ร่วมทำบุญไถ่ชีวิตกวางจำนวนเงิน 4,596 บาท ครับ และร่วมขออนุโมทนาทุกครับ
ต้องการร่วมทำบุญ โทรติดต่อสอบถามไม่ได้เลยครับ
ร่วมทำบุญด้วยเป็นจำนวนเงิน 99 บ. ครับ
เก็บคำดูถูกดูหมิ่นไว้เป็นพลัง เก็บคำชมสนับสนุนไว้เป็นแรงขับดัน ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน แล้วทำตามที่ฝัน มีสติอย่าลืมสิ่งที่ฝันว่าจะทำวันนี้ตอนนี้...
กวางไม่ใช่คนธรรมดา
ในมิติของจิตนั้นอยู่เหนือเวลาครับซึ่งเข้าใจได้ยาก แล้วแต่จุดยืนในขณะนั้น ถ้าในมุมมองของเราซึ่งเป็นมนุษย์ตายแล้วก็เกิดทันที...
อาการแบบนี้ผมก็เคยเป็นครับจากประสบการณ์ ครั้งแรกนั้นก็รู้สึกแบบคุณTVJ งงๆตื้อๆโล่งๆ ไม่รู้จะยังไงดี ไม่สุข ไม่ทุกข์...
แต่ผมว่าผีที่เห็นกันนั้น เกิดจากอารมณ์ห่วงและยึดติดกับสิ่งที่ต้องการทำก่อนตายน่ะครับ แต่จิตตัวจริงไปเกิดตั้งแต่ตายแล้วครับ...
วิธีนี้เป็นวิธีที่ผมใช้อยู่เป็นประจำโดยไม่รู้ตัว จริงๆผมคิดอะไรได้หลายอย่างเลยจากวิธีนี้ แต่ไม่เคยได้ใส่ใจจริงๆและบางทีก็คิดว่ามีคนคิดไปแล้วมั้ง...
ตัดตอนมาจากหนังสือ "เดอะท็อปซีเคร็ต" คนเรามักจะเชื่อว่า ภาพในอดีตที่ฝังอยู่ในสมองคือความจริง แต่ภาพที่จินตนาการเป็นเพียงภาพมายา...
ผมก็เป็นโรคสมองตกค้างอยู่ แบบว่ากับเก็บเรื่องต่างๆเอาไว้มาก จนทำให้พูดไม่รู้เรื่อง การลำดับความคิดซับซ้อนมากเกินทฤษฎีอะไรก็ไม่รุผุดขึ้นมาในหัว...
ของผมก็มีเหมือนกันครับ แต่ไม่เคยได้นำมาฝึกใช้จริงๆจังๆ หนังสือที่พี่บอกผมก็อ่านมาแล้วทั้งสองเล่ม ของ นพ.สม สุจีรา ผมติดตามอ่านทุกเล่มเลย...
จึงเกิดวิธีต่างๆเพื่อที่จะทำให้พลังงานส่วนที่ส่งมานั้นกลับคืน ปัจจุบันนี้ก็มีอยู่หลายวิธี ก็คือศาสนาต่างๆนั่นเอง รวมทั้งการเข้าทรงต่างๆ...
แล้วดาวดวงอื่นนอกจากโลกหละ? ผมคิดว่าก็น่าจะมีชีวิตเช่นกัน อย่างดาวฤกษ์นั้นเรามองเห็นว่ามีแสง เป็นกลุ่มกาซซึ่งเป็นสสารแต่เกาะตัวไม่แน่น...
วิเคราะห์จากทฤษฎี จิต+กิเลส=สิ่งมีชีวิต (ทฤษฎีของผมเอง) จิตมีคุณสมบัติเป็นแสง ->แสงมีคุณสมบัติกระจายออก กิเลสมีคุณสมบัติเป็นความมืด...
จ๊ะ...
วิญญาณนั้นคืออารมณ์ที่เป็นพลังงานด้านลบที่มีความยึดติดใน ความรัก ความแค้น ความห่วง สถานที่ ฯลฯ...
อนุโมทนาครับ...ผมห้อยเป็นแบบพระเครื่องเลยครับ...ผมเคยเห็นท่านตอนเด็กๆ ท่านมาเป็นกายสีทองสว่างจ้าพร้อมบริวารสององค์ขวาซ้าย......
การเผยแผ่ธรรมของพระพุทธเจ้านั้นไม่ได้เป็นการยัดเยียดว่าทุกคนต้องเข้าใจ แต่..ให้ได้รับรู้แล้วนำไปพิจารณาจึงเกิดความเข้าใจในตัวของบุคคลนั้นเอง.....
ก็คล้ายกับที่ผมได้ยกตัวอย่างไปตอนแรกแหละครับท่าน wit ...โลกนี้ไร้ซึ่งความยุติธรรม....แต่ธรรมชาติของบาปกรรมจะตัดสินเอง......
ถ้าในมุมมองของเราย่อมเห็นว่าเขาหลงผิด แต่ในมุมของของเขานั้นย่อมคิดว่าเป็นวิถีของเขา
ถ้าเป็นเช่นนั้นก็คงเป็นความถูกของกลุ่มลัทธินั้น ซึ่งเขาไม่รู้จักกับบุญและบาป เพียงแต่ต้องการความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นขณะตอนมีชีวิต...
ต่อ... ซึ่งเป็นสิ่งที่แทนค่าขึ้นมาเองเป็นนามธรรม เป็นส่วนบุคคล ดังนั้นการแสดงความคิดเหตุผลของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน ก็คือถูกทุกคน...
ถูกหรือผิด จริงหรือไม่จริง นั้นสามารถวัดได้ในมิติที่เป็นรูปธรรมซึ่งทุกคนเห็นแบบเดียวกันหมด แต่...มิติที่เป็นความคิดเป็นจิตหละ...
ก็ถูกอย่างท่านว่า ตำรานั้นสืบทอดมาถูกกัดกร่อนมาตามกาลเวลาจนถึงรุ่นเรา เราทั้งหลายนั้นจึงต้องรักษาไห้คงเดิม แต่...ตำรานั้นมีมิใช่หนึ่ง......
..เหตุผล.. เหตุผลนั้นเป็นคำที่ไช้อ้างความที่ว่าถูกหรือผิด แต่...เหตุผลนั้นมีสองอย่าง คือ เหตุผลหมู่มาก และ เหตุผลส่วนบุคคล...
สงสัยต่อไปคงเป็น หม้อปาลากุ (คือบ้องอันใหญ่ๆมีสายยางไห้ดูดควันโดยใส่ใบยาสูบหรือเปลือกแอปเปิ้ลตากแห้งไว้ข้างบนแล้วจุดไฟคล้ายๆดูดกัญชา)...
ทุกสิ่งทุกอย่างแท้จริงแล้วเรานั้นเป็นผู้สร้างและเพลิดเพลินไปกับสิ่งนั้นและปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นนี้ สิ่งที่เราสร้างนั้นแตกยอดออกไปเรื่อยๆ...
สุดท้ายเมื่อถึงจุดสุดการปรุงแต่ง สุดปลายทางสู่จิตจริงแท้ จะเหลือ 2 สิ่งที่แยกกันไม่ออก สองสิ่งนั้นเป็นตัวแทนของทุกอย่าง.... คือ มี และ ไม่มี...
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค เช่น พลังจิต, พุทธศาสนา