เป็นเหมือนกัน นึกปุ๊บมันเห็นมาเลย เคยนั่งมองกสินดิน เรามองแว็บเดียว ไม่ถึงครึ้งวิ แล้วน้องๆมันมาเอาดินไปโยนทิ้ง...
ผีอำมันไม่ใช่ดวงตก แต่มันดวงอ่อนจิตใจอ่อนตังหาก
พระกรรมฐานพระอาจารย์มั่น หรือหลวงพ่อฤษีลิงดำ ท่านสอนเลยนะ ไม่มียกครู
กึ่งหลับกึ่งตื่น มันเป็นระยะกายทิพย์เริ่มทำงาน สามารถสัมผัสสิ่งลึกลับต่างๆได้ เป็นเรื่องปกติที่จะสัมผัสได้ตอนนั้น
ผมว่าคล้ายๆพระสยามเทวาธิราช มหาเทพผู้ปกครอบสวรรค์ชั้นที่สาม
เริ่มมีแสงก็คือเริ่มมีสมาธิ กำหนดสมาธิเดิมๆไปอย่าหยุด และก็อย่าสนใจแสงอย่าสนใจเสียง สนใจแต่สมาธิที่ทำ เรื่องอื่นอย่าสนใจ มันจะก้าวหน้า
ถ้าสัมผัสตัวสตรีเฉยๆไม่มีความยินดีในกาม ไม่มีเจตนา ไม่ผิด ไม่ต้องอาบัต ถ้าสัมผัสตัวสตรีในทางเกี้ยวพาราศรี ยินดีในกาม สัมผัสในทางมีอารมณ์ทางเพศ...
เวลาตั้งใจสวด จิตมันก็มีความตั้งใจ พอตั้งใจสวดแล้ว สติมันก็มาพร้อมความตั้งใจ เมื่อสติมาพร้อม มันก็เกิดสมาธิ เมื่อจิตเป็นสมาธิ...
มารมันมาขวางทางธรรม ต้องสู้ให้ถึงที่สุด
กรรมใดทำเป็นนิสัย ทำเป็นประจำ กรรมนั้นเรียกว่า อาจิณตกรรม กรรมใดเป็น อาจิณตกรรม กรรมนั่นบรรดาลให้ลง อเวจีมหานรก โอวาทหลวงพ่อฤษีลิงดำ
ผมสวด 12 ตำนาน ธรรมจักร อนัตลักขณะสูตร อาทิตปะริยายสูตร
ท่านว่า ถ้าได้อานาปานสติกรรมฐานแล้วกสินจะได้ไม่เกิณ3วัน และท่านว่า ถ้าอานาปานสติกรรมฐานล้มแล้ว กรรมฐานอื่นก็ล้ม...
นั่นคืออสุภะนิมิต เป็นของดี แสดงว่าสมาธิก้าวไปสู้ขั้นปัญญาแล้ว จงดูแล้วพิจารณาไปเรื่อยๆ วนไปวนมาๆ จนที่สุดจิตจะสว่างภาพหายไป โล่งไป
หลวงพ่อเคยเล่าเรื่องให้ฟังว่า สมัยหนึ่งสมเด็จพระโอรสาธิราช เห็นความขลังของเหล็กใหล ซึ่งฝังเอาไว้ในตัวของชายเฒ่าคนหนึ่ง...
ถ้าอุทิศบุญไป ให้คนตกทุกข์ ให้เจ้ากรรมนายเวร อันนี้ เค้าไม่มาทำร้ายแน่ๆ เพราะการอุทิศบุญ การแผ่กุศล ขออะโหสิกรรม เราแผ่ความเย็นไป...
สวดทุกวัน มันทำให้เกิดความขยันด้วยนะ อย่าขี้เกียจในความดี ระวังจะขี้เกียจติดเป็นนิสัย การฟังแล้วน้อมใจไปได้ผลดี แต่จะน้อมใจไปได้แค่ไหน...
หลวงพ่อบอกว่าอานาปานสติกรรมฐาน เป็นพื้นฐานของสิ่งอื่นทั้งหมด ถ้าอานาปานสติกรรมฐานล่ม กรรมฐานอื่นๆก็ล้มตามๆกัน
ลองเอาสติไปจับที่กายดูสิ จะทำอะไร ทำกิจกรรมทุกอย่าง เอาจิตไปเกาะที่การเคลื่อนไหวที่ทำ และสังเกตุ จิตรู้ก็รู้ส่วนหนึ่ง กายกระทำก็ทำไปส่วนหนึ่ง...
นั่นแหละ จิตเริ่มเป็นสมาธิแล้ว พอจิตเริ่มก้าวหน้า มันก็เห็นแสงต่างๆ ท่านว่าอย่าสนใจอย่าใส่ใจกับมัน กำหนดสมาธิตามแบบของเราต่อไป
ความกังวนมันทำให้ ไม่มีสมาธิอยู่แล้ว
พรหมลูกฟัก ก็คืออรูปะพรหมที่ได้อะรูปฌาน จิตกำหนดความไม่มีรูปเป็นอารมณ์ จึงทำให้ไม่มีรูปกาย มีเพียงแต่จิตล้วนๆ...
บาปตั้งแต่คิดจะทำแล้ว
สมัยหลวงพ่อฤษีลิงดำมีชีวิตอยู่ ท่านบอกว่า วัดของท่านจะอยู่ต่อไปข้างหน้าอีก500ปี แสดงให้เห็นถึงอายุพระศาสนาที่ยืนยาว
ขันธมาร มันก็เป็นงี้แหละ หลวงพ่อจรัญท่าน สอนให้นั่งสู้กับมัน เวลานั่งจะทุกข์แสนสาหัส นั่งกำหนดไปเรื่อยๆจนในที่สุด ทุกข์นั่นก็จะดับไป เรียกว่า...
อาการนั้นมันเป็นพลังงานนั้นแหละ จิตมันเป็นสมาธิมันก็สัมผัสพลังในตัวได้ คุนก็แค่ลองเอาจิตลากก นึกลากพลังงานนั้นไปตามร่างกายได้...
ที่วัดป่าเค้าจะเอาพระเครื่องใส่พานไว้หน้าพระพุทธรูป พอสวดมนต์ทำวัตรเช้าเย็นสวดมนต์ปริตรทุกวันๆ พระเครื่องมันก็แรงขึ้น เพราะพลังในการสวดนั้นแหละ
โสดาบัน คือชาวบ้านที่มีศีล รักษาศีลเคร่งครัดมาก และเชื่อมั่นใจคำสอนมาก ไม่ประมาทในชีวิต รู้ตัวว่าตัวจะต้องตายแน่ จึงทำตนในความไม่ประมาท...
ภาพลอยไปลอยมานั่นอะดีแล้ว เพราะจิตเริ่มอยู่ในสมาธิแล้ว ไอ้อาการง่วงนี้ มันเป็นนิวรณ์ คือเครื่องกั้นสมาธิ แสดงว่าจิต ไม่มีสมาธิ...
หลวงพ่อฤๅษีลิงดำบอกว่า นั่งไม่สบายก็ยืน ยืนไม่สบายก็นอน นอนไม่สบายก็เดิน ถ้าขืนไปฝืนอิริยาบทใดแล้วมันเกิดอาการเครียสปวดนู่นเจ็บนี้ขึ้นมา ไม่มีผล...
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค เช่น พลังจิต, พุทธศาสนา