่องกรรม และการส่งผลของกรรม (วิบาก) อย่างละเอียด ลึกซึ้ง

    ๓ ผู้ศึกษา พระอภิธรรมจะเข้าใจเรื่องของปรมัตถธรรม หรือสภาวธรรมอันจริงแท้ตาม ธรรมชาติ ในพระอภิธรรมจะแยกสภาวะออกให้เห็นว่าทุกสิ่งไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคลอะไร ทั้งนั้น คงมีแต่สภาวธรรมคือ จิต เจตสิก รูป ที่วนเวียนอยู่ในความเกิด แก่ เจ็บ ตาย โดยอาศัยเหตุอาศัยปัจจัยอุดหนุนซึ่งกันและกัน เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เกิดขึ้นใหม่แล้วก็ดับไปอีก มีสภาพเกิดดับอยู่เช่นนี้ โดยไม่รู้จักจบจักสิ้น แม้ใครจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม สภาธรรมทั้ง ๓ นี้ก็ทำงานอยู่เช่นนี้โดยไม่มีเวลาหยุด พักเลย สภาวธรรมหรือธรรมชาติเหล่านี้มิใช่เกิดขึ้นจากพระผู้เป็นเจ้า พระพรหมพระอินทร์ หรือสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ เป็นผู้บันดาลหรือเป็นผู้สร้าง แต่สภาวธรรมเหล่านี้เป็นผลอันเกิดมาจากเหตุ คือ กิเลสตัณหานั่นเองที่เป็นผู้สร้าง

    ๔ การศึกษาพระอภิธรรม จะทำให้เข้าใจสภาวธรรมอีกประการหนึ่ง อันเป็นจุดมุ่งหมาย สูงสุดในพระพุทธศาสนาที่ต้องการให้เข้าถึงนั่นก็คือนิพพาน นิพพาน หมายถึง ความหลุดพ้นจากกิเลสตัณหา ผู้ที่ปราศจากกิเลสตัณหาแล้วนั้น เมื่อหมดอายุขัย ก็จะไม่มีการสืบต่อของ จิต + เจตสิก และรูป อีกต่อไป ไม่มีการสืบต่อภพชาติ หยุดการเวียนว่ายตายเกิด พ้นจากทุกข์ทั้งปวงโดยสิ้นเชิง จึงกล่าวว่านิพพานเป็นธรรมชาติที่ปราศจากกิเลสตัณหา เป็นธรรมชาติที่ดับทุกข์โดยสิ้นเชิงและเป็นธรรมชาติที่ พ้นจากจิต เจตสิก รูป นิพพานมิใช่เป็นแดนสุขาวดีที่เป็นอมตะและเพียบพร้อมด้วยความสุขล้วน ๆ ตลอดนิรันดร์กาลตามที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ

    ๕ การศึกษาพระอภิธรรมจะทำให้เข้าใจคำสอนที่มีคุณค่าสูงสุดในพระพุทธศาสนา เพราะ แค่การทำทาน รักษาศีล และการทำสมาธิก็ยังมิใช่คำสอนที่มีค่าสูงสุดในพระพุทธศาสนา เนื่องจากเป็นเหตุให้ต้องเกิดมารับผลของกุศลเหล่านั้นอีก ท่านเรียกว่า วัฎฎกุศล เพราะกุศลชนิดนี้ยังไม่ทำให้พ้นไปจากการเวียนว่ายตายเกิด คำสอนที่มีค่าสูงสุดในพระพุทธศาสนาคือ การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามแนวมหาสติปัฎฐาน ๔ เพื่อให้เห็นว่าทั้งนามธรรม (จิต + เจตสิก) และรูปธรรม (รูป) มีสภาพที่ไม่เที่ยง ทนอยู่ไม่ได้ ไม่ใช่ตัวตน บังคับบัญชาไม่ได้ มีการเกิดดับ เกิดดับ ตลอดเวลา หาแก่นสาร หาตัวตน หาเจ้าของไม่ได้เลย เมื่อมีปัญญาเห็นแจ้งในสภาวธรรมตามความเป็นจริงเช่นนี้แล้วก็จะนำไปสู่ การประหาณกิเลสและเข้าถึงพระนิพพานได้ในที่สุด

    ๖ การศึกษาพระอภิธรรม จะทำให้เข้าใจเรื่องอารมณ์ของวิปัสสนาซึ่งต้องใช้นามธรรม (จิต + เจตสิก) และรูปปรมัตถ์เป็นอารมณ์ เมื่อกำหนดรู้อารมณ์ในการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานได้ ถูกต้อง การปฏิบัติก็ย่อมได้ผลตามที่ต้องการ

    ๗ การศึกษาพระอภิธรรม เป็นการสั่งสมปัญญาบารมีที่ประเสริฐที่สุดไม่มีวิทยาการใด ๆ ในโลกที่ศึกษาแล้วจะทำให้เกิดปัญญารู้แจ้งโลกเท่ากับการศึกษาพระอภิธรรม

    ๘ การศึกษาพระอภิธรรม เป็นการช่วยกันรักษาหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ไว้ ให้อนุชนรุ่นหลังและเป็นการช่วยสืบต่อพระพุทธศาสนาให้มั่นคงถาวรตลอดไป
     
  11. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    พระธาตุกะถา

    สังคะโห อะสังคะโห, สังคะหิเตนะ อะสังคะหิตัง อะสังคะหิเตนะ สังคะหิตัง สังคะหิเตนะ สังคะหิตัง อะสังคะหิเตนะ อะสังคะหิตัง สัมปะโยโค วิปปะโยโค, สัมปะยุตเตนะ วิปปะยุตตัง วิปปะยุตเตนะ สัมปะยุตตัง อะสังคะหิตัง.
     
  12. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    พูดแบบนี้ แสดงว่า มีแต่พระสงฆ์เท่านั้นหรือครับ ที่เข้าถึงแก่นได้ แต่เพียงผู้เดียว

    แล้วฆราวาสอย่างผมนี้เคยบวชเป็นพระสงฆ์(อาจจะถึงแก่น หรือไม่ถึงแก่น)
    เมื่อสึกออกมาจากความเป็นสมมุติสงฆ์แล่วนี่...เชื่ออะไรๆ ไม่ได้หรือครับ

    ถ้าอย่างงั้น คุณเองก็เป็น ฆราวาส..มาเสียเวลาพูดคุย สอนคนอื่น ช่วยคนอื่นทำไมครับ....ในเมิ่อสอนคนอื่นให้เขาเชื่อพระ อย่างเดียว..ไม่ไห้เชื่อฆราวาส...คนดีดี ไม่มีอยู่จริง งั้นหรือครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2016
  13. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    ขออภัยที่ทำให้ เข้าใจผิด

    ผมหมายถึง ในกระทู้แห่งนี้มีพระภิกษุ นามท่านคือ จิตสิงห์ ท่านรอบรู้ ผมสัมผัสได้ในสิ่งที่ท่านสอน ไม่ได้เหมารวมทั้งหมด

    ส่วนฆารวาสบางท่านก็รอบรู้ แต่การสอนของเราที่ไม่ใช่พระสาวก เราท่านทั้งหลายต้องสำเนียกและเข้าใจ สิ่งที่ถูกต้องดีงาม

    เรื่องไหนเราไม่รู้ก็ยอมรับว่าไม่รู้ ไม่ดื้อดึง สิ่งไหนรู้พอจะแนะนำกันได้ก็ควรทำ ควรมีเมตตาต่อกัน

    อย่ากระทบคราดให้บ่อย ไม่งามไไม่สมแก่ผู้ที่ควรสอนธรรมแก่ผู้อื่น

    เวลาสนทนากันให้ดูด้วย อย่าคิดว่าตนเก่งกว่าใคร ควรให้เกียติรกันครับ เมื่อโต้แย้งกันให้ฟังเหตุผล ที่เขากล่าวแสดง ทุกอย่างที่กล่าวแสดงออกมาจะเป็นประจักพยานเด่นชัด เมื่อนั้นควรยอมรับซึ่งกันและกันในเหตุผลที่ถูกต้องดีงามครับ
     
  14. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    แค่บางท่านและบางเรื่องไม่ใช่ทุกเรื่อง ทุกท่านต้องใช้สติปัญญาของท่านเอง พิจารณาเองนะครับ สาธุ
     
  15. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ตอบดีมาก...ต้องพูดแบบนี้ คนอื่นอ่านถึงจะกระจ่างใจเขา
    คราวหน้าก็พูดแบบนี้เลยสิ...คิดเผื่อคนอื่น เขาบ้างนะ

    ทีนี้ ผมถามท่านทีเจเอส..ว่าท่านทีเจเอส กำลังเรียนพระอภิธรรม เรียนพระไตรปิฏกหรือเปล่าตอนนี้
     
  16. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    พระสอนพระธรรมแก่พระ...ถูกต้องมั้ย
    พระสอนพระธรรม แก่ฆราวาส..ถูกต้องมั้ย
    พระสอนการใช้ธรรมะแก่ฆราวาส..ถูกต้องมั้ย

    ฆราวาส ถกข้อพระธรรมกับพระ...ถูกต้องเหมาะสมมั้ย
    พระถกข้อพระธรรม กับฆราวาส...ถูกต้องเหมาะสมมั้ย

    พระ ถกข้อพระธรรมกับ พระ ...ถูกต้องเหมาะสมมั้ย
     
  17. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    ความถูกต้องไม่ใช่อยู่ที่ใครถกอะไรกับใคร

    แต่ความถูกต้องคือ ถกเรื่องอะไร ถกกันอย่างไร ถกกันด้วยวิธีการแบบไหน

    อันนี้ไม่ต้องตอบแทนใครแต่ให้ตอบแทนตัวเองครับ

    เราสนใจในพระสัทธรรมเพื่อประดับสติปัญญา เป็นจุดหมาย การถกจึงต้องมีความเคารพต่อกันและกัน เพราะมีความสำคัญแต่ไม่ควรยึดติด ในตัวบุคคลครับ
     
  18. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    ==========

    ผมเรียนทุกอย่างด้วยตนเอง อาศัยครูในโลกทิพย์ครับ ก่อนหน้านี้เมื่อสิบกว่าปีก่อน ก็มีพระภิกษุสอนครับ ท่านคือพระครูโกวิโท ท่านมณระภาพไปแล้ว ด้วยอาการนอนหลับไปครับ ท่านสอนกรรมฐาน สอนสมาธิ ท่านสอนผมหลายอย่าง ผมมีวันนี้ได้เพราะท่านครับ

    ส่วนครูอาจารย์ในโลกทิพย์ ท่านมาสอนนานแล้วครับ แต่ไม่ขอกล่าวถึงครับ เป็นการอวดอุตริครับ ละไว้ในฐานเป็นที่เข้าใจครับ
     
  19. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    แต่คนอื่น อาจไม่มีมุมมอง แบบนี้....
    มุมมอมท่าน ทีเจเอส...คือผู้มีโยนิโส
    แต่คนอื่น...อาจมองเป็นอย่างอื่น นี่สิ
     
  20. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    คือที่ผมถามท่านทีเจเอส ว่า กำลังเรียนพระอภิธรรมหรือเปล่า...แปลว่า หมายความว่า ท่านทีเจเอสเป็นพระ หรือเป็นฆราวาสอยู่....นั่นเอง....
     

แชร์หน้านี้

Loading...