ให้เจ้าของกระทู้...พิจารณาเรื่องนิวรณ์ 5 เพิ่มเติม ในการทำสมาธิให้สำเร็จหรือไม่สำเร็จนั่น มันขึ้นอยู่กับ นิวรณ์ เป็นสำคัญ...
...จิตเล่นกล... จิตไม่นิ่ง จิตฟุ้งซ่าน จิตแส่ส่าย จิตไม่รวมเป็นหนึ่งเดียว ไม่เป็น "เอกัตคตา" ไม่ว่าภาพ หรือ เสียง ที่เกิดขึ้น...
ในการทำสมถภาวนา หรือ สมาธิกรรมฐาน นั้น เพื่อความสงบนิ่ง เพื่อให้จิตตั้งมั่น เพื่อให้จิตมีพลังนั้น จำเป็นต้องพิจารณา กรรมฐาน...
หมดปัญญาจริงๆ ครับ
พระไตรปิฏกยังมีเรื่องที่ผิดอยู่..ท่านกำลังค้นพบสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เป็นเรื่องที่ดีมากครับ หากท่านได้ค้นพบว่า "ในพระไตรปิฏก ยังมีเรื่องที่ผิดอยู่...
ที่ท่านพูดมาว่า " เมื่อผ่าน บัญญัติ ได้ ธรรมทั้งปวง ก็เป็นแค่ อนัตตา" เป็นความจริงอย่างยิ่ง คำว่า "บัญญัติ" นั้น...
ขอให้ก้าวข้ามนิมิตไปให้ได้ครับ ระหว่างทางเดินในการปฏิบัติสมาธิ หรือสมถะกรรมฐาน ท่านจะต้องพบกับสิ่งเหล่านี้ แปลก ประหลาด ดูดี สดใส บ้างน่ากลัว...
ญาณ หรือ ฌานครับ อ่านที่ตอบกระทู้ด้านบน ก็ทำให้งง ว่า ท่านเข้าใจถูกหรือเข้าใจผิด หรือ "พิมพ์ผิด" กันแน่ เพราะคำว่า "ฌาน" มันเป็นอาการนิ่ง...
ลมหายใจลึก ละเอียด แผ่วเบา นำไปสู่กายรำงับ เมื่อเราเฝ้าดูลมหายใจ-เข้าออก เนิ่นนานจนเป็นเพื่อนกับมันได้ เรากำหนด เราเข้าใจมันมากที่สุด...
การเฝ้าดูลมหายใจ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเฝ้าดูกาย หลังจากที่เฝ้าเพียรทำสมาธิเป็นประจำ จนสามารถรู้สายลมเข้า-ออก ได้ตามใจนึก...
ขันธ์ 5 ขันธ์ แปลว่า กอง ขันธ์ 5 ก็คือ สิ่ง 5 กอง ได้แก่ รูป , เวทนา ,สัญญา ,สังขาร ,และ วิญญาณ ขันธ์ 5 แบ่งเป็น 2 ได้แก่ รูป กับ นาม ก็ได้...
จะปฏิบัติอย่างไรให้เข้าถึงสภาวะจิตได้... คำถาม - จะปฏิบัติอย่างไรให้เข้าถึงสภาวะจิตได้... แบ่งได้ ดังนี้ - จะปฏิบัติอย่างไร? ก็ตอบได้คือ...
แค่ลมเข้า ลมออก ถ้าพิจารณาต่อไปเรื่อย พิจารณาจนเห็นละเอียดลงไปอีก จะเรียกว่า รู้จักลมหายใจเหมือนรู้จักเพื่อนว่างั้น - เอาให้รูว่า ลมเข้า - ยาว...
ว่าด้วย ลมเข้า ลมออก กองลม กายรำงับ สำหรับคนที่เริ่มทำสมาธิใหม่ๆ อาจจะงง วุ่นวาย ในการแยกแยะระหว่างคำว่า "สมถะกรรมฐาน " กับ "วิปัสนากรรมฐาน"...
ทุกวันนี้ คนเรามันทุกข์กับรูปกับนามนี่แหละ ตื่นเช้าขึ้นมา ต้องล้างหน้า แปรงฟัน ก็เพราะมันเน่า มันบูด มาทั้งคืน ก็ต้องล้าง ต้องชำระ พอกินข้าว...
เดินไปสู่วิปัสนา - ก็ต้องผ่าน มหาสติปัฏฐาน 4 กาย - เวทนา - จิต - ธรรม เมื่อไหร่ ทำคล่อง ก็รู้ว่านิ รูปนะ - มีดิน มีน้ำ มีลม มีไฟ นิ่ความคิด...
เมื่อฝึึกสมาธิได้คล่อง สติมาเร็ว ก็เอาจิตที่นิ่งและเร็วนี้ไปต่อวิปัสนา เมื่อสมาธิคล่อง จิตมีคุณสมบัติคือ "เร็วขึ้น" รู้ทันสิ่งต่างๆ ได้เยอะขึ้น...
ทำสมาธิได้เป็นปกติ คู่กับฝึกสติ ผมทิ้งกระทู้นี้ไปนาน ไม่ได้หายไปไหน ก็เข้ามาอ่านกระทู้คนอื่นบ้าง ตามที่มีเวลา มีอยู่ช่วงหนึ่งเสาร์-อาทิตย์...
อ้างอิงจากถ้อยคำ ข้างบนนี้ -ขอโมทนากับเจ้าของกระทู้ครับ คุณทำกสินเก่งมาก ถอยลงมาหน่อยแล้วพิจารณากาย ว่ากายนี้ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในกาย...
อ้างถึง - ขอถามเพิ่มเติมนิดหน่อยครับ ท่านมุนโย ท. คือผมสามารถเรียกปิติมาได้ทุกครั้งที่ต้องการ สมมติว่านั่งภาวนาอยู่ แล้ว...
- ประเด็นที่สรุปได้ข้อความ นี้คือ 1. ฝึกเอง จนดับอารมณ์ได้หมด 2. มีปิติเกิดขึ้น 3. ความรู้สึกง่วงมาก 4. เวลานอนมีลมพายุออกหูแรงมาก...
น้ำเสียงมีจังหวะ ฟังง่ายครับ ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
ในระหว่างการทำสมาธิ ก็ต้องเริ่มที่การกำหนด อารมณ์ให้สมาธิ ก็คือ กรรมฐาน ต่างๆ จาก 40 กอง นั่นก่อน การเลือกกรรมฐาน ก็ต้องเลือกให้ถูกจริตของตนเอง...
ว่าด้วย..สมาธิกับฌาน สมาธิ แบ่งได้ 3 ระดับ คือ 1. ขณิกสมาธิ - สมาธิขั้นต้น ,สมาธิแว็บเดียว จิตตั้งใจได้เพียงครู่เดียว ส่วนใหญ่สมาธิแบบนี้...
ความจริงแล้ว - การทำสมาธิเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถละความโกรธ ความโลภ ความหลงได้หรอกครับ เพราะการทำสมาธิ - ได้เพียงจิตสงบ นิ่ง จิตมีพลัง...
การทำสมาธิ ไม่จำเป็นจะต้องเห็นแสงสว่างครับ ถ้าทำสมาธิแล้ว จิตแน่วแน่ เป็นหนึ่งเดียวแล้ว ก็ถือว่าเป็นสมาธิแล้วครับ...
ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวท หลายท่าน..เข้ามาอ่าน หลายท่าน..เข้ามาเพื่อเรียนรู้ หลายท่าน..เข้ามาเพื่อแสวงหาความรู้ แสวงหาประสบการณ์จากผู้อื่น ไม่ว่า...
ในการทำสมาธินั้น ความจริงมีอยุ่ว่า ถ้าเราตั้งใจทำมากๆ และอยากได้โน้นอยากได้นี่ เช่นว่า อยากเข้าสมาธิได้เร็วๆ อยากเจอประสบการณ์แปลกๆ...
ผลของการฝึกสมาธิ โดยปกติ จิตของคนเรา มันซัดส่ายไปมา เดี๋ยวคิดนั่นคิดนี่ คิดเรื่อยเปื่อยๆ คิดสะเปะสะปะ ไม่หยุดนิ่ง เหมือนลิง วิ่งเล่นไปมา...
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค เช่น พลังจิต, พุทธศาสนา